หน้าหลัก / รักโบราณ / ยอดบุปผาโฉมสะคราญ / บทที่ 3 ความบาดหมางระหว่างพ่อลูก

แชร์

บทที่ 3 ความบาดหมางระหว่างพ่อลูก

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-21 14:58:59

นับจากวันนั้น เจี่ยงหร่านก็กลายเป็นจางเหมี่ยวลี่ไปโดยปริยาย แรกเริ่มนางไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนัก คาดว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง

ด้านเซียวจิ้งนั้น หลังจากที่กลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว เขาก็เดินทางเข้าวังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้เสด็จลุงของตน  ฮ่องเต้เซียวหลางดีใจเป็นอย่างมากที่หลานชายกลับมาอย่างปลอดภัย

ฮ่องเต้มีบุตรชายที่เกิดจากฮองเฮาหนึ่งคนและบุตรีหนึ่งคน  องค์หญิงใหญ่เซียวหลิงคือบุตรสาวคนโตปีนี้อายุยี่สิบปีแล้ว เพราะเขาสุขภาพไม่สู้ดีทำให้มีบุตรยาก เมื่อสิบปีก่อนฮองเฮาเพิ่งจะมีพระประสูติกาลองค์รัชทายาท นามว่าเซียวหลง เวลานี้มีอายุได้สิบปีแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่สามารถมีทายาทได้อีก ในวังหลวงมิได้รับนางสนมเพิ่มเลยแม้แต่คนเดียว

มีเสียงเล่าลือหนาหูว่าเขารักใคร่เซียวจิ้งราวกับบุตรแท้ๆของตน นั่นอาจทำให้เซียวจิ้งมีใจคิดก่อกบฏแต่เขากลับไม่คิดเช่นนั้น เขารู้นิสัยของเซียวจิ้งเป็นอย่างดี หลานชายผู้นี้หากไม่มีเรื่องสำคัญ ย่อมไม่คิดจะกลับเมืองหลวงอยู่แล้ว

เพราะอย่างนี้ข่าวลือภายนอกจึงมิอาจส่งผลใดๆ ต่อฮ่องเต้และฮองเฮาได้เลยแม้แต่น้อย

"ถวายพระพรเสด็จลุงพ่ะย่ะค่ะ"

เซียวจิ้งทำความเคารพอย่างนอบน้อม ฮ่องเต้เซียวหลางยิ้มกว้าง ทักทายอย่างเป็นกันเอง

"ไม่ต้องมากพิธี มานั่งดื่มชากับลุงเร็วเข้า แล้วเล่าให้ลุงฟังทีว่า สงครามรอบนี้เป็นเช่นไร"

เซียวจิ้งพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งตรงข้ามผู้เป็นเสด็จลุงด้วยท่าทีผ่อนคลาย

"นับว่าดีพ่ะย่ะค่ะ ต้าฉีแม้จะไม่ยอมศิโรราบแต่การศึกครั้งนี้ ทำให้พวกเขาต้องเสียกำลังทหารไปไม่น้อยเลย คาดว่าคงไม่สามารถก่อคลื่นลมได้ในเร็ววัน ส่วนแคว้นฉู่นั้น ฮ่องเต้แคว้นฉู่ยินยอมสวามิภักดิ์ พร้อมกับจะส่งทูตมาเจรจาเพื่อสันติภาพ ส่วนแคว้นซ่งเป็นแคว้นที่มีกำลังทหารไม่ด้อยไปกว่าแคว้นของเรา เรื่องนี้จะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดพ่ะย่ะค่ะ แต่หลานคิดว่า ยามนี้ฮ่องเต้แคว้นซ่งเพิ่งขึ้นครองราชย์ อำนาจการเมืองยังไม่มั่นคง อาจจะยังไม่คิดก่อสงครามในเร็ววัน เราต้องถือโอกาสนี้เปิดรับทหารใหม่เข้ามาเพิ่ม เพื่อฝึกฝนเตรียมพร้อมเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ"

ฮ่องเต้เซียวหลางเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย สนทนาต่อ

"ได้ ลุงจะทำตามที่เจ้าบอก อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ท่านป้าฮองเฮาของเจ้าน่ะ อยากให้มีการเปิดรับสตรีเข้าเป็นทหาร เพราะเซียวหลิงเองมีความสามารถด้านบู๊ ติดตรงที่นางเป็นสตรีจึงไม่สามารถเข้ากองทัพได้ ข้าจึงคิดว่าหากเราเปิดรับสมัครทหารหญิงจะให้เซียวหลิงเข้าร่วมด้วย ข้าคิดว่ายามนี้เราควรเปิดกว้างแล้ว บางทีอาจจะมีหญิงสาวที่เป็นเพชรยอดมงกุฎซ่อนตัวอยู่ในแคว้นของเราก็ได้ เจ้าเห็นเป็นเช่นไร"

เซียวจิ้งยกถ้วยชาขึ้นดื่ม พลางกล่าวช้าๆ

"เรื่องนี้หลานไม่คัดค้าน เดิมทีแคว้นซ่งเป็นแคว้นแรกที่เปิดกว้างเรื่องนี้ เคยมีสตรีนางหนึ่งเป็นถึงรองแม่ทัพกองทัพหวังหย่ง แต่น่าเสียดายที่หลังจากผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางหมดประโยชน์ ฮ่องเต้องค์ใหม่จึงไม่เก็บนางเอาไว้"

"เขาคิดอะไรอยู่จึงสังหารยอดฝีมือของตนเอง"

"เพราะคิดว่านางเป็นภัยร้าย เก็บเอาไว้เกรงว่านางจะก่อคลื่นลมกระมัง"

ฮ่องเต้เซียวหลงพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะเอ่ย

"เรื่องนี้เจ้าคงเห็นด้วย แต่ขุนนางเก่าแก่ที่คร่ำครึยึดถือกฎระเบียบพวกนั้นคงจะคัดค้านข้าหัวชนฝาเป็นแน่"

"เสด็จลุง พระองค์คือเจ้าของแผ่นดิน ขุนนางพวกนั้นจะอยู่เหนือท่านได้อย่างไร อีกทั้งในยามนี้สตรีหลายคนมีฝีมือไม่ต่างจากบุรุษ พวกนางมีมือมีเท้าเช่นเดียวกับพวกเรา เหตุใดไม่ลองให้โอกาสพวกนางดูเล่า หากไม่มีความก้าวหน้าก็เพียงแค่ปลดพวกนางเท่านั้นเอง"

"อืม เรื่องนี้ยังต้องประชุมปรึกษาหารือเสียก่อน คาดว่าไม่เกินหนึ่งเดิือนคงจะมีคำตอบ ว่าแต่เจ้าเถอะ กลับตำหนักอ๋องบ้างสิ บิดาเจ้าคงรออยู่"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเซียวจิ้งก็ฉายแววเย็นชาขึ้นมาหลายส่วน ฮ่องเต้เซียวหลางที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา

"จิ้งเอ๋อร์ อย่างไรเขาก็คือบิดาเจ้า เจ้าจะเฉยชาต่อเขาเช่นนี้ไปตลอดไม่ได้หรอกนะ ตราบใดที่มีลุงอยู่ ตำแหน่งซื่อจื่อไม่มีทางหลุดไปจากมือเจ้า"

"หลานไม่เคยอยากได้ตำแหน่งนี้"

"จิ้งเอ๋อร์"

"ในเมื่อเสด็จลุงเอ่ยปาก หลานก็จะไปพบเขาเสียหน่อย ขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ"

เมื่อเอ่ยจบเซียวจิ้งก็ขอตัวออกจากวังหลวงในทันที เขาเดินไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ดวงตาของชายหนุ่มเรียบเฉยราวกับไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดทั้งสิ้น

ตำหนักชินอ๋อง

ยามนี้ เซียวจิ้งยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตูตำหนักชินอ๋อง หากไม่มีเรื่องสำคัญ เขาไม่เคยคิดอยากจะมาเหยียบที่ตำหนักนี้เลยแม้แต่น้อย คนเฝ้าหน้าประตูที่เห็นเขาก็ทักทายด้วยความดีใจ ก่อนจะเปิดประตูให้เขาเข้าไปด้านใน เซียวจิ้งเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ผ่านสาวใช้น้อยใหญ่ที่ทำความเคารพและมองเขาด้วยแววตาที่ชื่นชม ก่อนที่ชายหนุ่มจะมาหยุดอยู่ที่เรือนใหญ่

เสียงพูดคุยสนทนาดังขึ้นมาไม่ขาดสาย มีทั้งเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยสนิทสนม เซียวจิ้งรู้ดีว่านั่นคือเสียงของมารดาเลี้ยงและน้องชายต่างมารดาของเขา

ชินอ๋องเซียวฟงที่กำลังเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเซียวจิ้งยืนอยู่ด้านหน้าประตู ก็ร้องเรียกทันที

"จิ้งเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้วหรือ รีบเข้ามาเร็วเข้า"

หลี่ฟาง พระชายาเอกชินอ๋องหันมามองเซียวจิ้งด้วยแววตาที่เรียบเฉย แม้กระทั่ง เซียวกั๋ว ก็ยังมองพี่ชายด้วยสายตาที่ห่างเหิน

เดิมทีพวกนางสองแม่ลูกภาวนาอยู่ทุกวันขอให้เซียวจิ้งตายตกไปในสนามรบเสียเลย ตำแหน่งซื่อจื่อจะได้ตกเป็นของบุตรชายนาง

แต่นอกจากเซียวจิ้งจะดวงแข็งไม่ตายแล้ว ยังกลับมาอย่างยิ่งใหญ่เหยียบตำหนักอ๋องได้อีก

เซียวจิ้งไม่สนใจสายตาของสองแม่ลูก เขาเดินเข้ามาทำความเคารพบิดา

"คารวะเสด็จพ่อ"

ชินอ๋องเซียวฟงมองบุตรชายด้วยสายตาอ่อนโยน พลางบ่นขึ้นมา

"ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าอย่าเข้าสนามรบ เจ้าดูข้าสิ ในวัยหนุ่มข้าน่ะคือองค์ชายผู้เลื่องชื่อ คัดอักษรวาดภาพล้วนเก่งกาจดีงามทั้งสิ้น ไม่เคยจับดาบจับกระบี่ แต่เจ้ากลับเอาอย่างมารดาของเจ้า ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ"

ไม่กล่าววาจาใดยังพอทนได้ แต่เมื่อได้ยินชินอ๋องเซียวฟงเอ่ยถึงมารดาผู้ล่วงลับ เซียวจิ้งก็แค่นเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา

"ทำไมหรือ ท่านแม่ข้าเก่งกาจการรบ ไม่ได้เก่งการด้านวิชาจิ้งจอกล่อลวงใจบุรุษสินะ ท่านจึงไม่ชอบ"

"จิ้งเอ๋อร์ เจ้ากลับมาก็ชวนข้าทะเลาะ เจ้าลูกอกตัญญู หากกลับมาแล้วเอ่ยวาจาเช่นนี้จะเสนอหน้ามาทำไมกัน!"

"หากเสด็จลุงไม่บอก ข้าก็ไม่อยากมาเยียบสถานที่โสโครกเช่นนี้หรอก"

"หึ ทุกวันนี้เจ้าก็เห็นเขาเป็นบิดาแทนข้าอยู่แล้วนี่ ไสหัวไปสิ ไปขอตำแหน่งสูงศักดิ์จากเสด็จลุงของเจ้าเสียเถอะ"

เซียวจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รั้งอยู่ต่อ เขาหันหลังเดินออกมาจากตำหนักชินอ๋องอย่างไม่สนใจ ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เหลาสุราในทันที

เหลาสุราแห่งนี้เป็นสถานที่แห่งเดียวที่ท่านแม่เหลือเอาไว้ให้กับเขา

เป็นสถานที่เดียวที่เขารู้สึกว่ามันเป็นบ้านที่แท้จริงของเขา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 4 ภาพวาดของจางเหมี่ยวลี่

    เหลาสุราแห่งนี้เป็นเหลาสุราที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแคว้นฟงหลิง เป็นกิจการเดียวที่ตระกูลท่านตามี นับตั้งแต่ท่านตาท่านยายและท่านแม่ตายจากไป กิจการนี้เคยตกไปอยู่ในมือของหลี่ฟางมารดาเลี้ยงของเขา นางอ้างว่าเขาอายุยังน้อยยังไม่รู้เรื่องยื่นมือมาจัดการบัญชี เมื่อเขาเติบโตขึ้นต้องใช้ความพยายามอยู่ไม่น้อย เพื่อให้กิจการนี้กลับมาอยู่ในมือของตนอีกครั้งแม้หลี่ฟางจะเคยดูแลกิจการอยู่ช่วงหนึ่ง แต่กลับไม่อาจทำให้มีกำไรงอกงามขึ้นมาได้ เพราะสูตรลับทั้งหมดท่านแม่ให้เขาเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดี เมื่อเขากลับมาดูแลอีกครั้ง จึงมอบสูตรลับให้คนที่ไว้ใจได้ ก่อนที่เหลาสุราจะกลับมาทำเงินเป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง นับแต่นั้นทุกครั้งยามที่กลับมาเมืองหลวง เขามักจะมาอยู่ที่นี่ไม่ยอมกลับตำหนักชินอ๋องอีกเลยเมื่อเดินเข้ามาด้านในแล้ว ชายหนุ่มก็ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของเหลาสุรา ที่นี่คือที่พักของเขา ทุกอย่างถูกจัดแต่งอย่างหรูหรา มิได้ด้อยไปกว่าตอนที่เขาพำพักในตำหนักชินอ๋องเลย ท่านลุงหม่าบ่าวรับใช้คนสนิทของท่านแม่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ก็ติดตามเขามาอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว ท่านลุงหม่าก็ดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด"ซื่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 5 น้ำแกงที่คุณหนูชอบ

    เจี่ยงหร่านทนอ่านต่อไปไม่ไหวแล้ว เจ้าของร่างเดิมใจกล้าเหลือเกิน นางทำสิ่งที่สตรีทั่วไปไม่ทำกันได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ช่างเป็นสตรีที่น่ากลัวเสียจริงเชียวนางจัดการปิดหีบใบนั้นและเลื่อนเก็บเอาไว้ที่ใต้เตียงเช่นเดิม ในขณะเดียวกันก็มีเสียงของเยว่ซินที่แจ้งนางว่าอาหารมาแล้วเจี่ยงหร่านเองก็หิวจนตาลาย เมื่อเดินมาถึงนางก็ยิ้มจนนัยน์ตาโค้ง อาหารเช่นนี้สิจึงจะเหมาะสมกับนางเมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงจับตะเกียบคีบอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย อีกทั้งยังแบ่งส่วนที่เหลือให้สาวใช้นำไปกินอีกด้วย มื้อนี้นับว่าเป็นมื้อที่อิ่มที่สุดแล้ว ตั้งแต่ถูกขังอยู่ที่คุกหลวง ฟ่านเหยาไม่เคยให้นางกินดีอยู่ดี ให้อาหารนางเพียงวันละมื้อ ล้วนเป็นโจ๊กที่ใสราวกับน้ำข้าว เจี่ยงหร่านยกมือลูบท้องตนเอง ก่อนจะเรอออกมาอย่างสบายอารมณ์ เยว่ซินมองท่าทีของผู้เป็นนายด้วยความตะลึงงัน แต่ก่อนคุณหนูมักจะรักษากิริยามารยาท งดงามไร้จุดบกพร่อง แต่วันนี้นางกลับยกขาขึ้นพาดโต๊ะ อีกทั้งเรอออกมาอีกด้วยเป็นเพราะคุณไสยสะท้อนเข้าตัวเป็นแน่แท้ คุณหนูของนางจึงเสียสติถึงเพียงนี้ น่าสงสารเหลือเกินเมื่อเจ้านายกินอาหารอิ่มแล้ว เยว่ซินก็ตรงไปที่โต๊ะ ก่อนจะย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 6 เหลาสุราจิ๋นฮวา

    เมื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นบุรุษเรียบร้อย เจี่ยงหร่านก็เดินลงมาจากรถม้าพร้อมกับเยว่ซิน ในมือของนางมีพัดอันหนึ่ง หญิงสาวสะบัดพัดกางออก พร้อมกับโบกพัดไปมา ท่าทางราวกับคุณชายเสเพลที่กำลังมาหาความสำราญยังเหลาสุราอย่างไรอย่างนั้นเมื่อเดินเข้ามาในเหลาสุราจิ๋นฮวาก็มีคนมาต้องรับนาง เป็นเด็กหนุ่มท่าทางนอบน้อมผู้หนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับ เด็กหนุ่มจ้องมองเจี่ยงหร่านพลางค้อมคำนับ"ข้าน้อยไม่เคยเห็นหน้าคุณชายมาก่อนเลย ท่านคงเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวงใช่หรือไม่"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะสอบถาม"เหลาสุราของเจ้ามีสุราชั้นดีอันใดบ้างเอามาให้ข้าลองดื่มหน่อย ขอสุราที่แรงที่สุด"ชายหนุ่มจ้องมองเจี่ยงหร่านอย่างอึ้งงัน สุราที่แรงที่สุดเช่นนั้นหรือเดิมทีเหลาสุราจิ๋นฮวามีสุราที่แรงที่สุดอยู่แล้ว เป็นสูตรลับเฉพาะที่ซื่อจื่อทำขึ้นมา โดยมีข้อแม้ว่าหากผู้ใดดื่มแล้วไม่เมาจะได้ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงเป็นรางวัล เขาใคร่ครวญในใจก็คาดเดาได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คงจะมาท้าประลองหวังเงินกระมัง เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยิ้มแย้มพลางตอบรับคำ"ขอห้องชั้นบน เอาที่เห็นเมืองหลวงชัดๆ""เชิญทางนี้ขอรับ"หนุ่มน้อยพูดจบก็ผายมื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 7 พบกันอีกครา

    เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมานางจึงหมุนตัวมามอง ก่อนจะพบว่าเป็นเซียวจิ้งนั้นเองความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนั้น หลงใหลคลั่งใคล้เซียวจิ้งเป็นอย่างมาก มักจะหาหนทางเข้าใกล้จนแทบจะสิงร่างเขาอยู่แล้ว และไม่ยินยอมให้สตรีใดมาเข้าใกล้เขาอีกด้วย ถึงขนาดเผาโรงน้ำชาก็เคยทำมาแล้วนางไม่รู้ว่าจะเอ่ยทักทายเขาเช่นไรดี จะให้นางเข้าไปออดอ้อนเขาเหมือนเจ้าของร่างเดิมเคยทำ นางก็ทำไม่เป็น เมื่อคิดได้เช่นนั้นางจึงเดินเข้าไปหาเขา ก่อนจะยิื่นมือไปตบไหล่ของเขาอย่างสนิทสนมและเอ่ยทักทาย"ว่าอย่างไรสหาย...เอ่อ ท่านพี่จิ้ง"เซียวจิ้งปรายตามองมือของจางเหมี่ยวลี่ที่จับอยู่บนไหล่เขาปราดหนึ่ง ก่อนจะเบี่ยงกายหลบ อีกทั้งยังยกมือขึ้นปัดไหล่ที่ถูกนางจับราวกับรังเกียจเป็นอย่างยิ่งเจี่ยงหร่านที่เห็นเช่นนั้นก็แอบนึกนินทาในใจให้ตายเถอะ รังเกียจถึงเพียงนี้เชียวหรือ สหายเซียว ไม่เคยเห็นท่านในด้านนี้มาก่อนเลยเซียวจิ้งจ้องมองจางเหมี่ยวลี่ด้วยแววตาที่เรียบเฉย ก่อนจะถามขึ้น"เจ้าทำอันใด"เจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ"ท่านพี่จิ้ง ข้าก็มาดื่มสุราอย่างไรเล่า ข้าดื่มหมดกาแล้วยังไม่เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 8 เงื่อนงำการตายและการลอบสังหาร

    เมื่อฝึกจนเหงื่อออกไปทั่วทั้งร่างกายแล้ว เจี่ยงหร่านก็กลับมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ที่เรือนตั้งแต่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ นางก็ให้เยว่ซินตุ๋นน้ำแกงสมุนไพรบำรุงกำลังมาให้นางดื่มแทนน้ำแกงรกเด็กที่น่ากลัวถ้วยนั้น เมื่อได้ดื่มน้ำแกงสมุนไพรร่างกายของนางก็ฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อย ทว่าสิ่งที่น่าแปลกใจก็คือมีอยู่วันหนึ่งนางมีระดู เดิมทีหญิงสาวมีระดูก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่นางกลับปวดท้องอย่างหนักหน่วง และระดูที่ไหลออกมาล้วนเป็นเลือดสีดำเข้มจนน่ากลัว แรกเริ่มนางไม่คิดอะไรมาก แต่กระทั่งเดือนต่อมานางก็ยังมีอาการเช่นนี้อยู่อีก เจี่ยงหร่านจึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติอาการเหมือนกับคนที่โดนพิษและยังขับพิษออกไม่หมดอย่างไรอย่างนั้น แต่เป็นพิษชนิดใดนางเองก็มิอาจรู้ได้ และไม่รู้ว่ามันจะส่งผลใดต่อชีวิตของนางในกาลต่อไปอย่างไรบ้างเจี่ยงหร่านครุ่นคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก จนกระทั่งนางรู้สึกว่าการตายของเจ้าของร่างเดิมอาจจะมีเงื่อนงำก็เป็นได้หรือว่าร่างเดิมไม่ได้ตายเพราะล้มป่วย แต่ถูกวางยาพิษเช่นนั้นหรือ แล้วผู้ใดกันที่วางยาพิษนาง?แล้วคนที่ลงมือเป็นผู้ใด และจุดประสงค์ที่สังหารจางเหมี่ยวลี่คือสิ่งใด?น่าปวดหัวยิ่งน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 9 ยื่นข้อเสนอ

    เซียวจิ้งที่ได้ยินที่จางเหมี่ยวลี่เอ่ยขึ้นมาเขาก็ถึงกับนิ่งค้างเลยทีเดียว อีกทั้งยังคิดว่าตนเองหูฝาดไปเสียด้วยซ้ำแต่ไหนแต่ไรมา จางเหมี่ยวลี่เอาแต่เร่งเร้าให้เขารีบแต่งงานกับนาง ไม่ก็หาทางทำให้ตนเองตกเป็นภรรยาของเขาให้ได้ แต่วันนี้นางกลับมาบอกเขาว่าให้เลื่อนงานแต่งงานออกไปนี่มันเรื่องอันใดกัน?เจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่รอคอยคำตอบจากเซียวจิ้งอย่างใจจดใจจ่อ นางคาดเดาว่าเขาคงจะต้องเห็นด้วยกับนางเป็นแน่ เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ได้ชอบจางเหมี่ยวลี่อยู่แล้ว นางเข้าใจดีว่าหากต้องฝืนแต่งกับคนที่ไม่ได้รักมันทรมานเพียงใดเซียวจิ้งจ้องมองจางเหมี่ยวลี่ราวกับจะมองให้ทะลุเข้าไปในใจนาง ยิ้มคล้ายไม่ยิ้มพลางกล่าวว่า"จางเหมี่ยวลี่ เจ้าคิดว่าข้าว่างมากนักหรือ"เจี่ยงหร่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็มุ่นคิ้ว ก่อนจะตอบ"ข้ารู้ว่าท่านพี่จิ้งไม่ว่าง ท่านมีงานมากมายให้ต้องจัดการ ข้าก็รอคำตอบอยู่นี่อย่างไรเล่า ท่านบอกข้ามาสิตกลงแล้วจะเลื่อนงานแต่งไปนานเท่าใด หนึ่งปีหรือไม่ หรือว่าสอง...""เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ! การแต่งงานระหว่างเจ้าและข้าใช่ว่าจะทำตามความต้องการของเจ้าได้ทุกอย่าง"เจี่ยงหร่านที่ได้ยินเช่่นนั้นก็ชะงัก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 10 หวนคิดถึง

    ด้านเจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่ ยามนี้นางกำลังให้สาวใช้ช่วยกันยกโคมไฟเข้าไปไว้ในรถม้า อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงเทศกาลโคมไฟแล้ว ผู้คนจึงนิยมซื้อโคมไฟไปประดับประดาตกแต่งจวนของตนอีกทั้งที่แคว้นฟงหลิงนอกจากจะมีการประดับประดาโคมแล้ว ยังมีการลอยโคมในแม่น้ำเพื่อรำลึกถึงผู้ที่ล่วงลับจากไปแล้วอีกด้วย เจี่ยงหร่านจึงตั้งใจว่าจะไปลอยโคมให้คนตระกูลเจี่ยงหวังให้แสงสว่างจากโคมไฟส่องนำทางให้พวกเขาเดินทางไปปรโลกได้อย่างราบรื่นสงบสุข"คุณหนูเจ้าคะ เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ โคมไฟทั้งหมดสาวใช้นำขึ้นรถม้าหมดแล้ว""ดีมาก จริงสิ พวกเจ้าคงเหนื่อยแล้ว เยว่ซินเจ้าไปซื้อบะหมี่มากินคนละชามข้าจ่ายเอง""เจ้าค่ะ"เยว่ซินรับคำและยิ้มอย่างอารมณ์ดี ระยะหลังมานี้นางเริ่มคุ้นชินกับนิสัยใหม่ของคุณหนู ซ้ำยังภาวนาให้จางเหมี่ยวลี่เป็นเช่นนี้ตลอดไป เพราะนางทั้งได้กินอิ่มและไม่ถูกทุบตีเซียวจิ้งมองดูจางเหมี่ยวลี่ที่นั่งกินบะหมี่กับเหล่าสาวใช้และคนขับรถม้า เขาก็แอบแปลกใจจริงๆ แต่ไหนแต่ไรมา นอกจากจะไม่ชอบกินของข้างทางเช่นนี้แล้ว จางเหมี่ยวลี่ยังไม่อนุญาตให้บ่าวรับใช้เสนอหน้ามาเข้าใกล้โต๊ะอาหารของนาง มีครั้งหนึ่งเขาไปที่จวนตระกูลจางแล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 11 งานโคมไฟ

    เมื่อลงมาจากรถม้าแล้ว เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ก็มองดูบริเวณโดยรอบครู่หนึ่ง ที่แคว้นซ่งของนางก็มีงานเทศกาลเช่นนี้เหมือนกัน อีกทั้งยังจัดได้ยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากแคว้นฟงหลิงเลยแม้แต่น้อย ผู้คนล้วนออกมาเที่ยวชมงานกันอย่างคึกคักสนุกนานมีครั้งหนึ่งนางไม่ได้มีงานให้ต้องจัดการในค่ายทหาร นางจึงอยากจะชวนฉู่อี้เฉินไปด้วยกัน แต่เขาอ้างว่ามีเรื่องด่วนให้ต้องจัดการ นางจึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงออกไปเที่ยวคนเดียว นางเดินเที่ยวเล่นจนรู้สึกว่าเบื่อแล้ว จึงคิดจะกลับ แต่ระหว่างทางกลับได้พบกับฉู่อี้เฉินและฟ่านเหยากำลังเดินเที่ยวชมงานด้วยกันยามนั้นนางไม่ได้คิดสิ่งใดมากมายนัก อีกทั้งฉู่อี้เฉินยังบอกว่าเดิมทีสะสางงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และไปหานางที่จวน แต่บ่าวที่จวนบอกว่านางมาเดินเที่ยวงานเขาจึงออกมาตามหา ประจวบเหมาะกับที่พบเจอฟ่านเหยาพอดี จึงถามว่าเจอนางหรือไม่ คนทั้งสองจึงมาเดินตามหานางจางเหมี่ยวลี่รู้สึกเย้ยหยันตนเองอยู่ในใจ นางช่างโง่เง่าไร้เดียงสายิ่งนัก ไม่ประสาเรื่องชายหญิง หลงเชื่อชายโฉดหญิงชั่วอย่างหมดใจนางกับฟ่านเหยาที่ผ่านมานับว่าเป็นสหายที่ดีต่อกัน ฟ่านเหยามักจะแนะนำเรื่องเครื่องประทินโฉ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-21

บทล่าสุด

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

    กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด""อืม"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 41 กลยุทธ์ลดทอนกำลังทหาร

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบิดา ฟ่านเหยาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน ทุกครั้งที่นางหลับตาลงมักจะฝันเห็นว่าบิดาร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ได้ยินเสียงฟ่านเยียนญาติผู้พี่ กำลังดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับร่ำร้องขอให้นางช่วย นานวันเข้าฟ่านเหยาร่างกายก็ย่ำแย่ลง จากที่เคยงดงามเฉิดฉาย แต่เวลานี้ใบหน้าซูบตอบผอมแห้งราวกับคนป่วยหนักที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ นางฝันเห็นเจี่ยงหร่าน ฝันว่าสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาบีบปลายคางของนางและกระซิบว่า บุตรของนางยามนี้กำลังไปคอยรับใช้บุตรเจี่ยงหร่านในปรโลกแล้ว และยังบอกอีกว่านับแต่นี้นางอย่าได้ฝันว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต!ครั้งแรกฝันเช่นนี้ฟ่านเหยาด่าทอสาปแช่งเจี่ยงหร่านอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อนานวันเข้าความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของนาง ฟ่านเหยาหวาดระแวงไม่กล้าอยู่คนเดียวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ราวกับคนตายทั้งเป็นระยะหลังมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกับฉู่อี้เฉินจากแต่ก่อนที่เคยรักกันหวานซึ้ง ตอนนี้กลับทะเลาะกันทุกวัน เขาเอาแต่ตะโกนเรียกหาเจี่ยงหร่านนางแพศยานั่น อีกทั้งยังถามนางว่าตระกูลฟ่านคิดไม่ซื่อกับเขาจริงหรือไม่ เขาถามนางซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นราวกับค

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 40 หลุมศพ

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ้งและเจี่ยงหรานรวมถึงเจี่ยงเฮ่าก็เร่งเดินทางข้ามเขตชายแดนในทันที เจี่ยงเฮ่านั้นก่อนหน้านี้เจี่ยงหร่านไม่อยากให้เขาติดตามมาด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทว่าเจี่ยงเฮ่ากลับลอบปะปนมากับกองทัพทหาร ด้วยเวลานี้อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะเดินทางมาไกลจึงทำให้อาการกำเริบขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนักเจี่ยงหร่านในเวลานี้กำลังยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ราบเรียบ สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเป็นระยะตอนนี้นางสังหารพวกมันไปสองคนแล้ว หากบอกว่าการที่ฟ่านเยียนตายคือพายุลูกแรกที่สร้างผลกระทบต่อแคว้นซ่ง การตายของราชครูฟ่านก็เปรียบได้กับคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้าสู่แคว้นซ่ง คนสำคัญที่เป็นคนคอยชี้แนะฉู่อี้เฉินและสนับสนุนเขายามนี้ตายแล้ว ย่อมทำให้เหล่าบรรดาแม่ทัพทหารแคว้นซ่งและขุนนางในราชสำนักหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยและยังส่งผลทำให้บัลลังก์มังกรของฉู่อี้เฉินสั่นคลอนเป็นอย่างยิ่งในขณะที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของนาง เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มออก

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 39 ส่งมอบของขวัญ

    ราชครูฟ่านถูกจับตัวเอาไว้ เหล่าผู้ติดตามก็ถูกรวบตัวไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน พวกเขาบางส่วนที่คิดขัดขืนล้วนถูกทุบตีจนไร้ทางสู้ ราชครูฟ่านเงยหน้ามามองเจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ ด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว"นังแพศยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่สังหารหลานชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง"เมื่อถูกจับได้แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาท่าทีอีกต่อไป เขาพ่นคำหยาบสารพัด ด่าทอทุกคนไม่เหลือท่าทีของราชครูผู้สูงส่ง เช่นในกาลก่อนอีกแล้ว เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยัน"ใจเย็นๆ สิราชครูฟ่าน ท่านทำแบบนี้เท่ากับไม่รักษาหน้าตาของตนเลย ท่านเป็นถึงราชครูฟ่านผู้ขาวสะอาดดุจเทพเซียนของแคว้นซ่งเชียวนะ ทำเช่นนี้น่าอับอายจริงเชียว"ราชครูฟ่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่ายามอยู่ที่แคว้นซ่ง เขาได้รับฉายาว่าบัณฑิตผู้สูงส่งขาวสะอาดดุจเทพเซียนด้วยเหตุนี้ราชครูฟ่านจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว ทว่านางกลับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอ่อนโยนเสียจนน่าขนลุก!คนทั้งหมดถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหลี่ฟางนั้นยามนี้ถูกพาตัวมาไต่สวนในวังหลวง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาเอกของชินอ

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 38 หลอกล่อปลามาติดแห

    หลายวันต่อมา ฮ่องเต้เซียวหลางก็มีรับสั่งให้คณะทูตของแคว้นซ่งเข้าเฝ้า จัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับอย่างสมเกียรติ และยังให้ขุนนางชั้นสูงรวมถึงบุตรสาวและฮูหยินเอกเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ได้ แน่นอนว่าเจี่ยงหร่านเองก็ต้องร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกันเจี่ยงหร่านวันนี้สวมชุดขุนนางหญิง ที่ทางราชสำนักเพิ่งตัดส่งมาให้เข้าร่วมงานตามตำแหน่งทางการทหารของนาง หญิงสาวเดินเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยท่าทีองอาจผึ่งผาย เซียวหลิงที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาทักทายนาง ก่อนจะดึงนางให้ไปลองชิมขนมที่ตนเพิ่งทำขึ้นมาใหม่ เจี่ยงหร่านอยู่สนทนากับเซียวหลิงได้ไม่นาน ก็ต้องกลับมานั่งประจำตำแหน่งที่เดิมของตน ไม่นานนัก ขันทีก็ประกาศว่าฮ่องเต้เซียวหลางเสด็จมาถึงแล้ว ทุกคนจึงรีบลุกขึ้นและอยู่ในความสงบฮ่องเต้เซียวหลางเดินเข้ามาพร้อมกับฮองเฮาของตน ส่วนเซียวจิ้งนั้นยามเดินอยู่ด้านหลังพร้อมกับบิดาและมารดาเลี้ยง ทั้งยังมีเซียวกั๋วมาร่วมงานด้วย อย่างไรเสียก็เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แม้ในยามปกติจะไม่ลงรอยกันมากเพียงใด แต่เมื่อมีคนต่างแคว้นเข้ามา ย่อมต้องแสดงออกว่าพี่น้องรักใคร่กันดีเพื่อไม่ให้ศัตรูมองเห็นจุดอ่อนได้"ทุกคนลุกขึ้นเถ

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 37 ตลบหลัง

    ด้านเจี่ยงหร่านที่ได้รับทราบว่าผู้นำคณะทูตเดินทางมาสวามิภักดิ์ในครั้งนี้ก็คือราชครูฟ่านบิดาของฟ่านเหยา ถ้วยชาในมือถูกกำเอาไว้แน่น นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินออกจากเรือนมุ่งหน้าไปที่รถม้า นางบอกเยว่ซินว่าจะไปที่หอสุราจิ๋นฮวา อีกทั้งยังไม่ให้เยว่ซินตามไปด้วยเมื่อมาถึงนางมุ่งขึ้นไปบนชั้นสอง ลุงหม่าเองระยะหลังมานี้ เริ่มจะคุ้นเคยกับเจี่ยงหรานมากขึ้น เมื่อนางมาถึงเขามักจะจัดห้องที่ด่ีที่สุดให้ และสั่งให้คนนำสุราชั้นดีส่งให้นางอย่างรู้งานวันนี้เซียวจิ้งเองก็มิได้มีงานเร่งด่วน เมื่อได้ยินว่าเจี่ยงหร่านต้องการพบเขา และรออยู่ชั้นสองของเหลาสุรา ชายหนุ่มก็รีบตรงมาหานางทันที เมื่อมาถึงก็พบว่า ในห้องมีเจี่ยงเฮ่าอยู่ด้วย เจี่ยงเฮ่ายิ้มให้เซียวจิ้งอย่างนอบน้อม เซียวจิ้งเองก็ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้างกายของเจี่ยงหร่านและถามขึ้นมา"เจ้ามาหาข้ามีเรื่องใดหรือ ให้คนส่งจดหมายมาก็ได้ ข้าจะรีบไปหาเจ้าเอง"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาได้ แล้วพูดว่า"เซียวจิ้ง ที่ข้ามาพบท่านครั้งนี้เพราะมีเรื่องที่อยากขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้ข้าคิดไตร่ตรองมาทั้งคืนแล้ว"เซียวจิ้ง

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 36 คณะทูต

    เซียวจิ้งเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้เจี่ยงหร่าน อย่างแผ่วเบา เอ่ยกับนางว่า"อาหร่าน เจ้าอย่าให้ความเกลียดชังกัดกินจิตใจเจ้าจนทุกข์ทรมานเลยนะ"เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่เงยหน้าขึ้นมามองเซียวจิ้งครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อครู่เพราะนางถูกความโกรธแค้นครอบงำจิตใจมากเกินไป จึงทำให้ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ"ทำไมหรือสหายเซียว ท่านกลัวข้าถลำลึกเช่นนั้นหรือ""ข้ากลัวเจ้าไม่มีความสุข ข้าอยากเห็นเจ้ามีสุขไร้ทุกข์กังวล"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พลันชะงักไปอึดใจ คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใด ยามที่นางกำลังจะถลำลึกจนถูกความแค้นกัดกินครอบงำจิตใจ ทว่าเซียวจิ้งกลับสามารถดึงนางขึ้นมาจากหลุมดำภายในจิตใจได้ทุกครั้งเขาเหมือนแสงสว่างที่ส่องประกายเจิดจ้าและงดงามยิ่งนักเมื่อเห็นว่าเจี่ยงหร่านมีสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาทันที"แม้นางจะตั้งครรภ์ แต่ได้ยินว่าระยะหลังมานี้สุขภาพไม่สู้ดีเท่าใดนัก มักจะอารมณ์เสียจนเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง แต่นางมีโทสะเรื่องใดนัั้นคนของข้ายังสืบได้ไม่แน่ชัด"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เพียงยิ้มน้อยๆ"สหา

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status