LOGIN“คุณหนูสามจวนเฉินกั๋วกงผ่านเข้ารอบ!”
“เป็นไปได้อย่างไร! คุณหนูสามผู้นั้น ตั้งแต่ยังเยาว์ถูกกักบริเวณให้เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนหลัง หูตาย่อมคับแคบ ที่ไหนเลยจะสามารถตอบคำถามเช่นนี้ได้!”
“หรือจะมีการคดโกง? ทว่า...ทว่าจะเป็นไปได้รึ?”
ท่ามกลางสายตาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คน เซียงหรงไม่รู้ว่าสมควรทำอย่างไรต่อไป จึงได้แต่กวาดสายตามองหาพี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรอง และอนุหาน นึกไม่ถึงว่าไม่ทันจะหาพบ ท่านป้าสะใภ้ที่แสนดีของนางจะมาร้องเรียกอยู่ด้านข้าง ที่ด้านหลังป้าสะใภ้ของนาง นอกจากจะมีคนสนิทของท่านป้าสะใภ้ที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาดีอย่างพี่ไป๋เสวี่ยแล้วยังมีพี่ซู่ซิน ของนางติดตามมาด้วย
ยามเมื่อสบตากัน พี่ซู่ซินของนางแย้มรอยยิ้มกว้างยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ใบหน้าน้ำตาคลอ ต่อให้ไม่กล่าวออกมาก็มองออกว่าอดีตสาวใช้คนสนิทของท่านแม่ของนางผู้นี้ ทั้งปลาบปลื้มทั้งยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณหนูอย่างนางสามารถผ่านเข้ารอบมาได้
เห็นรอยยิ้มของท่านพ่อที่นั่งอยู่ห่างออกไป เห็นรอยยิ้มของท่านป้าสะใภ้และพี่ซู่ซินที่อุ้มชูนางมา รวมถึงเหล่าคนที่เมื่อครู่เพิ่งจะสบถบ่นเรื่องของนางอย่างหัวเสีย เซียงหรงก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวนางเองคงจะตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแล้วจริงๆ
…หากเซียงหรงเหลียวมองไปทางอนุหานและพี่หญิงทั้งสองของตนสักเล็กน้อย นางคงไม่อาจคลี่ยิ้มให้ท่านป้าสะใภ้และสาวใช้ข้างกายอย่างซู่ซินดังเช่นในตอนนี้ ด้วยคนทั้งสามในยามนี้ล้วนแล้วแต่ใบหน้าเรียบเฉย ค่อนไปทางเย็นชา หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าคนหนึ่งกำลังบีบด้ามพัดในมือแน่นจนข้อมือซีดขาว อีกคนหลุบสายตาลงต่ำ ซ่อนแววตาแข็งกระด้างแค้นเคือง ส่วนอีกคนที่คล้ายจะยิ้มกลับเห็นชัดว่าไม่ได้กำลังแย้มยิ้ม ไม่เพียงดวงตาเฉยชาเหมือนปลาตาย ริมฝีปากยังแทบจะเหยียดเป็นเส้นตรง ผู้มีตาย่อมมองออกว่าแต่ละคนต่างไม่พอใจ แต่ไม่อาจแสดงกิริยาอาการใดใดต่อหน้าธารกำนัล ได้แต่พยายามข่มโทสะ รักษากิริยากันอย่างเต็มที่
นางสารเลวเฉินเซียงหรงตอบคำถามเช่นนี้ได้อย่างไร?
นางสารเลวนี่ไม่เคยได้รับการศึกษาเล่าเรียนอย่างพวกนางสักนิด!
ทีแรกพวกนางทั้งสามก็คิดว่าสตรีที่ ‘อ่อนต่อโลก โง่เง่าเบาปัญญา’ อย่างเฉินเซียงหรง จะตกรอบแรกไปทั้งอย่างนั้น ใครจะนึกว่าชั่วอึดใจสุดท้าย นางกลับคล้ายผุดขึ้นมาจากใต้ท้องน้ำ ไม่เพียงรักษาชีวิตของตนเอาไว้ได้ ยังกลับกลายเป็นโดดเด่น สะดุดตา เป็นที่กล่าวถึงไม่ขาดปาก
สิ่งเดียวที่พวกนางนึกได้ในตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือเรื่องที่เฉินเซียงหรงตรงหน้านี้แกล้งโง่เขลาเบาปัญญามาตลอด กระทั่งจนถึงเมื่อครู่นี้ก็ล้วนแกล้งทำเป็นขลาดเขลาไม่รู้ความ ทั้งๆ ที่แท้ที่จริงแล้ว คิดจะตอบคำถามในชั่วอึดใจสุดท้ายเพื่อช่วงชิงความโดดเด่นจากคนอื่นๆ ในการแข่งขัน…
สตรีน่าตายผู้นี้นี่!
หากเฉินเซียงหรงได้รู้ถึงความคิดของคนเหล่านี้ นางคงไม่เพียงแต่ประหลาดใจว่าคนเหล่านี้คิดเชื่อมโยงไปได้อย่างไร ยังอาจตกใจที่แท้จริงแล้วพี่หญิงทั้งสองและอนุหานหาได้มองนางในแง่ดีสักนิด ทั้งยังคล้ายจะไม่ได้เห็นนางเป็นน้องสาวเป็นบุตรสาวอย่างน้อยก็ครึ่งส่วนอย่างที่นางมองพวกเขา กลับเห็นนางเป็นศัตรู เป็นคนนอกที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน ความสัมพันธ์แท้จริงแล้วย่ำแย่เลวร้ายกว่าที่คิดมากมายนัก...
จวิ้นหวังเฟยมองคนทั้งสามด้วยหางตาก่อนเก็บสายตากลับ พยายามไม่ให้ค่าคนใจบาปหยาบช้าแล้งน้ำใจเห็นแก่ได้เหล่านั้น
“หรงเอ๋อร์...เป็นป้าสะใภ้เองที่ส่งผ้าปักและภาพวาดของเจ้า รวมทั้งชื่อแซ่วันเดือนปีเกิดของเจ้าลงสมัครเข้าคัดเลือก...” จวิ้นหวังเฟยจากสกุลสวีสารภาพออกมาตามตรง “ที่ป้าสะใภ้ทำลงไปทั้งหมด ล้วนเป็นเพราะปรารถนาดีทั้งสิ้น เจ้าก็...อย่าได้โกรธเคืองป้าสะใภ้เลยนะ”
เซียงหรงฟังคำสารภาพแล้วกลับไม่ประหลาดใจสักนิด
“เป็นผ้าปักผืนนั้นใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ตลอดการเดินทางไปยังหมู่บ้านว่อหลงที่มีซู่ซินรออยู่ หลี่จือหลินซื้อรถม้าคันหนึ่งให้นางนั่งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเขาขับรถม้าด้านนอก เขาให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นนั่นก็จริงอยู่นับตั้งแต่มีรถม้า นางก็ไม่เคยต้องนอนบนพื้นหินพื้นหญ้าให้เจ็บหลังปวดเอว หรือคันเนื้อคันตัวเหมือนก่อนหน้านี้หลังจากที่เปิดเผยตัวตนแล้ว หลี่จือหลินปฏิบัติต่อนางอย่างดียิ่ง ไม่ว่านางอยากกินอยากดื่มอะไร เมื่อผ่านเข้าไปในหมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ ก็จะหาซื้อให้นางทุกอย่าง หากเป็นกลางป่ากลางเขา ไม่ว่าจะจับสัตว์ใดได้เขาก็จะแบ่งเนื้อส่วนที่ดีที่สุดให้นาง ปรุงรสด้วยเกลือหรือเครื่องเทศต่างๆ เท่าที่จะหาได้เพื่อให้นางเจริญอาหารยิ่งขึ้น ทั้งยังบ่นพึมพำทุกคืนว่านางผอมลงไม่น้อย ไม่เต็มไม้เต็มมือ...น่าเกลียดที่สุด ปากบอกว่านางผอมเกินไป แต่ใครกันที่คอยจับนางกินทุกคืน!คนเจ้าเล่ห์พรรค์นั้นตั้งใจทำให้นางได้พักผ่อนเต็มที่ในเวลากลางวันเพื่อรับใช้เขาในเวลากลางคืนชัดๆ!แม้จะรู้เช่นนั้น แต่เซียงหรงก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงอ้อมกอดนั้นได้เลยเวลากลางคืนช่างหนาวเหน็บนัก แม้ว่าจะเหนื่อย
“ตอนที่เจ้ายังเป็นทารก ข้าจำได้ ในตอนนั้นข้าบอกเจ้าว่า ข้าจะคอยปกป้องเจ้าไปชั่วชีวิต...คำพูดประโยคนั้นเป็นทั้งคำสัญญาและคำสาบานแรกในชีวิตข้า” หลี่จือหลินพูดพร้อมกับยิ้มจางๆ “ในเทศกาลหยวนเซียวคืนนั้น ตอนที่ข้าซื้อถังหูลู่ให้เจ้า เจ้าคงไม่รู้หรอกว่ารอยยิ้มที่เจ้ามอบให้ข้ายามนั้นทั้งงดงามอ่อนโยนและหวานล้ำเพียงใด เพราะจดจำภาพนั้นได้ ข้าจึงไม่เคยยอมแพ้ในสงคราม ทุกครั้งที่เพลี้ยงพล้ำ ข้ามักคิดเสมอว่าจะต้องได้กลับมาเจอเจ้าเพื่อทำตามคำสัญญาสาบานและจะต้องปกป้องรอยยิ้มที่บริสุทธิ์งดงามเช่นนั้นเอาไว้ให้ได้ หรงเอ๋อร์ ข้าออกศึกมากมาย แม้กึ่งหนึ่งเพื่อบ้านเมือง แต่อีกกึ่งหนึ่งล้วนเป็นเพราะแผ่นดินเทียนจินคือบ้านของเจ้า เพราะที่แห่งนี้มีคนที่ข้าต้องการปกป้องเอาไว้อย่างเจ้าอยู่ข้างหลัง”เซียงหรงได้แต่จ้องเขาด้วยความงุนงง นางไม่เคยจำเรื่องราวเหล่านี้ได้เลย แต่เขากลับเล่าได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ อีกทั้ง…เรื่องสาเหตุที่เขาออกรบและไม่เคยยอมแพ้จนมีชีวิตรอดกลับมาก็ช่าง…เขายังกล่าวต่อไป “หลายปีผ่านไป ข้าคิดว่าเจ้าอาจลืมข้าไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่เคยล
หลี่จือหลินไม่อยากให้นางตั้งกำแพงในใจอีก ไม่ว่าอย่างไรเขากับนางก็ลงเอยกันไปแล้ว ไม่ว่านางจะยินดีแต่งให้เขาหรือไม่ นางก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วอยู่ดี…ทว่าเขาเองก็ยังอยากให้นางแต่งให้เขาด้วยความยินดี ไม่ใช่ด้วยความไม่เต็มใจเช่นนั้นเขาค่อยๆ ปัดปอยผมที่ล้อมกรอบหน้านางออก บีบนวดเนื้อตัวที่ปวดเมื่อยจากการร่วมรักเมื่อคืนพลางพูดเบาๆ เมื่อรำลึกถึงความทรงจำเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงยืนยันที่จะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยากหนีข้าไปให้ไกลแค่ไหนก็ตาม” หลี่จือหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ดวงตาคู่คมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเซียงหรงที่เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง“จะยังมีอะไรได้ นอกจากความดื้อด้านอยากเอาชนะคะคานของท่าน” นางตอบเสียงแข็ง ลุกขึ้นนั่งหันหน้าหนีราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากเขาอีกแต่หลี่จือหลินไม่ได้โกรธ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเคียงข้างนาง แววตาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“ไม่รู้เจ้ายังจำถังหูลู่ในเทศกาลหยวนเซียวได้หรือไม่”เซียงหรงขมวดคิ้วทั
“หรงเอ๋อร์…ชายหญิงร่วมเตียง จะเป็นอันใดกันได้ นอกจากสามีภรรยา” เขาพูดเสียงนุ่ม “อีกอย่าง เจ้าคิดว่าหากเฉินกั๋วกงได้ทราบ เขาจะไม่บังคับให้เจ้าแต่งงานจริงหรือ ต่อให้เป็นคุณชายใหญ่จวนเจ้าที่เจ้าคิดว่าจะเข้าข้างเจ้าแน่ๆ หากเป็นเรื่องนี้...เชื่อเถิดว่าเขาเองก็จะต้องเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมแต่งให้ข้าเช่นกัน”คนฟังหน้าซีดเผือดลงทุกขณะ ยิ่งเมื่อเอ่ยถึงว่าเขาจะบอกบิดาและพี่ชายนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซียงหรงก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกหลอกขึ้นมาทันทีไม่หรอก...ไม่ได้รู้สึก...นางถูกหลอกจริงๆ นั่นล่ะ!ใบหน้าหวานล้ำเผือดซีด ความเจ็บปวดตรงกึ่งกลางกายราวกับจะส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่เขลาของนางนางวิ่งวนอ้อมไปทั่ว แต่สุดท้ายแล้วก็กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาเช่นเดิมราวกับตัวตลก ราวกับสัตว์ที่ติดในกรง ต่อให้นางจะวิ่งไปข้างหน้าเช่นไร ก็มีเพียงกับดักที่รออยู่เท่านั้น“หากเจอท่านกั๋วกงแล้ว ข้าจะรีบปรึกษาว่าเราจะเร่งแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ยังต้องหาฤกษ์ยาม ต้องดูก่อนว่าท่านพ่อตาต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ อ้อ
ยามรุ่งอรุณแรกของวันใหม่ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลอดเข้ามาผ่านปากถ้ำ เสียงนกร้องแว่วดังจากบนยอดไม้ ช่วยเสริมให้บรรยากาศดูเงียบสงบ แต่ภายในถ้ำเล็กๆ นั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะทุอยู่ในใจคนทั้งสองเฉินเซียงหรงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมความเจ็บปวดที่แล่นแปลบไปทั้งร่างเพียงนางขยับตัวเล็กน้อย ความเจ็บและเมื่อยล้าเนื้อตัว รวมถึงความปวดร้าวจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้นางข่มความเจ็บใจเอาไว้แทบไม่ไหว น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าอีกครั้งหลี่จือหลินที่นอนตะแคงร่างหันหน้าเข้าหานางกลับอยู่อย่างเงียบๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่มักประดับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับดูซีดเซียวและเต็มไปด้วยความสำนึกผิด แววตาของเขาดูหม่นแสงราวกับแบกรับทุกความผิดบาปบนโลกนี้ไว้ "เจ้าเจ็บมากหรือไม่?" เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเซียงหรงเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองหน้าเขาอีกแม้แต่น้อยนางกัดริมฝีปากแน่น พยายามลุกขึ้นด้วยตนเอง แต่เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิด กลางกายที่ยังคงทั้งบวมทั้งแดงก็ส่งความเจ็บปวดจนต้องทรุดฮวบลงไปอีกครั้งหลี่จือหลินรีบประคองนางไว้ เขากุมมือนางเบาๆ แต่เซียงหรงกลับสะบั
หลี่จือหลินนิ่งไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาฉายแววความเจ็บปวดและสับสน ก่อนที่เขาจะถอนหายใจยาว ปล่อยนางให้เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่อก…พอเดาได้ว่ารอยกระบี่ฟันซึ่งได้จากการร่วมต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่หานชิงเยว่ส่งมาสังหาร ‘ตงหลิน’ องครักษ์ที่เขาวางตัวให้คอยติดตามคุ้มกัน เฉินเซียงหรงในที่แจ้ง ปริแยกเพราะแรงผลักของนางเมื่อครู่“เจ้าไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เฉินเซียงหรง” เสียงของเขาอ่อนลงเล็กน้อย “สำหรับข้า สัมพันธ์ระหว่างเราจะไม่ใช่และไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่เป็นสิ่งที่ข้าหวังจะทำเพื่อให้เราสองคนผูกพันกันตลอดไป”เซียงหรงบอกอย่างปลดปลง “ท่านต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ สำหรับข้า ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน หากท่านเพียงอยากได้ร่างกาย ท่านก็เอามันไปเถิด”ขอเพียงไม่ต้องแต่งงาน...อย่างนั้นหรือ?เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงเขา ต่อให้ต้องพลีกายให้ชายอื่น นางก็ไม่สนใจแม้จะต้องขึ้นเตียงกับเขา นางก็ยังดื้อด้านไม่ยอมแต่ง!หลี่จือหลินมองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาเจ็บ







