LOGINมิโอเดรกลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะ หยิบเอาแฟ้มงานซึ่งเขานำติดกายมาด้วยเปิดอ้าและหยิบเอาเอกสารสองสามชุดมาส่งให้ไซม่อนอ่าน “นายกเทศมนตรีอยากใช้ชายหาดหน้าโรงแรมเราจัดเปิดงานทัวร์ปีนี้ แล้วก็ขอให้เราทำแคมเปญแบบพิเศษ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเยอะๆ ด้วย”
ยื่นมือไปรับมาอ่านลวกๆ แต่ก็จับใจความสำคัญของเรื่องได้ ทำให้สีหน้าไซม่อนซึ่งดีๆ อยู่กลับยุ่งเหยิง หัวคิ้วหนาขมวดเข้าหากัน เมื่อคิดถึงผลที่ตามมาเป็นคลื่นพายุ ศัตรูอยู่ที่แจ้งรับมือได้ไม่ยาก แต่อยู่ในที่มืดแล้วชอบใช้แผนการเล่นงานลับหลังนี่นะสิ
“คิดดีแล้วหรือไง” ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ใจเพื่อนดี มิโอเดรกสนใจโครงการนี้อยู่มาก ถึงได้รับมาโดยไม่โทรปรึกษาเขาอย่างที่เคยทำ สำหรับเขาแม้อยากให้มีการจัดงานก็จริง เพราะเป็นผลดีทำให้โรงแรมมีชื่อเสียงขึ้นมาและเป็นที่รู้จักของเหล่านักท่องเที่ยว ทว่าผลเสียก็มีเหมือนกัน
ปกติโครงการนี้อยู่ในความรับผิดชอบของซาโว คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูคู่แค้นกับเขาและมิโอเดรกตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ไม่เข้าใจเหมือนกันเพราะเหตุใดและทำไม แล้วตอนนี้เขาก็ถูกอีกฝ่ายเล่นงานอยู่เนืองๆ พอให้ปวดหัวกับมดที่กัดกินแทะผิวหนังจนแสบนิดๆ แต่คันคะเยอหนักๆ ถ้าขืนทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาอีกฝ่าย เป็นได้เกิดเรื่องใหญ่ เขากับมิโอเดรกคงอยู่ไม่สุข ถ้าทำจริงต้องหาทางป้องกันและรับมืออีกฝ่ายที่ต้องเวียนมาหาเรื่องทุกวี่วันเป็นแน่
“ฉันจะถือเอาโครงการนี้เป็นการโฆษณาเปิดตัวโรงแรมเราด้วย แกก็รู้ไม่ใช่หรือ แม้สถานที่ตั้งของเราสวยงามกว่าโรงแรมใกล้เคียงกันมาก แต่เพราะเพิ่งเปิดไม่นาน ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว แล้วที่สำคัญ...” มิโอเดรกพูดเสียงแข็งกร้าว ประกายในดวงตาสีสนิมดุกร้าวแข็ง
“ชื่อเสียงของโรงแรมเราไม่ค่อยดีในสายตาคนอื่นอยู่ เพราะถูกหมามันกวนบ่อยๆ” จะไม่ให้เจ็บใจได้ยังไง จับได้ก็แค่เศษสวะที่ยอมรับว่าทำเองไม่ซัดทอดถึงใคร มีหลักฐานแต่กลับเล่นงานอีกฝ่ายไม่ได้ กรามหนาขบกัดกรอดๆ นัยน์ตาเข้มวาวจ้าด้วยเพลิงโทสะที่พุ่งลิ่วขึ้น
“ฉันอยากทำให้ไอ้เจ้าบ้านั่นรู้เสียบ้าง เราไม่ใช่ขี้ๆ ที่จะมาเหยียบย่ำซ้ำเติมกันอย่างนี้ เห็นความเดือดร้อนของคนอื่นเป็นความสุข ทั้งที่หนทางมีก็ควรแบ่งกันเดิน ไม่ขัดแข้งขัดขากันและช่วยเหลือกันน่าจะดีกว่า”
เห็นความมุ่งมั่นและตั้งใจของเพื่อน ไซม่อนเลยไม่ขัด เพราะเขาเองก็สุดจะทนกับเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน “งั้นก็ตามใจแก งานนี้แกรับผิดชอบแล้วกัน ฉันจะไม่ยุ่ง แต่มีอะไรให้ช่วยก็บอก”
ไม่ได้คิดโยนภาระหนักให้กับเพื่อน แต่ถ้ารับงานชิ้นนี้มาทำ เขาจำต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยในบริเวณโรงแรมให้มากยิ่งกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว ด้วยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้าตัวร้ายจะแอบเล่นตุกติกนอกกติกาอย่างเคยๆ ทำมา ทำให้โรงแรมเสียหายทั้งชื่อเสียงและเงินทอง อีกอย่าง...
ให้งานนี้เป็นงานสุดท้าย ปิดศึกระหว่างเขากับซาโวสักทีก็ดีเหมือนกัน เหนื่อยที่ต้องมาคอยรับมือกับคนคิดร้าย ยิ่งระวังตัวและป้องกันมากเท่าไหร่ ดูเหมือนยิ่งเพลี่ยงพล้ำ ยืดเยื้อคาราคาซังอยู่แบบนี้เหมือนหนามทิ่มแทงลงในเนื้อ ไม่เจ็บมากมายแต่มันรำคาญ
“นอกจากงานนี้ก็ไม่มีงานด่วนอะไรแล้วใช่ไหม ฉันจะได้ไปพักผ่อนสักหน่อย ‘กับแม่เนื้อสมันน้อยแสนหวานที่ฉันไม่มีวันจะปล่อยให้หลุดมือไป’ สักอาทิตย์สองอาทิตย์” เอ่ยพูดใบหน้าซ่อนรอยยิ้ม นัยน์ตาวาววับ
“หือ...พูดผิดพูดใหม่ได้นะไซม่อน” เปรยอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน ร้อยวันพันปีไซม่อนไม่เคยคิดพักผ่อนนานขนาดนี้มาก่อน อย่างดีก็เพียงแค่สามวันคือสูงสุดแล้ว
“อย่างแกนี่นะ คิดจะไปเที่ยวพักผ่อน คิดไปทำอะไรไม่ดีๆ มากกว่ามั้ง” โต้กลับกลั้วหัวเราะในลำคอ พยักหน้ายิ้มๆ รับ สงสัยไซม่อนจะติดใจแม่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบนั้นขนาดหนัก ถึงกับยอมทิ้งงานทิ้งการแบบนี้ บอกแล้วเขาหนาวสันหลังแทนยายหนูน้อยตัวเล็กนั่นจริงๆ
“ระวังไว้เถอะ จะถูกแม่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบโต้จนหงายหลังกลับมา”
แวบหนึ่งที่มิโอเดรกอดสงสารนิโกลิน่าไม่ได้ คนที่เชิดหยิ่งไม่เคยชายตามองใคร กลับมาสะดุดกับคนที่เขาไม่เคยคิดสนใจ ยิ้มเยาะหยันผุดขึ้นบนวงหน้าก่อนจางหายไปอย่างรวดเร็ว อิจฉาไปทำไมกันเล่า นั่นก็ผู้หญิงคนหนึ่ง เขาหรือหน้าตาก็หล่อสูสีกับไซม่อนนี่นา ฐานะหรือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย ผู้หญิงมีมาให้เลือกตั้งมากมาย ทำไมต้องสนผู้หญิงที่เห็นเขาเป็นเพียงแค่ตัวสกังค์ เหม็นจนต้องวิ่งหนีไปให้ไกลๆ ด้วยเล่า
“แกจะไปไหนหรือเปล่า” ไซม่อนเปลี่ยนเรื่องถามอย่างกะทันหัน
“อยากไปเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะไปไหนดี หรือแกมีที่ไหนแนะนำล่ะ ฉันจะได้ติดสอยห้อยตามไปด้วย” ใจอยากไปหาบางคน ก่อกวนอารมณ์เธอให้ขุ่นเข้าไว้ ปะทะคารมกันสักหน่อย หาเรื่องลิ้มลองกลีบกุหลาบหวานนุ่ม
“เสียใจด้วยว่ะ ไม่ใช่อย่างที่แกคิด” ไซม่อนอดหัวเราะในลำคอไม่ได้ เมื่อเห็นหน้าหล่อๆ งอหักเหมือนหญิงสาวกำลังงอน
“ฉันจะชวนแกไปออกกำลังกาย คันไม้คันมือมาหลายวันแล้ว หาคนที่สู้สูสีอย่างแกไม่ได้เลย” เก็บเอกสารทุกอย่างไปไว้ที่โต๊ะทำงานแล้วเดินสอดมือในกางเกง นำหน้ามิโอเดรกไปที่ลานจอดรถของผู้บริหาร ออกกำลังกายให้ได้เหงื่อ สมองจะได้ปลอดโปร่ง เผื่อคิดอะไรได้บ้าง
“หาเรื่องซ้อมฉันหรือเปล่าไซม่อน”
“แล้วแต่จะคิด ถ้าอยากให้ฉันซ้อมจริงๆ ก็ออมฝีมือหน่อยแล้วกัน” ก็ฝีมืออีกฝ่ายนะสูสีกับเขานี่น่า นัยน์ตาเข้มตวัดกราดมองไปยังพนักงานสาวๆ และผู้หญิงอีกหลายคนที่ชม้ายชายตาให้อย่างรำคาญใจ
รูปลักษณ์ภายนอกหลอกตา หลอกให้สาวๆ หลงใหลได้ไม่ยากเลย ยิ่งพ่วงด้วยฐานะอย่างเขา รวยมรดกตกทอดมากจนเกินไป พวกผู้หญิงถึงได้วิ่งเข้าหาเหมือนซากศพดึงความสนใจจากอีแร้งให้มาจิกกิน
“เอาน่าไซม่อน สนใจไปทำไมกัน ไปเถอะ” มิโอเดรกยกมือขึ้นวางบนไหล่เพื่อนตบเบาๆ เขาเองก็รำคาญ แต่ยิ่งให้ความสนใจ ยิ่งเป็นการต่อความยาวสาวความยืด สู้ไม่สนใจใครอยากทำอะไรก็ตามสบาย แต่อย่ามาก่อกวนให้อารมณ์เสียเท่านั้น
“อือ...” รับคำในลำคอ รีบก้าวขึ้นพาหนะคันหรูขับออกไปราวกับจรวดที่ถูกปล่อยจากฐาน
รองเท้าและถุงเท้าถอดออกวางไว้ และเริ่มต้นหาทางปีนป่ายขึ้นไปชั้นสองของบ้าน แต่สิ่งที่เขาคิดได้แซมก็คิดได้เช่นกัน ทั้งๆ ที่ฝนไม่ตกทว่า...ผนังห้องกลับเปียกชื้นและถ้ามองให้ดีเขารู้สึกเหมือนเห็นเป็นมันวาว อีกทั้งยังได้กลิ่นเหม็นเอียนคล้าย...น้ำมัน! ทำให้คนที่ปีนป่ายต้นไม้ไม่เก่งอย่างเขา ปีนแล้วตกอยู่หลายครั้ง แล้วพอปีนได้ถึงครึ่งทาง“ลงไปหาอะไรอยู่แถวนั้นนะคุณไซม่อน” คุณพ่อตาตัวแสบชะโงกหน้า“โอ๊ย!” คนที่ปีนป่ายเป็นลิงขาเจ็บเงยหน้าขึ้นมองด้านบน มือเลยเกี่ยวพลาดร่วงหล่นตุ้บลงไปนอนจุกตัวงอบนพื้น โดยมีเสียงหัวเราะสะใจของพ่อตาดังลั่นตามมา“คุณป๋า ไม่เล่นแล้วนะคะ ถ้าขืนยังแกล้งคุณไซม่อนอีก น้ำผึ้งโกรธจริงๆ” มธุรสทำหน้างอนๆ ด้วยความเป็นห่วงสามี อยากวิ่งลงไปดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ก็ถูกภาวัติจับมือไว้“เอาน่าน้ำผึ้ง คุณไซม่อนของหนูเก่งจะตาย ดูสิปีนขึ้นมาได้ครึ่งทางแล้ว เดี๋ยวอีกสักสองสามรอบก็ปีนเข้ามาได้แล้วละ หนูมายืนให้กำลังเขาหน่อยสิ”ดึงร่างลูกสาวมายืนให้มองไซม่อนซึ่งไม่ยอมแพ้ เริ่มต้นปีนป่ายใหม่และหล่นตุ้บลงไปอีกหลายครั้ง แม้เหนื่อยล้าและแทบจะหมดไร้เรี่ยวแรง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายาม
มธุรสทอดมองไปยังร่างใหญ่ซึ่งนั่งก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงแปลงกุหลาบซึ่งเธอว่าตอนแรกก็ไม่มีนะ แต่พอไซม่อนมาอยู่ ทำไมถึงโผล่มาได้ก็ไม่รู้ คงเป็นฝีมือคุณป๋าจอมเจ้าเล่ห์นั่นแหละ ทั้งสงสารและเห็นใจไซม่อนเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง เพราะเธอถูกภาวัติคุมเข้ม ขนาดกลางคืนยังถูกเรียกไปนอนใกล้ๆ“คุณป๋ารู้สึกอึดอัดหายใจติดๆ ขัดๆ ยังไงไม่รู้ หนูนอนเป็นเพื่อนหน่อยนะน้ำผึ้ง เพื่อว่าตกดึกเป็นอะไรจะได้ช่วยเหลือกันทัน”เธอทำอะไรได้ล่ะ นอกจากทำตามคำอ้อนของบิดา “คุณป๋าขา อากาศร้อนนะคะ” มองร่างแกร่งที่ตอนนี้เหงื่อไหลโซมกาย ผิวที่เคยขาวถูกแดดเผาจนแดงจัดอย่างน่ากลัว ถ้าหากลอกเขาคงเจ็บน่าดู ตอนเย็นตอนทานอาหารเสร็จเธอคงต้องหาพวกโลชั่นทาผิวหรือไม่ก็ออยให้ชายหนุ่มไว้ใช้ทาตัวหน่อยละ แล้วตอนนี้เธอก็ควรจะช่วยเขาด้วย“อากาศร้อนแบบนี้ น้ำผึ้งว่า...เอ่อ...คุณป๋าให้...” มธุรสกระอึกกระอักไซม่อนยิ้มหวานให้คนตัวเล็กที่ออกโรงช่วยเหลือ จนแทบลืมอาการเข็ดเมื่อยตามร่างกายไปเลย“นั่นสิ คุณป๋าก็ว่าเหมือนกัน หนูก็เอาน้ำเย็นๆ ไปให้เขากินเสียหน่อยสิ จะได้ชุ่มใจชุ่มคอ หายคอแห้งไปสักหน่อย” ได้ยินเช่นนั้นไซม่อนก็ยิ้มจนแก้มตุ่ย แม้ไม
“น้ำผึ้งไปทำธุระ” เขาส่งมธุรสไปต่างจังหวัดกับคนรู้จักที่ไว้ใจได้ “สองสามวันถึงจะกลับ” กะว่าจะให้อยู่ยาวสักอาทิตย์หรือมากกว่านั้นท่าจะดี“หรือครับ” ตอบกลับทั้งน้ำเสียงและใบหน้าเศร้าหมองลงทันควัน การเดินทางของเขาเป็นไปตามข้อตกลงของภาวัติ จัดการเคลียร์ปัญหาทุกอย่างจนเรียบร้อย ก่อนเดินทางก็โทรมาบอกล่วงหน้า เพราะอีกฝ่ายบอกไว้แล้วจะให้คนมารับที่สนามบิน ซึ่งถ้าเขาฉุกใจสักนิด ฉลาดอีกสักหน่อย ก็คงไม่ถูกเล่นงานจนสะบักสะบอมถึงขนาดนี้หรอก “คุณมาอย่างนี้ งานที่โน่นใครรับผิดชอบ บอกเอาไว้ก่อนนะคุณ ผมไม่นิยมชมชอบคนไม่สู้และทิ้งงานกลางคัน”“ผมเข้าใจครับ ผมส่งมอบงานให้เพื่อนดูแลเรียบร้อย ถ้าหากว่าติดขัดอะไร เราจะคุยกันผ่านการสื่อสารออนไลน์ แบบนั้นคุณคงไม่ว่านะครับ ถ้าหากต้องขอปลีกตัวไปบ้างเป็นครั้งคราว”“แล้วแต่คุณจะตัดสินใจ” โยนให้ไซม่อนเป็นคนคิดเอาเอง จะแก้สถานการณ์ซึ่งหน้ายังไง “คุณมาเหนื่อยๆ ไปห้องพักอาบน้ำสักหน่อยน่าจะดี”“ดีเหมือนกัน ขอบคุณครับ” ไซม่อนรับคำอย่างไม่รู้ความนัยน์ของคำพูดภาวัติ แต่เมื่อถึงห้องนอนที่อีกฝ่ายให้พัก เขาก็ผงะในทันที...ห้องเล็กกว่าห้องพักของพนักงานเขาเสียอีก อย่างกับรูห
ประตูยังไม่ทันปิดดี...คนที่เร่งรีบเดินตามมาติดๆ ก็รีบเอ่ยปากพูดโดยไม่สนใจเพลิงโทสะของภาวัติ “ผมรัก honey”ภาวัติตวัดสายตาไปมอง “คุณจะรักฮันน่งฮันนี่ก็รักไปสิคุณไซม่อน ไม่เห็นเกี่ยวกับผมและน้ำผึ้งเลยนี่” ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนแก้มเนียนใส “คุณป๋าเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เราเก็บข้าวของกลับบ้านเราดีกว่าลูก”“คุณป๋า...เอ่อ...” มธุรสหันรีหันขวาง ไม่รู้จะทำยังไงดี ห่วงความรู้สึกของแต่ละคนไม่น้อยกว่ากันเลยถ้าอยู่กับไซม่อนที่นี่แล้วใครจะดูแลพ่อล่ะ ท่านก็แก่แล้ว มัวแต่ทำงานจนลืมดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เวลาเจ็บป่วยใครจะดูแลป้อนข้าวเช็ดตัวและบังคับให้กินยาแต่ถ้าไปกับพ่อแล้วไซม่อนล่ะ เขาจะเสียใจแค่ไหน แค่คิดว่าเธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา หัวใจก็แทบขาดรอนแล้ว ทว่าสายตาพ่อบีบคั้นหัวใจจนเธอรู้สึกเหมือนมีหินก้อนยักษ์ถ่วงอยู่ให้หายใจไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งงัน ก้มลงมองมือบนตักซึ่งกระชับรัดเอาไว้แน่นเห็นใบหน้าเศร้าหม่นหมองของเมียรักแล้วเขาอึดอัดหายใจไม่ออก เห็นควรต้องทำอะไรสักอย่าง ที่จะทำให้ภาวัติเห็นถึงความรักและจริงใจที่มีให้กับมธุรส เพื่อละลายไฟเย็นพร้อมทำให้ภาวัติยอมรับในตัวเขาไซม่อ
“ฉัน...ฉัน...” พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ดีใจจนเนื้อเต้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักษาท่าทีเอาไว้ “คุณแน่ใจแล้วหรือคะคุณไซม่อน ฉันอาจเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตคุณ พอจากกันไม่นานคุณก็ลืม”ไซม่อนทาบมือบนแก้มเนียนใสเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาดสาว “แน่ใจที่สุดเลยละ honey รู้อย่างหนึ่งไหม เธอหมดสิทธิ์ไปจากฉันตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้วละที่รัก” ตอบกลับและยิ้มใส่ตากลมโตซึ่งเบิกกว้างอย่างตกตะลึง“หายโกรธแล้วใช่ไหม darling”“ใครว่า ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย” น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผลักดันกายแข็งแกร่งและไล่จับมือซึ่งเคลื่อนไหวไปทั่วกาย ราวกับหนวดปลาหมึกจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจนเธอเหนื่อยอ่อนแต่ระคนด้วยความสุข“ไม่ได้โกรธ งั้นก็แค่งอน” ปลายนิ้วยาวร้อนผ่าววางทาบบนกลีบปากอวบอิ่มที่ขยับจะพูด “Honey…my darling will you marry me?”หัวใจโป่งพองราวกับลูกโป่งที่ถูกอัดด้วยแก๊ส เขารักเธอ...รักและปรารถนามีเธอเคียงข้าง ทว่าใบหน้านวลผ่องหมองเศร้าลง “คุณป๋า...” กังวลใจกับคนอยู่ไกล ไม่รู้ว่าจะทนทำใจรับได้ไหม ถ้าเธอต้องอยู่กับไซม่อนที่นี่ ห่างไกลกันคนละฟากฟ้านิ้วยาวยกขึ้นทาบบนปากอิ่ม “กังวลไปก็เ
“honey” ไซม่อนร้องเรียและรีบยื่นมือไปคว้าแขนเรียวของคนที่กำลังก้าวขึ้นรถดึงกลับมาหาตัวและกอดเอาไว้“กรุณาปล่อยฉันด้วยคุณไซม่อน” ข่มกลั้นความเจ็บปวดที่เผาผลาญหัวใจ เอ่ยขับไล่คนที่ทำให้เธอเจ็บและกลายเป็นคนไร้ค่าเสียงเบาหวิว มือเรียวทาบบนแขนแกร่งดึงออกอย่างช้าๆ แต่มั่นคงเธอยอมเจ็บที่ต้องจากเขาไป แต่จะไม่ยอมกลายเป็นคนโง่ถูกหลอกด้วยคำพูด...รัก! ซึ่งเธอยังไม่รู้เลย เขารักจริงๆ หรือเปล่าหรือเพียงแค่ต้องการร่างกาย แต่เป็นเธอนี่แหละหลงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวและโดนหักหลังจนเจ็บแทบกระอักไม่มีเสียงโวยวายด่าทอหรือแม้แต่ทุบตี มีเพียงแค่คำพูดนุ่มๆ หวานเศร้าบาดเข้าไปในจิตของไซม่อน “ไม่...ฉันไม่ยอมปล่อย honey เด็ดขาด” เปลี่ยนจากการจับแขน เป็นสอดมือโอบรัดกายอรชร จับรั้งคนตัวเล็กให้หันมาประจันหน้าด้วย แต่เหลียวมองไปรอบๆ แล้วตอนนี้จุดซึ่งเขายืนอยู่ เป็นจุดที่เรียกความสนใจจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มย่อตัวสอดแขนใต้ข้อพับดันร่างแบบบางลอยขึ้นจากพื้น“ถ้าร้องเรียกขอความช่วยเหลือทำอะไรก็ตาม ฉันจูบโชว์คนอื่นแน่...แล้วไม่แน่ใจด้วย หยุดแค่จูบหรือเปล่า” ขู่ไว้ก่อนเมื่อเห็นมธุรสขยับริมฝีปากพูด“เห็นและได้ยินคนอ







