แชร์

บทที่ 4 งานอดิเรกใหม่ของเหม่ยอิง

ผู้เขียน: กุญแจฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-29 05:59:55

กิจวัตรประจำวันของนายหญิงตระกูลไท่เริ่มกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ตารางการทานของว่างถูกจัดแจงอย่างเคร่งครัดมากขึ้น แม้รู้สึกอึดอัดแต่เหม่ยอิงก็ทำอะไรไม่ได้

“คุณหนูเหม่ยจะทำอะไรดีคะวันนี้” คำถามถูกเอ่ยขึ้นทันทีที่เธอเดินลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เหม่ยอิงพรูลมหายใจเล็กน้อย เธออ่านประวัติของตระกูลตัวเองจนจำได้ทุกตัวอักษรแล้ว งานการก็ยังไม่มีให้ทำ ครั้นจะตอบคำถามนั้นก็เต็มกลืน

“อืม นั่นสินะ”

“ไปดูดอกไม้กันดีไหมคะ ฉันพอรู้มาว่าก่อนหน้านี้คุณหนูเหม่ยสั่งให้ปลูกมันไว้ที่หน้าคฤหาสน์นี่เอง” เหม่ยอิงเลิกคิ้วขึ้นก่อนทวนถาม

“ฉันเนี่ยนะ?” อาหลันหัวเราะก่อนพยักหน้า เมื่อเป็นเช่นนั้นเหม่ยอิงจึงยอมตกลงไปดูดอกไม้ตามที่สาวใช้เสนอ

พื้นที่อีกฝั่งซึ่งไม่ใช่สวนที่เหวินเจิ้งหวงแหนนั้น ดูเหมือนว่าจะมีดอกไม้โปรดปรานของเธอปลูกอยู่จริง ๆ ซึ่งดอกไม้ที่ว่าก็คือกุ้ยฮวาหรือดอกหอมหมื่นลี้นั่นเอง เหม่ยอิงซึ่งเพิ่งได้รับรู้ว่าตนในเมื่อก่อนก็มีงานอดิเรกน่ารักกับเขาบ้างจึงสนใจขึ้นมา

“ดูเหี่ยวไปบ้างแต่ก็เหมือนว่าก่อนหน้านี้จะได้รับการดูแลอย่างดีเลยนะ” คงเพราะช่วงที่เธอประสบอุบัติเหตุไป แม้ยังไม่ใช่ฤดูที่กุ้ยฮวาจะบานเต็มที่ก็ตาม หากแต่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันก็ทำให้ผ่อนคลายได้เยอะ

“ช่วงมีนาคมคงบานสะพรั่งแล้วก็สวยมาก ๆ แน่เลยค่ะ” อาหลันพูดเสริม เธอมองนายหญิงตัวเองที่กำลังย่อตัวลงเก็บบางดอกซึ่งร่วงหล่นจากต้น ก่อนที่มือเรียวสวยจะหยิบมันขึ้นทัดที่ข้างใบหูตัวเอง

“คุณหนูเหม่ยทำอะไรก็งามไปหมดเลยค่ะ” ก่อนที่อดจะเอ่ยชมเสียไม่ได้ เหม่ยอิงหันมายิ้มตอบให้ ครั้นก็ต้องชะงักเพราะสายตาเหลือบเห็นร่างสูงของสามีตัวเองกำลังเดินออกจากคฤหาสน์มาทางนี้พอดี

อาหลันที่เห็นเช่นนั้นรีบรุดอยู่ภายใต้แผ่นหลังของเหม่ยอิงทันที เพราะโดนดุไปคราวก่อนทำให้เธอยังกลัวเจ้านายตัวเองนัก สาวใช้อย่างเธอจึงทำได้แค่ก้มหน้าแบบสงบเสงี่ยม จนกระทั่งเสียงรองเท้าของผู้เป็นนายเดินมาถึงบริเวณนี้

“นึกว่าไปก่อเรื่องก่อราวที่ไหนอยู่อีก” เหวินเจิ้งเอ่ย ความจริงเขากำลังจะไปบริษัทแต่ดันเหลือบเห็นเธอเข้าเสียก่อน ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่ควรสนใจด้วยซ้ำแต่รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ตรงนี้เสียแล้ว

“คำทักทายตอนเช้าแบบใหม่เหรอคะ?” เหม่ยอิงถามอย่างพยศ หากแต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของสามีเป็นคำตอบ

“ก็ได้”

“...”

“อรุณสวัสดิ์”

“ค่ะ อรุณสวัสดิ์เช่นกันค่ะคุณเหวิน” ดูเป็นการทักทายยามเช้าที่ดี แต่ลูกน้องในบริเวณกลับรู้สึกคล้ายพวกเขากำลังปามีดใส่กันก็ไม่ปาน แต่ถึงกระนั้นเหวินเจิ้งก็ยังคงยืนมองเธอนิ่งไม่ละสายตาไปไหน

“คุณหนูคะ” กระทั่งเสียงของอาหลันเอ่ยกระซิบที่ด้านหลัง พลันเหม่ยอิงเพิ่งนึกได้ว่าตนยังทัดดอกไม้ไว้ที่หู

“อ๋อ...ขอโทษค่ะ” มือเรียวหวังจะหยิบมันออก แต่ก็ต้องผงะและแสดงสีหน้างุนงงเมื่อคนที่นิ่งอยู่นานเอื้อมมือมาหากันแล้ววางทับบนหลังมือของเธอ นิ้วยาวของสามีจับทัดผมสีหม่นไว้เช่นเดิม พลางจับกุ้ยฮวาทัดไว้ที่ข้างหูให้แน่นขึ้น

“เข้ากับเธอ” เพียงแค่นั้นก็ทำให้คนตัวเล็กกว่าเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าสบสายตาของสามีที่ทอดมองกันอยู่ไม่ละไปไหน คล้ายอยากเก็บภาพของเธอตอนนี้ไว้ให้มากที่สุด

“กะ ก็แค่ดอกหล่นพื้นน่ะค่ะ ฉันเอามาประดับเล่น ๆ” เหม่ยอิงตอบตะกุกตะกัก เธอหวังจะเปลี่ยนบรรยากาศตอนนี้แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก เมื่อจู่ ๆ เหวินเจิ้งกลับกอบกุมข้อมือขาวของเธอไว้ ดวงตาสีไม้สนคล้ายมีประกายชั่วขณะเมื่อเขาเห็นแหวนแต่งงานที่อีกคนเคยป่าวประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะเอาไปเผาทิ้ง

ที่แท้ก็แค่ปากดีนี่เอง...

มุมปากเผลอยกขึ้นอย่างเผลอตัว หากแต่เหม่ยอิงนึกว่าเขาจะหาเรื่องแกล้งกันอีก เธอจึงผละตัวออกแล้วถามเสียงเบา

“คุณเหวินไม่ไปทำงานเหรอคะ เดี๋ยวสายนะคะ” สุดท้ายจึงต้องถามคล้ายคำไล่ออกไป เหวินเจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขานรับในลำคอ ยอมผละตัวออกแม้ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก ก่อนจะหันหลังกลับไปที่รถเพื่อไปยังบริษัทเสียที

ทั้งสองคนซึ่งก็คือเหม่ยอิงและอาหลันพอจะได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก การที่ต้องอยู่ต่อหน้าเหวินเจิ้งดูจะเป็นอะไรที่สูบพลังงานไม่ใช่น้อย ๆ โดยเฉพาะคนเป็นภรรยาที่ต้องคอยรับมือกับอารมณ์แปรปรวนของเหวินเจิ้งให้ได้และคำพูดเมื่อครู่ของเขาอีก

ดันมาพูดให้สับสนกันตั้งแต่เช้าซะได้...

“คุณหนูเหม่ยคะ เอ่อ...หลังจากนี้ให้ฉันเด็ดดอกไม้ไปให้ทุกเช้าดีไหมคะ” อาหลันซึ่งเมื่อได้อยู่กับนายหญิงสองคนจึงเอ่ยหยอกเย้าขึ้นมาทันที เหม่ยอิงรีบตวัดสายตามองด้วยความลุกลี้ลุกลน ก่อนจะดึงกุ้ยฮวาออกจากข้างใบหูตัวเอง

“พูดอะไรน่ะ พอเลย ๆ ฉันจะกลับเข้าไปด้านในแล้ว” คำพูดคล้ายโอหังแต่ใบหน้ากลับแดงก่ำจนสาวใช้แบบเธอสังเกตได้ อาหลันลอบยิ้มเอ็นดูนายหญิงตัวเอง

เป็นเพราะไท่เหวินเจิ้งนั่นแหละที่ทำให้เธอต้องขายหน้าตั้งแต่เช้า! เหม่ยอิงได้แต่บ่นอยู่ในใจ

แต่ถึงกระนั้นแม้ผ่านมาอีกหลายวัน เหม่ยอิงก็ยังคงคอยไปดูแลรดน้ำที่ต้นกุ้ยฮวาเป็นประจำ กระทั่งพุ่มมันมีสีเหลืองอำพันสะพรั่งเพราะได้รับการดูแลที่ดีกว่าก่อนหน้านี้

“ช่วงนี้คุณหนูขลุกตัวอยู่แค่ที่สวนฝั่งซ้ายนะครับ” คำรายงานของจงเซ่อทำให้ประมุขตระกูลไท่เงยหน้าขึ้นมอง จะว่าไปก็เป็นเช่นนั้น เขาได้ยินคำรายงายในทุกเช้าและบ่ายว่าเหม่ยอิงมักอยู่ที่สวนดอกไม้เสมอ

“อืม” ร่างสูงขานรับ ก่อนจะมีทีท่าคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ลังเล เป็นผลให้จงเซ่อต้องเอ่ยถามขึ้น

“คุณเหวินอยากให้ทำอะไรหรือเปล่าครับ กับสวนนั่น”

“อืม...ก็แค่ไม่คิดว่าช่วงบ่ายแดดมันแรงไปหรือ?” เท่านั้นก็ทำให้ลูกน้องแบบเขาเกือบเก็บรอยยิ้มมุมปากไว้ไม่ไหว จงเซ่อกระแอมในคอหนึ่งครั้งก่อนตอบ

“ผมจะให้คนทำที่นั่งพักให้ครับ” เหวินเจิ้งทำทีเป็นอ่านเอกสารต่อ ไม่ได้พยักหน้าเห็นด้วย แต่แน่นอนว่าจงเซ่อเป็นลูกน้องที่ใกล้ชิดเขามาหลายปีย่อมรู้ว่าตนต้องการอะไร

เมื่อพูดคุยเสร็จสรรพแล้วจงเซ่อจึงขอตัวไปเตรียมรถเพราะเหวินเจิ้งต้องไปประชุมที่บริษัทต่อ ร่างสูงเห็นดังนั้นจึงวางงานที่เพิ่งเคลียร์เสร็จแล้วไว้บนโต๊ะ เขาก็ต้องเตรียมตัวเช่นกัน

กระทั่งเดินมาถึงชั้นล่างก็พบว่าสาวใช้คนสนิทของภรรยาในช่วงนี้กำลังจะออกไปซื้อของ ตาคมสำรวจไปยังห้องครัวก็เห็นแผ่นหลังเล็กที่คุ้นเคยกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ ขายาวจึงก้าวไปที่นั่นทันที

“วันนี้ไม่ต้องรอทานข้าวเย็น ฉันมีแค่ประชุมแล้วเดี๋ยวจะไปที่อื่นต่อ” สุรเสียงทุ้มดึงให้คุณหนูจ้าวเหม่ยอิงที่อยู่ในภวังค์สะดุ้ง เธอหันหลังกลับไปมองเหวินเจิ้งก็เห็นว่าเขาสวมชุดเต็มยศที่พร้อมจะไปทำงานแล้วจึงค้อมศีรษะทักทายเล็กน้อย

“ค่ะ คุณไท่เอาขนมปังด้วยไหมคะ” เหม่ยอิงถามอย่างใจดีในขณะที่มือเรียวเปิดฝาแยมไปด้วย ส่วนเหวินเจิ้งส่ายหน้าปฏิเสธ

“อ้อ...แล้วก็คืนนี้เข้าห้องนอนได้เลยไม่ต้องเพ่นพ่านอยู่ที่นี่ตอนดึกอีก ฉันอาจจะไม่กลับ” เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยิน ทั้งสงสัยว่าเขาจะไปไหนแล้วก็สงสัยว่าตอนนี้เหวินเจิ้งทำเหมือนจะรายงานกันอย่างไรอย่างนั้น...ก็ถ้าเป็นปกติเขาคงไม่สนใจจะเดินมาบอกด้วยตัวเองแบบนี้หรอก ส่วนคำพูดถากถางนั้นเหม่ยอิงชักจะชินกับมันเสียแล้ว

“อืม...ค้างที่บริษัทหรือคะ?” สุดท้ายก็ต้องเอ่ยถามออกไปเพราะความอยากรู้ เหวินเจิ้งพิงสะโพกกับเคาน์เตอร์แล้วกอดอกมองภรรยาตัวเองที่กำลังอ้าปากงับขนมปังขณะที่ถาม เขานึกสงสัยในใจว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นเหม่ยอิงยืนทานอาหารแบบดูสบาย ๆ เช่นนี้มันคือเมื่อไหร่กัน

“เปล่า...ค้างโรงแรม ฉันไปมาเก๊า” เมื่อรู้คำตอบแล้วดวงตาสีสวยก็ดูเป็นประกายขึ้นมา เหม่ยอิงเคยได้ยินจงเซ่อพูดว่าเหวินเจิ้งมีงานที่นั่นบ่อย เดินทางจากปักกิ่งไปก็ไม่กี่ชั่วโมง เอาจริง ๆ นอกจากที่คฤหาสน์ตระกูลไท่แล้วเธอก็ยังไม่เคยได้ไปที่ไหนเลย

เหวินเจิ้งมองสีหน้าภรรยาก็พอจะเดาได้ว่าอีกคนคิดอะไร แต่เขาไม่คิดจะพกเธอไปด้วยในตอนนี้หรอก นอกจากจะเป็นภาระแล้วร่างกายคุณหนูจ้าวก็ไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น อีกอย่างคือเขาต้องทำงานตลอดเวลาคงไม่ได้ใส่ใจเธอในขณะที่อยู่ที่นั่น

ก็นั่นล่ะ...ความสัมพันธ์ของพวกเรา ต่อให้จะไม่ได้เกลียดกันเท่าเมื่อก่อนแล้วแต่เหวินเจิ้งก็ไม่ได้ใจดีกับเธอร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแค่ตั้งแง่ใส่กันน้อยลงกว่าเดิมก็เท่านั้น

บทสนทนาทั้งคู่จบลงแค่นั้น เพราะเพียงครู่เดียวจงเซ่อก็เดินเข้ามาตามเจ้านายตัวเองว่าทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว เขาแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเหวินเจิ้งยืนกอดอกมองคุณหนูเหม่ยอิงอยู่ ถึงท่าทางจะยังดูน่าเกรงขามแต่ดวงตากลับอ่อนลงหลายส่วน เพียงแต่ตอนที่หันกลับมาหาเขาดวงตาสีไม้สนก็กลับไปนิ่งสงบเช่นเดิม ทำเอาลูกน้องแบบเขาค้อมศีรษะแทบไม่ทัน

คาสิโนที่มาเก๊าก็ขึ้นชื่อในระดับสูงซึ่งเป็นสถานที่ที่มีนักธุรกิจเข้ามาคุยธุรกิจหรือการค้าแบบลับกันอยู่มากทีเดียว อย่างเช่นตอนนี้ซึ่งเหวินเจิ้งกำลังยกแก้วเหล้าขึ้นจรดริมฝีปากในขณะที่ฟังคู่ค้าของเขาพูดไปด้วย ผ่านเวลาไปนานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ได้ จนกระทั่งหัวข้องานเริ่มเปลี่ยนไป มีแอบแวะเปลี่ยนเป็นเรื่องการพนันบ้าง หรือเรื่องพวกคู่แข่งทางการค้าอยู่บ้างจนกระทั่ง...

“จริง ๆ ลูกสาวผมกำลังจะขึ้นมาบริหารแทนผมประมาณสิ้นปีนี้ ผมอยากพาเธอมาให้คุณไท่เหวินรู้จักนะครับ แกเพิ่งจะเรียนจบด้านการบริหารโดยเฉพาะมาไม่กี่สัปดาห์ก่อน” คำพูดทั้งแสดงความพออกพอใจและโอ้อวดไปในที เหวินเจิ้งไม่ได้ตอบรับอะไร เขาทำเพียงฟังแบบนิ่ง ๆ

“เธอบอกว่าอยากเจอคุณไท่ตัวจริงหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาส” เขาพูดต่อพลางเหลือบมองปฏิกิริยาของเหวินเจิ้งอยู่ครู่หนึ่ง

“จะว่าอย่างไร ถ้าก่อนคุณไท่จะกลับปักกิ่งแล้วเราจะมาทานข้าวด้วยกันสักมื้อ”

“ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร” เหวินเจิ้งตอบด้วยท่าทีสบาย แต่กลับทำให้คนฟังตาโตแล้วเก็บอาการดีใจไว้ไม่มิด

“ฮ่า ๆ ผมว่าแล้วเชียวว่าคุณไท่คงไม่ปฏิเสธ ถึงลูกสาวผมจะเรียนจบเมืองนอกมาแต่เธอก็ทำอาหารเก่ง ทั้งเรื่องการดูแลปรนนิบัตินี่ก็ไม่ได้เป็นรองใคร อีกอย่างลูกสาวผมก็ถูกใจคนยากมาก แต่แกกลับบอกผมว่าชื่นชมคุณไท่ที่สุดเลย แล้วหลัง ๆ เธอก็เอาแต่บ่นเรื่องแต่งงานน่ะครับ” ประโยคยาวยืดเป็นการประจบกันไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งคือการพยายามขายลูกสาวให้เขา เหวินเจิ้งถอนหายใจ เขาหมุนแหวนในมือตัวเองไปมาในขณะที่พูดตอบไปด้วย

“น่าเสียดายนะ ทั้ง ๆ ที่เก่งขนาดนั้นแต่มีความฝันอยากเป็นภรรยารองคนอื่นเขาแบบนี้คุณไม่ผิดหวังบ้างหรือ” จบประโยคนั้นเหวินเจิ้งก็ได้ยินเสียงสะอึกในลำคอ เขาแค่นหัวเราะเสียงเบา

“ก็พูดไปแบบนั้น คนแบบลูกสาวคุณคงไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหรอกจริงไหม?” เหวินเจิ้งเห็นสายตาที่มองกันคล้ายอยากจะลุกขึ้นมากระโจนใส่เขาเต็มทีแต่ก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเพื่อกลบเกลื่อนอาการก็เท่านั้น

“อ้อ...น่าเสียดาย แต่ผมคิดว่าคงจะบินกลับปักกิ่งเลยคืนนี้ ยังไงถ้าครั้งหน้าลูกสาวคุณอยากจะเจอกันอีกก็บอกผ่านจงเซ่อมาแล้วกัน ถึงตอนนั้นผมจะแนะนำเหม่ยอิงภรรยาผมให้รู้จัก คิดว่าภรรยาผมคงเข้ากับเธอได้ดี” คนได้ฟังกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ นอกจากไท่เหวินเจิ้งแล้วชื่อเสียงของจ้าวเหม่ยอิงเขาก็ได้ยินมาไม่น้อย คิดจะให้ลูกสาวเขาทำความรู้จักกับเหม่ยอิงเพราะเป็นการเตือนว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่ควรจะดูถูกหรือเปล่านะ

“ฮ่า ๆ ขอบคุณครับคุณไท่” แต่ก็ทำได้เพียงเอ่ยตอบแม้ฝืนกลั้นเต็มที

หลังจากที่เหวินเจิ้งกลับจากมาเก๊าแล้วเขาก็ยังมีไปดูสินค้าอีกจนเหม่ยอิงแทบไม่ได้เจอเขาเลย ถึงแบบนั้นก็รู้สึกสบายใจพอสมควร ได้พักผ่อนและดูแลดอกไม้แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน และนอกจากนี้ก็ไม่ต้องคอยระวังว่าเหวินเจิ้งจะพูดหรือทำอะไรแปลก ๆ อีกหรือเปล่า แม้ว่าช่วงที่เขาไม่อยู่นี้จะทำไปแล้วหนึ่งเรื่องก็เถอะ

นั่นก็คือเพิ่มพื้นที่นั่งเล่นในสวนฝั่งซ้ายทำเอาเหม่ยอิงงุนงงไม่น้อย หลันบอกว่าเขาอาจจะทำให้เพราะเธอจะได้ไม่ต้องโดนแดดร้อน ๆ แต่มันจะใช่แบบนั้นจริงหรือ?

“วันนี้คุณไท่ก็ไม่กลับเหรอ?” เธอเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นจงเซ่อลงจากรถ เขาค้อมศีรษะให้หนึ่งครั้งก่อนจะตอบว่าเหวินเจิ้งคงจะกลับพรุ่งนี้

“ผมมาเอาของแล้วเดี๋ยวก็จะไปต่อครับ คุณหนูเหม่ยอยากฝากบอกอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก” เหม่ยอิงก็แค่รู้สึกเบื่อ ๆ ถึงได้ถามหา พอเห็นว่าเหวินเจิ้งงานยุ่งมากแล้วก็ได้แต่ย้อนมองตัวเองว่าไม่มีอะไรให้ทำเลย ช่างแตกต่างกันมากจริง ๆ

วันนี้มื้อเย็นเป็นหม่าโผว่โตฟูซึ่งเหม่ยอิงรู้สึกว่าตัวเองจะไม่ค่อยชอบเต้าหู้เท่าไหร่นัก เธอถึงได้ทานไปไม่เยอะ จนตอนนี้ที่เวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้วร่างระหงถึงได้มายืนค้นอะไรทานอยู่ในห้องครัว แต่เพราะทำอาหารอะไรก็ไม่เป็นสักอย่างจึงทำได้แค่หยิบผลไม้ทานก็เท่านั้น

“รู้แบบนี้น่าจะให้อาหลันสอนทำอะไรง่าย ๆ หน่อยก็ดี” เหม่ยอิงบ่นกับตัวเอง แต่มือเรียวคว้าองุ่นใส่ปากได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจากใครบางคนทางด้านหลัง พอหันกลับไปก็เห็นเจ้าของที่นี่กำลังยืนกอดอกเลิกคิ้วใส่กันอยู่

“คะ คุณเหวิน? ไหนจงเซ่อบอกว่ากลับพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือ” เหม่ยอิงไพล่มือไว้ด้านหลัง เหวินเจิ้งเดินผ่านเธอไปที่ตู้เย็นแล้วหยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่ม

“เพิ่งรู้ว่าจะกลับตอนไหนก็ต้องบอกเธอด้วย” หญิงสาวกลอกตา ได้แต่รู้สึกสงสัยว่าเหวินเจิ้งจะตอบกันแบบดี ๆ ไม่ได้เลยหรืออย่างไร

“แต่ได้ยินว่าถามหาฉันด้วยนี่ ทำไมล่ะ...ไม่มีคนให้ทะเลาะด้วยหรือไง”

“เปล่าค่ะ ก็แค่อยากรู้ว่าฉันจะสบายใจไปได้ถึงวันไหน อุตส่าห์ดีใจว่าคุณจะกลับพรุ่งนี้แท้ ๆ” จริง ๆ ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นแต่ก็อดประชดไม่ได้ เหม่ยอิงตอบพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย

“ปากดี”

“อ๊ะ” เหวินเจิ้งพูดดุพร้อมกับยกมือขึ้นดีดหน้าผากคนตัวเล็กกว่าทำเอาเหม่ยอิงหลุดร้องตกใจ สงครามขนาดย่อมในห้องครัวกำลังจะเริ่มอีกครั้งหากแต่จู่ ๆ เสียงท้องร้องของเหม่ยอิงก็ดังขึ้นมาคั่นเอาไว้เสียก่อน

“...” คนตัวเล็กตาโต พยายามจะพูดเฉไฉแต่ก็เป็นเรื่องยาก เพราะตอนนี้เหวินเจิ้งยกมือขึ้นปิดปากคล้ายว่ากำลังกลั้นหัวเราะไปเสียแล้ว

“ไม่ใช่นะ คือว่ามัน...” แก้มเนียนซับสีแดงระเรื่อด้วยความอับอาย อยากจะแก้ตัวแต่เหวินเจิ้งก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

“นาน ๆ ทีอย่างจ้าวเหม่ยอิงก็มีประโยชน์เหมือนกันนี่ ฉันนึกว่าจะหงุดหงิดเรื่องงานจนคืนนี้นอนไม่หลับไปแล้วแน่ ๆ” พูดจบก็โยกศีรษะภรรยาไปหนึ่งที ทิ้งประโยคชวนสงสัยให้เหม่ยอิงยืนงงอยู่สักพักหนึ่ง

เมื่อครู่มันคือคำชมใช่ไหมนะ? หมายความว่าเธอทำเขาให้อารมณ์ดีหลังจากเจอเรื่องชวนหงุดหงิดมางั้นหรือ?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 4 หนึ่งวันกับเจินจู

    ไท่เจินจู เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีดวงตากลมโตสีน้ำตาลสวยเป็นเอกลักษณ์ เส้นผมหยักศกนิด ๆ เป็นสีน้ำตาลอ่อนเฉดเดียวกับดวงตา ใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อย คิ้วเรียวโค้งได้รูปเสริมให้ใบหน้าน่ารักนั้นยิ่งละม้ายคล้ายผู้เป็นแม่เข้าไปใหญ่ และที่สำคัญที่ไม่ว่าใครได้พบเป็นต้องชม คือผิวเนียนขาวราวไข่มุกตามความหมายชื่อของเจ้าตัว ตอนนี้เธออายุได้หกขวบแล้ว เป็นช่วงที่อยู่ในวัยเจื้อยแจ้ว ช่างสังเกต และมีคำถามมากมายเต็มหัวสมกับวัยเจ้าหนูช่างจ้อ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อยากรู้ไปเสียหมด ตั้งแต่เรื่องดินฟ้าอากาศ ไปจนถึงเรื่องที่ปะป๊ามักแอบจุ๊บหม่าม๊าในตอนที่คิดว่าไม่มีใครเห็น แม้จะซนเกินเด็กผู้หญิงไปบ้าง แต่เจินจูก็เป็นพลังงานที่ใสซื่อของเหวินเจิ้งและเหม่ยอิง รวมถึงคนอื่น ๆ เช่นหวังฝูและฉีถง หรือแม้กระทั่งสาวใช้ในบ้าน เพราะยามเสียงสดใสนั้นเอ่ยว่า ‘รักป๊าที่สุดในโลก’ ‘หม่าม๊าสวยเหมือนเจ้าหญิง’ ‘คุณยายขา อาจูอยากนอนด้วย’ ‘พี่การ์ด อาจูขอจ๊อกโกแลต’ อะไรแบบนั้นก็ทำให้ใครต่อใครพร้อมใจกันหลงรักหนูน้อยคนนี้หัวปักหัวปำ แม้กระทั่งชายฉกรรจ์แบบบอดี้การ์ดหน้าโหดของเหวินเจิ้งก็ไม่อาจสู้ได้ งานอดิเรกของคุณหน

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 3 เหม่ยอิงกับผ้าปิดตา

    หลังจากที่รู้ว่าเหวินเจิ้งโกรธกัน เหม่ยอิงก็ต้องล้มเลิกการไปงานเลี้ยงในคืนนี้แล้วหาวิธีง้อสามีแทน “คุณเหวินล่ะ?” เธอเอ่ยถามหลันที่เพิ่งลงมาจากชั้นสอง “กำลังพาคุณหนูจูเข้านอนค่ะ ฉันได้ยินว่าคุณหนูเหม่ยต้องไปงานเลี้ยงอีกคืนใช่ไหมคะ? งั้นให้ฉันช่วยเตรียมชุดดีไหมคะ” เหม่ยอิงส่ายศีรษะก่อนตอบ “ไม่ไปแล้วล่ะ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ” ถึงจะงง ๆ แต่หลันก็ยอมค้อมศีรษะรับคำสั่ง เมื่อคล้อยหลังสาวใช้คนสนิทไปแล้ว เหม่ยอิงก็พรูลมหายใจและครุ่นคิดกับตัวเอง เธอควรจะเอาใจเหวินเจิ้งอย่างไรดี? คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หญิงสาวรู้ว่าหากสามีกำลังกล่อมลูกนอนก็คงจะใช้เวลาสักพักหนึ่ง ในระหว่างนี้เธอก็เลยกลับเข้าห้องนอนใหญ่ ในโซนสำหรับไว้แต่งตัวนั้นยังพบชุดที่ลี่ถิงเตรียมไว้ให้สำหรับงานคืนนี้ “ดูท่าแกคงต้องกลับไปนอนในตู้อีกครั้งแล้วล่ะ” เสียงหวานว่าแกมหัวเราะเจื่อน ๆ ทว่าในตอนที่กำลังเก็บชุดนั้น เหม่ยอิงก็ต้องผงะไปเมื่อเจอของที่อยู่ด้วยกัน มันคือชุดชั้นในลูกไม้เข้าเซ็ท พร้อมกับถุงน่องสีดำ… ร่างขาวเม้มปากแน่น ปลายนิ้วเรียวยังแตะอยู่ที่ดีเทลของลูกไม้ในผ้าผืนบางนั้น ในใจก็เริ่มครุ่นคิดไปเรื่อย ก่อนดวงตาก

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 2 อย่าทำให้สามีหึง

    เทศกาลคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามา หมู่นี้นายหญิงเหม่ยอิงจึงมีงานล้นมือเป็นพิเศษ เธอต้องคิดทั้งคอลเลคชั่นใหม่ต้อนรับเทศกาล และออกแบบแพ็กเกจแบบใหม่ด้วยตัวเอง “ยังไงฉันก็อยากให้ลวดลายของกล่องมีสัญลักษณ์กวางเรนเดียร์” เสียงหวานยามนี้เคร่งขรึม เหม่ยอิงกำลังหารือกับเหล่าลูกน้องที่ทำงานร่วมกัน ทุกคนต่างช่วยเสนอไอเดียเพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของเธอ “ค่ะ งั้นดิฉันคิดว่า…” “ครับ ทางผมก็มีเรื่องเสนอ…” ร่างบางกวาดสายตามองตามสไลด์ที่พนักงานกำลังอธิบาย บางไอเดียก็ดูน่าสนใจ ทว่าก็ยังมีหลายเรื่องให้ต้องปรับปรุง การคุยงานผ่านไปอีกเป็นชั่วโมง กระทั่งได้ข้อสรุปที่ทำให้สีหน้าของนายหญิงดีขึ้น เธอจึงเอ่ยปิดวาระการประชุม ดวงตากลมโตดูเหนื่อยล้านิด ๆ จนลี่ถิงต้องเอ่ยถามอย่างห่วงใย “พักสักหน่อยดีไหมคะคุณหนูเหม่ย” คนงามส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวออกแบบเสร็จแล้วค่อยพักทีเดียว” เมื่อห้ามไม่ได้ก็มีแต่จะต้องช่วยให้นายหญิงไม่กดดันตัวเองเกินไปก็เท่านั้น ลี่ถิงจึงจัดการเตรียมน้ำชาและขนมมาไว้ให้ เผื่อเหม่ยอิงอยากพักก็จะได้ทานได้ทันที “ฉันจะทำงานรอที่ด้านนอกนะคะ มีอะไรเรียกได้ตลอดเวลาเลยค่ะ” “ขอบคุ

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนพิเศษ 1 อดีตของผู้ชิงชังภรรยา

    หลายปีก่อน ว่ากันว่าในทศวรรษนี้ หากพูดถึงคนกุมอำนาจและชายผู้มีอิทธิพลที่สุดในปักกิ่ง เห็นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตระกูลไท่ ประมุขคนปัจจุบันนามว่าไท่เหวินเจิ้ง ชายผู้เพียบพร้อมทั้งเรื่องรูปลักษณ์ ชาติตระกูลและการศึกษาที่ทำให้สเปคผู้หญิงจีนเกินครึ่งสูงจนติดเพดาน ทว่าความสมบูรณ์แบบนั้นก็ย่อมแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่างเสมอ นั่นก็คือนิสัยอันเลื่องชื่อของเขาที่ทำให้ใครหลายคนต้องยกธงขอยอมแพ้ ความเย็นชาที่ไม่เปิดช่องให้ใครก้าวข้ามเข้ามาได้ง่าย ๆ แต่แล้วในช่วงเวลาที่หลายตระกูลชิงดีชิงเด่น พยายามขายลูกสาวกันสุดฤทธิ์ จู่ ๆ ก็เกิดการประกาศแต่งงานของไท่เหวินเจิ้งแบบสายฟ้าแลบ! ‘ว่าที่เจ้าสาวของไท่เหวินเจิ้งคือคุณหนูจากตระกูลจ้าว…จ้าวเหม่ยอิง’ ทันทีที่มีหัวข้อนั้นเผยแพร่ออกไป เสียงส่วนมากก็คิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างจ้าวเหม่ยอิงน่ะหรือคือว่าที่ภรรยาของเหวินเจิ้ง? นิสัยฝั่งสามีเลื่องชื่อยังไง อีกฝั่งทางภรรยาก็ไม่แพ้กัน คุณหนูจ้าวเหม่ยอิงผู้เป็นนางร้ายแห่งยุค ไม่ว่าขยับตัวทำอะไรก็ดูจะเป็นข่าวได้เสียหมด…โดยเฉพาะข่าวไม่ดี แม้ใบหน้าของเธอคนนั้นจะงดงามจนผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา หรือรูปร่าง

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   ตอนจบ กันและกันตลอดไป

    ข่าวเรื่องทายาทตระกูลไท่ถูกพูดถึงอย่างมากในหลายสัปดาห์นี้ มีตระกูลน้อยใหญ่ส่งของขวัญมาให้มากมายจนเหล่าสาวใช้แทบจะช่วยกันรับไม่หวาดไม่ไหว เหม่ยอิงอยู่ในช่วงพักผ่อนหลังคลอด งานใด ๆ หรือธุรกิจใด ๆ ถูกเหวินเจิ้งสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งเป็นอันขาด ส่วนเขาก็เป็นคนคอยดูแลแทนทั้งหมด “ของขวัญชิ้นสุดท้ายของรอบเช้าค่ะคุณหนูเหม่ย” “ขอบคุณจ้ะ” เหม่ยอิงหันไปตอบอาหลันที่วางกล่องของขวัญชิ้นสุดท้ายเสร็จ ในอ้อมแขนคนงามกำลังประคองเจินจูพลางกล่อมนอน คุณหนูน้อยหลับตาพริ้ม ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก “เสร็จแล้วใช่ไหม นั่งเล่นในนี้ก่อนก็ได้นะ” เหม่ยอิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ที่นี่คือห้องของเจินจูที่เหวินเจิ้งสั่งทำใหม่เป็นพิเศษ เขาทุบสองห้องเข้าด้วยกัน พื้นที่กว้างขวางเต็มไปด้วยของใช้เด็กอ่อน ทั้งเตียงทั้งตู้ก็สั่งทำไว้เรียบร้อย เรียกได้ว่ามีใช้ยันอายุเจ็ดขวบเลยทีเดียว หลันนั่งลงข้างกัน เธอมองเจินจูที่ยังหลับอยู่แล้วยกยิ้ม ก่อนเอ่ยด้วยเสียงสดใส “คุณหนูน้อยน่ารักน่าชังมากเลยค่ะ โตมาจะต้องงามเหมือนคุณหนูเหม่ยแน่เลย” เหม่ยอิงหัวเราะนิดหน่อย “หน้าตาไม่เท่าไหร่หรอก อย่าเอานิสัยหม่าม๊าไปแล้วกันนะอาจู” เธอเอ่

  • ภรรยาของเขาคือนางร้ายความจำเสื่อม   บทที่ 29 ครอบครัวของเรา

    ครรภ์ของคุณหนูเหม่ยตอนนี้ล่วงเลยมาถึงห้าเดือนแล้ว จากเดิมที่แค่มีน้ำมีนวล แต่ตอนนี้เหม่ยอิงกลายเป็นคุณแม่ตุ้ยนุ้ยน่าฟัด ไม่ว่าใครอยู่ใกล้ก็อยากกัดแก้มกลมนั้นสักทีให้หายมันเขี้ยว อาการแพ้ท้องของเธอก็ดีขึ้นมาก เหม่ยอิงเริ่มกลับมาได้กลิ่นกุ้ยฮวาได้อีกครั้ง เธอไม่ได้รู้สึกคลื่นไส้บ่อยอีกต่อไป ยิ่งทำให้เจริญอาหารจนท้องกลมแก้มกลม นอกจากเรื่องครรภ์แล้ว หมู่นี้เหม่ยอิงก็เริ่มรู้สึกว่าความทรงจำของตัวเองค่อย ๆ กลับมาทีละนิด ภาพแฟลชแบ็คของเหตุการณ์ในอดีตค่อย ๆ ทำให้เธอคุ้นเคยทีละน้อย คุณหมอบอกว่ามันอาจใช้เวลานานสักหน่อย แต่ก็มีสิทธิ์ที่เหม่ยอิงจะได้ความทรงจำทั้งหมดกลับมา ในตอนที่หวังฝูและฉีถงรู้เรื่องนี้ก็ดีใจกันอย่างมาก พวกเขาเอ่ยว่าเด็กในท้องคือพรอันวิเศษและเป็นโชคของเหม่ยอิง “พร้อมหรือยัง?” เสียงของสามีดึงให้คนที่กำลังสวมต่างหูอยู่หันไปมอง เหม่ยอิงพยักหน้ารับ “อื้อ” เหวินเจิ้งมองภาพภรรยาที่สะท้อนในกระจก เหม่ยอิงที่อายุครรภ์เพิ่มขึ้นจนหน้าท้องนูนอาจดูแปลกตาไปบ้าง เพราะปกติแล้วคุณหนูเหม่ยของเขาจะมีทรวดทรงองค์เอวที่เป็นสัดส่วนชัดเจน ทว่าตอนนี้ร่างบางกลับดูเปลี่ยนไปด้วยความโค้งเว้าของร่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status