Beranda / รักโบราณ / ยอดบุปผาโฉมสะคราญ / บทที่ 7 พบกันอีกครา

Share

บทที่ 7 พบกันอีกครา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-21 15:01:32

เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมานางจึงหมุนตัวมามอง ก่อนจะพบว่าเป็นเซียวจิ้งนั้นเอง

ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนั้น หลงใหลคลั่งใคล้เซียวจิ้งเป็นอย่างมาก มักจะหาหนทางเข้าใกล้จนแทบจะสิงร่างเขาอยู่แล้ว และไม่ยินยอมให้สตรีใดมาเข้าใกล้เขาอีกด้วย ถึงขนาดเผาโรงน้ำชาก็เคยทำมาแล้ว

นางไม่รู้ว่าจะเอ่ยทักทายเขาเช่นไรดี จะให้นางเข้าไปออดอ้อนเขาเหมือนเจ้าของร่างเดิมเคยทำ นางก็ทำไม่เป็น เมื่อคิดได้เช่นนั้นางจึงเดินเข้าไปหาเขา ก่อนจะยิื่นมือไปตบไหล่ของเขาอย่างสนิทสนมและเอ่ยทักทาย

"ว่าอย่างไรสหาย...เอ่อ ท่านพี่จิ้ง"

เซียวจิ้งปรายตามองมือของจางเหมี่ยวลี่ที่จับอยู่บนไหล่เขาปราดหนึ่ง ก่อนจะเบี่ยงกายหลบ อีกทั้งยังยกมือขึ้นปัดไหล่ที่ถูกนางจับราวกับรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง

เจี่ยงหร่านที่เห็นเช่นนั้นก็แอบนึกนินทาในใจ

ให้ตายเถอะ รังเกียจถึงเพียงนี้เชียวหรือ สหายเซียว ไม่เคยเห็นท่านในด้านนี้มาก่อนเลย

เซียวจิ้งจ้องมองจางเหมี่ยวลี่ด้วยแววตาที่เรียบเฉย ก่อนจะถามขึ้น

"เจ้าทำอันใด"

เจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบ

"ท่านพี่จิ้ง ข้าก็มาดื่มสุราอย่างไรเล่า ข้าดื่มหมดกาแล้วยังไม่เมา ท่านต้องจ่ายให้ข้าหนึ่งพันตำลึง"

เซียวจิ้งแค่นเสียงในลำคอออกมา ก่อนจะปรามาสขึ้นมา

"คนเช่นเจ้าน่ะหรือจะดื่มแล้วไม่เมา เจ้าเททิ้งก็ยอมรับมาเถอะ"

แหม สหายเซียว จะดูถูกกันไปแล้วนะเดี๋ยวก็จัดให้สักหมัดเสียดีไหม?

"ข้าไม่ได้เททิ้ง พ่อหนุ่มน้อยคนนั้นยังแอบดูข้าอยู่เลย ไม่เชื่อท่านก็ถามเขาสิ"

เซียวจิ้งหันไปมองเด็กหนุ่มที่นำมาสุรามาให้จางเหมี่ยวลี่ เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง เซียวจิ้งจึงหันมาเอ่ยกับจางเหมี่ยวลี่อีกครั้ง

"ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าดื่มสุราเก่ง แต่ก่อนสุราเพียงจอกเดียวเจ้าก็เมาแล้ว"

เจี่ยงหร่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็เม้มริมฝีปาก เซียวจิ้งช่างขี้สงสัยเสียจริงๆ

นางจ้องมองเขาอีกครั้ง แล้วอธิบายดูจริงจัง

"พี่จิ้ง ระหว่างที่ท่านไม่อยู่ข้าลองฝึกดื่มดู อีกทั้งยังใช้ยันต์ขอพร ขอพรให้ตนเองดื่มเก่งกว่าเดิม เพื่อท่านเลยนะเจ้าคะ"

"ชีวิตเจ้านี่มันไม่อาจหลุดพ้นจากเรื่องเหล่านั้นได้เลยจริงๆ สมองทึบ จิตใจบิดเบี้ยวตื้นเขินจนเกินจะเยียวยาแล้ว"

เจี่ยงหร่านลอบสูดปากคราหนึ่ง ให้ตายเถอะ ฝีปากของเขาจัดจ้านเสียยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก เจี่ยงหร่านคร้านจะเถียงกับเขาแล้ว นางเองก็ไม่เก่งเรื่องตีฝีปากกับใครเช่นกัน

"ไหนเล่าเงินรางวัล ท่านจ่ายมาสิ ข้าจะรีบกลับจวน"

เซียวจิ้งยกยิ้มมุมปากพลางเอ่ย

"นำตั๋วเงินมาให้นาง"

เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี ในระหว่างที่รอตั๋วเงินอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวนางหนึ่งทักทายขึ้นมา

"ซื่อจื่อ ข้าได้ยินว่าท่านรบชนะกลับมาปลอดภัย จึงอยากมาแสดงความยินดีกับท่าน โอ๊ะ คุณหนูจางก็อยู่ด้วยหรือ ข้า เอ่อ ข้าไม่ได้ทำอันใดเลยนะ แค่กแค่ก!"

เจี่ยงหร่านหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่ง ความทรงจำร่างเดิมบอกนางว่าสตรีนางนี้มีนามว่าไป๋ฮุ่ย เป็นบุตรสาวของท่านเจ้ากรมกลาโหม บิดาของนางเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ไม่น้อย อีกทั้งมารดาของนางก็เป็นท่านหมอที่มีฝีมือด้านการรักษาผู้คน แต่น่าเสียดายที่นางมีสุขภาพไม่สู้ดีเท่าใดนัก

ความรู้สึกของเจี่ยงหร่านในยามนี้ก็คือความรู้สึกที่เป็นอริอย่างแรงกล้า อาจจะเป็นความรู้สึกเดิมที่หลงเหลืออยู่ของเจ้าของร่างเดิม นางพยายามข่มกลั้นเอาไว้ และไม่ได้กล่าวสิ่งใด หลังจากที่ได้รับตั๋วเงินแล้วนางก็เอ่ยลาทันที

"ข้าไปละ พวกท่านสนทนากันไปเถอะ"

พูดจบนางก็จับแขนเยว่ซินและเดินจากไปทันที เซียวจิ้งถึงกับขมวดคิ้ว เดิมทีเขาให้ท่านลุงหม่าและคนในเหลาสุราไปเตรียมตัวเอาไว้แล้ว หากว่าจางเหมี่ยวลี่อาละวาดจนถึงขั้นเผาเหลาสุราเขาจะได้รับมือทัน

แต่นางกลับทำเหมือนไม่สนใจและเดินจากไปอย่างไม่แยแส

แม้กระทั่งไป๋ฮุ่ยเองก็ลอบมองจางเหมี่ยวลี่ด้วยความงุนงงเช่นกัน ทุกครั้งสตรีนางนั้นจะต้องกล่าววาจากระทบกระแทกแดกดัน หรือไม่ก็หาเรื่องทะเลาะตบตีนาง แต่วันนี้กลับปล่อยผ่านราวกับไม่ใส่ใจอย่างไรอย่างนั้น

หรือข่าวเล่าลือที่ว่านางตายไปแล้วคุณไสยย้อนเข้าตัวจนเสียสติจะเป็นเรื่องจริง

ในขณะที่เดียวกัน นางก็รู้สึกดีใจไม่น้อย เมื่อจางเหมี่ยวลี่ไปแล้ว นางจะได้สนทนากับเซียวจิ้งได้อย่างสบายใจ แต่เมื่อนางหันกลับมากลับพบว่าเขาจากไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจรู้ได้

เขาไปไหนเสียแล้วเล่า!

ด้านเจี่ยงหร่านที่เข้ามาในรถม้าแล้วก็เรอออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะได้ยินเสียงท้องที่ร้องของเยว่ซิน เยว่ซินเมื่อถูกเจ้านายจ้องมองก็มีสีหน้าซีดเผือด รีบขอโทษทันที

"ขออภัยเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าตีบ่าวเลย บ่าวเอ่อ..."

เยว่ซินยังไม่ทันพูดจบ คุณหนูของนางก็ยื่นก้อนเงินให้แล้วกล่าวว่า

"เอาไปซื้ออะไรกินกับคนขับรถม้า จะปล่อยให้ท้องหิวได้อย่างไร แล้วอีกอย่างนะ ข้าไม่ตีเจ้าหรอก"

เยว่ซินมีท่าทีลังเลก่อนจะยื่นมือไปรับก้อนเงินนั้นมา นางให้คนขับรถม้าจอดที่หน้าร้านซาลาเปาแห่งหนึ่ง แล้วเดินลงไปซื้อซาลาเปา เจี่ยงหร่านเปิดผ้าม่านรถม้าออก ก่อนจะจ้องมองป้ายโรงน้ำชาแวบหนึ่ง แอบคิดว่าจะต้องหาโอากาสมาลองชิมเสียหน่อย

เจี่ยงหร่านถอนหายใจยาวออกมา ร่างเดิมทำเอาไว้เจ็บแสบจริงๆ เผาโรงน้ำชาเพราะบุรุษผู้เดียวและยังทุบตีสาวใช้เพียงเพราะพวกนางทำอะไรไม่ถูกใจอีกด้วย

โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ ให้ตายสิ!

นางจึงลงมาจากรถม้า เพราะเห็นว่าเยว่ซินลงไปนานแล้ว เมื่อลงมาก็พบว่าเยว่ซินกำลังเดินกลับมาที่รถม้าพร้อมกับซาลาเปาในมือ เมื่อเห็นจางเหมี่ยวลี่เยว่ซินก็ยิ้มตาหยี

"คุณหนู บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ บ่าวซื้อซาลาเปามาฝากคุณหนูด้วย แต่ว่าซาลาเปาร้านริมทางแป้งอาจจะแข็งไปหน่อย"

"ไม่เป็นไร ข้ากินได้"

เจี่ยงหร่านเอ่ยจบก็รับซาลาเปาไปกิน ยามที่อยู่ในค่ายทหารนางก็กินอาหารร่วมกับททารคนอื่นเช่นนี้ไม่ได้ถือตัวว่าตนเป็นถึงรองแม่ทัพเลยแม้แต่น้อย

ภาพที่นางกินซาลาเปากับสาวใช้และคนขับรถม้าอีกทั้งยังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี อยู่ในสายตาของเซียวจิ้งทั้งหมด เขาจ้องมองนางอยู่ห่างๆ พร้อมกับครุ่นคิดในใจ

คนอย่างจางเหมี่ยวลี่น่ะหรือจะกินของร่วมกับสาวใช้ หากพูดว่านางทุบตีสาวใช้จะน่าเชื่อถือยิ่งกว่า

คล้ายกับว่าตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย จางเหมี่ยวลี่จะมีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

หรือว่านางแกล้งทำ?

เซียวจิ้งคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก ยามนี้เจี่ยงหร่านที่กำลังกินซาลาเปาอยู่รู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องมองมาที่ตน นางจึงหันขวับมามองตามสัญชาตญาณ เซียวจิ้งไม่คิดว่าจางเหมี่ยวลี่จะรู้ตัวก็ตกใจเป็นอันมาก ก่อนจะรีบหลบไปในทันที เจี่ยงหร่านขมวดคิ้ว ก่อนจะกลับจวนไปด้วยความสงสัยว่า ผู้ใดกันที่มาลอบแอบมองนาง ด้วยเพราะนางฝึกยุทธ์จึงทำให้รู้สึกตื่นตัวได้รวดเร็วกว่าคนอื่นๆ

แต่ละวันผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก ช่วงนี้ร่างกายของเจี่ยงหร่านเริ่มเข้าที่เข้าทางมากแล้ว นางจึงออกมาฝึกยุทธ์ยามเช้าทุกวัน โชคดีที่ร่างเดิมนี้มีวรยุทธ์อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจึงทำให้พละกำลังถดถอยไปบ้างแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา และยังไม่เป็นที่สงสัยของคนในจวนเท่าใดนัก ที่อยู่ดีๆ นางก็ลุกขึ้นมาฝึกยุทธ์แต่เช้าแบบนี้

"เหมี่ยวเอ๋อร์ ฝีมือยิงธนูของเจ้าก้าวหน้าขึ้นมากเลย"

จางเฉวียนเอ่ยชื่่นชมน้องสาว เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่คลี่ยิ้มให้พี่ชาย พลางพูดถ่อมตน

"ข้าห่างหายจากการฝึกมานานทำให้กำลังถดถอยไปบ้าง แต่นับจากนี้ข้าจะตั้งใจฝึกฝนทุกวันเจ้าค่ะ"

"ดี เจ้ารู้หรือไม่ ฝ่าบาทมีรับสั่งจะเปิดรับสมัครทหารหญิงเข้าไปในค่ายทหารอีกไม่นานแล้ว ได้ยินว่าการฝึกฝนไม่ต่างจากบุรุษ เพียงแต่แบ่งแยกชายหญิงเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าสตรีคนใดมีฝีมือเป็นเลิศ ไม่แน่ว่าอาจจะได้เข้าร่วมกองทัพได้ แต่เรื่องนี้ยังต้องหารืออีกสักพัก แต่คาดว่าคงจะราบรื่นเพราะเสียงเห็นด้วยมีมากกว่า"

เจี่ยงหร่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับมามองจางเฉวียน รีบร้อนถามขึ้นทันที

"จริงหรือเจ้าคะ"

"จริงสิ หากเจ้าอยากไปเข้าร่วมก็ย่อมได้ แต่เจ้าใกล้จะเข้าพิธีแต่งงานแล้ว ไม่รู้ว่าอาจิ้งจะยอมให้เจ้าเข้าร่วมหรือไม่"

"ฝ่าบาททรงห้ามให้สตรีที่แต่งงานแล้วเข้าฝึกหรือเจ้าคะ"

"ข้าก็ยังไม่แน่ใจ ต้องรอราชโองการจากฝ่าบาทจึงจะเป็นที่แน่นอน"

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจี่ยงหร่านฉีกยิ้มกว้าง ในใจของนางเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เปิดรับทหารหญิงเช่นนั้นหรือ!

นางมีหนทางแล้ว  นางรู้แล้วว่าจะทำเช่นไรจึงจะสามารถจัดการกับฉู่อี้เฉินและฟ่านเหยาได้

ขอให้มีราชโองการประกาศออกมาโดยเร็วๆ ทีเถิด!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 8 เงื่อนงำการตายและการลอบสังหาร

    เมื่อฝึกจนเหงื่อออกไปทั่วทั้งร่างกายแล้ว เจี่ยงหร่านก็กลับมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ที่เรือนตั้งแต่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ นางก็ให้เยว่ซินตุ๋นน้ำแกงสมุนไพรบำรุงกำลังมาให้นางดื่มแทนน้ำแกงรกเด็กที่น่ากลัวถ้วยนั้น เมื่อได้ดื่มน้ำแกงสมุนไพรร่างกายของนางก็ฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อย ทว่าสิ่งที่น่าแปลกใจก็คือมีอยู่วันหนึ่งนางมีระดู เดิมทีหญิงสาวมีระดูก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่นางกลับปวดท้องอย่างหนักหน่วง และระดูที่ไหลออกมาล้วนเป็นเลือดสีดำเข้มจนน่ากลัว แรกเริ่มนางไม่คิดอะไรมาก แต่กระทั่งเดือนต่อมานางก็ยังมีอาการเช่นนี้อยู่อีก เจี่ยงหร่านจึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติอาการเหมือนกับคนที่โดนพิษและยังขับพิษออกไม่หมดอย่างไรอย่างนั้น แต่เป็นพิษชนิดใดนางเองก็มิอาจรู้ได้ และไม่รู้ว่ามันจะส่งผลใดต่อชีวิตของนางในกาลต่อไปอย่างไรบ้างเจี่ยงหร่านครุ่นคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก จนกระทั่งนางรู้สึกว่าการตายของเจ้าของร่างเดิมอาจจะมีเงื่อนงำก็เป็นได้หรือว่าร่างเดิมไม่ได้ตายเพราะล้มป่วย แต่ถูกวางยาพิษเช่นนั้นหรือ แล้วผู้ใดกันที่วางยาพิษนาง?แล้วคนที่ลงมือเป็นผู้ใด และจุดประสงค์ที่สังหารจางเหมี่ยวลี่คือสิ่งใด?น่าปวดหัวยิ่งน

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 9 ยื่นข้อเสนอ

    เซียวจิ้งที่ได้ยินที่จางเหมี่ยวลี่เอ่ยขึ้นมาเขาก็ถึงกับนิ่งค้างเลยทีเดียว อีกทั้งยังคิดว่าตนเองหูฝาดไปเสียด้วยซ้ำแต่ไหนแต่ไรมา จางเหมี่ยวลี่เอาแต่เร่งเร้าให้เขารีบแต่งงานกับนาง ไม่ก็หาทางทำให้ตนเองตกเป็นภรรยาของเขาให้ได้ แต่วันนี้นางกลับมาบอกเขาว่าให้เลื่อนงานแต่งงานออกไปนี่มันเรื่องอันใดกัน?เจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่รอคอยคำตอบจากเซียวจิ้งอย่างใจจดใจจ่อ นางคาดเดาว่าเขาคงจะต้องเห็นด้วยกับนางเป็นแน่ เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ได้ชอบจางเหมี่ยวลี่อยู่แล้ว นางเข้าใจดีว่าหากต้องฝืนแต่งกับคนที่ไม่ได้รักมันทรมานเพียงใดเซียวจิ้งจ้องมองจางเหมี่ยวลี่ราวกับจะมองให้ทะลุเข้าไปในใจนาง ยิ้มคล้ายไม่ยิ้มพลางกล่าวว่า"จางเหมี่ยวลี่ เจ้าคิดว่าข้าว่างมากนักหรือ"เจี่ยงหร่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็มุ่นคิ้ว ก่อนจะตอบ"ข้ารู้ว่าท่านพี่จิ้งไม่ว่าง ท่านมีงานมากมายให้ต้องจัดการ ข้าก็รอคำตอบอยู่นี่อย่างไรเล่า ท่านบอกข้ามาสิตกลงแล้วจะเลื่อนงานแต่งไปนานเท่าใด หนึ่งปีหรือไม่ หรือว่าสอง...""เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ! การแต่งงานระหว่างเจ้าและข้าใช่ว่าจะทำตามความต้องการของเจ้าได้ทุกอย่าง"เจี่ยงหร่านที่ได้ยินเช่่นนั้นก็ชะงัก

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 10 หวนคิดถึง

    ด้านเจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่ ยามนี้นางกำลังให้สาวใช้ช่วยกันยกโคมไฟเข้าไปไว้ในรถม้า อีกไม่นานก็ใกล้จะถึงเทศกาลโคมไฟแล้ว ผู้คนจึงนิยมซื้อโคมไฟไปประดับประดาตกแต่งจวนของตนอีกทั้งที่แคว้นฟงหลิงนอกจากจะมีการประดับประดาโคมแล้ว ยังมีการลอยโคมในแม่น้ำเพื่อรำลึกถึงผู้ที่ล่วงลับจากไปแล้วอีกด้วย เจี่ยงหร่านจึงตั้งใจว่าจะไปลอยโคมให้คนตระกูลเจี่ยงหวังให้แสงสว่างจากโคมไฟส่องนำทางให้พวกเขาเดินทางไปปรโลกได้อย่างราบรื่นสงบสุข"คุณหนูเจ้าคะ เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ โคมไฟทั้งหมดสาวใช้นำขึ้นรถม้าหมดแล้ว""ดีมาก จริงสิ พวกเจ้าคงเหนื่อยแล้ว เยว่ซินเจ้าไปซื้อบะหมี่มากินคนละชามข้าจ่ายเอง""เจ้าค่ะ"เยว่ซินรับคำและยิ้มอย่างอารมณ์ดี ระยะหลังมานี้นางเริ่มคุ้นชินกับนิสัยใหม่ของคุณหนู ซ้ำยังภาวนาให้จางเหมี่ยวลี่เป็นเช่นนี้ตลอดไป เพราะนางทั้งได้กินอิ่มและไม่ถูกทุบตีเซียวจิ้งมองดูจางเหมี่ยวลี่ที่นั่งกินบะหมี่กับเหล่าสาวใช้และคนขับรถม้า เขาก็แอบแปลกใจจริงๆ แต่ไหนแต่ไรมา นอกจากจะไม่ชอบกินของข้างทางเช่นนี้แล้ว จางเหมี่ยวลี่ยังไม่อนุญาตให้บ่าวรับใช้เสนอหน้ามาเข้าใกล้โต๊ะอาหารของนาง มีครั้งหนึ่งเขาไปที่จวนตระกูลจางแล

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 11 งานโคมไฟ

    เมื่อลงมาจากรถม้าแล้ว เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ก็มองดูบริเวณโดยรอบครู่หนึ่ง ที่แคว้นซ่งของนางก็มีงานเทศกาลเช่นนี้เหมือนกัน อีกทั้งยังจัดได้ยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากแคว้นฟงหลิงเลยแม้แต่น้อย ผู้คนล้วนออกมาเที่ยวชมงานกันอย่างคึกคักสนุกนานมีครั้งหนึ่งนางไม่ได้มีงานให้ต้องจัดการในค่ายทหาร นางจึงอยากจะชวนฉู่อี้เฉินไปด้วยกัน แต่เขาอ้างว่ามีเรื่องด่วนให้ต้องจัดการ นางจึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงออกไปเที่ยวคนเดียว นางเดินเที่ยวเล่นจนรู้สึกว่าเบื่อแล้ว จึงคิดจะกลับ แต่ระหว่างทางกลับได้พบกับฉู่อี้เฉินและฟ่านเหยากำลังเดินเที่ยวชมงานด้วยกันยามนั้นนางไม่ได้คิดสิ่งใดมากมายนัก อีกทั้งฉู่อี้เฉินยังบอกว่าเดิมทีสะสางงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และไปหานางที่จวน แต่บ่าวที่จวนบอกว่านางมาเดินเที่ยวงานเขาจึงออกมาตามหา ประจวบเหมาะกับที่พบเจอฟ่านเหยาพอดี จึงถามว่าเจอนางหรือไม่ คนทั้งสองจึงมาเดินตามหานางจางเหมี่ยวลี่รู้สึกเย้ยหยันตนเองอยู่ในใจ นางช่างโง่เง่าไร้เดียงสายิ่งนัก ไม่ประสาเรื่องชายหญิง หลงเชื่อชายโฉดหญิงชั่วอย่างหมดใจนางกับฟ่านเหยาที่ผ่านมานับว่าเป็นสหายที่ดีต่อกัน ฟ่านเหยามักจะแนะนำเรื่องเครื่องประทินโฉ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 12 ทำข้อตกลง

    หลังจากเทศกาลโคมไฟผ่านพ้นไป เซียวจิ้งได้แต่คิดในใจว่าเขาจะต้องมองจางเหมี่ยวลี่ใหม่แล้วตั้งแต่นางฟื้นจากความตายก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขาไม่เชื่อเรื่องที่ว่าจะมีผีหรือวิญญาณมาสิงร่างนาง และไม่เชื่อว่าคนเราจะเปลี่ยนไปได้เพียงชั่วข้ามคืนนี่คือปริศนาที่ทำให้เขาสงสัย เพราะนางคือหญิงสาวที่ต้องแต่งเข้ามาเป็นภรรยาของเขา หากวันดีคืนดีนิสัยเดิมของนางกลับมา เขาคงปวดหัวไม่น้อยเพราะฉะนั้น เขาจึงอยากจับตาดูนาง ดูว่าทุกสิ่งที่เป็นไปในยามนี้เป็นเพราะนางเสแสร้งแกล้งทำหรือไม่เมื่องานสมรสพระราชทานยังไม่ได้กำหนดวัน เสด็จลุงเห็นใจที่เขาต้องแต่งงานทั้งที่ไม่เต็มใจ จึงถือเอาฤกษ์สะดวก แม่ทัพใหญ่จางเองก็ไม่อยากจะเร่งรัดเขา จึงรอเพียงวันใดที่เขาพร้อมแล้วค่อยแต่งก็ย่อมได้เมื่อคิดถึงเรื่องที่นางขอเลื่อนการแต่งงาน ในใจของเซียวจิ้งคิดว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย ระหว่างที่เลื่อนงานออกไปนั้นเขาจะได้จับตาดูความเป็นไปของนางได้ยาวนานขึ้นวันเวลาล่วงเลยมา จนถึงวันที่ใกล้จะเปิดรับสมัครทหารหญิง เจี่ยงหร่านในจางเหมี่ยวลี่นำเรื่องนี้ไปบอกกับบิดาของตน แม่ทัพใหญ่จางนั้นนอกจากจะไม่คัดค้านแล้วยังสนับสนุน เพียงแต่ว่าน

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 13 เข้าร่วมค่ายทหาร

    หลายวันต่อมาก็มีราชโองการจากราชสำนักออกประกาศเปิดรับสมัครสตรี ที่มีความสามารถจากทั่วทั้งแคว้นฟงหลิง เข้ามาเป็นทหารหญิงในค่ายทหาร ซึ่งถือเป็นครั้งแรก การเปิดรับสตรีเข้าค่ายทหารมี กฎระเบียบระบุเอาไว้ว่า หญิงสาวที่จะเข้าร่วมต้องยังไม่แต่งงาน มีอายุไม่เกินยี่สิบปี เมื่อพวกนางผ่านการคัดเลือกรอบแรกแล้ว จะต้องเข้าไปฝึกในค่ายทหารหญิงที่จัดเตรียมให้สตรีโดยเฉพาะเมื่อฝึกฝนจนผ่านทุกด่านได้แล้ว ก็จะได้รับพระราชทานตำแหน่งในราชสำนักหรือเข้าร่วมกองทัพแห่งแคว้นออกรบกับบุรุษได้ต่างมีเสียงวิพากวิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ว่าเป็นผู้หญิงจะไหวหรือ อีกทั้งการฝึกก็เหมือนกับบุรษทุกอย่าง ที่สำคัญแม่ทัพใหญ่จางและรองแม่ทัพเซียว ก็มาคุมการฝึกซ้อมด้วยตนเอง การฝึกทหารหญิงค่อนข้างเข้มงวดไม่ต่างจากบุรุษเลยด้วยซ้ำเจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ นางแต่งกายอย่างทะมัดทะแมง จัดการรวบผมขึ้นเป็นทรงหางม้า ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่รับสมัครทหารหญิงในทันที เมื่อมาถึงก็พบกับหญิงสาวมากมายที่มาสมัคร พวกนางล้วนไม่ได้มีหน้าตางดงาม แต่ร่างกายกลับกำยำบึกบึนกว่าสตรีน้อยใหญ่ในเมืองหลวง อีกทั้งยังดูมีพละกำลังมากมายอีกด้วย

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 14 หาเรื่อง

    เพียงแค่การฝึกในวันแรกนั้น ผู้หญิงหลายคนก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไปหลายต่อหลายครั้ง เจี่ยงหร่านยกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะมองดูเหล่าสตรีร่างกายบึกบึนหลายคนที่ถูกหามกลับไปที่ห้องพัก แม้ร่างกายจะใหญ่โตแต่เพราะไม่เคยผ่านการฝึกเช่นนี้มาก่อน จึงทำให้ร่างกายรับไม่ไหว เรื่องนี้นางเองเข้าใจดี เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ยังอยู่ในร่างเดิม เจี่ยงหร่านก็ผ่านการฝึกอย่างหนักเช่นเดียวกัน ซ้ำยังต้องฝึกร่วมกับบุรุษอีกด้วยเจี่ยงหร่านหันไปมองโจวลี่และอากัวที่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างกายนาง คนทั้งสองยิ้มซื่อๆ ให้นาง ใบหน้าดูเหนื่อยล้าไม่ต่างจากนางมากนัก อากัวหันมามองจางเหมี่ยวลี่ แล้วชมเชยเป็นการใหญ่"เจ้าใช้ได้นี่ ครั้งแรกข้าเห็นเจ้าบอบบาง ได้ยินว่าเป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ด้วย คาดไม่ถึงว่าจะแข็งแรงขนาดนี้"โจวลี่ที่ได้ยินอากัวเอ่ยเช่นนั้นก็พยักหน้า ก่อนเสริมขึ้นว่า"นั่นสิ ปกติพวกคุณหนูในเมืองหลวงน่ะ บอบบางราวกับต้นหลิว แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้น"เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ได้ยินก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดซึมออกตามใบหน้า พร้อมกับสนทนากับโจวลี่และอากัวอย่างสนิทสนม เซียวจิ้งที่มองดูอยู่บนหอสังเกตกา

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21
  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 15 อาหารมื้อค่ำ

    ข่าวที่สตรีนางนั้นถูกไล่ออกจากค่ายทหารสร้างความฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทุกคนก็เห็นกับตาว่านางรังแกคนอื่นก่อน เรื่องนี้จึงไม่มีใครกล้ากล่าวโทษจางเหมี่ยวลี่ว่านางใช้อำนาจในทางมิชอบอีกช่วงเย็น เจี่ยงหร่านถูกลงโทษไม่ให้กินอาหารเย็น นางเองก็หิวอยู่บ้าง แต่ในเมื่อมีคำสั่งมาแล้วนางก็ไม่อยากขัดคำสั่ง จึงออกมายืนรับลมเล่นมองดูสิ่งต่างๆรอบตัวเมื่อครู่นี้ตอนที่ยังอยู่ในห้องพัก โจวลี่และอากัวลอบนำอาหารแห้งมาให้นาง แต่นางบอกไปว่าไม่เป็นอะไรนางทนได้ พวกเขาทั้งสองมองนางด้วยแววตาที่เห็นอกเห็นใจค่ำคืนนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย เจี่ยงหร่านหย่อนกายลงนั่งที่ใต้ต้นไม้ นางเอนกายพิงต้นไม้พลางชันเข่าขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้ามองดูดวงจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้านางคิดถึงท่านพ่อท่านแม่เหลือเกิน แต่ยามนี้แคว้นซ่งไม่มีพื้นที่ให้นางเยียบย่างเข้าไปได้อีกแล้วหญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า การต้องมาอยู่ในร่างนี้เท่ากับต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่นางจะได้ก้าวเข้าสู่สมรภูมิสงคราม ใช้ดาบปลิดชีพคนชั่วช้าเช่นฉู่อี้เฉินได้"เพิ่งจะเข้าค่ายทหารมาได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ถอนหายใจเสียแล้วหรือ"เสียงของบุรุษที

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-21

Bab terbaru

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนพิเศษ

    หนึ่งปีหลังแต่งงานหลังจากแต่งงานกันหนึ่งปี เซียวจิ้งและเจี่ยงหร่านมีชีวิตหลังแต่งงานที่มีความสุขเป็นอย่างมาก ในทุกๆ วันเขาและนางมักจะมีรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นให้แก่กันมีครั้งหนึ่งเซียวจิ้งเปิดไปเจอกล่องที่จางเหมี่ยวลี่เจ้าของร่างเดิมเก็บยันต์และสมุดบันทึกเอาไว้ เจี่ยงหร่านที่มาเห็นก็ถึงกับร้องว่าแย่แล้ว เดิมทีนางคิดจะทิ้งไป แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเยว่ซินกลับนำกล่องใบนั้นมาพร้อมสินเดิมของนางด้วย นางรีบเอ่ยปรามไม่ให้เขาดูแต่เซียวจิ้งกลับเปิดอ่านและบอกว่าดีจริง จางเหมี่ยวลี่เขียนท่วงท่าอันเผ็ดร้อนทิ้งไว้ให้เขาอ่านเช่นนี้นับว่าดีมากและยังบอกอีกว่าคืนนี้จะนำท่วงท่าเหล่านั้นมาใช้กับนาง!ให้ตายเถอะ! คนผีทะเล!วันนี้เป็นวันที่เซียวจิ้งพาเจี่ยงหร่านกลับมาที่จวนตระกูลจาง ตั้งแต่แต่งงานกันเขาและนางไม่ได้ยึดถือกฎระเบียบตายตัวใดมากนัก อยากจะกลับจวนตระกูลจางเมื่อใดก็กลับมาได้เสมอแม่ทัพใหญ่จางและจางฮูหยินนั้นดีใจยิ่งนักที่บุตรสาวกลับมาเยี่ยมเยือนตน ยามนี้เซียวหลิงตั้งครรภ์ใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว จางเฉวียนก็คอยดูแลนางเป็นอย่างดี จางฮูหยินนั้นแม้จะดีใจที่ลูกสะใภ้กำลังจะมีหลาน แต่นางกลับไม่สบายใจเรื่องที่จางเหมี

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   ตอนจบ

    เมื่อสงครามสงบลงแล้ว กองทัพทั้งหมดต่างยอมศิโรราบขึ้นตรงต่อแคว้นฟงหลิง แคว้นซ่งและแคว้นต้าฉี ผนวกเข้ารวมดินแดนเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นฟงหลิง ส่วนแคว้นฉู่ก็ยินดีสวามิภักดิ์และเปิดการค้าขายเชื่อมต่อทั้งสี่ชายแดน อีกทั้งยังส่งองค์หญิงมาเป็นสนมของฮ่องเต้เซียวหลางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีอีกด้วย ผู้คนสามารถเดินทางค้าขายผ่านเมืองต่างๆ ได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวสงครามอีกต่อไป แม่ทัพใหญ่จางและจางเฉวียนมุ่งหน้ากลับแคว้นฟงหลิงไปก่อน เพื่อกราบทูลเรื่องน่ายินดีนี้ให้ฝ่าบาททรงทราบ และบอกเซียวจิ้งและจางเหมี่ยวลี่ว่าหลังจากสถาณการณ์ที่นี่สงบเรียบร้อยแล้วก็ให้รีบตามกลับไปในภายหลังในยามนี้ เจี่ยงหร่านกำลังควบม้าเคียงข้างเซียวจิ้ง โดยมีเจี่ยงเฮ่าควบม้าตามหลังพร้อมกับสวีเฉินที่ติดตามมาด้วย เขาบอกว่าจะพานางมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง แรกเริ่มเจี่ยงหร่านยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้เห็นหลุมศพหลายหลุมตรงหน้า นางก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาสวีเฉินเป็นคนฝังศพคนในตระกูลเจี่ยง เขาเขียนชื่อและทำสัญลักษณ์เอาไว้ จึงจำได้ว่าหลุมใดคือหลุมศพของแม่ทัพใหญ่เจี่ยง เขาขออภัยเจี่ยงหร่านที่ศพอื่นเขาไม่ได้ทำสัญลักษณ์เอาไว้ เพราเขาไม่เคยเห็นหน้าคนอื

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 42 จัดการคน(เคยรัก)ที่แสนชั่วช้า

    กองทัพแคว้นซ่งพ่ายแพ้อย่างราบคาบ บรรดาเหล่าทหารที่ไม่ถูกฆ่าตายล้วนถูกจับเป็นเชลย แม้แต่ฉู่อี้เฉินยามนี้ก็ถูกลากตัวมาขังเอาไว้ในคุกที่เมืองสืออี้ชายแดนแคว้นฟงหลิง เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะพ่ายแพ้ได้เช่นนี้เจี่ยงหร่านรีบเข้าไปประคองเซียวจิ้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยคราบโลหิตของผู้อื่น เขาหันมายิ้มให้นางอย่างภูมิอกภูมิใจ"ฝีมือยิงธนูของเจ้ายอดเยี่ยมมาก"เจี่ยงหร่านส่งยิ้มให้เซียวจิ้ง นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ก่อนหน้านี้นางและเขาวางแผนเอาไว้ว่า เขาจะออกไปรบ ส่วนนางคอยดูสถานการณ์อยู่ด้านบน คอยหาจุดพลิกผันของฉู่อี้เฉินจากนั้นก็จัดการทันที หากผู้นำทัพล้ม แน่นอนว่าทั้งกองทัพย่อมย่อยยับไม่มีชิ้นดีเมื่อกลับเข้ามาในเมืองแล้ว นางก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งให้คนจัดการดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บให้ดี แล้วเดินเข้ามาหาเซียวจิ้งที่นั่งอยู่ในห้องพัก ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนเล็กน้อยเท่านั้น"เซียวจิ้ง ท่านไหวหรือไม่"เซียวจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา"ย่อมต้องไหวอยู่แล้ว เราออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกกันเถิด""อืม"เจี่ยงหร่านพยักหน้าเดิน

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 41 กลยุทธ์ลดทอนกำลังทหาร

    นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับบิดา ฟ่านเหยาไม่เคยนอนหลับสนิทได้เลยสักคืน ทุกครั้งที่นางหลับตาลงมักจะฝันเห็นว่าบิดาร้องขอความช่วยเหลือจากนาง ได้ยินเสียงฟ่านเยียนญาติผู้พี่ กำลังดิ้นรนด้วยความทุกข์ทรมาน พร้อมกับร่ำร้องขอให้นางช่วย นานวันเข้าฟ่านเหยาร่างกายก็ย่ำแย่ลง จากที่เคยงดงามเฉิดฉาย แต่เวลานี้ใบหน้าซูบตอบผอมแห้งราวกับคนป่วยหนักที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ นางฝันเห็นเจี่ยงหร่าน ฝันว่าสตรีผู้นั้นเดินเข้ามาบีบปลายคางของนางและกระซิบว่า บุตรของนางยามนี้กำลังไปคอยรับใช้บุตรเจี่ยงหร่านในปรโลกแล้ว และยังบอกอีกว่านับแต่นี้นางอย่าได้ฝันว่าจะสามารถตั้งครรภ์ได้อีกชั่วชีวิต!ครั้งแรกฝันเช่นนี้ฟ่านเหยาด่าทอสาปแช่งเจี่ยงหร่านอย่างเกลียดชัง แต่เมื่อนานวันเข้าความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของนาง ฟ่านเหยาหวาดระแวงไม่กล้าอยู่คนเดียวต้องใช้ชีวิตอยู่บนความทุกข์ราวกับคนตายทั้งเป็นระยะหลังมานี้ไม่รู้เพราะเหตุใด นางกับฉู่อี้เฉินจากแต่ก่อนที่เคยรักกันหวานซึ้ง ตอนนี้กลับทะเลาะกันทุกวัน เขาเอาแต่ตะโกนเรียกหาเจี่ยงหร่านนางแพศยานั่น อีกทั้งยังถามนางว่าตระกูลฟ่านคิดไม่ซื่อกับเขาจริงหรือไม่ เขาถามนางซ้ำๆ อยู่เช่นนั้นราวกับค

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 40 หลุมศพ

    หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซียวจิ้งและเจี่ยงหรานรวมถึงเจี่ยงเฮ่าก็เร่งเดินทางข้ามเขตชายแดนในทันที เจี่ยงเฮ่านั้นก่อนหน้านี้เจี่ยงหร่านไม่อยากให้เขาติดตามมาด้วย เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายที่คาดไม่ถึง ทว่าเจี่ยงเฮ่ากลับลอบปะปนมากับกองทัพทหาร ด้วยเวลานี้อาการบาดเจ็บที่ขาของเขาเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่เพราะเดินทางมาไกลจึงทำให้อาการกำเริบขึ้น แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าใดนักเจี่ยงหร่านในเวลานี้กำลังยืนอยู่บนหอสังเกตการณ์ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ราบเรียบ สายลมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าของนางเป็นระยะตอนนี้นางสังหารพวกมันไปสองคนแล้ว หากบอกว่าการที่ฟ่านเยียนตายคือพายุลูกแรกที่สร้างผลกระทบต่อแคว้นซ่ง การตายของราชครูฟ่านก็เปรียบได้กับคลื่นยักษ์ที่สาดซัดเข้าสู่แคว้นซ่ง คนสำคัญที่เป็นคนคอยชี้แนะฉู่อี้เฉินและสนับสนุนเขายามนี้ตายแล้ว ย่อมทำให้เหล่าบรรดาแม่ทัพทหารแคว้นซ่งและขุนนางในราชสำนักหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่น้อยและยังส่งผลทำให้บัลลังก์มังกรของฉู่อี้เฉินสั่นคลอนเป็นอย่างยิ่งในขณะที่นางกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อย ฉับพลันก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของนาง เมื่อนางหันไปมองก็ยิ้มออก

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 39 ส่งมอบของขวัญ

    ราชครูฟ่านถูกจับตัวเอาไว้ เหล่าผู้ติดตามก็ถูกรวบตัวไว้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน พวกเขาบางส่วนที่คิดขัดขืนล้วนถูกทุบตีจนไร้ทางสู้ ราชครูฟ่านเงยหน้ามามองเจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ ด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยว"นังแพศยา เป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่สังหารหลานชายของข้า วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าเอง"เมื่อถูกจับได้แล้วก็ย่อมไม่จำเป็นต้องรักษาท่าทีอีกต่อไป เขาพ่นคำหยาบสารพัด ด่าทอทุกคนไม่เหลือท่าทีของราชครูผู้สูงส่ง เช่นในกาลก่อนอีกแล้ว เจี่ยงหร่านยิ้มตาหยี กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยาะหยัน"ใจเย็นๆ สิราชครูฟ่าน ท่านทำแบบนี้เท่ากับไม่รักษาหน้าตาของตนเลย ท่านเป็นถึงราชครูฟ่านผู้ขาวสะอาดดุจเทพเซียนของแคว้นซ่งเชียวนะ ทำเช่นนี้น่าอับอายจริงเชียว"ราชครูฟ่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นางรู้ได้อย่างไรว่ายามอยู่ที่แคว้นซ่ง เขาได้รับฉายาว่าบัณฑิตผู้สูงส่งขาวสะอาดดุจเทพเซียนด้วยเหตุนี้ราชครูฟ่านจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบไหว ทว่านางกลับยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนอ่อนโยนเสียจนน่าขนลุก!คนทั้งหมดถูกจับตัวเอาไว้ ส่วนหลี่ฟางนั้นยามนี้ถูกพาตัวมาไต่สวนในวังหลวง อย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายาเอกของชินอ

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 38 หลอกล่อปลามาติดแห

    หลายวันต่อมา ฮ่องเต้เซียวหลางก็มีรับสั่งให้คณะทูตของแคว้นซ่งเข้าเฝ้า จัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับอย่างสมเกียรติ และยังให้ขุนนางชั้นสูงรวมถึงบุตรสาวและฮูหยินเอกเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ได้ แน่นอนว่าเจี่ยงหร่านเองก็ต้องร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วยเช่นเดียวกันเจี่ยงหร่านวันนี้สวมชุดขุนนางหญิง ที่ทางราชสำนักเพิ่งตัดส่งมาให้เข้าร่วมงานตามตำแหน่งทางการทหารของนาง หญิงสาวเดินเข้ามาในงานเลี้ยงด้วยท่าทีองอาจผึ่งผาย เซียวหลิงที่เห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาทักทายนาง ก่อนจะดึงนางให้ไปลองชิมขนมที่ตนเพิ่งทำขึ้นมาใหม่ เจี่ยงหร่านอยู่สนทนากับเซียวหลิงได้ไม่นาน ก็ต้องกลับมานั่งประจำตำแหน่งที่เดิมของตน ไม่นานนัก ขันทีก็ประกาศว่าฮ่องเต้เซียวหลางเสด็จมาถึงแล้ว ทุกคนจึงรีบลุกขึ้นและอยู่ในความสงบฮ่องเต้เซียวหลางเดินเข้ามาพร้อมกับฮองเฮาของตน ส่วนเซียวจิ้งนั้นยามเดินอยู่ด้านหลังพร้อมกับบิดาและมารดาเลี้ยง ทั้งยังมีเซียวกั๋วมาร่วมงานด้วย อย่างไรเสียก็เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แม้ในยามปกติจะไม่ลงรอยกันมากเพียงใด แต่เมื่อมีคนต่างแคว้นเข้ามา ย่อมต้องแสดงออกว่าพี่น้องรักใคร่กันดีเพื่อไม่ให้ศัตรูมองเห็นจุดอ่อนได้"ทุกคนลุกขึ้นเถ

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 37 ตลบหลัง

    ด้านเจี่ยงหร่านที่ได้รับทราบว่าผู้นำคณะทูตเดินทางมาสวามิภักดิ์ในครั้งนี้ก็คือราชครูฟ่านบิดาของฟ่านเหยา ถ้วยชาในมือถูกกำเอาไว้แน่น นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินออกจากเรือนมุ่งหน้าไปที่รถม้า นางบอกเยว่ซินว่าจะไปที่หอสุราจิ๋นฮวา อีกทั้งยังไม่ให้เยว่ซินตามไปด้วยเมื่อมาถึงนางมุ่งขึ้นไปบนชั้นสอง ลุงหม่าเองระยะหลังมานี้ เริ่มจะคุ้นเคยกับเจี่ยงหรานมากขึ้น เมื่อนางมาถึงเขามักจะจัดห้องที่ด่ีที่สุดให้ และสั่งให้คนนำสุราชั้นดีส่งให้นางอย่างรู้งานวันนี้เซียวจิ้งเองก็มิได้มีงานเร่งด่วน เมื่อได้ยินว่าเจี่ยงหร่านต้องการพบเขา และรออยู่ชั้นสองของเหลาสุรา ชายหนุ่มก็รีบตรงมาหานางทันที เมื่อมาถึงก็พบว่า ในห้องมีเจี่ยงเฮ่าอยู่ด้วย เจี่ยงเฮ่ายิ้มให้เซียวจิ้งอย่างนอบน้อม เซียวจิ้งเองก็ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้างกายของเจี่ยงหร่านและถามขึ้นมา"เจ้ามาหาข้ามีเรื่องใดหรือ ให้คนส่งจดหมายมาก็ได้ ข้าจะรีบไปหาเจ้าเอง"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาได้ แล้วพูดว่า"เซียวจิ้ง ที่ข้ามาพบท่านครั้งนี้เพราะมีเรื่องที่อยากขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้ข้าคิดไตร่ตรองมาทั้งคืนแล้ว"เซียวจิ้ง

  • ยอดบุปผาโฉมสะคราญ   บทที่ 36 คณะทูต

    เซียวจิ้งเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้เจี่ยงหร่าน อย่างแผ่วเบา เอ่ยกับนางว่า"อาหร่าน เจ้าอย่าให้ความเกลียดชังกัดกินจิตใจเจ้าจนทุกข์ทรมานเลยนะ"เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่เงยหน้าขึ้นมามองเซียวจิ้งครู่หนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เมื่อครู่เพราะนางถูกความโกรธแค้นครอบงำจิตใจมากเกินไป จึงทำให้ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ"ทำไมหรือสหายเซียว ท่านกลัวข้าถลำลึกเช่นนั้นหรือ""ข้ากลัวเจ้าไม่มีความสุข ข้าอยากเห็นเจ้ามีสุขไร้ทุกข์กังวล"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พลันชะงักไปอึดใจ คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใด ยามที่นางกำลังจะถลำลึกจนถูกความแค้นกัดกินครอบงำจิตใจ ทว่าเซียวจิ้งกลับสามารถดึงนางขึ้นมาจากหลุมดำภายในจิตใจได้ทุกครั้งเขาเหมือนแสงสว่างที่ส่องประกายเจิดจ้าและงดงามยิ่งนักเมื่อเห็นว่าเจี่ยงหร่านมีสีหน้าดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงพูดขึ้นมาทันที"แม้นางจะตั้งครรภ์ แต่ได้ยินว่าระยะหลังมานี้สุขภาพไม่สู้ดีเท่าใดนัก มักจะอารมณ์เสียจนเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง แต่นางมีโทสะเรื่องใดนัั้นคนของข้ายังสืบได้ไม่แน่ชัด"เจี่ยงหร่านเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เพียงยิ้มน้อยๆ"สหา

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status