เรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องตำราของสำนักศึกษาแพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักศึกษาและทั่วทั้งเมืองหลวงในเวลาอันสั้น อาจเป็นเพราะเรื่องราวนี้เกี่ยวข้องกับองค์หญิงซิ่วจื่อหลิงผู้คนจึงได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
คุณหนูซูถูกรายงานความผิดก่อนที่ตระกูลซูจะแสดงจุดยืนด้วยการลงโทษกักบริเวณอีกฝ่ายเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในส่วนของซูหนานกงและองค์หญิงรองผู้เป็นมารดาก็ได้เดินทางเข้าวังเพื่อขอขมาโทษแทนบุตรสาวด้วยเหตุผลที่อีกฝ่ายไม่รู้ความ เมิ่งฮองเฮาเพียงยกยิ้มก่อนจะกล่าวว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ขอเพียงตระกูลซูอบรมสั่งสอนซูฉีให้ดีก็พอ จะได้ไม่เสื่อมเสียมาถึงราชวงศ์ เพราะถึงอย่างไรก็ได้ขึ้นชื่อว่าพระญาติผู้หนึ่ง ภายหน้านางจะได้ไม่สร้างปัญหาที่ใหญ่โตไปกว่านี้ หากเป็นเช่นนั้นฮองเฮาเช่นนางก็คงมิอาจช่วยเหลืออันใดได้อีก
สองสามีภรรยาตระกูลซูได้แต่กลับไปด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก ผู้ใดก็ฟังออกว่าเมิ่งฮองเฮาต้องการกล่าวตักเตือนตระกูลซู หากว่าภายหน้าซูฉียังก่อเรื่องอีกแม้แต่มารดาที่มีตำแหน่งองค์หญิงเช่นนางก็คงไม่อาจรักษาไว้ได้เช่นกัน นับว่าครั้งนี้องค์หญิงใหญ่ซิ่วจื่อหลิงลงมือได้เจ็บแสบยิ่ง
เพราะ
ซิ่วจื่อหลิงนั่งฟังรายงานจากองครักษ์ของนางเล่าถึงแผนการของหลันหลิวที่มีต่อนาง สตรีผู้นั้นคิดทำร้ายนางเพื่อตำแหน่งพระชายาเช่นนั้นหรือ ? ช่างสิ้นคิดจริง ๆ"องค์หญิงจะให้ข้าน้อยจัดการนางเลยหรือไม่ขอรับ ?""ไม่ต้อง ปล่อยนางไป""แต่ว่า..." องครักษ์เงาของนางคิดที่จะคัดค้านเพราะห่วงในความปลอดภัยขององค์หญิง อย่างไรสตรีเช่นนี้ก็ควรกำจัดเสียให้สิ้น
หลังจากค่ำคืนแห่งการนองเลือดจบลงแล้ว ทุกอย่างก็ดูเงียบสงบลงเป็นอย่างมาก เสวียนอู่ฮ่องเต้ได้จ่ายค่าชดเชยให้กับราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของเหล่าองค์ชายทั้งหมด ทำให้ชาวบ้านต่างรู้สึกพอใจเป็นอย่างมากเพราะเหมือนกับว่าพวกเขาได้รับความยุติธรรมกลับคืนมาเสียที"จบเรื่องนี้แล้วข้าคิดว่าตนเองนั้นก็ควรถึงเวลาที่ต้องกลับเสียทีเจ้าค่ะ""เหตุใดจึงรีบเร่งนักเล่า ?" หรูเจิ้งหยวนเอ่ย"ก็ท่านคงกำลังยุ่งอยู่ พวกเราคงไม่อาจเดินทางกลับแคว้นต้าซ่งพร้อมกันได้ เช่นนั้นข้าก็จะกลับก่อนเจ้าค่ะ" ซิ่วจื่อหลิงที่ในตอนนี้ยังคงอยู่ในชุดของสาวใช้ แม้ผิวของนางจะไม่ได้ถูกพอกจนดำคล้ำเหมือนก่อนหน้านี้แล้วหากแต่ยังพอกสีผิวเพียงบาง ๆ เท่านั้น ทำให้ดูเหมือนนางจะงดงามขึ้นในสายตาของสาวใช้ในตำหนัก หญิงสาวยืนฝนหมึกอยู่ข้างโต๊ะหนังสือของชายหนุ่มพร้อมกับเอ่ยไปเรื่อย ๆ ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอันใด"ไม่ได้ ! เจ้าจะต้องรอกลับพร้อมพี่ ไม่ว่าอย่างไรพี่ก็จะไม่ให้เจ้ากลับก่อนโดยเด็ดขาด อีกครึ่งเดือนจะมีงานเลี้ยงฉลองในวัง เสด็จพ่ออยากจะให้พี่พาเจ้าไปด้วย เดี๋ยววังหลวงจะส่งชุดมาให้เจ้าในไม่กี่วันข้
ทางด้านหรูเจิ้งหยวนและซิ่วจื่อหลิงก็เดินมาถึงตำหนักบรรทมของเสวียนอู่ฮ่องเต้โดยที่มีคนของเขาที่ปลอมเป็นขันทีอยู่ที่ตำหนักรอต้อนรับอยู่ ทั้งคู่เพียงส่งสัญญาณด้วยสายตาก็เป็นที่รับรู้ได้ในทันที ก่อนที่อีกฝ่ายจะแสร้งทำเป็นให้คนมาคอยควบคุมโดยรอบตำหนักในทันที ซึ่งคนเหล่านั้นก็ล้วนเป็นคนของหรูเจิ้งหยวนทั้งหมด ก่อนที่ตนจะเป็นผู้นำทางชายหนุ่มเข้าไปยังด้านในเสวียนอู่ฮ่องเต้ทรงบรรทมอยู่บนเตียงโดยที่ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย เป็นซิ่วจื่อหลิงที่เดินเข้าไปหยุดอยู่ที่หน้าเตียงก่อนที่จะหยิบเข็มเงินของนางออกมาจากห่อผ้าพร้อมกับจิ้มลงไปบนหน้าของของเขาแล้วค่อย ๆ ดึงออกมาแล้วพบว่าเข็มเงินของนางได้เปลี่ยนเป็นสีดำในเวลาต่อมา"จะ เจ้าเป็นผู้ใด" เสียงแหบแห้งของเสวียนอู่ฮ่องเต้ที่ในตอนแรกนอนนิ่งเป็นผักอยู่นั้นดังขึ้นเบา ๆ"เสด็จพ่อ... " หรูเจิ้งหยวนก้าวเข้ามาใกล้ ๆ เตียง และเมื่อเสวียนอู่ฮ่องเต้ได้เห็นหน้าโอรสของเขาอีกครั้งก็ได้แต่หลั่งน้ำตาออกมา"หยวนเอ๋อ...""เสด็จพ่อนางเป็นคนรักของลูกเอง องค์หญิงใหญ่ซิ่วจื่อหลิงที่ลูกเคยเล่าให้ท่านฟัง" เสวียนอู่ฮ่องเต้หันไปมองหน้าซิ่วจื่อหล
หลายวันต่อมาซิ่วจื่อหลิงลุกขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นางได้เตรียมมาด้วย นางตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าจะปลอมตัวเป็นสาวใช้ของหรูเจิ้งหยวน เมื่อตอนที่ยังเล็กมารดามักชอบเล่านิทานประโลมโลกให้นางกับน้องชายฟัง เคยมีเรื่องราวของคุณหนูผู้ร่ำรวยคนหนึ่งต้องการตามหารักแท้จึงได้ปลอมตัวเป็นสาวใช้หน้าตาอัปลักษณ์เข้าไปอยู่ในจวนท่านแม่ทัพผู้หนึ่ง นางเองก็อยากจะลองเล่นสนุกเช่นนั้นดูบ้าง ครั้งนี้ก็นับว่าได้มีโอกาสแล้วหญิงสาวลงทุนทาตัวด้วยยางไม้ชนิดหนึ่งเพื่อให้สีผิวที่ขาวนวลกลายเป็นสีน้ำตาลคล้ำ ก่อนที่จะทาไปบนใบหน้าและติดเม็ดไฝสักสองสามเม็ดบนหน้าของนางให้ดูสมจริงมากขึ้น เสื้อผ้าก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของสาวใช้ สำเนียงที่พูดก็เปลี่ยนให้เหน่อเล็กน้อย เมื่อแต่งตัวเสร็จจึงได้เดินออกมาจากห้องในขณะที่ชายหนุ่มเองก็นั่งรออยู่เมื่อเห็นซิ่วจื่อหลิงที่ก้าวเข้ามาในห้องอย่างชัดเจน หรูเจิ้งหยวนที่กำลังยกชาขึ้นดื่มก็ถึงกับสำลักและไอออกมาเสียงดังแค่ก ! แค่ก ! แค่ก !"นี่ข้างามมากถึงเพียงนั้นเชียวหรือเจ้าคะ ?" ซิ่วจื่อหลิงเอ่ย
หลังจากที่พูดคุยกันแล้วซิ่วจื่อหลิงก็ลงมือรักษาชายหนุ่มในทันที ฝีมือการรักษาพิษแม้ว่านางจะไม่เก่งกาจเท่ากับมารดาหากแต่เมื่อเทียบกับหมอหลวงโดยทั่วไปย่อมเหนือชั้นกว่า อีกอย่างนางมีของวิเศษและการมาในครั้งนี้ก็พาเจ้าจิ้งจอกน้อยมาด้วย ซิ่วจื่อหลิงนำเจ้าจิ้งจอกน้อยออกมาจากช่องว่างในมิติของวิเศษก่อนจะให้มันดูดซับพลังไม่ดีจากร่างกายเขา ก่อนที่นางจะลงมือฝังเข็มนับร้อยเล่มบนร่างกายของชายหนุ่มพิษที่ชายหนุ่มได้รับนั้นเป็นพิษของทางชนเผ่าหน้าด่านที่ไม่ค่อยพบเห็นมากนัก ทำให้หมอทั่วไปมิอาจรักษาได้ หากแต่ไม่ใช่กับวิชาเข็มพิฆาตพิษที่เป็นวิชาตกทอดมาจากท่านตาทวดของนางอย่างแน่นอนในยามที่ฝีเข็มถูกทิ่มแทงลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนังเพียงไม่กี่อึดใจก็มีเลือดสีดำซึมออกมาในทุกรูขุมขนที
ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน"อาเป่า ช่วงนี้ไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับคุณชายเสิ่นส่งกลับมาบ้างเลยหรือ ?" ซิ่วจื่อหลิงเอ่ยกับนางกำนัลคนสนิท"ไม่มีเลยเพคะ จะว่าไปก็แปลกยิ่งนักเหตุใดจึงได้เงียบไปเช่นนี้""นั่นสิ แล้วข่าวเกี่ยวกับวังหลวงแคว้นหนานเฉินเล่า ?""ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะคุกรุ่นอยู่ไม่น้อยเลยเพคะ"