Home / แฟนตาซี / ภรรยาแสนร้ายกับนายขี้โรค / ตอนที่ 1 ผีเร่ร่อนดูหมอลำ

Share

ภรรยาแสนร้ายกับนายขี้โรค
ภรรยาแสนร้ายกับนายขี้โรค
Author: กัญจารีย์

ตอนที่ 1 ผีเร่ร่อนดูหมอลำ

last update Last Updated: 2025-12-08 11:13:44

กลางเดือนมีนาคมปีสองพันห้าร้อยสี่สิบ วันนี้เป็นงานบุญประจำปีหรือบุญพระเวสสันดรของหมู่บ้านคำม่วง เสียงเพลงโบว์รักสีดำกำลังถูกบรรเลงขึ้นอย่างสนุกสนาน ขับร้องโดยนักร้องหญิงของหมอลำคณะ ‘ล้มลุกคลุกคลานบันเทิงศิลป์’ เหล่าบรรดาชายหญิงที่กินเหล้าจนเมาได้ที่ต่างลุกขึ้นไปเต้นหน้าเวทีจนฝุ่นตลบ

“สนุกไหม” ชายร่างใหญ่บึกบึนเอ่ยถามมะปรางที่เป็นผีเร่ร่อนมาเกือบหนึ่งเดือน เธอกำลังนั่งหย่อนขาทำหน้าซังกะตายดูหมอลำอยู่บนกิ่งต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ข้างศาลาการเปรียญในวัด

            หึ ถามได้ว่าสนุกไหม ดูหน้าก็รู้แล้วมั้ง มะปรางบ่นในใจ

“ก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้ดูค่ะ” ถึงเธอจะเป็นคนอีสานแต่เธอก็ไม่สันทัดเรื่องหมอลำสักเท่าไร ถ้าให้ดูช่วงที่หมอลำเต้นโชว์การแสดงและช่วงตลกเธอก็พอดูได้ แต่ถ้าจะให้ดูช่วงลำเรื่องต่อกลอนเธอคงเข้าไม่ถึง ดวงตากลมแหงนมองยมทูติหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ท่านยมพาข้ามาที่นี่ทำไมคะ” นี่มันไม่ใช่ยุคปัจจุบันที่เธอเคยอยู่เลยสักนิด

            “หาร่างให้เจ้าอยู่ยังไงล่ะ”

            “ฮะ! หาร่างให้ข้าอยู่” มะปรางถามเสียงสูงแต่คนตัวใหญ่ยังวางหน้านิ่ง

            “อืม!”

            “ที่นี่อะนะ”

            “ใช่” ก็ตลอดเวลาเกือบเดือนที่เขาหาร่างใหม่ให้เธอ เธอก็ไม่เคยพอใจสักร่าง อ้วนบ้างละ ไม่สวยบ้างละ ผิวดำบ้างละ ฟันเหยินบ้างละ ตอนนี้คงไม่มีร่างให้เลือกอีกแล้ว เพราะอย่างไรก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องไปเกิดใหม่แล้ว

            มะปรางทำท่าทางผะอืดผะอม “เอาเถอะ ยังไงก็ขอคนสวย ๆ หน่อยก็แล้วกัน” มะปรางพูดอย่างปลง ๆ อย่างไรเธอก็ไม่สามารถกลับเข้าไปอยู่ในร่างเดิมได้อีกแล้ว เหตุเพราะยมทูติทำงานผิดพลาด พาวิญญาณเธอออกจากร่างก่อนกำหนด กว่าทางนรกจะตรวจสอบประวัติเธอเสร็จ ร่างของเธอในยุคปัจจุบันก็โดนเผาเป็นเถ้าถ่านไปหมดแล้ว

            รับรู้ได้ถึงน้ำเสียงเนือย ๆ ของอีกฝ่ายยมทูติจึงเอ่ยถาม “เจ้ายังโกรธข้าอยู่อีกรึ”

            “แน่นอนสิ ก็เพราะท่านคนเดียวที่ทำให้ข้าต้องกลายมาเป็นผีเร่ร่อนแบบนี้” มะปรางว่าเสียงเง้างอน

            “แหม…ก็แค่เอาวิญญาณเจ้ามาก่อนอายุขัยแค่เดือนเดียวเอง ก็ดีแล้วไม่ใช่รึเจ้าจะได้ไม่ต้องทรมานไง”

            “อือ ก็ดี แต่ข้าขอไปเป็นยมทูติกับท่านไม่ได้รึ” มะปรางต่อรอง เพราะตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ยมทูติหนุ่มคนนี้คอยอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอด การที่ยมทูติให้เธอตายก่อนวัยอันควรมันก็ดีไปอย่าง เพราะเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ซึ่งก็ใกล้จะลาโลกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และการนอนอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นก็เป็นอะไรที่ทรมานสุด ๆ

            “ไม่ได้” ยมทูติพูดขึ้นเสียงแข็ง

            “แต่ข้าทำงานเก่งนะ” มะปรางยังไม่ย่อท้อ เธอเป็นถึงพยายาบาลชำนาญการเชียวนะ ถึงอายุขัยสุดท้ายเธอจะอายุสี่สิบปีแล้วแต่เธอก็ยังหน้าเด็กผิวขาวผ่องเป็นยองใยเหมือนกับหญิงสาววัยยี่สิบปลายเท่านั้น

            “เขารับแต่ผู้ชาย” ท่านยมทูติทำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ มือใหญ่ถอดต่างหูโบราณออกมาจากหูตัวเองทั้งสองข้างแล้วยื่นให้หญิงสาวพร้อมเอ่ยต่อ “เอ้านี่ เจ้าเอาสิ่งนี้ไป ถือว่าข้าไถ่โทษที่ทำผิดต่อเจ้าก็แล้วกัน สิ่งนี้แม่ข้าให้มาก่อนที่ข้าจะไปเป็นยมทูติที่นรก”

            มะปรางทำหน้าหงอย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันคงสำคัญกับท่านมาก” แม่เขาอุตส่าห์ให้มาเธอจะรับไว้ได้อย่างไร และความผิดของเขาเธอก็ไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว

            “รับไว้เถอะน่า ถึงข้าเก็บไว้ข้าก็คงไม่ได้ใช้ประโยชน์” นรกไม่จำเป็นต้องมีสิ่งของมีค่าใด ๆ ทั้งสิ้น

            มะปรางชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะรับมาและกล่าวขอบคุณด้วยความเกรงใจ

            ยมทูติทำท่าเตรียมจะจากไป

            “ท่านจะไปแล้วเหรอ” มะปรางมองเขาตาละห้อย ต่อไปนี้เธอคงไม่มีเพื่อนคุยแล้ว

            “อือ ข้าต้องไปทำงานแล้ว เสร็จงานนี้ข้าก็ต้องไปรับโทษที่ข้าทำผิดต่อเจ้าไว้” ถ้าท่านยมทูติพูดเช่นนี้ก็แสดงว่ากำลังจะมีคนสิ้นอายุขัย

            “ท่านต้องรับโทษอย่างไรบ้างรึ” มะปรางเอียงคอถาม

            “ยืนคนกระทะทองแดงร้อน ๆ โดยไม่มีวันหยุดเป็นเวลาหนึ่งเดือนเท่ากับเวลาที่ข้าเอาวิญญาณเจ้ามานั่นแหละ” อุณหภูมิกระทะทองแดงสูงกว่าหนึ่งพันองศาเซลเซียส ใครกันอยากจะไปยืนอยู่นาน ๆ ผิวเสียแย่

            “ข้าไม่มีท่าน ข้าคงเหงา”

            “เจ้าจะไม่มีเวลาได้เหงาเลยละ ข้าต้องไปรับวิญญาณแล้ว”  สิ้นคำร่างสูงใหญ่ผิวสีเข้มก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา

            นักร้องนำหญิงกำลังร้องเพลงโบว์รักสีดำท่อนสุดท้ายพอดี ทันใดนั้นหน้าเวทีก็เกิดเหตุลชุลมุนวุ่นวายขึ้น เหตุเพราะมีวัยรุ่นเต้นเหยียบเท้ากันการตีกันจึงได้เริ่มต้นขึ้น ทั้งขวดแก้วทั้งท่อนไม้ปลิวว่อนอยู่ในอากาศ เสียงคนหวีดร้องกันดังระงม บ้างดึงแขนลูกที่กำลังหลับอยู่ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว บ้างเก็บเสื่อที่ใช้ปูนั่งแล้วพากันเตรียมกลับบ้าน หมอลำก็หยุดทำการแสดงทันที

            ขวดแก้วขนาดบรรจุหนึ่งลิตรใบเปล่าที่ใช้บรรจุน้ำสีใสสี่สิบดีกรีลอยไปปะทะศีรษะของหญิงสาวที่กำลังเต้นมั่วอยู่กับชายหนุ่มอีกหลายคนที่หน้าเวทีอย่างแรง คนกลุ่มนั้นไม่ได้สนใจอะไรเลยว่าตอนนี้กำลังมีคนตีกัน

            “โอ๊ย!” สิ้นเสียงของผู้หญิงคนนั้นเธอก็ล้มลงกับพื้นดินที่มีคนกำลังวิ่งหลบขวดกันให้วุ่น ศีรษะของเธอเหนือท้ายทอยขึ้นมามีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก

            ไม่ถึงสองนาทีวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นก็ออกจากร่าง พอเห็นยมทูติยืนอยู่ตรงนั้นมะปรางก็มายืนดูเช่นกัน ปกติเธอชอบดูยมทูติทั้งหลายทำงาน ซึ่งตอนนี้ก็มาเพิ่มอีกสองตนแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ภรรยาแสนร้ายกับนายขี้โรค   ตอนที่ 20 ปฏิเสธสิ่งที่ชอบ

    “พี่เคนคิดว่าดีไหมคะ พี่กับฉันจะได้เป็นอิสระเสียที และถ้าพี่อยากมีคนใหม่ก็สามารถมีได้เลย” มาลีคิดว่าวิธีนี้คงดีที่สุดแล้ว นานครั้งเธอค่อยกลับมาเยี่ยมเด็ก ๆ ก็ได้ ความห่างจะทำให้เด็กทั้งสองเข้มแข็งและยอมรับมันได้โดยปริยาย “ก็ดี” เคนตอบแบบขอไปที จะให้เขาพูดอะไรได้ล่ะก็ในเมื่อเธอต้องการอย่างนั้น อีกอย่างเขาเองที่เป็นฝ่ายอยากเลิกกับเธอ “ค่ะ ถ้าฉันไม่อยู่แล้วให้อาสามาช่วยดูเด็ก ๆ ก็ได้นะคะ” “อือ…นอนเถอะพี่ง่วงแล้ว” เขาไม่อยากฟังเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว เหมือนทุกอย่างมันกำลังจะไปได้ดี แต่มันกลับไม่ใช่ เคนนอนหันหน้าเข้าฝาผนัง อยู่ดี ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ในที่สุดวันที่เขากับเธอต้องจากกันจริง ๆ ก็กำลังจะมาถึง มาลีอาจจะวางแผนไปกรุงเทพฯ พร้อมกับสกล ถ้าทั้งสองไปอยู่กรุงเทพฯ แล้ว ถึงชาวบ้านนินทาพวกเขาก็คงไม่ได้ยิน และคงไม่รู้สึกอะไร มีแต่เขาที่ต้องทนฟังคำดูหมิ่นดูแคลนจากชาวบ้านที่ปล่อยให้เมียหนีตามผู้ชายไป “วันนี้ไม่ไปช่วยเคนมันทำบ้านเหรอเริง” ฟั่นถามลูกเมื่อสายแล้วสำเริงยังไม่ได้ไปไหน ปกติสำเริงจะออกไปบ้านพี่ชายแต่เช้า

  • ภรรยาแสนร้ายกับนายขี้โรค   ตอนที่ 19 วางแผนไว้แล้ว

    เช้าวันต่อมาเคนจึงได้ทำความเข้าใจเรื่องสร้างบ้านกับน้องชายใหม่ โดยต้องจ้างช่างมาทำบ้านให้ เพราะจากบ้านขนาดแปดสิบตารางเมตร มาลีจะสร้างบ้านปูนชั้นเดียวขนาดห้าสิบตารางวา ที่มีสองห้องนอน หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องน้ำ และมีระเบียงหน้าบ้านด้วย งบประมาณไม่เกินสองแสนบาท แต่กระนั้นก็ถือว่าได้บ้านหลังใหญ่และหรูมากแล้ว สำเริงต่างแปลกใจที่อยู่ดี ๆ พี่ชายก็มีเงินเก็บมากมายจนสามารถสร้างบ้านหลังใหญ่ได้ อดใจไม่ไหวจึงเอ่ยถาม “พี่เคนเอาเงินมาจากไหนครับ” “เงินที่ฉันไปทำงานต่างประเทศไง” “ยังเหลืออีกเหรอครับ” เขาถามเสียงสูง กลับมาจากเมืองนอกสองปีแล้วเพิ่งจะพูดถึงเงินเก็บ ความรู้สึกช้าไปไหม “อื้อ ม่วยอำฉันเล่นว่าเงินหมดแล้ว ที่จริงพี่สะใภ้แกเก็บเงินไว้ใช้ในยามจำเป็นมากกว่า” ภรรยาบอกเขาเช่นนั้น และเขาก็พร้อมจะเชื่อหมดใจ หากไม่เห็นกับตาเขาก็อาจจะไขว้เขวบ้าง เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาหากเธอประหยัดเงินจนทำให้เขาผอม เขาก็พร้อมจะให้อภัย “พี่เคนพูดเรื่องจริงเหรอครับ” สำเริงยังไม่อยากเชื่อนัก “จริงสิ แกเห็นฉันเป็นเพื่อนเล่นหร

  • ภรรยาแสนร้ายกับนายขี้โรค   ตอนที่ 18 กินข้าวไม่ลง

    “ทั้งผัวหลวงผัวน้อยช่วยกันทำมาหากินดีเนอะ”“นังม่วยมันทำบุญด้วยอะไรวะช่างโชคดีจริง ๆ” คนกลุ่มนั้นยังนินทาไม่หยุด ก่อนที่เคนจะเคลื่อนรถเข็นเข้าไปหาพวกเขา“ม่วยขยันจังเลยนะ รู้จักทำมาหากินช่วยผัว” เสียงหนึ่งแสร้งเอ่ยชม ทั้งที่ก่อนหน้ายังนินทาเธออยู่เลย แต่มาลีก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังพูดประชด“ค่ะ ไม่อยากอยู่เฉย ๆ แล้วนินทาชาวบ้านไปวัน ๆ เหมือนใครบางคนน่ะค่ะ” เป็นน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่ทำไมคนที่ยืนฟังอยู่ตรงนั้นถึงได้รู้สึกเจ็บจิ๊ดเข้าไปถึงในทรวง ป้า ๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นสามสี่คนได้แต่ทำหน้าเลิ่กลั่ก“แต่ก็ไม่ได้ไปกับผัวตัวเอง” ป้านีพูดขึ้นเหมือนรู้ดีเคนและลูกทั้งสองต่างมองหน้ามาลีเมื่อได้ยินป้านีพูดแบบนั้น “แม่ไปกับใครเหรอครับ”“ก็ไปกับ…”“ถ้าไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จป้าก็อย่าพูดส่งเดชเลยค่ะ ฉันไม่อยากให้ลูกได้ยินเรื่องที่ไม่เป็นความจริง” ป้าคนนั้นชะงักปากเมื่อมาลีพูดสวนขึ้นก่อน“ก็มีคนเขาเห็น…”“เห็นอะไรคะ ถ้าสิ่งที่ป้าพูดมาไม่เป็นความจริงฉันจะไหมปากป้านะคะ” ป้านียืนอ้าปากหวอ “พูดต่อสิคะว่าคนเขาเห็นอะไร” มาลียืนจ้องหน้าป้านีไม่วางตาแล้วร่ายต่อ “ที่จริงการนินทาชาวบ้านก็มีส่วนดีนะคะ เพรา

  • ภรรยาแสนร้ายกับนายขี้โรค   ตอนที่ 17 เร้าหรือ

    ตลอดทางที่เดินกลับบ้านด้วยกันสกลพยายามหว่านล้อมให้มาลีใจอ่อนอีกทั้งยังเข้ามาเดินใกล้ ๆ และมาช่วยเข็นรถจนมาลีรู้สึกอึดอัด“อากลอย่าทำอย่างนี้เลย มันไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ” “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่สะใภ้ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ หรือว่าพี่สะใภ้ความจำเสื่อม” สกลยังไม่ละความพยายาม ทำไมพอเธอตื่นขึ้นมาแล้วคำพูดคำจาถึงได้เปลี่ยนไป “ถ้าฉันความจำเสื่อมฉันจะจำใครต่อใครได้เหรอคะ” มันก็จริง… “แต่ทำไมพี่สะใภ้ถึงตัดความสัมพันธ์กับฉันได้ง่ายดายนัก ทั้งที่เราก็คบกันมาตั้งหลายปี” “ฉันไม่อยากให้ใครมองว่าสามีฉันโง่อีกต่อไปแล้วค่ะ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้ลูกโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อเลียนด้วยค่ะ ฉันสงสารพวกเขา” ความทรงจำเดิมบอกกับเธอว่าเอื้อที่เพิ่งเรียนจบชั้นปอหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เธอจะมาอยู่ในร่างนี้เขาโดนเพื่อนล้อว่าเขามีพ่อใหม่ จนต้องร้องไห้กลับบ้าน แต่ตอนนั้นมาลีไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับเสียงร้องไห้ของลูกเลย เธอยังทำตัวให้คนนินทาตามปกติ แต่มาลีคนนี้ไม่มีทางให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับลูกอีกอย่างแน่นอน “แต่ฉันจะรอ รอจนกว่าพี่สะใภ้จะเลิก

  • ภรรยาแสนร้ายกับนายขี้โรค   ตอนที่ 16 ต่างหูขจร

    เช้าวันรุ่งขึ้นมาลีเตรียมตัวออกเดินทางแต่เช้า เพราะเธอกะว่าจะกลับไม่เกินเที่ยง สามีนำรถเข็นมาให้แล้ว เธอก็ขนตะกร้าไม้ไผ่สี่ใบขึ้นรถ และน้ำเย็นอีกหนึ่งกระติก มีขวดน้ำประมาณหนึ่งลิตรติดไปด้วย เพราะเธอจะเอาเข้าไปในป่าไผ่ด้วย “แม่คะหนูไปด้วยได้ไหมคะ” อุ่นทำท่างอแงแล้วปีนขึ้นไปบนรถเข็นของแม่โดยมีพี่ชายเป็นคนยกก้นช่วย จนเธอเข้าไปนั่งรออยู่ในรถเข็นแล้วมองแม่ตาละห้อย “ผมก็อยากไปด้วย” “ไปไม่ได้หรอกลูก” เธอไม่อยากห่วงหน้าพะวงหลังจึงบอกลูกเช่นนั้น ถึงจะรู้สึกสงสารลูกแต่เธอก็ต้องใจแข็ง “อุ่นกับเอื้อไม่ไปหรอกลูก เกะกะแม่เปล่า ๆ ถ้าพ่อทำบ้านเสร็จเดี๋ยวพ่อจะพาไป พ่อจะพาไปหารังผึ้งด้วยดีไหม รออีกสักสองสามวันพ่อก็ทำบ้านเสร็จแล้ว” เคนย่นระยะเวลาการทำบ้านเข้ามาอีกเพื่อให้ลูกรู้สึกสบายใจขึ้นและยอมที่จะไม่ไปกับแม่ “ผมอยากไปหารังผึ้งกับพ่อครับ” “หนูก็อยากค่ะ” “งั้นรอไปพร้อมกับพ่อนะ” “ค่ะ” อุ่นยกแขนทั้งสองข้างขึ้นให้พ่ออุ้มลงจากรถเข็น เคนจึงหันไปพยักหน้าให้ภรรยาเข็นรถออกไป มาลียิ้มให้เขาแล้วเดินออกไปท

  • ภรรยาแสนร้ายกับนายขี้โรค   ตอนที่ 15 แยกบ้าน

    มาลีเดินออกจากบ้านแม่ก็เดินไปดูพื้นที่แปลงที่จะปลูกบ้าน เคนเดินดูป่ากล้วยน้ำว้าที่มีพื้นที่มากกว่าสองร้อยตารางวา มาลีรู้สึกผิดหวังกับผู้เป็นแม่เล็กน้อย เธอไม่คิดว่าแม่กับพี่สาวจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะเธอทำตัวไม่ดีเอง ทุกคนจึงไม่อยากให้ความช่วยเหลือ “เราต้องตัดต้นกล้วยออกก่อน” เคนบอกภรรยา “ค่ะ” “เดี๋ยววันนี้พี่จะเริ่มทำเลย พรุ่งนี้จะวานไอ้เริงมาช่วย สองอาทิตย์ก็น่าจะเสร็จ” บ้านที่นำมาปลูกก็คงต้องรื้อจากหลังเดิมเล็ก ๆ มาปลูกก่อน เขาก็หวังว่าสักวันจะนำพาครอบครัวให้ดีขึ้นได้ “ฉันจะช่วยพี่อีกแรงค่ะ” “ให้หนูช่วยด้วยนะคะ” “ผมช่วยด้วยครับ” พ่อกับแม่ยิ้มให้ลูกทั้งสองที่ทำท่ากระตือรือร้นจะช่วยพ่อกับแม่ พวกเขาเป็นกำลังใจที่ดีของพ่อกับแม่ให้ก้าวต่อไปเสมอตอนเย็นวันเดียวกันเคนจึงพาครอบครัวไปคุยกับพ่อแม่เรื่องย้ายบ้าน “ผมขอแบ่งควายไปด้วยสักตัวได้ไหมครับพ่อ” เคนถามพ่อ อย่างน้อยถ้ามีควายเขายังพอไปรับจ้างได้ “เอาไอ้จ่อยไปก็แล้วกัน” กำพลพูดน้ำเสียงอ่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status