Beranda / รักโบราณ / ยอดบุปผาโฉมสะคราญ / บทที่ 6 เหลาสุราจิ๋นฮวา

Share

บทที่ 6 เหลาสุราจิ๋นฮวา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-21 15:01:10

เมื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นบุรุษเรียบร้อย เจี่ยงหร่านก็เดินลงมาจากรถม้าพร้อมกับเยว่ซิน ในมือของนางมีพัดอันหนึ่ง หญิงสาวสะบัดพัดกางออก พร้อมกับโบกพัดไปมา ท่าทางราวกับคุณชายเสเพลที่กำลังมาหาความสำราญยังเหลาสุราอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเดินเข้ามาในเหลาสุราจิ๋นฮวาก็มีคนมาต้องรับนาง เป็นเด็กหนุ่มท่าทางนอบน้อมผู้หนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับ เด็กหนุ่มจ้องมองเจี่ยงหร่านพลางค้อมคำนับ

"ข้าน้อยไม่เคยเห็นหน้าคุณชายมาก่อนเลย ท่านคงเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองหลวงใช่หรือไม่"

เจี่ยงหร่านพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะสอบถาม

"เหลาสุราของเจ้ามีสุราชั้นดีอันใดบ้างเอามาให้ข้าลองดื่มหน่อย ขอสุราที่แรงที่สุด"

ชายหนุ่มจ้องมองเจี่ยงหร่านอย่างอึ้งงัน สุราที่แรงที่สุดเช่นนั้นหรือ

เดิมทีเหลาสุราจิ๋นฮวามีสุราที่แรงที่สุดอยู่แล้ว เป็นสูตรลับเฉพาะที่ซื่อจื่อทำขึ้นมา โดยมีข้อแม้ว่าหากผู้ใดดื่มแล้วไม่เมาจะได้ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงเป็นรางวัล เขาใคร่ครวญในใจก็คาดเดาได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คงจะมาท้าประลองหวังเงินกระมัง เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยิ้มแย้มพลางตอบรับคำ

"ขอห้องชั้นบน เอาที่เห็นเมืองหลวงชัดๆ"

"เชิญทางนี้ขอรับ"

หนุ่มน้อยพูดจบก็ผายมือเชิญเจี่ยงหร่านให้ขึ้นไปข้างบน เมื่อมาถึงก็บอกให้นางนั่งรอสักครู่ เขาจะไปเตรียมสุรามาให้ เมื่อเจี่ยงหร่านเดินเข้ามาในห้องแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างพลางเหม่อมองดูรอบๆ บริเวณ

เมืองหลวงแคว้นฟงหลิงนับว่าคึกคักครื้นเครงมาก ผู้คนก็ดูจะใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข เมื่อมองไปจนสุดสายตาจะเห็นภูเขาหลายลูกซ้อนทับกัน ยามนี้ทิวทัศน์ของแคว้นฟงหลิงได้บดบังแคว้นซ่งจากสายตาของนางไปแล้ว

เมื่อคิดถึงแคว้นซ่ง นางก็หวนคะนึงถึงตระกูลเจี่ยงขึ้นมา เพราะนางทำให้คนตระกูลเจี่ยงตายโดยไร้ที่กลบฝัง ดวงตาของนางก็แดงเรื่อขึ้นมาโดยฉับพลัน เจี่ยงหร่านพยายามระงับความปวดร้าวในจิตใจ ยามนี้นางเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

นางไม่มีกำลังทหารในมือเหมือนเช่นกาลก่อนอีกแล้ว ไม่มีอำนาจที่จะสั่งการให้ใครไปออกรบทำสงครามกับฉู่อี้เฉิน

ยามนี้นางทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปจนถึงเมื่อใดจึงจะหาทางออกได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจี่ยงหร่านก็ถอนหายใจออกมา ด้านเยว่ซินที่เดินตามเข้ามาก็เอ่ยด้วยความไม่สบายใจ

"คุณหนูเจ้าคะ ท่านไม่น่าเข้ามาที่นี่เลย ปกติแล้วสตรีจะไปโรงน้ำชา ฟังบทละครงิ้ว ไปร้านเครื่องประทินโฉม น้อยนักที่จะมีสตรีมาที่เหลาสุรา อีกทั้งร่างกายของท่านก็เพิ่งจะหายดี หากนายท่านรู้ว่าบ่าวพาท่านมาที่นี่ ต้องถูกลงโทษเป็นแน่เจ้าค่ะ"

เจี่ยงหร่านได้ยินเช่นนั้นก็หันมายิ้มให้เยว่ซิน ก่อนจะยิื่นมือไปขยี้ศีรษะสาวน้อยอย่างเอ็นดู

"อย่ากังวลไปเลย มีข้าอยู่ไม่มีผู้ใดกล้ามารังแกเจ้าหรอกน่า"

เย่วซินขมวดคิ้วน้อยๆ ท่าทีการพูดจาของคุณหนูของนางดูโตเกินอายุต่างไปจากเดิมอยู่มาก

ส่วนเจี่ยงหร่านเองก็มิได้ใส่ใจอะไรนัก แม้ร่างนี้จะอายุเพียงสิบเจ็ดปี แต่ชีวิตเดิมของนางนั้นปีนี้มีอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้ว

เดิมทีนางควรจะได้เข้าพิธีวิวาห์ เป็นภรรยาและเป็นมารดาที่คอยอบรมเลี้ยงดูบุตร แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเหมือนเช่นที่นางวาดฝันเอาไว้

ทุกอย่างสูญสลายหายไปราวกับสายลม

รออยู่ไม่นานหนุ่มน้อยคนนั้น ก็เดินเข้ามาพร้อมกับสุราที่แรงที่สุดของเหลาสุราจิ๋นฮวา เจี่ยงหร่านทิ้งกายนั่งลงก่อนจะสั่งให้หนุ่มน้อยคนนั้นออกไป นางเทสุราใส่จอกก่อนจะยกขึ้นมาลองชิม พลันชะงักไปเล็กน้อย ภาพความทรงจำเดิมกลับมาอีกครา

เมื่อหนึ่งปีก่อนในช่วงฤดูใบไม้ผลิ นางกับเซียวจิ้งนัดพบกันที่เดิมในบ้านน้อยบนภูเขาหลังนั้น เขานำสุรามาหนึ่งไห บอกว่าอยากให้นางลองดื่มดู เป็นสุราที่เขาหมักเองและยังแรงที่สุด หากนางดื่มแล้วไม่เมาเขาจะยอมให้นางขี่หลัง เขาจะพาวิ่งรอบเขา ยามนั้นนาง นึกสนุกและอยากผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเขาเอ่ยปากท้าทายเช่นนั้นนางจึงตกปากรับคำ

และแล้วนางก็ชนะเขาจริงๆ เซียวจิ้งยกนิ้วชี้มาที่หน้านางหัวเราะพลางกล่าวว่า

"เจ้าเป็นคนแรกที่ดื่มสุราของข้าแล้วไม่เมา มาๆ มาขี่หลังข้าเลยสหายเจี่ยง"

ภาพที่เขาพานางขี่หลังวิ่งรอบภูเขาเมื่อหนึ่งปีก่อนนั้นยังคงไม่จางหายไปจากความทรงจำ รสชาติสุรานี้ก็เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เมื่อใคร่ครวญในใจแล้ว นางจึงซักถามเยว่ซินทันที

"เยว่ซิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหลาสุรานี้ผู้ใดเป็นเจ้าของ"

เยว่ซินที่ได้ยินเช่นนั้นก็มองคุณหนูของนาง แล้วถามเบาๆ ฃึ้นมา

"คุณหนูจำไม่ได้หรือเจ้าคะ"

"เอ่อ ข้าบอกแล้วว่าตั้งแต่ข้าฟื้นขึ้นมาก็จำสิ่งใดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง"

เยว่ซินจ้องมองเจ้านายของตนอย่างฉงนสงสัย ก่อนจะตอบ

"เหลาสุราจิ๋นฮวาเป็นของเซียวซื่อจื่อคู่หมั้นของท่านอย่างไรเล่าเจ้าคะ"

เจี่ยงหร่านชะงักไปชั่วขณะ เหลาสุรานี้เป็นของเซียวจิ้งเช่นนั้นหรือ

ก่อนหน้านั้น นางเคยคิดอยากจะเข้าไปทักทายเขา อยากจะบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมาให้เขาฟัง อยากจะร้องไห้กับเขาสักครา เพราะนางรู้ว่ามีเพียงเขาที่ยินดีที่จะรับฟังนาง

แต่หลายเหตุการณ์ทำให้นางละอายใจอยู่ไม่น้อยเลย อีกทั้งยามนี้นางไม่ใช่เจี่ยงหร่านอีกแล้ว จะหาข้ออ้างใดไปสนทนากับเขากัน

ด้วยเหตุนี้เจี่ยงหร่านก็ล้มเลิกความคิดนั้นไปเสีย นางยกจอกสุราขึ้นดื่มจอกแล้วจอกเล่า เจี่ยงหร่านถอนหายใจออกมา

"น่าเสียดายจัง สุราหมดแล้วหรือ"

เยว่ซินอึ้งค้างไปในทันที สุราที่แรงที่สุดแต่คุณหนูของนางกลับไม่มีอาการเมาให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

"กลับกันเถอะ ข้าอยากนอนแล้ว”

"คุณหนู ทะ ท่านไม่เมาหรือเจ้าคะ"

"ไม่เมา สุราเพียงเท่านี้ ทำข้าเมาไม่ได้หรอก"

เอ่ยจบนางก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เมื่อออกมาก็พบกับหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่กำลังมองมาที่นางด้วยความตื่นตระหนก

เมื่อครู่เขาแอบส่องดูบุรุษหนุ่มน้อยผู้นี้ เห็นว่าดื่มสุราหมดกาแล้ว แต่กลับไม่เมาเลยแม้แต่นิดเดียว เจี่ยงหร่านยิ้มกริ่มให้หนุ่มน้อย ก่อนจะสัพยอกขึ้นมา

"ไหนเล่าเงินรางวัลหนึ่งพันตำลึง ไปเอามาให้ข้าสิ"

ด้านเซียวจิ้งนั้น ยามนี้เขากำลังนั่งอ่านตำราอยู่ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงของท่านลุงหม่าที่เข้ามารายงาน

"ซื่อจื่อขอรับ ตอนนี้มีคนที่ดื่มสุราของท่านแล้วไม่เมา กำลังรอรับรางวัลอยู่ขอรับ"

เซียวจิ้งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว รู้สึกสนใจไม่น้อย เดิมทีสุรานี้มีเพียงแค่เจี่ยงหร่านที่ดื่มแล้วไม่เมาเท่านั้น

ข้าคิดถึงนางเหลือเกิน

"ซื่อจื่อ"

เสียงเรียกของท่านลุงหม่าทำให้เซียวจิ้งได้สติขึ้นมา เขาพยักหน้าก่อนจะเดินลงมาจากชั้นบน เมื่อมาถึงเขาก็พบกับคนผู้หนึ่งที่กำลังยืนพิงประตูเหลาสุราอย่าสบายอารมณ์ อีกทั้งยังสวมชุดบุรุษอีกด้วย

จางเหมี่ยวลี่!

เป็นนางหรือที่ดื่มสุราของเขาแล้วไม่เมา

จะเป็นไปได้อย่างไร

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

    กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด""อืม"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 41 กลยุทธ์ลดทอนกำลังทหาร

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบิดา ฟ่านเหยาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน ทุกครั้งที่นางหลับตาลงมักจะฝันเห็นว่าบิดาร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ได้ยินเสียงฟ่านเยียนญาติผู้พี่ กำลังดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับร่ำร้องขอให้นางช่วย นานวันเข้าฟ่านเหยาร่างกายก็ย่ำแย่ลง จากที่เคยงดงามเฉิดฉาย แต่เวลานี้ใบหน้าซูบตอบผอมแห้งราวกับคนป่วยหนักที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ นางฝันเห็นเจี่ยงหร่าน ฝันว่าสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาบีบปลายคางของนางและกระซิบว่า บุตรของนางยามนี้กำลังไปคอยรับใช้บุตรเจี่ยงหร่านในปรโลกแล้ว และยังบอกอีกว่านับแต่นี้นางอย่าได้ฝันว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต!ครั้งแรกฝันเช่นนี้ฟ่านเหยาด่าทอสาปแช่งเจี่ยงหร่านอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อนานวันเข้าความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของนาง ฟ่านเหยาหวาดระแวงไม่กล้าอยู่คนเดียวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ราวกับคนตายทั้งเป็นระยะหลังมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกับฉู่อี้เฉินจากแต่ก่อนที่เคยรักกันหวานซึ้ง ตอนนี้กลับทะเลาะกันทุกวัน เขาเอาแต่ตะโกนเรียกหาเจี่ยงหร่านนางแพศยานั่น อีกทั้งยังถามนางว่าตระกูลฟ่านคิดไม่ซื่อกับเขาจริงหรือไม่ เขาถามนางซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นราวกับค

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 40 หลุมศพ

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ้งและเจี่ยงหรานรวมถึงเจี่ยงเฮ่าก็เร่งเดินทางข้ามเขตชายแดนในทันที เจี่ยงเฮ่านั้นก่อนหน้านี้เจี่ยงหร่านไม่อยากให้เขาติดตามมาด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทว่าเจี่ยงเฮ่ากลับลอบปะปนมากับกองทัพทหาร ด้วยเวลานี้อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะเดินทางมาไกลจึงทำให้อาการกำเริบขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนักเจี่ยงหร่านในเวลานี้กำลังยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ราบเรียบ สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเป็นระยะตอนนี้นางสังหารพวกมันไปสองคนแล้ว หากบอกว่าการที่ฟ่านเยียนตายคือพายุลูกแรกที่สร้างผลกระทบต่อแคว้นซ่ง การตายของราชครูฟ่านก็เปรียบได้กับคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้าสู่แคว้นซ่ง คนสำคัญที่เป็นคนคอยชี้แนะฉู่อี้เฉินและสนับสนุนเขายามนี้ตายแล้ว ย่อมทำให้เหล่าบรรดาแม่ทัพทหารแคว้นซ่งและขุนนางในราชสำนักหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยและยังส่งผลทำให้บัลลังก์มังกรของฉู่อี้เฉินสั่นคลอนเป็นอย่างยิ่งในขณะที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของนาง เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มออก

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 39 ส่งมอบของขวัญ

    ราชครูฟ่านถูกจับตัวเอาไว้ เหล่าผู้ติดตามก็ถูกรวบตัวไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน พวกเขาบางส่วนที่คิดขัดขืนล้วนถูกทุบตีจนไร้ทางสู้ ราชครูฟ่านเงยหน้ามามองเจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ ด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว"นังแพศยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่สังหารหลานชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง"เมื่อถูกจับได้แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาท่าทีอีกต่อไป เขาพ่นคำหยาบสารพัด ด่าทอทุกคนไม่เหลือท่าทีของราชครูผู้สูงส่ง เช่นในกาลก่อนอีกแล้ว เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยัน"ใจเย็นๆ สิราชครูฟ่าน ท่านทำแบบนี้เท่ากับไม่รักษาหน้าตาของตนเลย ท่านเป็นถึงราชครูฟ่านผู้ขาวสะอาดดุจเทพเซียนของแคว้นซ่งเชียวนะ ทำเช่นนี้น่าอับอายจริงเชียว"ราชครูฟ่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่ายามอยู่ที่แคว้นซ่ง เขาได้รับฉายาว่าบัณฑิตผู้สูงส่งขาวสะอาดดุจเทพเซียนด้วยเหตุนี้ราชครูฟ่านจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว ทว่านางกลับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอ่อนโยนเสียจนน่าขนลุก!คนทั้งหมดถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหลี่ฟางนั้นยามนี้ถูกพาตัวมาไต่สวนในวังหลวง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาเอกของชินอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status