Home / รักโบราณ / ภาพวาดลิขิตรัก / บทที่2 ความจำเสื่อม

Share

บทที่2 ความจำเสื่อม

Author: SnailW
last update Huling Na-update: 2025-05-29 16:58:21

หลังจากยืนงงอยู่หน้าบ้านเป็นเวลาชั่วครู่ หลันโจวที่วิ่งไปหามารดาก็วิ่งกลับออกไปที่หน้าบ้านหายไป แล้วกลับมาพร้อมชายสวมชุดสีขาวถือกล่องไม้กลับเข้ามา ดูจากชุดที่ใส่และท่าทางของอีกฝ่ายก็พอจะเดาได้ว่า เขาคงถูกหลันโจวลากมาที่นี่อย่างเร่งรีบ

“นางอยู่นั่นท่านหมอ” หลันโจวชี้นิ้วมาที่หนิงเหอที่กำลังยืนมองทั้งคู่อยู่

หนิงเหอมองท่านหมอที่หลันโจวพามาอย่างสังเกต อีกฝ่ายอายุราว ๆ สามสิบต้น ๆ ไม่ใช่คนแก่อย่างที่นางคิดเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ หนิงเหอก็ได้กลิ่นสมุนไพรที่ติดตัวอยู่กับเสื้อผ้าของอีกฝ่ายทันที

หลันโจวจูงมือหนิงเหอมานั่งที่แคร่ด้านหน้า เพื่อให้อีกฝ่ายได้ตรวจดูอาการ แม้จะดูเสียมารยาทอยู่บ้างที่ให้อีกฝ่ายตรวจอาการของน้องสาวกลางแจ้งเช่นนี้ แต่ก็เป็นการดีกว่าให้เข้าไปตรวจภายในห้องด้านใน เพราะเนื่องจากน้องสาวของเขาก็อายุสิบสองปีแล้ว แม้จะเป็นท่านหมอมาตรวจดูอาการ ก็ควรเว้นระยะห่างระหว่างชายหญิง

ท่านหมอมู่ต้าเต๋อไม่ได้มีสีหน้าไม่ชอบใจแต่อย่างใด เขานั่งลงที่แคร่ด้านข้างของหนิงเหอ ก่อนจะจับชีพจรของนางเพื่อตรวจสอบหาโรค

“นางไม่ได้เป็นอะไรมากนัก เพียงแต่มีไข้เล็กน้อยและร่างกายอ่อนแอต้องบำรุง”

มู่ต้าเต๋อมองหน้าเด็กสาวตรงหน้าความสงสาร เป็นที่รับรู้กันว่า ครอบครัวกู้นี้ยากจนแสนเข็ญ แม้เสาหลักครอบครัวอย่างกู้อวี้สยง ที่เป็นบิดาของนางจะขยันเข้าไปในป่าเพื่อล่าสัตว์นำไปขายในเมืองมากเพียงใด แต่ด้วยฟู่หลินภรรยาของเขาป่วยมานาน ทำให้เงินที่หามาได้ส่วนใหญ่ จึงนำไปซื้อยาให้แก่นางจนหมด และมาตอนนี้ลูกสาวยังมาป่วยอีก ช่างน่าเห็นใจเสียเหลือเกิน

“แต่ว่าท่านหมอ นางเป็นลมไปเมื่อตื่นขึ้นมากลับจำอะไรไม่ได้” หลันโจวรีบกล่าวขึ้น เพื่อกลัวว่าท่านหมอมู่จะตรวจรักษาได้ไม่ละเอียด

“จำอะไรไม่ได้?” มู่ต้าเต๋อมองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัย ก่อนจะพบว่า หนิงเหอเองก็มองมาที่เขาไม่หลบสายตาด้วยเช่นกัน

มู่ต้าเต๋อใจหายวาบ สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะจับข้อมืออีกฝ่ายมาตรวจดูอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าชีพจรของนางเต้นแผ่วสลับหนัก ไม่ดูเหมือนคนที่ป่วยหนักเลย

“เจ้าเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่?” มู่ต้าเต๋อสอบถามอาการของนางเพิ่มเติม

หนิงเหอคิดเล็กน้อย ก่อนจะนึกได้ว่า เมื่อตอนที่นางตื่นขึ้น นางรู้สึกเจ็บที่ศีรษะอยู่จริง เมื่อนึกได้ดังนั้นนางจึงจับไปที่หัวตนเองเพื่อสำรวจ ก่อนจะร้องเสียงหลงออกมาเพราะไปแตะถูกศีรษะของตนเอง

“อ๊ะ” หนิงเหอเจ็บจนน้ำตาไหล เมื่อครู่เพราะยังมึนงงกับสิ่งรอบข้างอยู่ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ แต่ตอนนี้เมื่อนางสัมผัสถูกศีรษะ ก็พบว่ามีเลือดออกอยู่หน่อยๆ

มู่ต้าเต๋อยืนขึ้นทันที ก่อนจะใช้มือแหวกกลุ่มผมเพื่อตรวจสอบบาดแผล

“หัวแตกเล็กน้อยเท่านั้น มีความเป็นไปได้ที่นางจะล้มหัวฟาดพื้นทำให้จำอะไรไม่ได้” เขาเคยเจอคนไข้รายหนึ่งที่ขึ้นเขาไปเก็บของป่า และพลัดตกหน้าผา เมื่อฟื้นขึ้นมากลับจำอะไรไม่ได้ เพียงหลายเดือนต่อมาอีกฝ่ายก็กลับจำเรื่องราวได้เท่านั้น ไม่น่าอันตรายเท่าใด

“ข้าจะจัดยาลดไข้และยาใส่แผลที่ศีรษะให้ กินติดต่อกันสามวัน นางน่าจะดีขึ้นแล้ว” มู่ต้าเต๋อกล่าว ก่อนจะเตรียมตัวกลับบ้านตนเองเพื่อไปจัดยาให้อีกฝ่าย

“เออ...ท่านหมอมู่ ค่ายาทั้งหมดเท่าไรอย่างนั้นหรือ?” หลันโจวสอบถามอีกฝ่ายด้วยความลำบากใจเล็กน้อย

“ค่ายาสิบอีแปะ ส่วนค่าตรวจรักษาข้าไม่คิด รอวันไหนเจ้าว่าง ๆ ก็ไปช่วยข้าหั่นสมุนไพรตากก็แล้วกัน” มู่ต้าเต๋อตอบกลับอีกฝ่าย ครอบครัวนี้ยากจนยิ่ง หากเขาเก็บค่ารักษากับอีกฝ่ายมากเกินไป ก็จะเป็นการซ้ำเติม โชคดีที่เด็ก ๆ ทั้งสามคนของบ้านนี้เป็นเด็กขยัน เขาจึงรู้สึกเอ็นดูพวกเขายิ่ง

“ขอบคุณท่านหมอมู่ พรุ่งนี้ข้าจะพาน้องชายไปช่วยท่านตากยาเอง” หลันโจวโค้งตัวขอบคุณอีกฝ่าย ก่อนจะเข้าไปในบ้านเพื่อนำเงินสิบอีแปะ มามอบให้แก่ท่านหมอ

หนิงเหอมองตามหลังส่งท่านหมอจากไป ก่อนจะหันไปถามอีกฝ่าย

“ท่านบอกว่าน้องชาย? พวกเรามีน้องชายอยู่อีกอย่างนั้นหรือ?”

“หนิงเหอ แม้แต่เหวินอี้เจ้าก็จำไม่ได้หรือ?” หลันโจวมองหน้าน้องสาวด้วยสายตาเศร้าสร้อย

หนิงเหอส่ายหน้า ก่อนจะกล่าว

“ข้าจำได้เพียงว่าข้าชื่อหนิงเหอ นอกนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย” หนิงเหอแสร้งทำเป็นเศร้าใจ เพื่อโป้ปดอีกฝ่าย

ทำเอาหลันโจวถึงกลับทำหน้าไม่ถูก “น้องสาวอย่าเศร้าใจไปเลย ในเมื่อจำไม่ได้แล้วก็แล้วไปเถิด รอท่านพ่อและน้องชายกลับมา เรื่องที่เจ้าจำไม่ได้พวกเราจะเป็นคนบอกกับเจ้าเอง”

…………………………

ยามโหย่ว (17.00 น.)

กู้อวี้สยงและกู้เหวินอี้ลูกชายคนรองก็กลับเข้ามา หลันโจวที่อยู่บ้านก็เล่าเรื่องหนิงเหอให้ทุกคนในบ้านได้ฟัง กู้อวี้สยงมองมาทางลูกสาวด้วยความเป็นห่วง เมื่อทุกคนได้ทราบเรื่องของหนิงเหอแล้ว กู้หลันโจวจึงเป็นคนเล่าเรื่องของครอบครัวให้แก่น้องสาวได้ฟัง

ครอบครัวกู้นี้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมดห้าคน บิดาชื่อกู้อวี้สยง มารดาชื่อฟู่หลิน กู้หลันโจวเป็นพี่ชายคนโต อายุสิบหกปี ส่วนกู้เหวินอี้พี่ชายคนรองและกู้หนิงเหอนั้นเป็นฝาแฝดกัน อายุสิบสองปี

เป็นเพราะในตอนคลอดฝาแฝดทั้งสองนั้น ฟู่หลินมารดาอยู่ในสภาวะคลอดยาก ทำให้ในระหว่างที่คลอดเสียเลือดไปมาก ร่างกายจึงอ่อนแอจนถึงทุกวันนี้

ครอบครัวของพวกนางดำรงชีพโดยมีบิดาล่าสัตว์เข้าไปขายในเมือง ส่วนกู้หลันโจวและกู้เหวินอี้นั้นคอยเก็บเศษไม้บนเขามาขายเป็นฟืน ทำให้ครอบครัวสามารถซื้อยาให้มารดากินในแต่ละเดือนได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้เงินไม่มาก

หนิงเหอมองชามข้าวต้มที่อยู่ตรงหน้าอย่างเซื่องซึม ตรงหน้านางนี้อย่าเรียกว่าข้าวต้มจะดีกว่า เพราะมันมีข้าวอยู่น้อยมาก มีเพียงน้ำข้าวต้มที่ใสอยู่ในชาม แต่เมื่อมองบิดาและพี่ชายทั้งสองของตนที่ในมือมีเพียงแผ่นแป้งแล้ว น้ำข้าวต้มในชามของนางและมารดายังถือว่าดีอยู่มาก

บนโต๊ะอาหารมีผัดผักป่า ผักดอง และน้ำแกงอยู่อย่างละชาม มองดูก็รู้ว่าอาหารเหล่านี้คงเป็นอาหารที่พวกเขากินกันอยู่ทุกวันแล้ว

หนิงเหอมองดูแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ แต่เพราะตั้งแต่เช้าที่นางเข้ามาอยู่ในร่างนี้ อาหารยังไม่ตกถึงท้องเลยสักอย่าง หนิงเหอจึงทำเพียงกลั้นใจตักข้าวต้มขึ้นมากิน ก่อนจะตักผักดองลงไปในชามด้วย อย่างนั้นก็ขอให้ได้มีอะไรลองท้องไปก่อนก็แล้วกัน นางไม่อยากอดตายเอาตอนนี้ และโชคดีอยู่มากว่าแม้จะเป็นเพียงข้าวต้มและผักดอง อาหารเหล่านี้ก็มีรสชาติที่ไม่เลวเลยทีเดียว นางยอมรับฝีมือการทำอาหารของมารดามากทีเดียว

หนิงเหอพยายามตักทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะอาหารลงท้องตนเอง โดยมีสายตาจากคนในครอบครัวมองดูนางอยู่ กู้หลันโจวถึงกับกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ เมื่อเห็นท่าทางการกินของน้องสาว โดยปกติแล้วหนิงเหอมักกินเงียบ ๆ ไม่ส่งเสียง กินเพียงคำสองคำก็บอกว่าอิ่มแล้ว แต่ดูจากตอนนี้นางราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาไม่รู้ว่าการเปลี่ยนไปของนางนี้ดีหรือไม่ดีจริง ๆ

…………………………..

 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ภาพวาดลิขิตรัก   ตอนพิเศษ5(จบ)

    ตอนพิเศษ 5ยามจื่อ (23.00น.-00.59น.)เจิ้งหย่งซีและกู้หนิงเหอที่พึ่งจะสะสางงานของตนเองเสร็จ จึงเดินมาที่เรือนของเด็กๆ ทั้งสามคนเพื่อดูว่าพวกเขาเข้านอนกันรึยัง ก่อนจะเห็นสาวใช้ของพวกเด็กๆ กำลังช่วยกันเก็บกระดาษที่ใช้การไม่ได้แล้วออกมาด้วยฝีเท้าเบาเมื่อสาวใช้เห็นทั้งสองคนก็รีบย่อกายเคารพทั้งสอง“พวกเด็กๆ ยังไม่นอนหรือ?” เจิ้งหย่งซีถามสาวใช้ทั้งสองด้วยความแปลกใจ เพราะเวลานี้เองก็ดึกมากแล้ว พวกเด็กๆ ควรจะนอนได้แล้ว“ท่านอ๋องน้อยทั้งสองกับท่านหญิงกำลังคัดอักษรกันอยู่เจ้าค่ะ แต่ข้าน้อยเห็นว่าทั้งสามก็เริ่มง่วงกันบ้างแล้ว จึงแอบหยิบกระดาษเหล่านี้ออกมาจัดการก่อนเจ้าค่ะ”สาวใช้คนหนึ่งรีบรายงานเจิ้งหย่งซีที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้ทั้งสอง ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายไปจัดการงานของตนเองส่วนตัวเขาและกู้หนิงเหอก็เดินเข้าไปที่ตัวเรือนด้านในเพื่อดูลูกๆ ของตนเองแต่เมื่อเข้าไปด้านในก็ต้องเบาฝีเท้าของตนเองลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่า เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสามคนตอนนี้ ต่างหลับคาโต๊ะหนังสือไปเรียบร้อยแล้วโดยที่เจิ้งเลี่ยงหรูและเจิ้งเลี่ยงหลิงหน้าฟุบลงที่โต๊ะหนังสืออยู่ ส่วนเจิ้งหลงเป่าตอนนี้นอนแผ่หลาอยู่ที่พื้

  • ภาพวาดลิขิตรัก   ตอนพิเศษ4

    ตอนพิเศษ 4“ไทเฮา พะยะค่าาาา”ขณะที่ผู้ใหญ่กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง เสียงเล็กๆ ของเจ้าแฝดคนหนึ่งก็ดังขึ้น โดยที่เสียงมาก่อนตัวคนเสียอีกไม่ต้องเดาทุกคนที่อยู่ภายในห้องก็รู้ว่าเป็นแฝดคนไหนเจิ้งหลงเป่าวิ่งตุ๊ต๊ะเข้ามาทันทีที่สิ้นเสียง เพียงผ่านธรณีประตูเพียงก้าวเดียว เมื่อเห็นว่ามีใครอยู่ภายในห้องโถงบ้าง เจ้าตัวก็ยิ้มแฉ่งจนสามารถเห็นฟันครบทุกซี่“หลงเป่า อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ? มานี่สิ ให้ข้าดมดูหน่อยว่ายังเหม็นอยู่หรือไม่” เมื่อเห็นหลานชายตัวเล็กวิ่งเข้ามา ไทเฮาก็กล่าวกับเขา พร้อมอ้าแขนทั้งสองข้างเพื่อรอรับอีกฝ่ายโถมตัวเข้ามาหาทันทีเจิ้งหลงเป่าเองก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง เขารีบวิ่งไปหาหญิงชราที่ตนเองเรียกว่าไทเฮาทันที เพื่อให้อีกฝ่ายได้พิสูจน์ว่าตัวเขาไม่เหม็นแล้วอีกต่อไปฟืดดด“อ่าา หลงเป่าไม่เหม็นแล้วจริงๆ ด้วย” ไทเฮากล่าวกับเขาอย่างอ่อนโยน นางมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับเจ้าแฝดทั้งสามคน อาการเจ็บป่วยที่มักจะเป็นอยู่บ่อยๆ ยามอยู่ในวังหลวง แต่เมื่อมาเห็นหน้าของทั้งสามแล้วคล้ายกับว่านางลืมความเจ็บป่วยของตนเองไป“หลงเป่าไม่เหม็นแล้ว เช่นนั้นคืนนี้ให้หลงเป่านอนกับท่านดีหรือไม่พะยะค่ะ” เ

  • ภาพวาดลิขิตรัก   ตอนพิเศษ3

    ตอนพิเศษ 3ส่วนลูกชายคนโตของนาง หรือแฝดคนที่สอง เจิ้งเลี่ยงหลิง (แปลว่า ระฆังที่ส่องสว่าง)ลูกชายคนนี้ของนางเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียบร้อยมาก หากเปรียบเทียบกับน้องชาย คนภายนอกอาจจะคิดว่าเจิ้งเลี่ยงหลิงเป็นเด็กที่ว่าง่ายและอยู่ในโอวาท พวกเขาคิดผิด!!!เจิ้งเลี่ยงหลิงเป็นเด็กที่ค่อนข้างดื้อเงียบ เจ้าคิดเจ้าแค้นและเป็นเด็กขี้รำคาญ ครั้งหนึ่งที่เจิ้งหลงเป่าแอบเอาพู่กันของเขาไปเล่นและเขาจับได้ เขาไม่ได้เปิดโปงและต่อว่าเจิ้งหลงเป่าทันที แต่วันต่อมาเจิ้งหลงเป่าก็ต้องร้องไห้ออกมาเสียงดังเพราะ ตุ๊กตาหุ่นไม้ของรักของหวงของเขา อยู่ๆ ชิ้นส่วนต่างๆ ก็หลุดกระจายออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เจิ้งหลงเป่าเศร้าเสียใจอยู่หลายวันทีเดียวตอนแรกนางก็เพียงคิดว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อพ่อบ้านเฉินที่คอยดูแลพวกเขามารายงานนาง ก็ทำเอานางและสามีถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว“ตุ๊กตาหุ่นไม้ของท่านชายรองมีร่องรอยของการแกะแยกชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อออกไปขอรับ ทำให้เมื่อคุณชายจับหุ่นไม้ขึ้นมา มันจึงมีชิ้นส่วนกระจัดกระจายออกไป…ข้าสอบถามองครักษ์เงาที่ดูแลแล้ว พบว่าเป็นฝีมือของท่านอ๋องน้อยขอรับ”“จะเป็นไปได้อย่างไร เจิ้งเลี่ย

  • ภาพวาดลิขิตรัก   ตอนพิเศษ2

    ตอนพิเศษ 2ตอนแรกเขาคิดว่าขอเพียงท่านแม่ตำหนินิดหน่อยก็ไม่น่าเป็นอะไรแล้ว แต่ดูจากสีหน้าท่านแม่ตอนนี้ที่ยังนิ่งเงียบอยู่ เจิ้งหลงเป่าก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อยู่ๆ เขาก็รู้สึกแสบจมูกแสบตาขึ้นมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาหยดใสๆ ก็เริ่มไหลรินออกมา“อึก ฟืดด” เจิ้งหลงเป่าก้มหน้าร้องไห้อยู่เงียบๆ เขารีบใช้แขนเสื้อของตนเองเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาทำเอาพ่อบ้านเฉินที่ยืนอยู่รู้สึกปวดใจมากเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าออกหน้ามาช่วยท่านชายรองของตนเอง“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองมีความผิดอะไร?” กู้หนิงเหอยังฝืนใจทำน้ำเสียงนิ่งเรียบกล่าวถามอีกฝ่ายเจิ้งหลงเป่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็ผงกหัว พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกผิดเอง ลูกไม่ตั้งใจคัดอักษรอยู่ในห้องกับพวกท่านพี่ และยังแอบมาเล่นในสวนโดยที่ไม่ได้บอกสาวใช้ตนเอง”กู้หนิงเหอมองลูกชายคนเล็กของตนเองสำนึกผิดด้วยความปวดใจ นางเองก็ทำโทษเขารุนแรงไม่ลงเช่นกัน แต่หากครั้งนี้ยังไม่ทำโทษเขาอีก เขาก็จะได้ใจไปเรื่อยๆบรรยากาศภายในสวนเป็นไปอย่างเคร่งเครียดในตอนนั้นเองที่ด้านหน้าประตูทางเข้าสวนมีความเคลื่อนไหว พร้อมกับกลุ่มผู้สู

  • ภาพวาดลิขิตรัก   ตอนพิเศษ1

    ตอนพิเศษ1ณ ดินแดนเหนือแห่งแคว้นเป่ยเอี้ยนแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศในช่วงเช้ามืดของที่นี่ก็มีสายลมเย็นเอื่อยเฉื่อยพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา ร้านรวงต่างๆ เริ่มเปิดหน้าร้านเพื่อต้อนรับลูกค้าในยามเช้าแล้วเสียงของเจ้าของร้านต่างทักทายเหล่าผู้พิทักษ์ความสะอาดตัวน้อยทั้งหลาย ที่ออกมากวาดถนนหนทางในเมืองให้แก่พวกเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและโอบอ้อมอารี“อรุณสวัสดิ์ เถ้าแก่จ้าว” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งกล่าวทักทายเจ้าของร้านแพรพรรณที่ออกมาเปิดร้านของตนเอง“อรุณสวัสดิ์ วันนี้ก็ฝากด้วยนะ” เฒ่าแก่จ้าวขานรับเด็กๆ“เจ้าค่ะ/ขอรับ” เด็กๆ_ที่มีไม้กวาดอยู่ในมือทั้งหลายตอบรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสผู้คนที่เคยมาเยือนเมืองเหนือแห่งนี้หลายครั้งจะเห็นภาพเหล่านี้ด้วยความชินตา แต่สำหรับผู้ที่เคยเดินทางมาที่นี่ครั้งแรกต่างประหลาดใจกับการทักทายเช่นนี้เป็นอย่างมากตอนนี้แดนเหนือที่เคยเป็นสถานที่ของเหล่าขอทานและเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน กลับกลายเป็นสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าใครก็อยากมาเที่ยวที่แห่งนี้สักครั้งในชีวิตโดยเฉพาะการได้แช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติของที่นี่ เป็นสิ่งที่แต่ละคนที่ได้แช่มันก่อนกลับไป_แล้วจะไปเล่าต

  • ภาพวาดลิขิตรัก   บทที่136 ยินดี (จบ)

    ตอนที่ 136 ยินดี (จบ)“พระชายา คือว่า…”“ข้าจะคลอดเขาให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม… ท่านเตรียมตัวเถอะ” กู้หนิงเหอกล่าวตัดบทกับอีกฝ่าย ก่อนจะหลับตาลงเพื่อเรียกแรงของตนเองกลับมาอีกครั้ง บ่งบอกว่านางจะทำตามที่นางพูดจริงหมอหลวงเกาที่ได้ยินดังนั้นก็เดินออกจากเรือนเพื่อไปเตรียมสมุนไพรด้วยตนเองแอ๊ดดเพียงเปิดประตูออกก็พบชินอ๋องที่ยืนอยู่ เจิ้งหย่งซีรีบเข้ามาถามอีกฝ่ายด้วยความร้อนใจ“หนิงเหอเป็นอย่างไรบ้าง?”หมอหลวงเกามองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะรายงานอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“เรียนท่านอ๋อง ในครรภ์ของพระชายายังมีเด็กอยู่อีกหนึ่งคนขอรับ และพระชายาเลือกที่จะคลอดเด็กออกมาให้ได้”เจิ้งหย่งซีและคนอื่นๆ ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต่างตื่นตะลึงและลุกขึ้นเดินมาหาเขาอีกที“ข้าจำเป็นต้องต้มยาขับเลือดเพื่อให้คลอดเด็กคนที่สามออกมาได้โดยไว ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายกับทั้งสองได้”“นางจะเป็นอันตรายหรือไม่?”เจิ้งหย่งซีถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่าย ทำให้หมอหลวงเกาไม่อาจตอบคำถามอีกฝ่ายได้ในตอนนั้นเอง หมอหลวงลู่ก็ได้เดินออกมา“หมอหลวงเกา ท่านไปต้มสมุนไพรเถิด… ท่านอ๋อง พระชายามีคำพูดหนึ่

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status