มหาเศรษฐีพ่อหม้ายลูกติดที่หวงความเป็นอิสระ หลังจาก 'หย่า' กับอดีตเมียแบบสุดโต่ง เขาเคยกล่าวไว้ ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นน่าเชื่อถือ ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีวันเดินลงไปในขุมนรกที่เรียกกว่ากรงวิวาห์อีกเด็ดขาด แต่แล้ว...อเล็กไซก็กลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อตกหลุมรักโครมใหญ่กับมัณฑนากรสาวที่ครองตัวเป็นโสดมากว่า30ปี “โถ่! ไอ้กลัวเมีย” เสียงเปรยเบาๆ แต่คนฟังถึงกับสะดุ้ง เขาเหลียวมองข้างตัว ก่อนจะถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ “ยอมรับว่ะ...ผมรักเอมมาก ไม่อยากให้เอมเสียใจ” เสียงพูดหวานฉ่ำ หากคนที่ฟังเป็นชะเอมหล่อนคงจะโผเขาหา อเล็กไซ แถมจูบหวานๆ เป็นรางวัล แต่คนที่ได้ยินคือราจีฟ สิ่งที่ อเล็กไซได้กลับคืนคือ... “แหวะ อยากจะอ้วกว่ะ” ราจีฟโก่งคอทำท่าทางเหมือนกำลังขย้อน คายของเก่าในท้อง คำกระแหนะกระแหนของเพื่อนไม่ได้ทำให้อเล็กไซสะเทือน เขาได้มณีล้ำค่ามาครอบครอง แล้วจะปล่อยให้กรวดทรายมาทำให้ตนเองเดือดร้อนทำไม!! พอกันทีกับความสำส่อน พอกันทีกับการใช้ชีวิตแบบคนเสเพล นับจากนี้ไปเขาจะเป็นพ่อ เป็นสามีที่ดี ให้สมกับที่ชะเอมวางใจ ยอมเดินเข้ามาเสี่ยงรวมชีวิตกับเขา
View Moreบทที่1.เด็กหลงทาง
เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นในช่วงเกือบค่ำของวันหนึ่ง...
ไม่ว่าจะเป็นชะตาลิขิต หรือว่าฟ้าดินดลบันดาล มันก็เป็นตลกร้ายที่ชะเอม วรวัฒน์ขำไม่ออก เมื่ออยู่ๆ ชะตาลิขิตจากเบื้องบนก็ส่งความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตอันแสนเรียบง่ายของเธอ เป็นพรหมลิขิตที่ทำให้หัวใจแข็งแกร่งมีอันต้องแกว่ง...และเต้นผิดจังหวะ!!
เรื่องมันมีอยู่ว่า...ในวันหนึ่ง...วันที่พยับเมฆบนท้องฟ้ามีแต่สีหม่นๆ มองเห็นแต่ริ้วฝนทาทาบเต็มแผ่นฟ้า มันอึมครึมเสียจนอากาศรอบตัวขมุกขมัว...สายลมที่เคยพัดโบกหยุดทำงานเสียอย่างนั้น นั่นเป็นสัญญาณเตือนจากฟากฟ้า เมื่ออากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้เกิดขึ้น...อีกไม่นาน...ฝนคงจะเทลงมาให้แผ่นดินชุ่มฉ่ำ ชะเอมเร่งเดินให้เร็วขึ้น เพื่อไปให้ตนเองถึงบ้านพักก่อนที่หยาดพิรุณจะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า เมื่อมันมีเสียงคำรนดังเบาๆ สลับกับแสงสีทองแลบแปล๊บๆ บนแผ่นฟ้า...เหมือนกับว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้... หยาดฝนคงจะเทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา...หญิงสาวเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นแข่งกับเวลา และวัดใจกับสภาพอากาศรอบตัว...
แต่...อะไรบางอย่างสะดุดตาหญิงสาวจนชะงักงัน!!
ชะเอมย่อตัวลงมอง เธอเห็นร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่ง ซุกตัวอยู่ในพุ่มไม้ข้างทาง กระโปรงฟูฟ่องนั่นสะดุดสายตาของเธอเป็นอย่างแรก จนเธอไม่สามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ ในช่วงเวลาซึมเซาเช่นนี้...เธอก้าวผ่านสวนหย่อมกลางหมู่บ้านนี่ไปได้อย่างไร? ...ความห่วงใยกระตุ้นให้เธอหยุดเดิน หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่ชอบเผือกเรื่องของใครเลย...แต่เรื่องแบบนี้มันปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ สาวโสดวัยไม่ใสจึงเดินย้อนกลับไปยังจุดที่มองเห็น หลังจากไตร่ตรองอยู่ไม่ถึงครึ่งนาที...อากาศแย่ๆ แบบนี้ สายฝนคงจะเทลงมาในไม่ช้า เด็กน้อยคนนั้น คงไม่มีที่หลบฝนเป็นแน่!! เจ้าตัวเล็กคงเปียกปอนและอาจจะเป็นอันตราย เด็กนั่นอาจจะเป็นลูกหลานใครในหมู่บ้านนี้สักคนก็ได้ หล่อนอาจจะต้องการความช่วยเหลือ ถึงเธอไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของอื่น แต่เวลานี้ต่อมเผือกของเธอสั่งให้ทำ...
หญิงสาวทรุดนั่งลงบนส้นเท้า เอื้อมมือแหวกกอไม้ให้แยกออกจากกันนิดๆ ขณะที่เอ่ยถาม... “มาทำอะไรตรงนี้จ้ะหนูน้อย ฝนจะตกแล้วนา...รีบกลับบ้านเถอะจ้ะ!!”
อิรินากะพริบเปลือกตาปริบๆ หยาดน้ำใสๆ ไหลผ่านร่องแก้ม ขณะที่ช้อนสายตามองคนแปลกหน้า!!
ทันทีที่เด็กน้อยผู้นั้นหันหน้ามาสบนัยน์ตาเธอ ชะเอมรู้สึกเหมือนถูกศรกามเทพปักอก นัยน์ตาสีเขียวใสของเด็กลูกครึ่งตรงหน้า เหมือนดวงตาของตุ๊กตาผ้าในวัยเยาว์ของเธอ ตุ๊กตาตัวเดียวเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตนเองเคยมี... มันเหมือนกับว่าเด็กคนนี้ถอดเค้าออกมาจากเบ้าหน้าเดียวกันกับตุ๊กตาของเธอเลย มันเหมือนกับว่า...เธอได้ของรักชิ้นเดิมกลับคืนมา…หลังมันหายไป
“ไม่! เอวายังไม่กลับบ้าน เอวางอนคุณป๊าอยู่ค่า” เด็กหญิงตวาดแหวทำปากจู๋แบบคนแสนงอน น้ำตาไหลกลบดวงตาเมื่อกำลังขึ้งโกรธบิดา ท่านไม่รักเธอเลย... ผู้เป็นพ่อนำพาผู้หญิงที่เธอเกลียดมาร่วมโต๊ะอาหารมื้อเย็น อิรินา หรือหนูเอวา ของ อเล็กไซ อันยูคอฟ พ่อหม้ายเมียหย่า ที่กำลังเนื้อหอมสุดๆ ในขณะนี้ เมื่อเขาหล่อวายร้ายผสมกับรวยสุดขีด
“แต่ว่า...ฝนมันกำลังจะตกนะ และหนูก็จะเปียกด้วยจ้ะ” หญิงสาวพยายามตะล่อม เธอยิ้มหวานเมื่อเด็กหญิงกะพริบตาปริบๆ เจ้าหล่อนแหงนมองฟ้าพร้อมกับทำหน้ามุ่ย ปากอิ่มเบะบิดเบี้ยว มือกลมป้อมยกขึ้นปาดน้ำตาข้างแก้มป้อยๆ
“เอ่อ...คือ...” นิ้วมือป้อมๆ ลดลงกำชายกระโปรงฟูฟ่องแน่นๆ เหมือนกำลังชั่งใจ “ขอเอวาไปกับพี่คนสวยได้ไหมคะ? เอวายังไม่อยากกลับบ้าน” ปากสีสดขยับพูด ดวงตาของเธอมีความหวังแม้มันจะคลอขังไปด้วยหยาดน้ำใสใส
ชะเอมยิ้มแป้น...เธอคิดในใจด้วยความครึ้มอกครึ้มใจ เด็กนี่ตาถึง!! อุตส่าห์ชมว่าเธอสวยแล้วเธอจะแล้งน้ำใจปล่อยปละละเลยเด็กได้ยังไง “เอาสิ...เดี๋ยวพี่เอมติดต่อคุณป๊าให้เอง...บ้านอยู่แถวนี้ใช่ไหมล่ะจ้ะ”
ดูจากการแต่งตัว เสื้อผ้าที่สวมใส่ เนื้อผ้าที่ตัดเย็บไม่ใช่ของดาษดื่น...ผ้านุ่มนิ่มแบบนี้คงมาจากร้านตัดเย็บชั้นสูงแถมผิวกายและกรอบหน้า องค์ประกอบโดยรวมของเด็กหญิงหนีออกจากบ้านคนนี้ ไม่ใช่ลูกหลานคนหาเช้ากินค่ำแน่ๆ น่าจะมีฐานะดีพอตัว
หญิงสาวถอนลมหายใจ “ไปกันเถอะจ้ะ เดี๋ยวฝนจะตก...เอแต่ว่า...หิวหรือยังล่ะ พี่เอมหิวหิ๊ว!! พี่เอมว่าจะทำพิซซ่าทานเองเป็นมื้อเย็น” หญิงสาวชวนคุย ช่วงเวลาใกล้มื้อเย็นซึ่งชะเอมเองก็รีบ ทั้งหิวและกลัวเปียก
เธอชวนคุยขณะเดินกับบ้านตัวเองนิ้วมือป้อมป้อมนั้นเกี่ยวเกาะมือเธอแบบแนบแน่น เหมือนกำลังฝากตัว หัวใจดวงเล็กๆ ของผู้หญิงสันโดษ เลยไหววูบ...ชะเอมพูดได้เต็มปาก เธอตกหลุมรักนางฟ้าตัวน้อยคนนี้เสียแล้ว
“Good!! ค่า เอวาชอบทานพิซซ่า...วู้ๆ”
ทั้งที่ใบหน้ายังเปรอะคราบน้ำตา...แต่เมื่ออิรินายิ้มโลกทั้งใบก็สดใสขึ้นจม
ริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้ม ดวงตายิบหยี รีบยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก่อนจะยิ้มแป้นแล้น
“ฝีมือทำอาหารของพี่เอมห่วยมากเลยนะคะ คงแค่พอทานได้...แต่ไม่น่าอร่อยเท่าที่ร้านเขาทำขาย” หญิงสาวรีบออกตัวใบหน้าสวยยับย่น กลัวใจกับฝีมือตัวเองจะทำให้นางฟ้าตัวน้อยผิดหวัง
อิรินาเอียงคอมองพี่สาวข้างตัว เธอฉีกยิ้มจนแก้มปริ แววตาวิบวับเหมือนกำลังเจอของเล่นถูกใจ “ทำเองเหรอ...ให้เอวาช่วยด้วยได้ไหมคะ?” งานในครัวมันเป็นงานที่น่าสนุก เมื่อเจ้าตัวน้อยคอยแอบมองเวลาแม่บ้านทำอาหารให้รับประทานเป็นประจำ เธออยากเข้าไปช่วยแต่ประกาศิตของบิดา คือห้ามยุ่ง!! เมื่อเจ้าตัวมักจะป่วนจนครัวแทบแตก เด็กหญิงเป็นตัวป่วนที่ไม่มีใครกล้าบ่น นอกจากอเล็กไซคนเดียว...
“จริงดิ อยากทำเองเหรอ...ดีๆ จ้ะเป็นผู้หญิงต้องรู้จักงานบ้านงานครัว พี่เอมดื้ออ่ะ เลยมาหัดเอาตอนแก่แล้ว...เลยไม่มีใครมาขอนี่ไงจ๊ะ” ชะเอมชวนคุยเธอถูกชะตากับนางฟ้าตัวน้อยคนนี้เสียเหลือเกิน
“หูยยย คนสวยๆ อย่างพี่เอมไม่มีคนชอบเหรอคะ... ทำไมอ่า...อือ...คือ...มาเป็นหม่ามี้ให้เอวาเอาไหมคะ เอวาไม่มีแม่ เอวาอยากมีหม่ามี้ค่ะ”
มือป้อมๆ ยัดใส่ปากรูปกระจับ เหมือนกำลังชั่งใจกับความคิดของตนเอง...แต่เพราะความขาดของตัวเอง และเมื่อเจอคนที่พอจะวางใจได้ คำพูดซื่อๆ จึงโพล่งออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ...
คงเพราะถูกชะตากับความเป็นกันเองแบบไม่มีจริตของชะเอม ถึงจะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน...แต่อิรินามั่นใจ พี่ชะเอมไม่เหมือนผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาพัวพันกับบิดา พี่เอมไม่แต่งตัวโป้ ดวงตาของพี่เอมมีแต่ความจริงใจ สวยและใจดีแบบนี้ หากยาก...
“คุณป๊าของเอวาคงไม่ยอมหร๊อก!! ...” ชะเอมตอบเสียงสูง แต่เมื่อฉุกคิดอีกที มันไม่เกี่ยวกับบิดาของอิรินา เพราะเธอเป็นแค่แม่ทูนหัว ไม่ได้คิดจะเป็นมารดาจริงๆ “แต่...พี่เอมเป็นหม่ามี้ให้เอวาก็ได้จ้ะ เพราะหากพี่เอมมีลูกสาวน่ารักๆ อย่างเอวา พี่เอมยอมเป็นคุณแม่ให้เลยจ้า”
หญิงสาวตอบกลับเสียงใส ลดตัวลงนั่งบนส้นเท้า สองมือยกขึ้นประคองแก้มยุ้ยๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาน่ารักพร้อมทั้งโยกไปโยกมา
“จริงๆ นะคะ” เด็กหญิงถามกลับเสียงตื่นเต้น
“ค่ะ...มีลูกสาวสวยแบบนี้ หม่ามี้จะกล้าปฏิเสธได้ยังไงคะ”
ชะเอมตอบเสียงกลั้วเสียงหัวเราะ ดวงตากลมสวยพราวระยับ ตั้งแต่เกิดจนโต เธอไม่มีญาติสนิท มีแค่ ‘พี่-น้อง’ ในสถานเลี้ยงเด็กที่มาจากทั่วทั้งประเทศ ต่างพ่อ ต่างแม่ และขาดเหมือนๆ กัน หากจะมีลูกสาวสักคน เธอก็ใฝ่ฝันอยากมีบุตรหน้าตาน่าชังเหมือนเด็กหญิงตรงหน้า “เข้าบ้านกันเถอะ นี่บ้านหม่ามี้เอง” อาณาจักรหลังน้อย จากน้ำพักน้ำแรงเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ชะเอมมี มือเรียวบางขยับไขกุญแจประตูดันประตูเปิดให้กว้างๆ ก่อนจะผายมือให้บุตรสาวคนใหม่ได้เข้ามาสู่อาณาจักรของตนเอง อาณาจักรส่วนตัวของสาวโสดวัยใกล้30ปี ขาดแค่ไม่กี่เดือนก็จะครบ30ปีบริบูรณ์...
เด็กหญิงเหลียวซ้ายแลขวา ดวงตาสีเขียวเต้นระริก เจ้าหล่อนตื่นตากับความแปลกใหม่รอบตัว บ้านหลังเล็กๆ ชั้นเดียว แต่รอบบ้านกลับเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ที่สำคัญเลย...ดอกไม้สีสวยๆ เต็มไปหมด แตกต่างจากคฤหาสน์หลังโตที่ตัวเองอาศัยอยู่กับบิดา มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันก็จริง แต่กลับแห้งแร้งไร้ชีวิตชีวา มีแต่สิ่งของเครื่องใช้ราคาแพงแต่ไร้จิตใจและความอ่อนโยน อิรินาจึงชมชอบชะเอมมากขึ้น บ้านหลังเล็กๆ ของหม่ามี้ป้ายแดง เต็มไปด้วยความอบอุ่น เพียงแค่เหยียบย่างลงไปในก้าวแรก
“โฮ่งๆ” เสียงสุนัขตัวเล็กเห่าทักทาย ขาหน้าของมันตะกายกรงเหล็กดังแกร๊กๆ เมื่อมีอาคันตุกะหน้าใหม่ตามติดก้นเจ้านายคนสวยของมันมาด้วย
“หูย...มีหมาน้อยด้วย” เด็กหญิงห่อปากทำตาโตๆ เธอยัดปลายนิ้วเข้าไปในปากพร้อมกับเม้มไว้แน่นๆ ทั้งกล้า ทั้งกลัวในเวลาเดียวกัน เมื่อสัตว์หน้าขนนั่น เป็นสิ่งเดียวที่ตัวเองเคยเรียกร้องขอจากบิดา แต่ยังไม่สัมฤทธิผล
“ตัวสีดำชื่อเฉาก๊วย ตัวสีครีมชื่อน้ำตาล อยากเล่นกับเจ้าสองตัวนี่ไหมจ๊ะ...ดื้อนิดหน่อย แต่ซนโคตร!”
ชะเอมเอ่ยแนะนำสัตว์หน้าขนให้รู้จักกับเพื่อนใหม่วัยเยาว์ เธอปิดประตูรั้วบ้าน แล้วจึงเดินไปยังกรงสัตว์เพื่อปล่อย2 ตัวแสบออกมาจากกรง เพื่อให้พวกมันได้วิ่งเล่นยืดขาด้านนอกหลังจากถูกขังกรงมาค่อนวัน “ห้ามคุ้ยดิน ห้ามเห่า ไม่อยากนั้นนอนกรงเหมือนเดิมนะ” เธอยกนิ้วชี้ขึ้นชู พร้อมกับเอ่ยขู่เจ้าตัวซน ขณะที่มือเอื้อมปลดสลักกรงน้อยๆ ปลดปล่อยให้จอมซนออกมาวิ่งเล่น
“นี่พี่เอวา อย่ากวนพี่เขารู้ไหม?” เธอร้องสั่ง เมื่อตัวแสบหน้าขน เดินเข้าไปดมกลิ่นเด็กหญิงเหมือนกำลังทำความรู้จัก “ลองลูบขนเจ้าสองตัวดูสิจ๊ะ จะได้เป็นเพื่อนกัน” เธอเปรยยิ้มๆ เดินเลยไปในส่วนครัว ก้มๆ เงยอยู่หน้าตู้เย็น เพื่อมองหาวัตถุดิบสำหรับการประกอบอาหาร พร้อมกับบ่นอุบอิบ เมื่อตู้เย็นของเธอ แทบจะไม่มีของสดหลงเหลืออยู่ เนื่องจากเจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้าทำงาน นานๆ จะได้หยุดพักอยู่ติดบ้านเหมือนคนอื่น “อยากเห็นหน้าพ่อเอวาจัง คงรูปร่างดีไม่เบา...แต่...คงต้องขออบรมหน่อยล่ะใช่ไม่ได้!! ลูกหายออกจากบ้านนานเป็นชั่วโมงขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก!!” หญิงสาวบ่นพึม เมื่อลูกสาวหน้าตาดีระดับนี้ คนเป็นพ่อคงหล่อขั้นเทพ
ไส้กรอก แฮม ชีส เธอโกยๆ ออกมาจากตู้เย็น เพื่อมาทำอาหารแสนง่าย เพราะดูจากเค้าหน้า อิรินาน่าจะชินกับนมเนย มากกว่าข้าวสวยร้อนๆ
เด็กหญิงเล่นกับเจ้าตัวซนจนลืมความตั้งใจเดิม เสียงหัวเราะดังกรี๊ดกร๊าด!! ผสมกับเสียงสุนัขเห่าดังขรม ทำให้บรรยากาศเงียบเหงารอบตัวของชะเอมสดใสขึ้น หญิงสาวอมยิ้ม เธอคอยมองอิรินาเป็นระยะๆ เด็กหญิงสดใส ดวงตาของหล่อนเป็นประกายจนลืมความขุ่นใจก่อนหน้านี้หมดสิ้น แป้งที่เธอนวดได้ที่หญิงสาวจึงนำออกมาคลึงเป็นแผ่นกลมๆ เพื่อเตรียมทำอาหารสุดโปรดให้ตัวเองกับเด็กสาวที่เพิ่งรู้จัก ซอสสำหรับทาหน้าพิซซ่ามีติดไว้ในตู้เย็น เมื่อชะเอมนิยมทำรับประทานเอง มากกว่าซื้อจากร้านค้าที่ทำขาย เมื่อแน่ใจได้ว่าอาหารที่ปรุงสะอาดและปลอดภัย
กลิ่นหอมของพิซซ่าฝีมือตัวเองเริ่มส่งกลิ่นฟุ้งรอบๆ บ้าน หลังเธอนำถาดที่ตกแต่งด้วยอาหารสดครบใส่ในเตาอบขนาดกะทัดรัด สายฝนเริ่มโปรยลงมาจากฟ้า มีลมกรรโชกนิดหน่อย แต่กลับทำให้อากาศรอบตัวยิ่งเย็นลง หญิงสาวชะเง้อออกไปมองนอกตัวบ้าน เธอหวังอยากให้ผู้ปกครองของอิรินามายืนอยู่ตรงรั้วบ้านนั่น ชะเอมไม่ได้รังเกียจเด็กหญิง แต่เธอห่วงความรู้สึกเจ้าตัว เด็กวัยแค่นี้...ห่างบ้าน ห่างพ่อ-แม่ เขาคงหวาดกลัวไม่ใช่น้อย เธอไม่อยากให้ความรู้สึกเช่นนั้นฝังอยู่ในความทรงจำของเด็กหญิงนานๆ
“เอวา...บ้านหนูอยู่ตรงไหนจ๊ะ” เธอเริ่มตะล่อมถาม เพราะเฝ้ารอผู้ปกครองของเด็กหญิงมามากกว่า2 ชั่วโมง เขาก็ยังไม่ปรากฏตัวสักที
ชะเอมกะพริบเปลือกตาปริบๆ ใจหล่นไปกองที่ตาตุ่ม ทันทีที่เห็นน้ำตาบนใบหน้าเด็กหญิง เธอรั้งร่างอวบเล็กตามวัยเด็กเข้ามากอด มือเรียวลูบพวงผมนุ่มเลยไปกลางแผ่นหลัง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยิน“ก็ได้จ้ะ หม่ามี้ยอมก็ได้”“เย้!” เสียงตะโกนลั่นของอเล็กไซ เรียกความสนใจจากคนรอบข้างมากขึ้น“ทานเต็มที่เลยครับ วันนี้ผมเลี้ยง ผมจะมีเมียแล้ว”ชายหนุ่มกล่าวบอกกับทุกคนที่อยู่บริเวณเดียวกัน เขาป๋ามาก ใจใหญ่แบบแทบจะปิดร้านฉลอง ทันทีที่ชะเอมตอบตกลง“เบาๆ สิคุณ อายเขา”ชะเอมปรามแก้เก้อ ผิวแก้มเธอร้อนฉ่า“อายทำไม เรื่องน่ายินดีออก เนอะๆ เอวาเนอะลูก”ชายหนุ่มหันมาพยักพเยิดกับบุตรสาวเด็กหญิงยกมือปาดน้ำตา ขยับไปนั่งเก้าอี้อีกตัว พร้อมกับกินไอครีมต่อ...“โห...ละลายหมดแล้ว คุณป๊าใช้เวลานานกว่าที่เอวากะไว้นะคะ”คำพูดของเด็กหญิงทำเอาผู้ใหญ่รอบตัวถึงกับอึ้งไอ้ที่เห็นร้องไห้ฟูมฟายนั
บทที่16.ง้อ“อีวาน ฉันจะทำยังไงให้ยัยป้านั่นหายโกรธสักทีวะ?” เป็นคำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากเจ้านาย ในเมื่อในพจนานุกรมของอเล็กไซ ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนั้น เขาไม่เคยต้อง ‘ง้อ’ ใคร เมื่อไม่พอใจ...จบเกม ก็แยกทางเป็นความพึงใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย...แต่ครั้งนี้ ไม่รู้เป็นไงซิ เขารู้สึกไม่ดีเลย อยากทำให้ชะเอมเข้าใจตนเองถูกต้องมากกว่านี้“คุณอีริคไปเคลียร์กับคุณเอมแล้วครับ แต่ผมไม่รู้ว่าคุณเอมจะเชื่อหรือเปล่า” อีวานแบ่งรับแบ่งสู้ เขาส่งกองหนุนไปหลายส่วน ไม่ว่าจะอีริคตัวต้นเหตุ หรือคุณหนูตัวน้อยที่อาจจะทำให้ชะเอมเบาความไม่พอใจเจ้านายลง“พูดถึงไอ้น้องเวรแล้วของขึ้น!! ฉันไม่เอาจริงมันเลยไม่รู้สึกวันๆ ไม่ทำอะไร คิดแต่จะปี้หญิง” ชายหนุ่มบ่นอุบ อเล็กไซลืมไป เมื่อก่อนเขาก็ไม่ต่างอะไรกับอีริคเลย ถึงอเล็กไซจะมีงานยุ่งจนหัวปั่น แต่เวลาสำหรับการสำเริง สำราญเขาก็มีตลอด เขาสนุกไปกับสิ่งเย้ายวน มัวเมาไปกับอิสตรี...มีความสุขโดยลืมไปด้วยซ้ำว่ามีเด็กหญิงหนึ่งคนตั้งตารออยู่ที่บ้าน...อีวานก้มหน้าลง พยา
บทที่15.กามเทพทำงานแก้วตาเดินตามหลังนายน้อยมาติดๆ ในมือของหญิงสาวมีตะกร้าขนมใบใหญ่ที่น้ำหนักน่าจะมากโข เพราะข้อมือของแก้วตาเกร็งจนเส้นเลือดหลังมือขึ้นรอยปูดโปน“ให้ผมช่วยมั้ยครับ” ลมตัวแสบ เสนอหน้าวิ่งเข้ามาช่วยรับของ เขาส่งยิ้มให้เด็กหญิง ก่อนจะรับตะกร้าน้ำหนักเกือบ10กิโลกรัมมาถือไว้เอง“หม่ามี้เอวาอยู่หน่ายคะ?” เด็กหญิงเอ่ยปากถาม เขย่งปลายเท้า มองหาชะเอมไปรอบๆ“อยู่ในห้องทำงานค่ะ เจ้เอมกำลังยุ่ง”อาจจะเป็นเพราะสมาธิชะเอมกระเจิงไปตั้งแต่ได้พบเจออะไรที่ไม่คาดคิด ความกังวลนั่นทำให้งานของเธอสะดุด พอหัวใจปลอดโปร่งจึงเร่งทำงานเพื่อให้ทันเวลา“ว้า...เอวาเอาขนมมาฝาก เอวาจะเข้าไปหา เอวาจะกวนการทำงานของหม่ามี้มั้ยคะ” เด็กหญิงบ่นพึม ภารกิจที่รับมอบหมายมาอาจไม่สำเร็จ หากไม่ได้เจอตัวชะเอมเป็นๆ“พี่ลมเอาขนมใส่จานให้ค่ะ...สำหรับเอวา เจ้เอมคงไม่กล้าบ่น”เด็กหญิงตรงหน้ามีความผูกพันกับชะเอมในระดับหนึ่ง ด้วยพื้นเพนิสัยของเจ้านายสาวแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที
บทที่14.ภาพบาดตา...ชะเอมถือแก้วกาแฟเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ วันนี้เธอมารับเงินงวดสุดท้ายของการทำงานที่บริษัทของอเล็กไซ ‘อันยูคอฟคอนเน็คชั่นส์’ หญิงสาวส่งยิ้มให้ประชาสัมพันธ์สาว เมื่อเดินมาหยุดเบื้องหน้าเคาท์เตอร์กลาง ล็อบบี้“คุณเอมเชิญเลยค่ะ” ประชาสัมพันธ์สาวสวยรีบพูดเสียงหวาน เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นชะเอมเข้าพอดี“คะ” ชะเอมขมวดคิ้ว“ท่านรออยู่ข้างบนค่ะ เชิญเลยค่ะ” ชะเอมเดินเข้าเดินออก อันยูคอฟถี่ยิบ ไม่มากับอเล็กไซ ก็มากับอิรินา แม้สถานะยังไม่ชัดเจน แต่ใครๆ ในอันยูคอฟย่อมรู้ ชะเอมพิเศษกว่าสาวๆ คนอื่น เมื่อแม้แต่บุตรสาวเจ้านายยังให้ความเคารพ หากอเล็กไซจะเลือกชะเอมมายืนข้างๆ ตัวก็ไม่แปลก“อ๋อ...อืม” หญิงสาวครางงึมงำ เดินบ่ายหน้าไปยังลิฟต์ แม้จะรู้สึกแปลกๆที่ชะเอมแปลกใจคือ...เธอไม่ได้นัดอเล็กไซไว้ คนที่เธอพบปะพูดคุยเรื่องค่าตอบแทนส่วนใหญ่ คืออีวาน...ตามธรรมดารักสิกาจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ แต่ชะเอมผ่านมาแถวนี้พอดี เลยแวะเข้ามาจัดการแทน
“หม่ามี้ว่าเราลงไปนั่งรอแก้วตาที่ร้านเลยดีกว่า” หญิงสาวตัดสินใจ ช่วงเวลารอ เธอเอาเวลานั้นสั่งอาหารไว้รอท่า น่าจะช่วยย่นเวลาหิวของเด็กหญิงได้“ค่า...” อิรินายิ้มแป้น ออกแรงกระตุกมือชะเอม เพราะเจ้าตัวซอยเท้าถี่ๆ เดินนำแต่...ก่อนที่2 สาวจะเดินออกไปจากตรงจุดนั้น...รถยนต์สปอร์ตนำเข้า ก็ตีวงเลี้ยวมาจอดเทียบข้างเสียก่อน กระจกข้างถูกกดให้ลดลงเกือบครึ่ง...ใบหน้าหล่อของผู้โดยสารตอนหลังยื่นออกมาทักทาย“ไงตัวแสบ...จะไปไหนกันเอ่ย?”ราจีฟยื่นหน้าผ่านช่องหน้าต่าง เขาส่งเสียงทักทายบุตรสาวเพื่อนรัก กอนจะยิ้มเผื่อแผ่ไปให้ชะเอมด้วย...“อาจี๊ฟ!!” อิรินาตะโกนทักเสียงใส เจ้าตัวอ้วนเขย่งปลายเท้ามองเข้าไปในรถยนต์ก่อนจะยิ้มแป้น “คุณป๊ามาช้า”คำพูดของเด็กหญิงสะกิดใจชะเอม เธอเหลือบมองอาคันตุกะที่มาแบบกะทันหันฉุนๆ“เห้...อเล็ก นี่เหรอคนที่คุณติดพัน”ราจีฟเบ้ปาก มองผู้หญิงแต่งตัวทะมัดทะแมงด้านข้างหลานสาว“ยุ่ง!!” อเล็กไซตอบเสียงสะบัด เขาดันประตูด้านข้างให้เปิดออก เบ
บทที่13.เดินหน้าลุยเต็มกำลังไม่ปังก็แห้ว!!อีวานมองสีหน้ายับยุ่งของเจ้านายหนุ่มแบบไม่เข้าใจ ในเมื่อมีแม่สื่อชั้นดีแบบคุณหนูตัวน้อย คอยกระแซะเกาะแกะใกล้ๆ ตัวสาวเจ้าที่ใฝ่ปอง เหตุอันใดเล่า สีหน้าของเจ้านายหนุ่มถึงไม่ใคร่สู้ดี...อเล็กไซเหลือบมองการ์ดคนสนิทคู่ใจ... “เช็กตารางงานช่วงบ่ายให้หน่อย ฉันพอจะมีเวลาว่างซัก3ชั่วโมงมั้ย?”การ์ดรุ่นใหญ่กางสมุดจดที่หนีบไว้ตรงรักแร้ เขาดูตารางงานของเจ้านายก่อนจะตอบ...“วันนี้ไม่มีงานด่วนเลยครับหากบอสจะไปไหน...วันนี้ได้ทั้งวัน”งานยิบย่อยที่สามารถโยนให้เจ้าหน้าที่คนอื่นรับผิดชอบแทนได้ อีวานคำนวณในใจคร่าวๆ เมื่อตอบออกไปCEO หนุ่มดันตัวลุกขึ้นยืนพรวดพราด...เขาเอื้อมหยิบสูทที่พาดไว้บนพนักเก้าอี้มาสวมลวกๆ“ดี เอารถออกเลย ฉันจะไปหาเอวา” ข้ออ้างที่หากเป็นคนนอกได้ยินคงจะปลื้มใจหนักหนา เมื่อคุณพ่อลูกหนึ่งปรารถนาที่จะไปหาบุตรสาวทันทีที่ตนเองว่าง แต่สำหรับอีวาน หนุ่มใหญ่หัวเราะดังพรืดเพราะกลั้นไว้จนสุดความสามารถแล้ว แต่ไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะนั่
Comments