Share

บทที่ 207

Penulis: หูเทียนเสี่ยว
จั๋วซือหรานเลิกคิ้ว นางคิดเช่นนี้ในใจ รับการลงโทษแทนลูกสาวหรือ

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึกคุณท่านจั๋วลิ่วได้รับความไม่ยุติธรรม คงเป็นเพราะพวกเขารู้สึกซึ้งใจกับการกระทำของคุณพ่อที่ใจดี

โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายของผู้อาวุโสเจ็ด บางคนอาจคิดว่าผู้อาวุโสเจ็ดรู้สึกซาบซึ้งใจกับการกระทำคุณท่านจั๋วลิ่วเช่นกัน

ดังนั้นเสียงที่หายไปในก่อนหน้านี้รีบดังขึ้นอีกครั้ง

“นั่นน่ะสิ ลุงหกก็ถือว่ามีความรับผิดชอบแล้วนะ เป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมเราจะต้องก้าวร้าวขนาดนี้ด้วย...”

ผู้อาวุโสเจ็ดยืนอยู่ข้าง ๆ เขาขมวดคิ้วอย่างแรง พระเจ้าช่วย คำพูดของเขาในเมื่อครู่นี้ไม่ได้หมายความว่าเขาสงสารคุณท่านจั๋วลิ่ว แต่เขาหวังว่าจั๋วซือหรานใจรู้สึกสะใจหน่อย และเลิกเหินห่างจากตระกูลจั๋วต่างหาก

ใครจะไปรู้คำพูดของเขาถูกคนที่ดูการลงโทษเข้าใจผิดขนาดนี้

ก่อนที่ผู้อาวุโสเจ็ดอยากพูดอะไรต่อ จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ใช่สิ เมื่อท่านพ่อของข้าเสียชีวิตเพื่อตระกูล ท่านพ่อคงไม่คาดคิดเลยว่า ลูกสาวของเขาจะถูกรังแกจนตายโดยพ่อที่รักของคนอื่นกระมัง"

ทันทีที่จั๋วซือหรานพูดคำเหล่านี้ ทุกคนเงียบลงทันที

ใครล่ะยังไม่มีพ่อบ้าง ท่
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 208

    คุณท่านจั๋วลิ่วกระตุกสองสามครั้งบนพื้น เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถต้านทานเฆี่ยนเจ็ดแส้ที่ผู้อาวุโสใหญ่ลงมือ หากเขาทนเฆี่ยนตีเจ็ดครั้งนี้จริง ๆ เขาจะต้องตายแน่ ๆคุณท่านจั๋วลิ่วเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างโศกเศร้าว่า "ผู้ ผู้... ผู้อาวุโสใหญ่ ให้... ให้ข้าตายใน... ทีเดียวเลย..."ผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่โบกแส้อีกครั้งด้วยสีหน้าที่เย็นชาคุณท่านจั๋วลิ่วเจ็บจนพูดไม่ได้ เขาไม่สามารถแม้แต่จะกรีดร้องออกมาดัง ๆ ด้วยซ้ำ เขาอ้าปาก และเสียงหวือหวาก็ดังออกมาจากลำคอของเขาด้วยแส้อีกทีหนึ่ง คุณท่านจั๋วลิ่วกระเด้งสองครั้งบนพื้น เหมือนปลาที่กำลังจะตาย และกางเกงของเขาก็เปียกไปหมดฉากนั้นเงียบสนิท ทุกคนเห็นว่าคุณท่านจั๋วลิ่ว ผู้ร่าเริงอยู่เสมอก็ตกอยู่ในสภาพที่น่าเศร้าเช่นนี้ในเวลาอันสั้นนี่แค่สามแส้เท่านั้น เดิมทีผู้อาวุโสใหญ่มีความตั้งใจที่จะฆ่าไก่เพื่อทำให้ลิงตกใจ เพื่อให้ทุกคนได้รับคำเตือน ในขณะนี้ สภาพอันน่าเศร้าของคุณท่านจั๋วลิ่วได้ตักเตือนในใจของทุกคนแล้วเพียงแต่บางคนมีปฏิกิริยาโต้ตอบและมองไปที่จั๋วซือหรานด้วยสายตาที่หวาดกลัวและการตกตะลึงอย่างสุดซึ้งคนผู้นี้รับการลงโทษถึงเก้าแส้เต็ม ๆ นะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 209

    แน่นอนว่าจั๋วซือหรานจำบุคคลที่อยู่ตรงหน้านางได้ และนางสามารถดึงข้อมูลของบุคคลนี้ออกจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมได้อย่างราบรื่นมากลูกชายคนโตของจั๋วเห้อหรง จั๋วหยุนชินเขาเป็นลูกชายของจั๋วเห้อหรงและภรรยาคนแรก แต่ภรรยาคนแรกเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว จั๋วหรูซินเป็นลูกสาวของจั๋วเห้อหรงและภรรยาคนใหม่จั๋วหยุนชินมีพรสวรรค์อย่างมาก ซึ่งเป็นสาเหตุที่จั๋วเห้อหรงมีอำนาจที่แท้จริงในตระกูลแม้ว่าเขามีความสามารถไม่มากนัก เพียงเพราะลูกชายของเขามีอนาคตที่ดีแม้ว่าเขาจะไม่มีคุณสมบัติที่น่าทึ่งเท่ากับเฟิงเหยียน แต่ในตระกูลเช่นตระกูลจั๋วทีแย่ลงทุกวันและมีพรสวรรค์ที่น้อยกว่าก็ถือว่าดีแล้วและเนื่องจากผลงานที่โดดเด่นของเขาในการฝึกฝนของตระกูลนั้น เขาจึงถูกลัทธิอู๋จี๋สังเกตและถูกเรียกเข้าลัทธิ ซึ่งลัทธิอู๋จี๋เป็นหนึ่งในเจ็ดลัทธิหลักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่คนในตระกูลจั๋วถูกลัทธิด่าง ๆ เลือก ดังนั้นเนื่องจากมีจั๋วหยุนชิน ฐานะของจั๋วเห้อหรงในตระกูลจึงสูงขึ้นเช่นกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่จั๋วหยุนชินไปลัทธิอู๋จี๋ จั๋วเห้อหรง ก็ค่อย ๆ มีอำนาจที่แท้จริงในตระกูลมีความความขัดแย้งระหว่า

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 210

    จั๋วซือหรานไม่กลัวว่าจั๋วหยุนชินเป็นสมาชิกของลัทธิอยู่แล้ว และมีอีกประเด็นที่สำคัญมาก จั๋วซือหรานค่อนข้างเข้าใจนิสัยของผู้อาวุโสใหญ่ จั๋วหลานผู้อาวุโสใหญ่เป็นคนยึดถือความยุติธรรม เข้มงวด เชื่อแต่หลักฐาน ดื้อรั้นเมื่อเขาเชื่อบางเรื่อง ใครมาโน้มน้าวก็ได้ ล้วนไม่ได้ผลดังนั้นจั๋วซือหรานจึงรู้สึกว่า จั๋วหยุนชินคงไม่เหมือนคนโง่นั้น จั๋วหรูซินขนาดนางยังรู้นิสัยของผู้อาวุโสใหญ่ จั๋วหยุนชินต้องรู้เช่นกันเขาจะไม่หยุดยั้งผู้อาวุโสใหญ่ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีความสามารถในครอบครัว แต่เขาก็เป็นเพียงสมาชิกของตระกูลจั๋วเท่านั้นแม้ว่าเขาเข้าลัทธิแล้ว และอาจทำให้คนของตระกูลจั๋วและเหล่าผู้อาวุโสยกย่องเขาบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องฝ่าฝืนกฎของตระกูลเพียงเพราะเขาคนเดียวเมื่อเขาเริ่มพูดเช่นนี้ เขาต้องมีแผนสำรองอยู่ข้างหลังดังนั้นจั๋วซือหรานจึงเกียจพูดอะไรกับเขา นางจะรอปฏิบัติก่อนเพื่อล้อเขาพูดถึงประเด็นหลักอย่างรวดเร็วจั๋วซือหรานกล่าวคำอำลา“ จั๋วจิ่วยังต้องกลับไปเยี่ยมท่านแม่ ขอตัวก่อน”ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกนด้วยเสียงทุ้ม "จั๋วหยุนชิน คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ เจ้าไม

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 211

    นับตั้งแต่วินาทีที่จั๋วหยุนชินอ้าปากพูด จั๋วซือหรานก็เข้าใจจุดประสงค์ของเขาจริง ๆท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลขุนนางเหล่านี้ก็เหมือนกันหมด พวกเขาคิดคำนวนทุกอย่างใ้ห้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด และที่พวกเขาเดิมพนันมันตลกมากหากอีกฝ่ายแพ้ พวกเขาต้องให้อีกฝ่ายชำระอย่างหนัก แต่หากตัวเองแพ้ พวกเขาก็จะลงโทษตัวเองเบา ๆจั๋วซือหรานสังเกตข้อนี้ตั้งแต่นางแข่งกับตระกูลเหยียนดังนั้นในเวลานั้น จั๋วซือหรานจงใจเพิ่มเดิมพันเมื่อนางแพ้ เพื่อดึงดูดอีกฝ่ายให้เดิมพัน จากนั้นฉวยโอกศเพิ่มเดิมพันหลังจากที่อีกฝ่ายแพ้แต่ในขณะนี้ จั๋วซือหรานขี้เกียจเสียเวลากับจั๋วหรูซินจั๋วหยุนชินยังคงพูดต่อ และเนื้อหาก็ไม่แตกต่างไปจากที่จั๋วซือหรานคิดไว้“หากหรูซินแพ้ ก็ให้นางรับโทษด้วยการเฆี่ยนตีด้วยตัวเอง ไม่มีใครแทนนางได้”จั๋วซือหรานหรี่ตาลงและคิดกับตัวเอง ดูสิ ลงโทษตัวเองอย่างเบาแม้ว่าเหล่าผู้อาวุโสต้องการไว้หน้าแก่จั๋วหยุนชินบ้าง แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าเงื่อนไขของเขาไม่ยุติธรรมเล็กน้อยจั๋วหยุนชินยกมุมปากขึ้นและยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาหยิบตราออกมาแล้วแขวนไว้ที่เอวของเขา“มันคือตราของแพทย์กลั่นยา”“พี่หยุนชินผ่านการทดสอบ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 212

    " เสียวจิ่ว... " จั๋วหลานขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้เขารู้สึกอย่างคลุมเครือว่าเด็กหญิงคนนี้เริ่มห่างไกลจากตระกูลมากขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นจั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจ เนื่องจากเพื่อตระกูลทั้งนั้น ผู้อาวุโสใหญ่จึงไม่ต้องเกรงใจมากเกินไปหรอก ให้เขากลั่นยาเยอะ ๆ ให้ตระกูลละกันเจ้าค่ะ"หลังจากจั๋วซือหรานพูดจบ นางก็หันหลังกลับและเดินไปจากด้านหน้าของห้องโถงบรรพบุรุษ เพราะหลังจากถูกสังเกตในก่อนหน้านี้ นางเลยเดินไปที่ด้านหน้า ตอนนี้หากนางอยากออกจากที่นี่ นางต้องเดินผ่านฝูงชนที่อยู่ข้างหลังนางทันทีที่นางหันหลังกลับ ทุกคนก็แยกย้ายและหลีกทางให้ก็มีหนึ่งหรือสองคนที่ไม่ยอมหลีกทางให้ พวกเขาพูดประชดว่า "เป็นสมาชิกของตระกูลจั๋วกัน และก็เป็นแพทย์กลั่นยาทั้งคู่ พี่หยุนชินยังรู้จักกลั่นยาให้ตระกูลเยอะหน่อย เจ้าเก่งขนาดนี้และไปแข่งกับตระกูลเหยียนได้ ทำไมไม่เห็นเจ้าออกแรงเพื่อตระกูลบ้างสิ”ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วและกำลังจะตำหนิคนเหล่านี้จู่ ๆ มีร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและปรากฏตัวที่ด้านข้างของจั๋วซือหรานความเร็วของนางเร็วมากและการเคลื่อ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 213

    เมื่อเส้นเลือดปรากฏบนคอของพวกเขา ทุกคนเงียบลงผมค่อย ๆ ร่วงลงบนพื้นจากไหล่ของพวกเขาสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย และพวกเขารู้สึกมีอาการปวดแสบปวดร้อนที่คอ แม้ว่าจะความรู้สึกเจ็บนั้นจะไม่รุนแรง แต่ก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้เมื่อเขายกมือไปสัมผัสมัน พวกเขารู้สึกถึงบาดแผลบาง ๆ ที่คอของพวกเขา ไม่มีเลือดไหลออกมาอย่างชัดเจน แต่เมื่อพวกเขาสัมผัสด้วยมือ พวกเขารู้สึกได้ถึงเส้นเลือดเหนียว ๆเส้นเลือดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขาเจ็บปวดรวดร้าวเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้สึกหวาดกลัวอีกด้วยเนื่องจากความจริงที่ว่าผู้พิทักษ์เงาหญิงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาสามารถควบคุมพลังของนางได้มากพอที่จะตัดผมได้โดยไม่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บสาหัส ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการเตือนซึ่งเห็นได้ชัดว่า ความสามารถของนางแข็งแกร่งอย่างมาก อย่างน้อยผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมการฝึกฝนของตระกูลไม่สามารถเทียบได้ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากนางสามารถควบคุมบาดแผลที่เกิดเพียงเส้นเลือดบาง ๆ ได้ นั่นหมายความว่าหากนางต้องการทำให้บาดแผลที่ร้ายแรงกว่านี้ คงเป็นไปได้แน่ ๆ เพราะตำแหน่งของบาดแผลนี้เป็นเพียงเส้นผมที่หัก พูดจริง ๆ หากลงมือหนักกว่านี้ก็คือตัดคอให้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 214

    นางมองจั๋วหยุนชินอย่างเฉยเมย น้ำเสียงของนางไร้ความรู้สึก น้ำเสียงนั้นไม่เย็นชาหรือยินดี“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว ข้าจะแข่งกับเจ้า อย่าบีบบังคับคนสิ รังแกคนของเฟิงเหยียน สนุกมากหรือ หากเจ้ามีทักษะนี้ ไปกลั่นยาให้ตระกูลหน่อยไหม”ยิ่งไปกว่านั้น วิธีที่นางสกัดกั้นการโจมตีของเขายังทำให้จั๋วหยุนชินตกใจเช่นกัน เพราะนางสัมผัสดาบคมของเขาโดยตรง...ด้วยมือเปล่าของนางนิ้วของนางขาวและเรียวยาว และดูเหมือนว่านางสามารถทิ้งบาดแผลอันน่าสยดสยองไว้ได้เพียงแค่รอยขีดข่วนแต่ในขณะนี้ นางบีบที่ขอบดาบของเขา ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากดาบเท่านั้น แต่ยังไม่ได้รับบาดแผลจากพลังของดาบด้วยซ้ำ"เจ้า..." จั๋วหยุนชินจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขานางยืนอยู่ระหว่างเขากับหานกวงด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส และนางดันดาบของเขากลับไปในทิศทางของเขาอย่างไม่ตั้งใจจากนั้นนางก็หันไปมองหานกวงงแล้วพูดว่า "ไปกันเถิด"“เจ้าค่ะ” จากนั้นหานกวงหันหลังและเดินตามจั๋วซือหราน แสงสีแดงจาง ๆ ที่ข้างคอของนางจึงค่อย ๆ จางหายไปจนกระทั่งทั้งสองคนจากไป คนในห้องโถงบรรพบุรุษยังคงเงียบดูเหมือนว่าหลังจากจั๋วซือหรานหยุดการโจมตีของจั๋วหยุนชินได้อย่างง

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 215

    หานกวงคิดถึงการกระทำในก่อนหน้านี้ของจั๋วซือหราน และนางรู้สึกว่าอาจไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไปหานกวงเหลือบมองมือของจั๋วซือหราน นางรู้สึกสงสัยเล็กน้อย“เมื่อครู่นี้แม่นางเก่งมากนัก แม่นางกล้าสัมผัสดาบด้วยมือเปล่าโดยไม่ได้รับบาดแผลใด ๆ แม้ว่าชายก่อนหน้านี้จะไม่ได้เก่งมากนัก แต่เขาก็ยังคงใช้วิชาดาบของลัทธิอู๋จี๋ ดังนั้นเขาแข็งแกร่งอย่างมาก"“นั่นสินะ” จั๋วซือหรานลดสายตาลงและเหลือบมองที่ฝ่ามือของนาง ฝ่ามือของนางขาวและสะอาด มีเส้นฝ่ามือที่ชัดเจนทุกคนที่เห็นฉากของเมื่อครู่นี้มักจะเชื่อได้ยากว่า มือที่ดูนุ่มนวลมากและไร้พลังโจมตีใด ๆ นี้ได้ปะทะกับคมดาบของลัทธิอู๋จี๋ของจั๋วหยุนชินแม้แต่จั๋วซือหรานเองก็ไม่คาดคิดว่า วิชาสืบทอดของการแพทย์สายวิเศษของชาติที่แล้วถูกปลุกตื่นแล้วจริง ๆมือวิเศษเป็นทักษะชนิดหนึ่งของการแพทย์สายวิเศษในความเป็นจริง แม้แต่จั๋วซือหรานในชาติที้แล้ว ต่อให้นางเก่งการแพทย์สายวิเศษ แต่นางมือวิเศษได้ไม่มากนางมักตกอยู่ในสภาพที่ว่า เกือบจะได้สัมผัสถึงทักษะนี้แล้ว แต่มันก็ยังขาดอีกนิดหนึ่งแต่สุดท้าย ก่อนที่นางได้ปลุกทักษะของมือวิเศษได้ นางก็เสียชีวิตและเดินทางมายังโลกที

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1277

    ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1276

    ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1275

    จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1274

    จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1273

    แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1272

    ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1271

    กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1270

    แต่กลับรู้ตัวตนฐานะผู้ชายทรยศของเฟิงเหยียนได้ ไม่ต้องคิดเลยว่าคงเป็นจั๋วหวายพล่ามออกมาแน่"จั๋วหวายมาบอกเจ้าหรือ?" ปันอวิ๋นถามขึ้นคำหนึ่งจวงอี๋ไห่ พยักหน้าอย่างระมัดระวัง "คุณชายเสี่ยวหวายไม่หลอกข้าหรอก คุณชายเสี่ยวหวายบอกว่าเป็นผู้ชายทรยศ เช่นนั้นกว่าครึ่งก็ต้องเป็นผู้ชายทรยศแล้ว"ปันอวิ๋นถอนหายใจแผ่วเบาในห้อง จั๋วซือหรานนั่งลงข้างโต๊ะเฟิงเหยียนไม่พูดอะไร รินน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่งจั๋วซือหรานกำถ้วยไว้ ใช้นิ้วมือลูบไล้ขอบถ้วยเบาๆ"อีกเดี๋ยวพออาหารส่งเข้ามา ก็กินสักหน่อยแล้วค่อยนอนพัก" เฟิงเหยียนเอ่ยขึ้นแต่ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความหนักแน่นที่ห้ามปฏิเสธจั๋วซือหรานแหงนตามองเขา กำลังจะบอกว่ายังไม่หิวก็เห็นริมฝีปากบางของชายคนนี้เม้มเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า "ข้าไม่มีสิทธิ์จะมาหารือกับเจ้าจริงๆ นั่นล่ะ..." สายตาเขาทอดลงไปที่ท้องน้อยนาง แววตาลึกซึ้งจากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า "แต่การจะเตือนให้เจ้ากินอะไรดีดีก็ยังพอมีสิทธิ์อยู่" สายตาเขายกขึ้นมาจากท้องน้อยจั๋วซือหรานเลื่อนมาที่ดวงตานาง จ้องมองดวงตานาง เอ่ยต่อว่า "ถึงอย่างไรเมื่อครู่ก็เพิ่งช่วยเจ้ากลับมา ยิ่งไปกว่นั้นเรื่องถูกพลังศักดิ์สิท

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1269

    เขาไม่เพียงแต่ไม่ใช่สามีของนาง เขายังเป็นคู่หมั้นในนามของหญิงสาวคนอื่นอีกด้วยสีหน้าของเฟิงเหยียนแข็งทื่อไปแล้ว แต่ท้ายสุดก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะในคำพูดจั๋วซือหราน ไม่มีส่วนที่ผิดเลยแม้แต่น้อยแม้จะบอกว่าเด็กคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาก็ตามแต่ครั้งก่อนหน้านั้น เป็นเพราะจั๋วซือหรานถูกวางแผนร้ายใส่ ถึงทำให้นางสับสนหลงใหลจนมีสัมพันธ์กับเขาถ้าจะบอกว่า เขาเอาเปรียบหญิงสาวไป ก็ไมไ่ด้พูดเกินเลยนักเอาเปรียบหญิงสาว จนทำนางตั้งท้อง ไม่เคยจะมารับผิดชอบอะไรตอนนี้กลับจะมาชี้มือชี้ไม้เรื่องของนางพอสรุปมาแบบนี้ มันก็ช่าง...แย่มากจริงๆเฟิงเหยียนเองก็รู้ว่าตนเองนั้นแย่มาก พูดอะไรออกมาไม่ได้ไปชั่วขณะปันอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนแทนสหายเก่า เขากระแอมออกมาเบาๆ ทีหนึ่ง ไกล่เกลี่ยขึ้นว่า "เอาล่ะเอาล่ะ..."เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ถึงอย่างไร ทั้งสองคนตอนนี้จะไม่ได้เป็นคู่รัก แต่ความสัมพันธ์แบบนี้...มันก็ดูคลุมเครือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ นี่มันช่าง...ดังนั้นปันอวิ๋นเลยเปิดประเด็นขึ้น อึกอักในปากอยู่พักหนึ่ง กว่าจะพูดออกมาได้ "...พวกเจ้าหิวหรือยัง? ให้เหล่าจวนทำอะไรให้กินหน่อยดีไหม?"

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status