จั๋วหรูซินยังช่วยองค์หญิงเจาหมิ่นแก้ตัวคุณท่านจั๋วลิ่วโกรธมากจนแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด "ใจดีหรือ ท่านใจดีแและให้หนูทำร้ายน้องสาวของตัวเองหรือ นี่คือความใจดีของที่ไหนกัน แล้วหนู จั๋วหรูซิน สมองของหนูไปไหนแล้ว"จั๋วหรูซินอาจไม่เคยถูกพ่อของนางดุเช่นนี้มาก่อน นางตกตะลึงทันที ดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และน้ำตาก็ไหลลงมา"หนู..." จั๋วหรูซินร้องไห้ขณะเช็ดน้ำตา "แต่ท่านใจดีมาก หลังจากท่านฟังหนูพูดมาหลายเรื่อง ในที่สุดท่านก็เอาของบางอย่างที่มาจากดินแดนทางใต้มาให้หนู ตราบใดที่หนูเล่นงานจั๋วจิ่ว ทำให้นางแต่งงานกับเฟิงซื่อจื่อไม่ได้ ดังนั้นการหมั้นหมายก็จะตกที่หนูเอง…”เสียงตบหน้า"เพี้ย"ดังขึ้นก่อนที่จั๋วหรูซิน จะพูดจบ นางก็ถูกขัดจังหวะด้วยการตบหน้าอันดังจั๋วหรูซินตกตะลึง“คนโง่ คนโง่ คนโง่” คุณท่านจั๋วลิ่วตะโกนด้วยความโกรธ “ข้ามีลูกสาวโง่ ๆ อย่างหนูได้อย่างไร ท่านให้หนูเป็นแพะรับบาทชัด ๆ แต่หนูยังไม่รู้ตัวเลย”ทีนี้จั๋วหรูซินตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง นางพูดไม่ออกสักคำคุณท่านจั๋วลิ่วโกรธมากจนเลือดของเขาพุ่งพล่าน เขาโกรธจนจะเป็นลม มองไม่เห็นอะไร และกลิ่นเลือดก็ดูเหมือนออกมาจากลำคอของ
หลังจากได้ยินคำพูดของลูกสาว คุณท่านจั๋วลิ่วก็หัวเราะเยาะ "แต่หนูดูสิ นางได้ฟังคำพูดของท่านอ๋องเซี่ยน และทำร้ายพี่สางน้องสาวของครอบครัวบ้างไหม"“ไม่ว่าจั๋วจิ่วจะบ้าแค่ไหน นางก็แค่อยากได้ของของตัวเองกลับ ตัวอย่างเช่น นางได้รับตำแหน่งเรียนหอหลวงจากไทเฮาตามความสามารถของนางเอง หนูเคยเห็นนางทำร้ายคนในครอบครัวหรือ "คำถามของคุณท่านจั๋วลิ่วทำให้จั๋วหรูซินเงียบและพูดไม่ออกสักคำเมื่อเห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ คุณท่านจั๋วลิ่วไม่พูดอะไรต่อแม้ว่าลูกสาวของเขาจะไม่มีความสามารถที่เก่งกาจ แต่สุดท้ายนางยังเป็นลูกสาวของเขาอยู่ดีคุณท่านจั๋วลิ่วหายใจเข้าลึก ๆ เล็กน้อย เขาสงบลงเล็กน้อย และถามด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า " ซินเอ๋อร์ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาคิดที่จะตำหนิองค์หญิงเจาหมิ่น"จั๋วหรูซินกระซิบ "แต่... เราควรทำอย่างไรดี"คุณท่านจั๋วลิ่วถามว่า “นอกจากองค์หญิงเจาหมิ่นแล้ว มีใครรู้หนูทำร้ายจั๋วจิ่วอีกไหม”จั๋วหรูซินกล่าว " ฉินตวนหยางรู้"คุณท่านจั๋วลิ่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เขาไม่สำคัญ เขาได้รับตำแหน่งและเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ตระกูลขุนนางไม่สามารถแอบลงโทษเขา"จั๋วหรูซินกัดริมฝีปากของนาง "เช่นนั้นมี
สาวใช้วังงง “แต่ทำไมเพคะ”องค์หญิงเจาหมิ่นกล่าวว่า "เพราะว่า...นางเป็นตัวเสี่ยง กล่าวโดยสรุป เมื่อข่าวนี้เข้าหูของจั๋วจิ่ว นางต้องจำข้าอย่างแม่น ถูกคนฉลาดมองว่าข้าเป็นศัตรู นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย"“องค์หญิงคิดว่าจะทำอะไรต่อเพคะ” สาวใช้ในวังถาม“แน่นอน... ควรโจมตีก่อนดีกว่า” องค์หญิงเจาหมิ่นยิ้มเบา ๆ “ ข้าได้ยินมานานแล้วว่า คุณหนูจิ่วของตระกูลจั๋วนั้นสวยงามอย่างน่าทึ่ง เสด็จพี่ห้าของข้าชอบสาวสวยมาตลอด ไปเสนอ เสด็จพี่ห้าจัดงานเลี้ยงน้ำชาและเชิญคุณหนูจั๋วจิ่วมาร่วมงาน หากไม่มีข้องอ้าง ให้ในนามวันเกิดของข้าละกัน”“หม่อมฉันรับทราบเพคะ” สาวใช้ในวังตอบรับคำสั่งและเตรียมตัวไปทำหน้าที่"เดี๋ยวก่อน"ดูเหมือนองค์หญิงเจาหมิ่นคิดอะไรบางอย่างออก นางจึงเรียกสาวใช้หยุด“องค์หญิงมีคำสั่งใด ๆ เพคะ”องค์หญิงเจาหมิ่นหยิบขวดกระเบื้องออกมาแล้วพูดว่า "เอาขวดนี้ไปให้เสด็จพี่ห้า แล้วบอกเสด็จพี่ว่า..."องค์หญิงเจาหมิ่นกล่าวพร้อมกับร้อยยิ้ม “บอกว่า คุณหนูจั๋วจิ่ว นั้นเป็นผู้ที่ไม่อาจควบคุมได้ นี่คือน้ำใจของน้องสาว นี่ไม่มีสีและไร้กลิ่น แม้เป็นผู้หญิงที่เก่งที่สุดก็สามารถกลายเป็นเด็กผู้หญิงที่อ่อนโยนได้ และเ
“ ฮั่วชิงหยวน ”นิ้วที่ละเอียดอ่อนของหญิงสาวโบกมือต่อหน้าต่อตาของเขา และทันใดนั้นฮั่วชิงหยวนจึงมีสติกลับ“แม่นาง... แม่นางจิ่ว” ฮั่วชิงหยวนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ไเขาเคยเห็นผู้หญิงสวย ๆ มาก่อน เพราะในตระกูลของเขา พี่สาวน้องสาวของเขามีหน้าตาอันงดงามยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ใช่คนที่ดิ้นรนหาสาวสวย แต่ทันใดนั้น เขาหลงไหลในความสวยของคุณหนูจั๋วจิ่ว“เป็นอะไร” จั๋วซือหรานเห็นฮั่วชิงหยวนใจไม่อยู่กับตัว “เจ้าไม่ได้พักผ่อนหรือ”“เปล่า ๆ ” ฮั่วชิงหยวน รีบโบกมือซ้ำ ๆ ด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองจั๋วซือหราน ดังนั้นเขาจึงพูดว่า "ก็... แม่นางจิ่วดูดีนะ ”จั๋วซือหรานเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่านางเข้าใจว่า ทำไมฮั่วชิงหยวนถึงมึนงงมาครู่หนึ่งแล้วนางโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย "เมื่อผู้คนเมีความสุข พวกเขาก็ดูดีตามธรรมชาติ ไม่พูดเรื่องนี้ก่อน คุณชายห้าฮั่วมาหาข้า มีธุระอันใดหรือ"“ แม่นางจิ่วยังจำข้อตกลงระหว่างเราสองคนได้ไหมขอรับ เรื่องที่ข้าเลี้ยงเจ้าดื่มชา” ฮั่วชิงหยวนถามจั๋วซือหรานมีความทรงจำที่ดีมาก และเวลาผ่านไปไม่นาน เธอจำได้ว่านางได้ตกลงกับฮั่วชิงหยวนที่ด้านนอกของหน่วยสืบสวนพิเศษ
ฝูซูถาม “วันนี้คุณหนูไม่ออกไปข้างนอกหรือขอรับ”“จ้ะ วันนี้ไม่ออกไปแล้ว” จั๋วซือหรานพยักหน้า นางคิดแล้วยิ้ม “เพื่อไม่ให้คนอื่นว่าจะแข่งพรุ่งนี้แล้ว ข้ายังไม่ตั้งใจเตรียมตัว วัน ๆ เดินเล่นที่ข้างออก และไม่ไว้หน้าตระกูลเหยียน ”ฝูซูสับสนเล็กน้อยและถามว่า "ทำไมเราต้องเคารพตระกูลเหยียนด้วย พวกเขารังแกคุณหนูเช่นนั้น...""นั่นคือสิ่งที่ฉันพูด" จั๋วซือหราน คิดอยู่ครู่หนึ่ง "แต่คู่แข่งอาจเป็นเหยียนฉี เขาเป็นคนดี และเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่านอ๋อง ดังนั้นถือว่าเราไว้หน้าให้ท่านอ๋องละกัน"“ถ้าอย่างนั้น ข้าหน้าใหญ่ดี” เสียงต่ำและเย็นชาดังขึ้นนอกประตู เสียงนั้นช่างมีเสน่ห์และไพเราะอย่างมากเสีนงนั้นมีความโดดเด่นอย่างมาก จั๋วซือหรานรู้ทันทีว่าเป็นเขาเมื่อได้ยินเสียงนั้น นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "ทำไมท่านอ๋องถึงมาที่นี่"ทันทีที่นางพูดจบ มีร่างสูงหนนึ่งร่างเดินเข้ามา“ข้าอยากรอใครสักคนมารายงานเจ้า แต่จวนของเจ้าค่อนข้างน่าสนใจ” ชายคนนั้นสวมชุดสีดำและดูเรียบร้อย เขาตรง “ไม่มีแม้แต่เจ้าหน้าที่ดูแลแขกที่ประตู จากทางเข้าหลักไปยังห้องโถงหน้า ข้าไม่เห็นคนรับใช้สักคนเลย”“อ้าว” จั๋วซือหรานตอบ นาง
จั๋วซือหรานสังเกตสายตาของเขา และในขณะที่นางคิดเรื่องนี้พอดี นางเลยถาม " ท่านอ๋องรู้จักสวนพักผ่อนหลิ่วพ่านหรือไม่ ข้าจำได้ว่านั่นเป็นวังพักร้อนของราชวงศ์ใช่ไหม"ในความทรงจำของชะตาของเจ้าของร่างเดิม มีหลายเรื่องไม่ชัดเจนอย่างมาก และโชคชะตาของนางก็ถูกเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิงจากการมาถึงของนาง ทุกเรื่องเสมือนทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกตอนนี้จั๋วซือหรานอาจรู้รายละเอียดสำคัญของบางเรื่องเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ บางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากนางไม่ได้เดินตามชะตากรรมอันน่าเศร้าดั้งเดิมของเจ้าของร่างเดิมสรุปคือในชะตากรรมของเจ้าของร่างเดิมไม่มีความทรงจำใด ๆ ที่เกี่ยวกับสวนพักผ่อนหลิ่วพ่านดังนั้นจั๋วซือหรานจึงพึ่งพาได้เพียงแค่การคาดเดา แต่ตอนนี้เมื่อ เฟิงเหยียนอยู่ที่นี่ นางสามารถถามเขาได้พอดีเฟิงเหยียนเหลือบมองนางแล้วพูดว่า "สวนแห่งหนึ่งของราชวงศ์ ช่วงไม่กี่ปีผ่านมา องค์ชายห้าใช้สวนนี้เป็นหลัก"เมื่อได้ยินข้อมูลนี้ จั๋วซือหรานรู้ทันที นางเลิกคิ้วขึ้น "เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณสำหรับคำตอบของท่านอ๋อง "เฟิงเหยียนก้าวเท้าและว่าจะจากไปจั๋วเสียวจิ่ว ผู้ที่สามารถสร้างความวุ่นว
“คุณหนู คุณหนูคงไม่ได้...หรอกนะ” ฝูซูถามอย่างระมัดระวัง“อ่อ” จั๋วซือหรานตอบ “ควรไปก็ต้องไป”ฝูซูไม่เข้าใจ เขาจับหัว เขารู้สึกสับสนอย่างมาก เขาถาม"ทำไมขอรับ"“รู้ล่วงหน้าว่านี่คือกับดัก หากข้าไปก็หลีกเลี่ยงได้พอสมควร พวกเขาอยากทำร้ายข้าหรือ เช่นนั้น ข้าจะวางแผนรับมือตามแผนการของพวกเขา ไม่ทราบนะ ว่าใครจะทำร้ายใครก่อน”จั๋วซือหรานยิ้มและพูดว่า "ท้ายที่สุดแล้ว มีโอกาสดี ๆ เช่นนี้ไม่มากนัก อีกอย่างข้าถูกเชิญไปงาน หลังจากข้าทำสิ่งเลวร้ายเสร็จแล้ว ข้าก็ยังบริสุทธิ์อยู่"หลังจากได้ยินคำพูดนั้น ฝูซูกระพริบตา จากนั้นก็กระพริบตาอีกครั้ง จากนั้นส่ายหัวอย่างจริงใจแล้วพูดว่า "ข้าฟังไม่เข้าใจ"“หมายความว่า หนามยอกเอาหนามบ่ง เจ้าไปเข้าใจเองละกัน” จั๋วซือหรานยืดตัวฝูซูรีบถาม “คุณหนู คุณหนูจะไปไหนขอรับ”“ไปนอนต่อ”......ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ตระกูลเหยียนต้องแข่งขันกับจั๋วซือหราน เนื่องจากข่าวออกมาเร็วพอ ตอนนี้ทุกคนในเมืองหลวงรู้เรื่องนี้กันหมดเดิมทีถนนที่ศูนย์การแพทย์ตั้งอยู่จะอยู่ในย่านที่เงียบสงบกว่าของย่านธุรกิจ แต่ปัจจุบันกลับคึกคักมากไม่ต้องพูดถึงเหล่าตระกูลขุนนางเลย แม้แต่ชาวบ้านธรร
ทันทีที่จั๋วซือหรานเดินเข้าไปในศูนย์การแพทย์ของตระกูลเหยียน เดิมทีนางคิดว่านางจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ตระกูลเหยียนมีคนจำนวนมากเพียงลำพังโดยไม่คาดคิด คนแรกที่นางเห็นเมื่อเดินเข้าไปในศูนย์การแพทย์ของตระกูลเหยียนคือใบหน้าที่สวมหน้ากากเปลวไฟสีดำแปลก ๆและข้างกายของชายผู้นี้มีชายร่างสูงสวมหน้ากากของตราตันติ่ง"...ทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่เจ้าคะ" จั๋วซือหรานไม่คาดคิดจริง ๆ ว่า ซือหลี่ตันติ่งและ ซือหลี่ฝายเทียนจะปรากฏตัวที่นี่ ดังนั้นหลังจากแสดงความประหลาดใจ นางก็รีบทักทาย "สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านซือหลี่ทั้งสอง"เสียงของซือหลี่ตันติ่งนั้นสงบและเที่ยงธรรมเช่นเคย“เนื่องจากการแข่งขันระหว่างเจ้าและตระกูลเหยียนได้รับการตัดสินโดยหน่วยสืบสวนพิเศษ เช่นนั้นคนของหน่วยสืบสวนพิเศษมาชม เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”จั๋วซือหรานไม่ได้พูดอะไรในทันที นางมองไปที่ซือหลี่ตันติ่งสักครู่โดยโค้งริมฝีปากและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม "ท่านพูดสมเหตุสมผล ข้าแค่... ข้ารู้สึกภาคภูมิใจ "อันที่จริงจั๋วซือหรานตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า การที่ท่านทั้งสองนี้มาที่นี่เป็นเรื่องที่ดีมิเช่นนั้น หากตระกูลเหยียนอยากทำอะไรชั่ว ๆ เพราะพวกเขามีคน
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย