Beranda / รักโบราณ / ยอดบุปผาโฉมสะคราญ / บทที่ 4 ภาพวาดของจางเหมี่ยวลี่

Share

บทที่ 4 ภาพวาดของจางเหมี่ยวลี่

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-21 15:00:08

เหลาสุราแห่งนี้เป็นเหลาสุราที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแคว้นฟงหลิง เป็นกิจการเดียวที่ตระกูลท่านตามี นับตั้งแต่ท่านตาท่านยายและท่านแม่ตายจากไป กิจการนี้เคยตกไปอยู่ในมือของหลี่ฟางมารดาเลี้ยงของเขา นางอ้างว่าเขาอายุยังน้อยยังไม่รู้เรื่องยื่นมือมาจัดการบัญชี เมื่อเขาเติบโตขึ้นต้องใช้ความพยายามอยู่ไม่น้อย เพื่อให้กิจการนี้กลับมาอยู่ในมือของตนอีกครั้ง

แม้หลี่ฟางจะเคยดูแลกิจการอยู่ช่วงหนึ่ง แต่กลับไม่อาจทำให้มีกำไรงอกงามขึ้นมาได้ เพราะสูตรลับทั้งหมดท่านแม่ให้เขาเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดี เมื่อเขากลับมาดูแลอีกครั้ง จึงมอบสูตรลับให้คนที่ไว้ใจได้ ก่อนที่เหลาสุราจะกลับมาทำเงินเป็นกอบเป็นกำอีกครั้ง นับแต่นั้นทุกครั้งยามที่กลับมาเมืองหลวง เขามักจะมาอยู่ที่นี่ไม่ยอมกลับตำหนักชินอ๋องอีกเลย

เมื่อเดินเข้ามาด้านในแล้ว ชายหนุ่มก็ขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของเหลาสุรา ที่นี่คือที่พักของเขา ทุกอย่างถูกจัดแต่งอย่างหรูหรา มิได้ด้อยไปกว่าตอนที่เขาพำพักในตำหนักชินอ๋องเลย ท่านลุงหม่าบ่าวรับใช้คนสนิทของท่านแม่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ก็ติดตามเขามาอยู่ที่นี่ด้วย เมื่อเห็นว่าเขากลับมาแล้ว ท่านลุงหม่าก็ดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด

"ซื่อจื่อท่านกลับมาแล้ว บ่าวเตรียมน้ำร้อนไว้ให้ท่านแล้ว อีกสักครู่จะให้คนนำอาหารขึ้นมาส่งนะขอรับ"

เซียวจิ้งพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง เขาถอดเสื้อผ้าออก ก่อนจะเดินเข้าไปแช่ตัวในอ่างน้ำ ไอน้ำลอยวนจนราวกับม่านหมอกหนา เขาหลับตาลงพลางครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมามากมาย หนึ่งในนั้นคือเรื่องของเจี่ยงหร่าน

นับตั้งแต่รู้ว่านางสิ้นชีพจิตใจของเขาหมองเศร้าไม่น้อยเลย ไม่อาจลบภาพนางไปได้จากจิตใจได้ อีกทั้งยังโกรธแค้นฉู่อี้เฉินที่ไม่รักษานางเอาไว้ให้ดี

ทั้งที่เป็นคนได้ครอบครองทุกพื้นที่ในใจของนาง แต่กลับบีบคั้นนางจนหมดทางรอด

ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องของจางเหมี่ยวลี่

เดิมทีสตรีนางนั้นสิ้นใจตายไปแล้ว แต่กลับฟื้นขึ้นมาได้ราวปาฎิหารย์ อีกทั้งแววตาที่มองเขาก็ดูผิดปกติต่างไปจากเดิมเป็นอย่างยิ่ง

เซียวจิ้งยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว รู้สึกว่าระยะนี้เรื่องราวรอบตัวคล้ายจะผิดแปลกไปไม่น้อยเลย

ยามนี้เป็นช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิ อากาศจึงค่อนข้างดีไม่เลว เจี่ยงหร่านตื่นขึ้นมาแต่เช้า ก่อนจะออกมาเดินยืดเส้นยืดสายที่ลานกว้างด้านหน้าเรือนอย่างอารมณ์ดี ช่วงหลายวันที่มาอยู่ในร่างนี้เจี่ยงหร่านต้องปรับตัวไม่น้อย แต่ถึงแม้จะต้องปรับตัว แต่นางรู้ดีว่าคนเราอย่างไรก็ไม่อาจละทิ้งนิสัยเดิมที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดไปได้

ตั้งแต่มาเกิดใหม่ในร่างนี้ เจี่ยงหร่านได้เรียนรู้ทุกอย่าง เรื่องมากมายที่นางไม่เคยพบเจอมาก่อนเหมือนตอนที่อยู่แคว้นซ่ง

ที่นี่ยังคงมิได้เปิดกว้างให้สตรีทำตามใจชอบได้มากเท่ากับแคว้นซ่ง การแต่งกายก็มักแต่งด้วยสีสันสดใส แต่งหน้าทาปากหน้าราวกับจะไปเล่นงิ้ว นางในร่างเก่านั้นชอบสวมเสื้อผ้าสีมืดทึบ เพราะชีวิตอยู่ในค่ายทหารมาตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้ไม่ได้มีโอกาสสวมใส่เสื้อผ้างดงามเหมือนหญิงสาวอื่นๆ นอกจากสวมชุดทหารแล้ว ก็ไม่เคยได้สวมชุดงดงามหรือแต้มชาดผัดแป้งเลยสักครา

เมื่อมานึกย้อนดูแล้ว นางโง่เหลือเกิน นางมีสภาพไม่น่ามองถึงเพียงนั้น ผิวพรรณไม่ได้ขาวสะอาด ใบหน้าไม่แต่งเติม ร่างกายมีรอยแผลจากการฝึก ฉู่อี้เฉินจะมาหลงรักนางได้อย่างไรกัน ต่างจากฟ่านเหยาที่แต่งกายสวยงามอ่อนหวานดึงดูดหัวใจบุรุษ นั่นต่างหากที่เรียกว่าหญิงงามอย่างแท้จริง

เจี่ยงหร่านรู้ดีว่าการที่นางมาอยู่ในร่างนี้นับว่าสะดวกสบายไม่น้อย จางเหมี่ยวลี่คือบุตรสาวแม่ทัพใหญ่แคว้นฟงหลิง การจะทำอันใดย่อมสะดวกมากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นอิสตรี นางเองก็ยังไม่กล้าพอที่เอาร่างของจางเหมี่ยวลี่ไปเสี่ยงอันตรายเช่นการวางแผนคิดจะสังหารฉู่อี้เฉินและฟ่านเหยา

พูดตามตรงก็คือ ในยามนี้นางยังมืดแปดด้าน คงทำได้เพียงดูสถานการณ์ไปพลางๆ ก่อน ถือว่าเรียนรู้เรื่องราวในแคว้นฟงหลิงไปด้วย

นางถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะเหลือบตามองโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวผู้นี้มีเครื่องประทินโฉมมากมายจนแทบจะเปิดร้านได้อยู่แล้ว บางอย่างยังใช้ไม่หมดนางก็ซื้อมาใหม่ เจี่ยงหร่านหยิบชาดทาปากขึ้นมาพิจารณาดู พบว่ามันมีกลิ่นบุปผาที่หอมจัด แต่สำหรับนางแล้วกลิ่นเช่นนี้ฉุนจมูกเกินไป

นางมองไปรอบๆ บรรยากาศในจวนตระกูลจางนับว่ายอดเยี่ยมมาก ทุกอย่างดูงดงามกว่าจวนตระกูลเจี่ยงของนางเสียอีก

เจี่ยงหร่านเดินไปได้ครู่หนึ่งเกือบจะล้มฟาดพื้น ชุดที่สวมใส่มันรุ่มร่ามเหลือเกิน ไม่เหมือนชุดฝึกทหาร แต่นางก็พยายามอย่างมากที่จะทำตัวให้คุ้นชิน มิให้เป็นที่สงสัยและจับตามองของคนในจวน

ที่สำคัญท่านแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินก็ดีต่อบุตรสาวเป็นยิ่งนัก ต่อให้นางดูแปลกประหลาดพิสดารเพียงใด ทั้งบิดามารดาก็ยังบอกว่านางดีที่สุด

ไม่แปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดเจ้าของร่างเดิมจึงนิสัยเสียและร้ายกาจเช่นนี้ เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจนั่นเอง

"เหมี่ยวเอ๋อร์ เจ้าออกมาเดินรับลมหรือ"

เสียงของบุรุษผู้หนึ่งทักทายขึ้นมาทำให้เจี่ยงหร่านต้องหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นจางเฉวียนพี่ชายของจางเหมี่ยวลี่นั่นเอง

จางเฉวียนองอาจรูปงาม ได้ยินว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากการไปออกรบครั้งก่อน เพราะว่าร่างกายแข็งแรงดีพักเพียงไม่กี่วันอาการเริ่มดีขึ้นแล้ว พี่ชายผู้นี้นับว่าเอ็นดูน้องสาวอยู่ไม่น้อย และเป็นคนเดียวในจวนที่กล้าเอ่ยวาจาตักเตือน ยามที่เจ้าของร่างเดิมทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เจี่ยงหร่านฉีกยิ้มกว้างให้จางเฉวียน นางเดินเข้าไปหาเขาด้วยท่าทีประหม่าเล็กน้อย นางไม่คุ้นชินกับคนตระกูลจาง จึงไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสนทนากับพี่ชายผู้นี้เช่นไรดี

"ท่านพี่หายดีแล้วหรือเจ้าคะ"

หญิงสาวไถ่ถามด้วยน้ำเสียงที่กระด้างอยู่บ้าง เพราะอยู่ในค่ายทหารมาตั้งแต่เด็ก บิดาสอนนางทุกอย่าง ทำให้นางสนิทกับบิดามาก เรื่องความอ่อนหวานเยี่ยงสตรี หรือสนทนาพาทีเยี่ยงหญิงสาวในห้องหอนางล้วนแล้วไม่ชินเท่าใดนัก

จางเฉวียนเคยชินเสียแล้วกับท่าทีไม่สนใจสิ่งใดของจางเหมี่ยวลี่ เพราะถูกเขาดุด่าสั่งสอนอยู่เสมอนางจึงไม่ค่อยจะสนิทสนมกับพี่ชายเช่นเขาเท่าใดนัก

แต่ได้ยินท่านพ่อท่านแม่บอกว่า ตั้งแต่จางเหมี่ยวลี่ฟื้นขึ้นมาก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เหมือนกับไม่ใช่คนเดิม เขาเองก็สงสัยเช่นกัน ถึงอย่างไรน้องสาวก็ฟื้นคืนมาแล้ว หากเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงพยักหน้าเบาๆ แล้วพูดคุยกับนาง

"ดีขึ้นมากแล้ว เจ้าเล่า ได้ยินสาวใช้บอกว่าเจ้าตื่นเช้ากว่าเมื่อก่อนมาก อีกทั้งยังลุกขึ้นมาฝึกวรยุทธ์ เมื่อ่ใดกันที่เจ้ากลับมาสนใจการฝึกฝนร่างกายอีกครั้ง"

เจี่ยงหร่านที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ลอบตกใจไม่น้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา

"เพราะว่าข้าผ่านความตายมาแล้วหนหนึ่ง จึงทำให้คิดได้เจ้าค่ะ ว่าควรทำสิ่งที่สมควรทำมากกว่า"

"ดีมาก เห็นเจ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเช่นนี้ ข้าเองก็ดีใจ เจ้าอย่าได้เอาเวลาไปสนในศาสตร์ที่น่ารังเกียจเช่นนั้นอีกเลยนะ เวลานี้ผู้คนล้วนหวาดกลัวเจ้ากันหมดแล้ว"

เจี่ยงหร่านยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารัวๆ ก่อนกล่าวลาแล้วเดินกลับมาที่เรือนของตน เมื่อมาถึงก็พบว่าสาวใช้ได้เตรียมอาหารรอเอาไว้แล้ว สาวใช้ที่คอยรับใช้ใกล้ชิดนางมีนามว่าเยว่ซิน หลายวันมานี้นางสังเกตเห็นว่าเยว่ซินค่อนข้างหวาดกลัวนาง ไม่ใช่แค่เยว่ซินแม้แต่สาวใช้คนอื่นๆ ก็เกรงกลัวกันทั้งสิ้น

เจ้าของร่างเดิมทุบตีบ่าวไพร่ไม่เว้นวัน ผู้ใดบ้างจะไม่ยำเกรง

แต่ก่อนเจี่ยงหร่านก็มีสาวใช้ แต่นางจะแบ่งทุกอย่างให้สาวใช้ นางได้กินสิ่งใดสาวใช้ย่อมได้กิินด้วยเสมอ

เจี่ยงหร่านนั่งลงที่เก้าอี้แล้วจ้องมองอาหารตรงหน้าด้วยแววตาอึ้งงันครู่หนึ่ง อาหารยังคงเป็นเช่นทุกวัน มีแต่ผัก ไม่มีเนื้อเลยแม้แต่น้อย เจี่ยงหร่านเริ่มทนไม่ไหวแล้ว นางรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้รักสวยรักงามแต่ทำเช่นนี้มันเกินไปหน่อยกระมัง

นางรอดชีวิตรอดมาได้เช่นใดกัน ด้วยการกินอาหารเพียงเท่านี้?

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจี่ยงหร่านจึงหันไปหาเยว่ซินในทันที แต่นางยังไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่มองเยว่ซินก็สะดุ้งเสียแล้ว

"คุณหนู บ่าว บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวควรจะลดข้าวลงให้เหลือครึ่งชาม"

ลดข้าวครึ่งชาม!

บ้าไปแล้วหรือนี่ เอาข้าวให้คนกินหรือเซ่นผีกันแน่?

เจี่ยงหร่านเห็นว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้การแล้ว นางคงต้องหิวตายเป็นแน่ แต่ไหนแต่ไรนางกินข้าวมื้อละสองสามถ้วยเสียด้วยซ้ำ

"เลิกกลัวแล้วฟังข้าก่อนเถอะ"

อาจเพราะนางใช้น้ำเสียงที่ดุดันเหมือนสั่งทหารไปหน่อย เยว่ซินจึงยิ่งหวาดผวาเข้าไปใหญ่ เจี่ยงหร่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกล่าว

"เยว่ซิน เจ้าฟังนะ เจ้าไม่ต้องกลัว ต่อไปข้าจะไม่ตีเจ้าแล้ว เราจะอยู่กันอย่างสงบสุข แต่ก่อนข้าอาจทำไม่ดีกับพวกเจ้า แต่ต่อไปนี้ข้าจะทำดีต่อพวกเจ้าดีหรือไม่"

เยว่ซินเงยหน้ามามองจางเหมี่ยวลี่ด้วยแววตาที่ขลาดกลัวพร้อมกับแอบครุ่นคิดในใจ

สวรรค์ คุณหนูของพวกนางแช่น้ำว่านสมุนไพรน้ำไหลเข้าสมองจนสติเลอะเลือนไปแล้วหรือนี่!

จะใจดีได้สักกี่วันกันเชียว

แม้ในใจจะลอบนินทาเจ้านาย แต่เยว่ซินก็ยังพยักหน้าเบาๆ เจี่ยงหร่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยื่นมือไปประคองเยว่ซินขึ้นมา พลางพูดว่า

"เมื่อเข้าใจแล้ว จงฟังข้า ไปทำอาหารที่มีเนื้อมาเยอะๆ เอาข้าวมาเพิ่มอีกสามถ้วย เข้าใจหรือไม่"

"ห๊ะ!"

"ไม่ต้องตกใจ รีบไปเร็วเข้าข้าหิวแล้ว"

เยว่ซินพยักหน้าอย่างสับสนงงงวย นางรีบไปสั่งให้บ่าวไพร่ในจวนทำอาหารตามที่เจ้านายบอก บ่าวรับใช้ในโรงครัวต่างตั้งวงนินทากันอย่างลับๆ

ต้องเป็นวิญญาณอดอยากที่มาสิงคุณหนูอย่างแน่นอน ร้อยวันพันปีนางไม่กินของเช่นนี้

ให้ตายเถอะ มีผีกี่ตนที่สิงคุณหนูกันแน่?

ด้านเจี่ยงหร่านที่กำลังถูกคนซุบซิบนินทาว่าถูกผีอดอยากมาสิงก็กำลังเดินดูบริเวณโดยรอบภายในเรือนเหลียนฮวา เพราะหลายวันก่อนนางยังเพลียไม่น้อย อีกทั้งยังอาเจียนเอาของเสียออกไปมากจนต้องนอนซมอยู่บนเตียงหลายวัน จึงยังไม่ได้เดินดูข้าวของใช้ในเรือนของตน

เรือนด้านนอกนั้นไม่มีอะไรมาก ทุกอย่างล้วนตกแต่งอย่างงดงาม ภาพวาดทิวทัศน์นั้นดูแล้วเหมือนจะเป็นฝีมือของเจ้าของร่างเดิมเพราะมีตัวอักษรคำว่าเหมี่ยวกำกับเอาไว้ด้านล่างภาพวาดนั้น นับว่ามีฝีมือไม่น้อยเลย

ช่างเป็นสาวงามที่เพียบพร้อมจริงๆ นางก็เคยเป็นเช่นนี้ เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ แต่กลับมิได้มีใบหน้าที่งดงามเท่าร่างนี้

เจี่ยงหร่านเดินไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ห้องนอน สายตาของนางพลันเหลือบไปเห็นหีบใบหนึ่งอยู่ที่ใต้เตียงนอน หญิงสาวจึงนั่งลงและยื่นมือไปเลื่อนหีบใบนั้นออกมาเปิดดู มันไม่ได้ใส่กุญแจทำให้เปิดออกดูได้โดยง่าย เมื่อเปิดออกมา นางก็ถึงกับตื่นตะลึง

นี่มันอันใดกัน!

เหตุใดจึงมีแต่ยันต์สาปแช่งเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีตำราการสาปแช่งอีกด้วย

เจี่ยงหร่านรื้อค้นของเหล่านั้นขึ้นมาดู พบว่ามีทั้งตำราสาปแช่ง ตำราความงาม ตำราขอพร ยังมีวิธีแช่น้ำกลางแสงจันทร์เพื่อให้ผิวพรรณขาวผ่อง ในแผ่นยันต์มีชื่อของสตรีหลายคน ที่นางไม่รู้จักเขียนอยู่บนแผ่นยันต์นั้นเต็มไปหมด

เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ขมวดคิ้วแน่น ฉับพลันภาพเก่าๆก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

เจ้าของร่างเดิมทำพิธีสาปแช่งสตรีทุกคนที่งดงามกว่านาง เก่งกว่านาง เพียงเพราะความริษยา

เจี่ยงหร่านโคลงศีรษะแทบไม่อยากจะเชื่อ หน้าตางดงามถึงเพียงนี้ เพียบพร้อมถึงเพียงนี้ แต่กับเล่นของพวกนี้ได้อย่างไรกัน บ้าไปแล้ว!

นางยังคงรื้อค้นต่อไป จนกระทั่งไปพบกับตำราเล่มหนึ่ง นางจึงเปิดออกอ่านเมื่อเปิดดูเจี่ยงหร่านถึงกับตัวแข็งทื่อจนทำสิ่งใดไม่ถูก

ข้าจะต้องทำให้พี่เซียวจิ้งยกขาเรียวสวยของข้าพาดบ่าเขาให้ได้

ไม่นานก็ต้องแต่งงานกันแล้ว อีกเมื่อใดกันที่ข้าจะได้เป็นภรรยาของเขา ข้าสัญญาว่าจะทำหน้าที่ภรรยาให้ดี

อาหารพวกนี้ข้าสวดขอพรไปแล้ว เมื่อพี่เซียวจิ้งกินเข้าไปก็จะต้องหลงข้าจนโงหัวไม่ขึ้นแน่

ให้ตายเถอะ ข้าอยากจะอมแท่งมังกรของเขาใจจะขาดอยู่แล้ว ทำอย่างไรดี!

นอกจากคำบรรยายแล้วยังมีภาพของบุรุษและสตรีที่กำลังร่วมรักกัน เจี่ยงหร่านมองออกว่าคนในภาพคือเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่เพราะมีชื่อของคนทั้งสองกำกับเอาไว้

ให้ตายเถอะ! นี่คลั่งไคล้เสียจนเก็บเอามาวาดเป็นฉากๆ ได้เลยหรือนี่!

ก่อนหน้านี้ นางรู้แล้วว่าร่างนี้คือว่าที่ภรรยาของเซียวจิ้งสหายแดนไกลผู้นั้นของนาง เจี่ยงหร่านถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพลางใคร่ครวญอยู่ในใจ

สหายเซียว ที่แท้ท่านก็มีความลำบากใจไม่ต่างจากข้าเหมือนกันสินะ!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

    กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด""อืม"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 41 กลยุทธ์ลดทอนกำลังทหาร

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบิดา ฟ่านเหยาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน ทุกครั้งที่นางหลับตาลงมักจะฝันเห็นว่าบิดาร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ได้ยินเสียงฟ่านเยียนญาติผู้พี่ กำลังดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับร่ำร้องขอให้นางช่วย นานวันเข้าฟ่านเหยาร่างกายก็ย่ำแย่ลง จากที่เคยงดงามเฉิดฉาย แต่เวลานี้ใบหน้าซูบตอบผอมแห้งราวกับคนป่วยหนักที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ นางฝันเห็นเจี่ยงหร่าน ฝันว่าสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาบีบปลายคางของนางและกระซิบว่า บุตรของนางยามนี้กำลังไปคอยรับใช้บุตรเจี่ยงหร่านในปรโลกแล้ว และยังบอกอีกว่านับแต่นี้นางอย่าได้ฝันว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต!ครั้งแรกฝันเช่นนี้ฟ่านเหยาด่าทอสาปแช่งเจี่ยงหร่านอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อนานวันเข้าความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของนาง ฟ่านเหยาหวาดระแวงไม่กล้าอยู่คนเดียวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ราวกับคนตายทั้งเป็นระยะหลังมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกับฉู่อี้เฉินจากแต่ก่อนที่เคยรักกันหวานซึ้ง ตอนนี้กลับทะเลาะกันทุกวัน เขาเอาแต่ตะโกนเรียกหาเจี่ยงหร่านนางแพศยานั่น อีกทั้งยังถามนางว่าตระกูลฟ่านคิดไม่ซื่อกับเขาจริงหรือไม่ เขาถามนางซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นราวกับค

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 40 หลุมศพ

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ้งและเจี่ยงหรานรวมถึงเจี่ยงเฮ่าก็เร่งเดินทางข้ามเขตชายแดนในทันที เจี่ยงเฮ่านั้นก่อนหน้านี้เจี่ยงหร่านไม่อยากให้เขาติดตามมาด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทว่าเจี่ยงเฮ่ากลับลอบปะปนมากับกองทัพทหาร ด้วยเวลานี้อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะเดินทางมาไกลจึงทำให้อาการกำเริบขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนักเจี่ยงหร่านในเวลานี้กำลังยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ราบเรียบ สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเป็นระยะตอนนี้นางสังหารพวกมันไปสองคนแล้ว หากบอกว่าการที่ฟ่านเยียนตายคือพายุลูกแรกที่สร้างผลกระทบต่อแคว้นซ่ง การตายของราชครูฟ่านก็เปรียบได้กับคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้าสู่แคว้นซ่ง คนสำคัญที่เป็นคนคอยชี้แนะฉู่อี้เฉินและสนับสนุนเขายามนี้ตายแล้ว ย่อมทำให้เหล่าบรรดาแม่ทัพทหารแคว้นซ่งและขุนนางในราชสำนักหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยและยังส่งผลทำให้บัลลังก์มังกรของฉู่อี้เฉินสั่นคลอนเป็นอย่างยิ่งในขณะที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของนาง เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มออก

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 39 ส่งมอบของขวัญ

    ราชครูฟ่านถูกจับตัวเอาไว้ เหล่าผู้ติดตามก็ถูกรวบตัวไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน พวกเขาบางส่วนที่คิดขัดขืนล้วนถูกทุบตีจนไร้ทางสู้ ราชครูฟ่านเงยหน้ามามองเจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ ด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว"นังแพศยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่สังหารหลานชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง"เมื่อถูกจับได้แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาท่าทีอีกต่อไป เขาพ่นคำหยาบสารพัด ด่าทอทุกคนไม่เหลือท่าทีของราชครูผู้สูงส่ง เช่นในกาลก่อนอีกแล้ว เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยัน"ใจเย็นๆ สิราชครูฟ่าน ท่านทำแบบนี้เท่ากับไม่รักษาหน้าตาของตนเลย ท่านเป็นถึงราชครูฟ่านผู้ขาวสะอาดดุจเทพเซียนของแคว้นซ่งเชียวนะ ทำเช่นนี้น่าอับอายจริงเชียว"ราชครูฟ่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่ายามอยู่ที่แคว้นซ่ง เขาได้รับฉายาว่าบัณฑิตผู้สูงส่งขาวสะอาดดุจเทพเซียนด้วยเหตุนี้ราชครูฟ่านจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว ทว่านางกลับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอ่อนโยนเสียจนน่าขนลุก!คนทั้งหมดถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหลี่ฟางนั้นยามนี้ถูกพาตัวมาไต่สวนในวังหลวง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาเอกของชินอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status