LOGINเซิ่นหรูซวงไม่ได้ตาบอด แน่นอนว่าเธอเห็นซิงจือเหยียนกำลังมองมาที่เธอเธอมองกลับไปด้วยความนิ่งสงบ “ประธานซิง?”ซิงจือเหยียนพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธอเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว”เซิ่นหรูซวงยิ้มบาง “ประธานซิงเองก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกันค่ะ อ้อ ใช่สิ ฉันเกือบลืมแสดงความยินดีกับประธานซิงและคุณนายซิงในโอกาสที่ให้กำเนิดลูกชายไปเลย ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีเวลาไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบหนึ่งปีของลูกชายของประธานซิง หวังว่าประธานซิงคงจะไม่ว่าอะไรนะคะ”รอยยิ้มของเซิ่นหรูซวงนั้นไร้ที่ติ ราวกับว่าเธอกำลังแสดงความยินดีกับเขาในฐานะหุ้นส่วนทางธุรกิจอย่างแท้จริงซิงจือเหยียนเหลือบมองเธอครู่หนึ่งด้วยแววตาที่มืดครึ้มลง เขาค่อย ๆ ละสายตาออกไปและยื่นเมนูให้กับผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้าง “เมื่อกี้ฉันได้สั่งอาหารไปบ้างแล้ว ลองดูสิว่าเธอต้องการอะไรเพิ่มไหม”เซิ่นหรูซวงรับเมนูมาและสั่งอาหารเพิ่มไปอีกสองสามอย่างด้วยความนิ่งเฉยเมื่อได้ยินชื่ออาหารจานหนึ่ง เรียวคิ้วของซิงจือเหยียนขยับเคลื่อนไหว “เมื่อก่อน เธอไม่ชอบทานพวกนี้นี่นา”เซิ่นหรูซวงยื่นเมนูคืนให้ผู้ช่วย และพูดเสียงเรียบว่า “อย่างที่ประธานซิงพ
ในอดีตเป็นเด็กสาวที่เปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา แต่ตอนนี้เซิ่นหรูซวงกลับมีบุคลิกที่สุขุมเยือกเย็น รูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดสีแดงพร้อมรองเท้าส้นสูง ใบหน้าประดับประดาไปด้วยเครื่องสำอางที่ตกแต่งมาอย่างประณีต แม้แต่แสงและเงาก็ดูเหมือนจะลำเอียงเข้าข้างเธอ แสงสีเหลืองอบอุ่นส่องลงมาที่เธอราวกับเป็นสปอตไลต์ที่ส่องมาให้เธอเพียงผู้เดียว ทำให้เธอดูเปล่งประกายและน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่งเซิ่นหรูซวงเติบโตขึ้นแล้วในที่ที่เขาไม่สามารถพบเจอและมองเห็นเธอได้ แต่เธอกลับเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว ทั้งยังเติบโตมาอย่างดีและใช้ชีวิตได้อย่างงดงามซิงจือเหยียนคิดในใจหลังจากปรับตัวเข้ากับแสงอยู่ครู่หนึ่ง เซิ่นหรูซวงจึงเงยหน้าขึ้นมองแววตาที่จมจ่ออยู่กับอดีตในตอนนี้เปลี่ยนไปด้วยความเป็นผู้ใหญ่และเย็นชา รัศมีที่สะท้อนออกมาเต็มไปด้วยความลุ่มลึกและโหดเหี้ยมที่เพิ่มมากขึ้น แสงแดดสาดส่องลงบนใบหน้าของเขา แผ่ออกมาเป็นแสงสีเหลืองอบอุ่นเบาบาง ดวงตาคู่นั้นมองมาที่เธอด้วยความสงบนิ่งและยับยั้งชั่งใจ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อยโดยไม่แสดงสีหน้าอื่นใดอีกลมหายใจของเซิ่นหรูซวงสะดุดไปครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ ตั้งสติกลับมาได้“ปร
เจียงเสี่ยวชุนเชิดหน้าขึ้น “งั้นก็พาเขาเข้าไปขังไว้ในห้องประชุม อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรให้นายช่วยแล้ว งั้นนายก็อยู่เฉย ๆ จนกว่าเซิ่นหรูซวงจะกลับมาเถอะ”สือเหยาให้ความร่วมมืออย่างน่าประหลาดใจ “ได้ ตราบใดที่เซิ่นหรูซวงมีความสุข จะขังฉันไว้นานเท่าไหร่ก็ได้”เจียงเสี่ยวชุนแค่นเสียงหัวเราะ “นายคิดว่าฉันจะเชื่อนายไหม? เนี่ยกวนอวี้ พาตัวเขาไป”เนี่ยกวนอวี่ลอบมองสีหน้าของสือเหยาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพยักหน้าเงียบ ๆในวันที่ซิงจือเหยียนประกาศว่าให้เซิ่นหรูซวงไปเจรจาเรื่องลิขสิทธิ์เกมด้วยตัวเอง เลขาหลิวก็ได้ส่งข้อความมาแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ตกลงนัดเวลาที่ชัดเจน จนกระทั่งเช้าวันนี้ ผู้ช่วยของซิงจือเหยียนเพิ่งส่งเวลาและสถานที่ที่แน่นอนมาให้เมื่อเซิ่นหรูซวงมาถึง เธอนั่งรออยู่ในรถครู่หนึ่งแล้วค่อยลงจากรถจนถึงตอนนี้เซิ่นหรูซวงเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังประหม่าตื่นเต้นมากแค่ไหน ลมหายใจช้าลง หัวใจเต้นแรง เหงื่อไหลท่วมมือวันเวลาในคฤหาสน์ตระกูลซิงดูเหมือนจะห่างไกลจากเธอยาวนานเหลือเกินเพียงพริบตา ก็ผ่านไปกว่าห้าปีแล้วตอนนี้ เซิ่นหรูซวงจำต้องยอมรับว่าเธอยิ่งใกล้บ้านเกิดยิ่งหวั่น
สือเหยาชะงักไปครู่หนึ่ง “อะไรนะ?”เจียงเสี่ยวชุนแค่นหัวเราะ แล้วหันไปส่งสายตาให้เนี่ยกวนอวี้ “เจตนาของนายชัดเจนเกินไปแล้ว แม้แต่ฉันก็ยังมองออก นายกำลังตามจีบเซิ่นหรูซวงอยู่หรือ?”สือเหยาขมวดคิ้ว ใบหูค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ กระซิบเสียงแผ่วว่า “พวกเธอดูออกกันหมดเลยหรือ?”เจียงเสี่ยวชุนยังคงส่งสายตาให้เนี่ยกวนอวี้ “นายชัดเจนขนาดนี้ ถ้ามองไม่ออกก็บ้าแล้วล่ะมั้ง?”สือเหยาเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะพึมพำขึ้นมากะทันหันว่า “คนอื่นก็มองออกกันหมดแล้ว มีแต่เธอที่มองไม่ออก”“ใครที่มองไม่ออก?”เจียงเสี่ยวชุนขมวดคิ้วแสดงให้เห็นถึงความรำคาญใจอย่างชัดเจนแต่ความรำคาญใจนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่สือเหยา แต่พุ่งไปที่เนี่ยกวนอวี้ต่างหากความคิดของเนี่ยกวนอวี้คนนี้ช่างเรียบง่ายไร้เดียงสาเสียจริง เธอส่งสายตาให้เขาตั้งหลายครั้ง แต่เนี่ยกวนอวี้กลับไม่ตอบสนองใด ๆ ทั้งสิ้น แถมยังมองเธอกลับมาด้วยท่าทีมึนงงพร้อมสีหน้าไร้เดียงสา“ไม่มีใครหรอก” สือเหยาหันหลังกลับไปมองทางที่เซิ่นหรูซวงเดินจากไปเจียงเสี่ยวชุนกัดฟัน ถลึงตาดุใส่เนี่ยกวนอวี้ครั้งหนึ่งเนี่ยกวนอวี้ยกมือเกาด้านหลังศีรษะของตนด้วยควา
เซิ่นหรูซวงค่อย ๆ พบว่าแก้วน้ำของเธอไม่เคยว่างเปล่าเลย อุณหภูมิของน้ำในแต่ละครั้งที่ดื่มก็พอดีเป๊ะ ดื่มแล้วรู้สึกชุ่มคอมากเซิ่นหรูซวงเบ้ปากเธอโกรธก็คือโกรธจริง ๆ และก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมวันนั้นสือเหยาถึงได้โกรธรุนแรงขนาดนั้น ราวกับว่าซิงจือเหยียนเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขาอย่างไรก็ตาม ถึงแม้เธอจะโกรธมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะโกรธสือเหยาได้นานสือเหยาช่วยเธอไว้มากมายหลายเรื่อง เธอจดจำไว้ในใจเป็นอย่างดีเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงเวลานัดพบกับซิงจือเหยียนแล้วตอนที่เซิ่นหรูซวงขึ้นรถ เธอได้เตือนสือเหยาอีกครั้งว่าอย่าตามมา ให้ติดตามเจียงเสี่ยวชุนอย่างว่านอนสอนง่ายสือเหยายืนพยักหน้าอย่างว่าง่ายอยู่ที่ข้างรถเซิ่นหรูซวงไม่ค่อยเชื่อว่าสือเหยาจะว่าง่ายขนาดนี้ เธอจึงดึงเจียงเสี่ยวชุนมาต่อหน้าเขา พร้อมกับกำชับว่าให้จับตาดูสือเหยาให้ดี อย่าให้เขาตามมาเจียงเสี่ยวชุนเข้าใจเรื่องราวในอดีตของเซิ่นหรูซวงกับซิงจือเหยียนเป็นอย่างดี และเข้าใจเหตุผลที่เซิ่นหรูซวงตัดสินใจทำแบบนั้น เธอจึงพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดมาก “ได้ เธอไปจัดการธุระได้เลย ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะ”เซิ่นหรูซวงพยักหน้าแล้วให้คนขับขับรถออก
รอยที่แก้มแดงก่ำกว่าเดิมหลายเท่าสือเหยาหอบหายใจอย่างหนัก ความรู้สึกที่เสียใจ จนใจ หงุดหงิด หึงหวง และอารมณ์วุ่นวายอื่น ๆ อีกมากมาย หลั่งไหลเข้ามา กระแทกที่หัวใจจนสับสนอลหม่าน ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกายเป็นฝ่ามือของเซิ่นหรูซวงที่เรียกสติของเขากลับคืนมาเขาได้แต่สำนึกผิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อรู้สึกตัวถึงท่าทีและสิ่งที่พูดออกไปใส่เซิ่นหรูซวงแล้ว ตอนนี้สือเหยาแทบอยากจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องทำงาน และยอมให้เซิ่นหรูซวงตบอีกสองสามครั้ง จนกว่าเธอจะหายโกรธเขาพูดคำพูดแบบนั้นกับเซิ่นหรูซวงได้อย่างไรเขาทำไปได้อย่างไร?เมื่อสติกลับคืนมา สือเหยาได้แต่เจ็บแค้นตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าผู้หญิงที่เขารักได้ ทั้งยังขาดความสุภาพ ขาดความยับยั้งชั่งใจ พูดไม่คิดจนทำร้ายจิตใจเซิ่นหรูซวง และทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเซิ่นหรูซวงไกลออกไปจนเกินเอื้อมอีกแล้วเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นคนเลวทรามที่ไม่น่าให้อภัยสือเหยาคอตก ใช้มือทั้งสองข้างบีบขมับตัวเองแล้วถอนหายใจอย่างหนักเซิ่นหรูซวงคงจะโมโหมากแล้วแน่ ๆเขาไม่เคยเห็นเซิ่นหรูซวงเฉียบขาดและดุดันขนาดนี้ม







