ดังนั้น ก่อนเวลาเช้า 08:00 น. เขาก็เข้ามาพร้อมด้วยเงินหนึ่งพันล้าน เมื่อเรื่องนี้จบลงเขาจะจำหน่ายทรัพย์สินบางส่วนและเอาเงินคืนมาสิ่งที่สำคัญที่สุดคือยังมีแฟนคลับจำนวนมากที่เชื่อในความบริสุทธิ์ของตนเองและรู้สึกว่าตนถูกใส่ร้ายรอเขากลับไปที่แดนกิมจิก่อน แล้วเขาจะบอกกับทุกคนว่าเขาถูกใส่ร้ายขณะอยู่อาณาจักรมังกร และจะบอกด้วยว่าเขาบริสุทธิ์ส่วนเรื่องผู้หญิงสองคนนั้น ก็บอกไปประมาณว่าพวกเธอถูกคนอื่นจ่ายเงินให้มาล่อลวงเขา เพราะถึงยังไงยัยพวกนั้นก็เขาข้างเขาและจะทำตามที่เขาจัดการทุกอย่างอยู่แล้วเขามีวิธีผลิกสถานการณ์ถมเถไปเมื่อนึกได้ดังนั้น ปาร์คดาฮยอนก็แทบจะหัวเราะออกมา ถึงเหตุการณ์นี้จะมีหลายอย่างทำให้เขาโกรธมากก็ตามที แต่สุดท้ายเขาก็หาทางช่วยเหลือตัวเองจนได้หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย เย่เทียนหยู่ก็พอใจมากและพยักหน้า: "เอาล่ะ ในเมื่อคุณยืนกรานที่จะยืนกราน เราก็ยอมรับคำขอโทษของคุณ ตอนนี้คุณออกไปได้แล้ว"“ครับๆ ถ้าอย่างนั้นผมขอไม่รบกวนพวกท่านต่อ”เมื่อปาร์คดาฮยอนได้ยินแบบนั้น เขาก็คิดทันทีว่าเขาเอาสถานการณ์อยู่แล้ว จึงรีบพาคนของเขาจากมาอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเย่เทียนหยู่จะกลับคำเม
ขณะมองดูท่าทางมั่นใจของปาร์คดาฮยอน เขามองไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไร แต่อีกฝ่ายกลับยังแอบหัวเราะอย่างภาคภูมิใจผู้จัดการพูดไม่ออก และปิดปากที่กำลังจะเปล่งเสียงของตนเอง แต่จะว่าไปแล้ว เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ ต่อให้เขาบอกอีกฝ่ายแล้วจะมีประโยชน์อะไรอีกถ้าหากเขาเดาไม่ผิด ที่อีกฝ่ายตั้งใจพูดว่าให้ดูว่าจะชดเชยเขาเท่าไหร่ เพราะไม่คิดจะทิ้งจุดอ่อนอะไรให้เล่นงานเลยชัดๆและหากเป็นอย่างนั้นจริง หมายความว่าวิดีโอนั่นต้องยังถูกเก็บเอาไว้แน่ยิ่งไปกว่านั้น กระทั่งวิดีโอเหตุการณ์ภายในลิฟต์พวกเขาก็ยังถ่ายเอาไว้ได้ การจะเก็บวิดีโอเอาไว้ก็เป็นเรื่องง่ายไม่ใช่เหรอแถมอีกฝ่ายยังขอรับเงินตอนนี้เลยด้วย ต่อให้ปาร์คดาฮยอนบอกแล้วว่าขอเวลาอีกหน่อยจะได้เงินมากกว่า แต่เขาก็ไม่ยอมรับนี่มันกับดักชัดๆ ไม่ใช่หรือไงไม่อย่างนั้น รับเงินพันล้านไปก่อนแล้วรออีกสองสามวันค่อยรับเงินส่วนที่เหลือเพิ่มไม่ได้หรือไงนะแต่คราวนี้ผู้จัดการไม่อยากพูดอะไรอีกแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในวินาทีนี้ คือการคิดวิธีหลบหนีความผิดของตัวเองให้รอบคอบมากที่สุด เพราะถึงยังไงซะ ตัวเขาก็มีเอี่ยวกับพฤติกรรมชั่วช้าของปาร์คดาฮยอน อยู่หลายคร
ในขณะนี้ ใบหน้าของปาร์คดาฮยอนซีดเผือดไร้สีเลือด จากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาก่อนจะเป็นลมสลบไปทันทีใบหน้าของผู้จัดการในตอนนี้ก็น่าเกลียดไม่แพ้กัน ส่วนตำรวจก็ปรากฏตัวเข้ามาจับตัวพวกเขาไปอย่างรวดเร็วสื่อมากมายนับไม่ถ้วนมามาออตัวกันที่หน้าประตู เดิมทีพวกเขาหวังว่าจะได้ทำการสัมภาษณ์ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วความเป็นไปได้คงเป็นศูนย์แต่พวกเขากำลังแก้ไขรายงานต่าง ๆ อย่างเมามันแล้วตราบใดที่สามารถเชื่อมต่อกับมุมใดก็ได้ มันก็จะเริ่มแพร่กระจายด้วยความเร็วที่น่าตกใจไม่พบการจราจรจำนวนมากเช่นนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงสถานีตำรวจ เขาก็รีบอธิบายข้อเท็จจริงทางอาญาหลายประการของปาร์คดาฮยอน อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องถามคำถามใดๆ เพราะด้วยวิธีนี้ความผิดของเขาเองก็บรรเทาลงได้แต่ว่าในที่สุดปาร์คดาฮยอนก็ไม่เชื่อใจเขาเลย แล้วทำไมเขาถึงซ่อนมันไว้ให้เขาล่ะ?เนื่องจากเขาสารภาพผิดโดยสมบูรณ์ อาชญากรรมของปาร์คดาฮยอนจึงถูกเปิดเผยในทุกรายละเอียดกระทั่งเรื่องที่เคยปัสสาวะในที่สาธารณะก็ยังสารภาพออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ กระทั่งแฟนคลับตัวยงก็ยังต้องแบ่งเส้นดีดตัวห่างจากเขาอย่างชัดเตรกระทั่งแฟ
เมื่อเรื่องของปาร์คดาฮยอนยุติลง หลินหว่านหรูก็สามารถผ่อนคลายและเตรียมพร้อมสำหรับการเข้ารับตำแหน่ง เดิมทีเธอตั้งใจจะไปคนเดียวแต่เขาไม่สามารถต้านทานคำขอของเย่เทียนหยู่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องขอไปด้วยกันเมื่อเวลาเก้าโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น เย่เทียนหยู่ และหลินหว่านหรูก็ปรากฏตัวที่ประตูบริษัทตรงเวลาในเวลานี้หยางไฉ่อวิ๋นมาถึงบริษัทแล้ว และก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อนำหลินหว่านหรูและคนสองคนเข้าไปในบริษัท แล้วเดินเข้าไปข้างในขณะนี้มีพนักงานเข้ามาที่บริษัทจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ทุกคนได้รับข่าวสารวันนี้เวลา 10 โมงตรง ผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ที่เพิ่งรับตำแหน่งอย่างผู้จัดการหลินเปิดการประชุมเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ของบริษัท และผู้บริหารระดับกลางและระดับสูงก็จะเข้าร่วมในการประชุมด้วยแน่นอนว่ายกเว้นพนักงานที่อยู่นอกพื้นที่แม้จะเป็นเพียงการประชุมบอร์ดผู้บริหาร แต่พนักงานทุกคนก็ไม่กล้าล่าช้าและมาถึงบริษัทเร็วกว่าปกติเมื่อมองดูหลินหว่านหรูที่เดินผ่านไป รูปร่างหน้าตาที่สวยงามของเธอสวยกว่าที่เห็นบนโซเชีบล ทำให้ผู้คนให้การตอนรับเธอเป็นอย่างดี เพราะถึงยังไงบนโซเชียลก็มีข้อมูลที่มาที่ไปของเธออย
เธอกลัวทำผลงานไม่ดีแต่เมื่อเห็นเย่เทียนหยู่อยู่ข้างๆ หลินหว่านหรูก็สงบใจลงอีกครั้ง เธอตั้งสติและข่มใจตัวเอง คิดซะว่าที่นี่เป็นบริษัทของเธอเองนับประสาอะไรกับการมีเทียนหยู่อยู่ด้วย เขาคอยอยู่ที่นี่ก็เพื่อซัพพอร์ตเธอไม่ใช่เหรอทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะเย่เทียนหยู่มาที่นี่ก็เพื่อจุดประสงค์อื่นนั่นก็คือการเก็บกวาดพนักงานของที่นี่!ไม่กี่นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเวลาผ่านไปสิบโมงกว่าแล้ว หลินหว่านหรูมองไปรอบ ๆ และเห็นว่ามีคนจำนวนมากยังไม่มาถึงถ้าคนอื่นยังไม่มาก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ประเด็นคือจางเฉียงเป็นรองผู้จัดการทั่วไปของที่นี่จางเฉียงเป็นบุคคลแรกที่ดูแลบริษัทก่อนที่เธอจะมา ดังนั้นเธอจึงจงใจติดต่อ จางเฉียงด้วยตนเองโดยเร็วที่สุดเมื่อคืนนี้ และแจ้งให้เขาทราบถึงการประชุมเห็นได้ชัดว่าเขาสัญญาเมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้เขาไม่ปรากฏตัวขึ้นเลยหลินหว่านหรูรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ความมาดร้าย และพอจะเดาได้ว่าจางเฉียงตั้งใจทำ แต่เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ไม่สำคัญหรอก บางทีอาจเป็นเพราะจางเฉียงยังไม่เห็นถึงความสามารถของเธอรอให้ตัวเธอแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่แล้ว ทุกคนก็จะยอมร
ทันทีที่สิ้นคำพูด ทุกคนก็ชะงักไปเล็กน้อยมองดูจากท่าทางของเขาแล้ว คงไม่ได้คิดจะโมโหอยู่หรอกนะ เพราะถ้าเขาโมโหเพราะเรื่องแค่นี้ก็คงจะไร้เหตุผลมากไปหน่อย ถึงยังไงซะ ฐานะของอีกฝ่ายก็ไม่ธรรมดา การจะรถติดมาสายสักหน่อยก็เป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะแบล็กอัพของจางเฉียงที่มีอิทธิพลจนน่าตกใจต่อให้ผู้จัดการหลินมีความสามารถมากแค่ไหน แต่คนนอกที่เก่งกาจย่อมแพ้เจ้าถิ่น การจะรับมือกับจางเฉียงไม่ใช่เรื่องง่ายพวกเขารู้สึกกระทั่งว่าการที่หลินหว่านหรูเรียกประชุมใหญ่ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งเป็นการเดินหมากที่ไม่ค่อยเข้าท่า และเธอควรจะทำความเข้าใจแนวคิดของผู้บริหารแต่ละคนก่อนและเธอต้องสามารถควบคุมทุกอย่างได้ก่อน ถึงค่อยจัดการประชุมหรือไม่ แค่ประกาศเข้ารับตำแหน่งก็พอแล้วหัวใจของหลินหว่านหรูตึงเครียดเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าเย่เทียนหยู่จะทำอะไร แต่เธอไม่ต้องการทำร้ายบริษัทเพราะตัวเธอเองแต่จะให้เธอห้ามปรามการกระทำของเย่เทียนหยู่ก็คงไม่ได้ เพราะถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับตบหน้าเขาน่ะสิจางเฉียงและคนอื่นๆ ตะลึงเล็กน้อย เพราะการที่พวกเขาทำแบบนี้แค่เพราะอย่างจะแสดงอำนาจของตนเล็กน้อยเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มนั
“เศษขยะแบบแกน่ะเหรอ คิดจะจัดการกับผม!”ทุกคนมองดูภาพฉากตรงหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย เดิมทีนึกว่านี่จะเป็นสงครามที่ยืดเยื้อและยาวนาน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเริ่มสู้กันเอาตายตั้งแต่เริ่มผู้จัดการหลินคนนี้ ดูท่าจะเป็นคนสิ้นคิดอยู่พอสมควรเลยนะแม้เย่เทียนหยู่จะเป็นคนพูด แต่ทุกคนเชื่อว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีผู้จัดการหลินที่เพิ่งแต่งตั้งใหม่เป็นคนคอยแนะนำและบ่งการอยู่อย่างลับๆเฮ้อ การโจมตีพนักงานทรงอำนาจและยึดอำนาจทันทีที่เข้ามาทำงานวันแรกดูจะป่าเถื่อนเกินไปหน่อย และอาจจะนำไปสู่ความล้มเหลว“ผมจะจัดการคุณได้หรือไม่ อีกไม่นานคุณก็จะได้รู้เอง”เย่เทียนหยู่ส่งเสียงเหอะในลำคออย่างเย็นชา ก่อนจะเริ่มอ่านข้อมูลทั้งหมดที่เขาพบ และข้อมูลเหล่านั้น คือการใช้ฐานะของจางเฉียงในการรวบรวมเงินจำนวนมหาศาลเมื่อพิจารณาจากสถานะของเขา อย่างอื่นก็ยังพอรับได้ แต่สองคนนั้นทำลายผลประโยชน์มหาศาลของบริษัทอย่างร้ายแรง ทำให้บริษัทมีรายได้น้อยลงเกือบห้าพันล้าน และยังทำให้บริษัทสูญเสียเงินจำนวนมากอีกด้วยและแน่นอนว่าพวกเขายังได้รับรายได้เพิ่มเติมถึงสามร้อยล้านในครั้งนั้นเมื่อได้ยินตัวเลขเหล่านั้น ผู้จัดการฝ่ายขายและผู้อ
ทุกคนพากันฮือฮาทันที!ตอนนี้สถานการณ์บานปลายแล้วจริงๆดูจากท่าทางของผู้จัดการจางแล้ว คงยึดคติมีผู้จัดการหลินก็ต้องไม่มีเขาแน่นอนถ้าเป็นแบบนั้น บริษัทจะสามารถเก็บไว้ได้เพียงคนเดียวจริงๆ เหรอ และมีความเป็นไปได้สูงมากว่าคนคนนั้นจะเป็นจางเฉียงและเมื่อดูทัศนคติของจางเฉียงแล้ว เขาก็ต้องเรียกผู้บังคับบัญชามารายงานเรื่องนี้แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดผิด แน่นอนว่าจางเฉียงไม่ได้รายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบน แต่เรียกบุคคลสำคัญอย่าง หนานกงย่า ลูกคนที่สามของตระกูลขุนนางหนานกงท้ายที่สุดแล้ว เงินจำนวนหนึ่งจากเงินมหาศาลที่เขาได้รับก็ถูหบริจาคให้กับเธอแม้หนานกงย่าจะเป็นเพียงผู้หญิง แต่เธอก็มีความสามารถในการทำธุรกิจค่อนข้างมาก และเธอยังมีหุ้นบางส่วนในเทียนเฟิงกรุ๊ปและยังเป็นส่วนที่ไม่น้อยเลยแต่แน่นอนว่าไม่นับรวมของประธานบริษัทแต่สิ่งสำคัญคือมีเพียงประธานลึกลับคนเดียวที่ถือหุ้นส่วนใหญ่ สถานการณ์นี้พบได้ยากมากในกลุ่มที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้แต่นี่คือความจริง พวกเขาจึงสามารถดื่มซุปได้เพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ถึงแม้คุณจะดื่มซุปเพียงเล็กน้อย กำไรก็ยังน่าทึ่งมากในไม่ช้า จางเฉียงก็โทรติด“มีอะไร”
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป