LOGIN“พี่ชื่อภาม เป็นพี่ชายของครีม...คีรีมาน่ะ”
ชายหนุ่มแนะนำตัวเองหลังจากที่คนตัวเล็กกว่าเริ่มมีท่าทีสงบลงหลังจากร้องไห้อย่างหนักติดต่อกันอยู่นาน
เกวลินเพิ่งได้พิศมองคนที่แนะนำตัวเองว่าชื่ออะไรเขม็ง เธอจำหน้าเขาได้และรับรู้ว่าผู้ชายที่ปล้นชิงความสาวของตัวเองไปนั้นเป็นคนหน้าตาดีมาก แต่วินาทีที่ลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตนเองอยู่บนเตียงกับเขา เธอมัวแต่ตื่นตระหนกขวนขวายพยายามหนีไปให้ไกล แม้ร่างกายที่ไม่สบายจะทำให้เธอไปไม่รอดก็ตาม
แต่นั่นก็ทำให้เธอไม่ได้มองเขาอย่างเต็มตามจนกระทั่งเวลานี้
“ภาม เศรษฐวัฒน์...”
เธอพึมพำชื่อของชายหนุ่ม เริ่มคุ้นกับชื่อนี้เพราะหลายครั้งที่คีรีมา พี่ร่วมสายรหัส ซึ่งนับเนื่องไปแล้วก็เป็น ‘ป้ารหัส’ ของเธอซึ่งสนิทสนมกันดีเคยบอกว่าตนเองมีพี่ชายอยู่หนึ่งคนชื่อภาม ทว่าโลกของเขากับเธอมันคือโลกคนละใบและเกวลินก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายเกี่ยวกับพี่ชายของคีรีมา เพียงแค่ได้ยินคำพูดถึงบ้างเช่นว่าพี่ชายมารับ พี่ชายมาส่ง พี่ชายดุ หรืออะไรเทือกๆ นี้ที่เธอปล่อยผ่าน
ทว่าก็เคยได้ยินมาบ้างว่าพี่ชายของคีรีมานั้นหน้าตาดี และเมื่อได้มาเห็นเต็มตาเช่นนี้เกวลินซึ่งเป็นคนไม่สนใจรูปลักษณ์ของใครก็อดยอมรับไม่ได้ว่าภามนั้นหน้าตาดีจริง
ภาม เศรษฐวัฒน์สูงราวๆ ร้อยแปดสิบเซนติเมตรเห็นจะได้ เกวลินคิดว่าน่าจะสูงมากกว่านั้นแต่เทียบกับเพื่อนเธอที่ถูกร้อยแปดสิบแต่ภามดูสูงกว่านิดหน่อย ร่างกายของเขาหนั่นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อที่ไม่มีไขมันส่วนเกิน ใบหน้าคมคายหล่อเหลา ดวงตาสีดำสนิทดูดุดัน ริมฝีปากบางรับกับจมูกโด่งเป็นสันตรง เส้นผมของเขาเป็นสีเดียวกับดวงตาขับให้ใบหน้าของเขาดูขาวจัดยิ่งขึ้น
ทั้งเนื้อทั้งตัวของภามดูเป็นผู้ชายแท้ แกร่งกร้าว หยิ่งทระนง และมีความเผด็จการอยู่อย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะแววตาดุดันในดวงตาคู่คมของเขา มันทำให้เกวลินไม่กล้ามองหน้าเขาทั้งๆ ที่เขาทำผิดต่อเธอ แต่เธอกลับกลัวเขา
“ใช่ แสดงว่ารู้จักพี่ใช่ไหม แต่ถ้าไม่เชื่อจะได้โทรไปให้ครีมช่วยยืนยัน”
“ไม่ต้องค่ะคุณภาม”
เกวลินรีบเอ่ยห้าม เธอไม่อยากให้พี่ครีมรู้เรื่องนี้
ถ้าพี่ครีมรู้ว่าเธอกับพี่ชายของอีกฝ่ายมีอะไรกัน พี่ครีมอาจจะเกลียดเธอก็ได้ ซึ่งเธอจะไม่ยอมเด็ดขาด!
“เรียกพี่ภาม”
จู่ๆ คนตัวโตกว่าซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ก็สั่งเสียงเข้ม เกวลินที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองมือตัวเองบนตักจึงได้แต่เงยหน้าขวับมองเขา
“คะ?”
ภามมองใบหน้าเล็กที่มองเขาอย่างสับสน ดวงตากลมโตคู่นั้นบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ปลายจมูกแดงๆ และริมฝีปากสีสดนั้นทำให้เขาต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำบาปกับเด็กไปมากกว่านี้ เขาจงใจปั้นหน้าดุ ก่อนจะย้ำกับเกวลินอีกครั้ง
“เรียกพี่ว่าพี่ภาม”
“...”
เธอไม่พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่ามีท่าทีต่อต้านเพราะปากเล็กจิ้มลิ้มนั้นเม้มแน่น
“เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าหัดปีนเกลียวผู้ใหญ่ ลินควรจะเรียกพี่ว่าพี่ แล้วแทนตัวเองด้วยชื่อ จะฟังดูน่ารักกว่า”
เกวลินได้แต่นิ่งเงียบดื้อดึง ในใจอดเถียงไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่พี่ชายเธอ ไม่ได้ต้องการให้เป็นพี่ ไม่ได้ต้องการเกี่ยวข้องอะไร หลังจากวันนี้ไปเธอกับเขาก็จะไม่เจอกันอีกตลอดชีวิต ยังจะมาเรียกร้องเอาแต่ใจสั่งเธอให้ทำตามใจเขาไปทำไม!
ทว่าด้วยนิสัยที่ไม่ใช่คนชอบโต้แย้งอะไร เกวลินจึงไม่ตอบโต้ ปล่อยให้คนตัวโตกว่าคิดเอาเองว่าเธอจะทำตาม
“ถ้าไม่ทำตามพี่จะปรับเรานะลิน”
“...”
“ขัดใจพี่อย่างนึง พี่จะจูบหนึ่งที ขัดใจมากๆ เข้าจะทบดอกทำเพิ่มมากกว่าจูบจริงๆ ด้วย”
“หา!”
ประกาศิตนั้นทำเอาเธอถึงกับอ้าปากค้าง เกวลินรีบถอยหนีจากร่างสูงใหญ่เพราะความหวาดกลัวแล่นลิ่วขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าวินาทีที่จะขยับหนี เธอกลับถูกคนตัวโตกว่าคว้าข้อมือเอาไว้ และเป็นอีกครั้งที่กว่าจะรู้ตัวเธอก็ถูกกดให้อยู่บนเตียงใหญ่โดยมีเขาทาบทับกักขังเธออยู่ด้านบนด้วยร่างกายของเขาเอง!
“พี่...ภาม” เกวลินเรียกชายหนุ่มเสียงสั่น เขาไม่ควรทำอย่างนี้ อย่างไรเธอกับเขาก็ไม่รู้จักกันมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเป็นเพียงความสัมพันธ์ที่ผิดพลาด และเขาควรให้เกียรติเธอด้วย ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงคนละระดับกับเขาก็ตาม!
“ว่าไง จะหนีไปไหน”
“ลินไม่ได้หนี พี่ปล่อยลินได้ไหมคะ”
หญิงสาวกลั้นใจของร้องทั้งเสียงสั่นออกไป แน่นอนว่าย่อมต้องยอมทำตามที่ชายหนุ่มต้องการทั้งการเรียกเขาว่าพี่ภามและแทนตัวเองว่าลิน
“ไม่ได้” เขาตอบขณะจ้องมองเธอเขม็ง
เกวิลนอึดอัด เธอไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนอย่างใกล้ชิดมาก่อน สองมือพยายามดันอกอีกฝ่ายเป็นเชิงบอกให้ถอยห่าง แต่สุดท้ายมือเล็กกลับถูกเขารวบจับ ตรึงลงบนฟูกใหญ่แน่นจนกระดุกกระดิกไม่ได้
“พี่ภามปล่อยลินนะคะ ลินอึดอัด”
เกวลินประท้วง ได้แต่บ่ายหน้าส่ายขวาไปมองมองข้อมือที่ถูกจับตรึงเอาไว้แน่น มิหนำซ้ำแทนที่จะปล่อย คนตัวโตกว่าคล้ายจงใจทิ้งตัวลงมาหาเธออีกหน คราวนี้ต้นขาเล็กของเธอแนบชิดกับต้นขาแกร่งของเขา โชคดีมีผ้าห่มผืนโตกางกั้นไม่ให้ผิวเนื้อสัมผัสกัน
ทว่าถึงอย่างนั้นหน้าอกของเธอก็เบียดชิดกับอกแกร่งแน่นๆ นั่น
ท่าทางอย่างนี้ทำให้เกวลินใจสั่น ทั้งกลัวทั้งหวาดหวั่นและอับอายกับการสัมผัสแนบชิดจากคนแปลกหน้าอย่างภาม!
“พี่ภามคะ...”
เธอพยายามอ้อนวอนเขา แต่เหมือนจะไร้ผล เพราะเธอได้ยินเสียงหัวเราะขบขันจากร่างสูงใหญ่ที่กำลังรังแกกัน ก่อนที่เขาจะเอ่ยประโยคต่อมาว่า
“ได้ข่าวว่าหนีเก่ง ซึ่งพี่จะไม่ให้ลินหนีจนกว่าเราจะตกลงกันได้”
“ลินสัญญาว่าจะไม่หนี พี่ภามปล่อยลินได้เลยค่ะ”
หญิงสาวละล่ำละลักบอก
แต่นั่นไม่ได้ผล ภามยังคงตรึงร่างกายเธอเอาไว้ด้วยร่างกายของเขาเช่นเดิม
“หันหน้ามาคุยกันตรงๆ สิลิน ไม่มีใครบอกเหรอว่าการไม่มองหน้าคู่สนทนาด้วยนี่มันเสียมารยาทมากนะ”
แล้วถ้าคู่สนทนาเป็นคนที่คุกคามขนาดนี้เธอควรจะทำยังไงกับเขาล่ะ!
เกวลินนึกอยากจะโต้แย้งในใจ แต่เห็นชัดว่าการแย้งภามเป็นเรื่องสิ้นคิดเพราะเธอไม่มีทางเอาชนะเขา ซ้ำตอนนี้ยังเสียเปรียบตกอยู่ในกำมือของเขาอย่างนี้ จะไปโต้แย้งให้เขาหาเรื่องรังแกเธอได้ไปทำไมกัน
“ค่ะ...”
เกวลินได้แต่กลั้นใจมองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างจากเธอไม่เท่าไร ความใกล้ชิดนั้นทำให้เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ต้องรดใบหน้าเธอด้วยซ้ำไป
เกวลินเม้มปากแน่น ไม่เอ่ยอะไรต่อจากนั้น ปล่อยให้ภามจ้องหน้าเธอ ส่วนเธอมองปลายคางของเขาเพราะไม่กล้าสู้สายตาคมกริบนั้น
สายตาของเขาเหมือนสัตว์ร้าย และมันทำให้หนูตัวเล็กๆ อย่างเธอกลัว...
“พี่จะพูดเรื่องระหว่างเรา”
เขาเกริ่นขึ้นมา และเพียงเท่านั้นหัวใจของเกวลินก็เต้นถี่รัว ตัวของเธอเกร็งขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ค่ะ...”
เธอได้แต่ตอบรับ เพราะเขาพูดแค่นั้นก็หยุดไป ท่าทางกดดันนั้นเห็นชัดเจนว่าเขาต้องการการตอบรับจากเธอ
เผด็จการอย่างที่พี่ครีมเคยนินทาเอาไว้จริงๆ
“พี่จะรับผิดชอบลิน จะดูแลลินจนกว่าลินจะมีชีวิตหรือทางไปที่ดีกว่านี้ ลินโอเคไหม”
คำถามนั้นทำให้เกวลินชะงักอยู่นาน เธอจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าภามเคยพูดเช่นนี้ตอนที่เธอร้องไห้ซุกอกของเขา
แต่คำพูดนั้นไม่ได้รักษาน้ำใจกันเช่นนี้ เพราะเธอรู้ดีว่าเขาก็ไม่ได้อยากมาดูแลรับผิดชอบอะไรกับตัวเธอนัก ถ้าไม่ใช่ว่าเธอคือคนรู้จักของคีรีมาเท่านั้น
“ลินไม่ต้องการการดูแลจากพี่ภามค่ะ”
“พี่เอียน ทางนี้พร้อมหมดแล้วนะคะ”สริตาปรี่เข้ามาหาเขาในทันทีที่เห็นเขาโผล่ไปยังสวนหลังบ้านพัก ซึ่งติดกับชายหาดส่วนตัว ลมทะเลทำให้เส้นผมของน้องสะใภ้ที่เป็นหนึ่งในแม่งานปลิวไปมาจนหญิงสาวต้องใช้มือข้างหนึ่งจับรวบเอาไว้“ขอบใจมากนะซี”เอียนส่งยิ้มให้หญิงสาว ก่อนจะยกมือขยี้ผมของหญิงสาวอย่างเอ็นดู ทำให้สามีของสริตาโผล่แวบมาข้างกายเธอทันใด“อย่ารังแกเมียฉันสิเอียน”แอชตันแกล้งพูดเสียงต่ำ ขมวดคิ้วใส่พี่ชาย สริตาเลยได้แต่ส่ายหน้าให้สามีเป็นเชิงระอา แล้วเดินไปหาปาหนันกับเอเดรียนที่คอยดูแลเด็กๆ อยู่อีกทาง ปล่อยให้สองพี่น้องทางนี้ตบตีกันไปเอง“ใครจะไปรังแกเมียนายกันแอช รังแกนายไม่ดีกว่าหรือไง”ไม่พูดเปล่า คนเป็นพี่ชายก็ถองศอกใส่แอชตันซึ่งโก่งตัวหนีหลบทันแล้วหัวเราะดังลั่นจนกระทั่งเสียงหัวเราะซาลง ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นตบบ่าคนเป็นพี่ชาย พร้อมกับพูดกึ่งสัพยอกว่า“ถามจริงๆ ใครเป็นคนช่วยนายคิดทำเซอร์ไพรส์นี้หือเอียน บอกตามตรงว่าไม่อยากจะเชื่อว่านายคิดเอง”“ทำไม” เอียนย้อนถามเสียงต่ำ “นายอิจฉาที่คิดไม่ได้ล่ะสิ อย่างนี้แหละฉันถึงได้สงสารน้องซีว่ามีแกเป็นสามีเหมือนซวยไปสิบปี”“น้อยๆ หน่อยพี่ชาย ได้ทีเอา
‘ตื่นมาแล้วก็แต่งตัวด้วยชุดนี้รอนะ แล้วฉันจะมารับตอนเสร็จงานแล้ว จะรีบกลับมาจ้ะ - เอียน’ มธุรสามองข้อความที่สามีทิ้งไว้ให้ซึ่งติดอยู่ตรงหน้ากระจกตอนที่เขาลุกไปตั้งแต่เช้าเพื่อไปให้ทันนัดหมายเซ็นสัญญาซื้อขายโรงแรมที่ไหนสักแห่งซึ่งเธอก็จำไม่ได้ ช่วงเวลาที่เขาลุกไปนั้น จำได้แต่เลือนรางว่าอีกฝ่ายปลุกเธอขึ้นมาด้วยจูบแผ่วเบาแต่ช่างเรียกร้อง แต่เพราะเธอยังง่วงอยู่จึงได้แต่ตอบรับสัมผัสของเขาไปอย่างเรียบง่าย เสียงทุ้มนุ่มของเขาชิดอยู่ข้างหู เต็มไปด้วยความเสียดายและบังคับตนเองอย่างยิ่งยวดให้ลุกไปทำงาน สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้เธอซึ่งเหนื่อยและเพลียจากการเดินทางและการรบกับลูกชายวัยขวบกว่าๆ นอนต่อไปในที่สุด มธุรสาตื่นขึ้นมาตอนแปดโมงเช้า ซึ่งทำให้เธอตกใจค่อนข้างมาก เธอรีบล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว เมื่อออกมาจากห้องนอนก็เห็นว่าลูกชายอยู่ในความดูแลของวาเนสซ่า คนของเอียนที่ดูแลเธอจนกะมาดูแลเอ็ดวินต่อ อีกฝ่ายส่งยิ้มให้เธออย่างสดใสร่าเริง ขณะที่ลูกชายผู้ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สำหรับเด็กบนโต๊ะอาหารข้างๆ วาเนสซ่าและกำลังกินอาหารของแกอย่างร่าเริง ก็ยิ้มกว้างให้เธอเช่นกัน “มัม มัม!” เอ็ดวินเรียกเธอพร้อมกับ
“คุณเอียนอย่าแกล้งลูกอย่างนั้นสิคะ!”มธุรสาร้องห้ามคนเป็นสามีที่อุ้มลูกแล้วชูขึ้นเหนือศีรษะในสระว่ายใน ภายในบ้านพักตากอากาศของครอบครัวแอดดิสันที่ไมอามี่เธอเองเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก และเพิ่งรู้เกี่ยวกับธรรมเนียมปฏิบัติของสามหนุ่มแอดดิสันที่มักจะรวมตัวกันเสมอในวันเกิดของใครสักคน พวกเขายึดถือวันเหล่านั้นเป็นวันครอบครัว ตัดขาดจากทุกอย่างและอยู่ด้วยกันเฉพาะครอบครัวเท่านั้นแต่เดิมมีสมาชิกเพียงสามคน ทว่าตอนนี้สมาชิกเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว เฉพาะครอบครัวของเอเดรียน แอดดิสันก็มีด้วยกันถึงห้าคนแล้ว ครอบครัวของแอชตันเองก็มีสมาชิกที่อายุไล่เลี่ยกับเอ็ดวินเพิ่มมาหนึ่งคน เป็นสาวน้อยแองเจล่าสุดน่ารัก และตัวเธอกับลูกชายที่เป็นสมาชิกใหม่ในปีนี้พร้อมกับวันเกิดของเอียน...“ลูกชอบออก ดูสิ แกหัวเราะสนุกสนานใหญ่เลย”เอียนพูดพร้อมกับยังคงหยอกล้อลูกชายอย่างสนุกสนาน หนุ่มๆ และเด็กชายแอรอนกับเด็กหญิงเอมิลี่ตอนนี้ต่างก็อยู่ในสระกันถ้วนหน้า มีเธอกับน้องซีอุ้มลูกเฝ้าริมสระ ส่วนพี่ปาหนันก็กำลังง่วนอยู่กับการปิ้งย่างทำอาหารเพียงลำพัง เธอจะเข้าไปช่วยแต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าไม่ต้อง มธุรสาที่ถนัดสายของหวานมากกว่าขอ
“พวกนั้นมันข่าวขยะ!” เขาตอบโต้เสียงขุ่น “น้องซีก็บอกเธอแล้วนี่ว่าไม่ให้เธอสนใจข่าวพวกนั้นมากนัก แล้วเธอก็ควรจะรู้ว่าบ้านของแอชลีย์น่ะยังไงก็มีสื่อในกำมือเยอะมากอยู่แล้ว เธอสามารถใช้อิทธิพลของเธอปั้นข่าวขึ้นมาอยู่แล้ว และบอกเธอตรงนี้เลยว่าฉันไม่เคยมีอะไรกับแอชลีย์อีกเลยเลยตั้งแต่ฉันมีเธอ! อันที่จริงไม่เคยมีอะไรกับใครเลยด้วยซ้ำนอกจากเธอน่ะ! แค่เธอคนเดียวฉันก็คลั่งจะตายอยู่แล้ว ทำงานวันละสิบแปดชั่วโมงอย่างฉันจะไปมีเวลาที่ไหนไปหาผู้หญิงคนอื่นอีกล่ะ หัดคิดซะบ้างสิ!”มธุรสาหน้าจ๋อยในตอนแรกเพราะที่เอียนพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าแดงในตอนท้ายเพราะประโยคสุดห่ามของเจ้าชายจอมโหด เขามันหื่นน่ะเธอรู้ แต่ทำไมต้องพูดเน้นย้ำแล้วย้ำอีกด้วยนะ!“และเพราะข้อนี้ ฉันจึงไม่มีวันเป็นพ่อของเด็กในท้องแอชลีย์อย่างที่เธอเข้าใจเด็ดขาด! และเชื่อฉันเถอะ แอชลีย์น่ะไม่มีทางท้องในตอนนี้หรอก เพราะถึงท้องคนอย่างเธอที่เกลียดทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวขนาดนั้นก็คงเอาเด็กออกอยู่ดี! ไม่ต้องมาค้านนะ!” เขาห้ามเมื่อเห็นว่าเธอทำท่าจะโต้แย้ง “ทุกคนไม่ได้เหมือนกันหมด อย่าเอาการที่เธอรักลูกและยอมอุ้มท้องแกและคิดจะเลี้
“เธอคิดว่าฉันจะโง่ตอบตกลงเหรอรสา!”ทว่าหลังจากที่เงียบไปชั่วอึดใจ เอียนก็โพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าและแววตาเข้มจัด ความดุดันนั้นทำให้ความกล้าของมธุรสาแทบละลายหายไปในพริบตา หญิงสาวถึงกับถอยห่างจากชายหนุ่มสองสามก้าว ขณะที่เขาก็ประกาศต่อไปว่า“ฉันไม่คิดจะหย่าและยิ่งไม่มีความคิดที่จะยกลูกให้เธอไปด้วย!”“…”“ต่อให้เธออยากหย่ามากแค่ไหน สิ่งที่ทำได้ก็มีแต่ความอยากเท่านั้นแหละ รสา...มาถึงขั้นนี้แล้วยังคิดว่าฉันจะยอมปล่อยเธอไปอีกหรือไง”น้ำเสียงของเขาทั้งดุดันและข่มขู่ ทว่าน่าแปลก มธุรสาคิดว่าตัวเองอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ แต่เธอรับรู้ได้ว่ามีความเจ็บปวดเจืออยู่ในน้ำเสียงและแววตาของเขามันจะเป็นไปได้ยังไงกัน คนอย่างเอียน แอดดิสันนี่หรือจะเจ็บปวดเพราะเธอ!“คุณจะทรมานตัวเองไปเพื่ออะไรคะ”หญิงสาวถามอย่างห้ามใจไม่อยู่ เอียนเลิกคิ้วขึ้นสูงทรมานตัวเอง?... ทรมานเรื่องอะไรกัน?!เรื่องเดียวที่เขาทรมานก็คือเรื่องที่เธอยังไม่เข้าใจเขาอีกนั่นแหละ จะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ!มธุรสามองสีหน้าสับสนและไม่เข้าใจอันสมจริงของเอียน แล้วก็ถอนหายใจออกมาราวกับว่ามันจะช่วยระบายความเจ็บปวดในอก แม้ว่าความเป็นจริงแล้วเธอกลับไม่รู้สึกอย
หลังจากที่ทะเลาะกับมธุรสา ดูเหมือนว่าเขากับเธอจะเข้าหน้ากันไม่ติดเอาเสียเลย เอียนพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วกำชับคนของเขาว่าห้ามไม่ให้เกวิน แมนนิ่งเข้ามาหามธุรสาได้อีก แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเขากับเธอก็ไม่ได้ดีขึ้นไปด้วยเลย มธุรสายังเย็นชากับเขาจนถึงสัปดาห์ต่อมา และเอียนก็ต้องกลับไปทำงานเนื่องจากไม่สามารถทิ้งงานไปได้มากกว่านี้แล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าเขาจะรอจนลูกอายุสามเดือนถึงจะเริ่มกลับไปทำงานอีกครั้ง แต่ความฝันก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้นแหละทว่านอกจากการกลับไปทำงานอย่างไม่สบายใจแล้ว มธุรสาก็มีท่าทีเฉยชากับเขามากยิ่งขึ้น เอียนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเช่นเดียวกันว่าช่วงนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขา ถึงได้ขยันเป็นข่าวซุบซิบบ่อยนัก จนสริตาน้องสะใภ้ถึงกับโทรศัพท์มาถามเขาด้วยตัวเอง แล้วสะกิดเตือนเขาว่าบางทีที่มธุรสากำลังเครียดอาจจะเป็นเพราะข่าวขยะพวกนี้ก็ได้ และเธอยังเตือนเขาว่าอย่าทำให้มธุรสาซึมเศร้าหลังคลอดเด็ดขาด การดูแลสุขภาพจิตของแม่หลังจากการคลอดนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกันเอียนเองก็อยากจะทำอย่างนั้น แต่งานที่รัดตัวไม่ได้เอื้ออำนวยให้เขาได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกับมธุรสาเลย ช่ว







