ชีหยวนยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวังหลวงเลยแม้แต่น้อยตอนที่นางกลับถึงเมืองหลวง เซียวอวิ๋นถิงก็ออกจากเมืองไปแล้วก่อนจะจากไป เซียวอวิ๋นถิงเด็ดดอกชาภูเขาฮวาเห่อหลิงมาหนึ่งกำใหญ่ วางไว้ที่ขอบหน้าต่างห้องของนางพอนางกลับถึงบ้าน สิ่งแรกที่เห็นก็คือดอกชาภูเขาฮวาเห่อหลิงช่อนั้นที่กำลังบานสะพรั่งทันทีที่นางถึงบ้าน ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็รีบยื่นจดหมายให้ “แม่หนูหยวน ก่อนท่านอ๋องจะออกเดินทางได้ฝากจดหมายฉบับนี้ไว้ให้เจ้า อีกทั้งยังฝากให้ลิ่วจินกับเหล่าจ้าวไว้ บอกว่าให้ทั้งสองคนอยู่ภายใต้การสั่งการของเจ้าชั่วคราว”ท่านโหวผู้เฒ่าชีออดไม่ได้ที่จะถอนใจเบา ๆ ด้วยความรู้สึก ท่านอ๋องนี่ช่างชอบหลานสาวของตนจริง ๆเป็นห่วงว่านางจะจัดการเรื่องในเมืองหลวงต่อไม่ถนัด เลยตั้งใจฝากลิ่วจินกับเหล่าจ้าวเอาไว้ให้ใช้งานไม่แปลกเลยที่แม่หนูหยวนจะหวั่นไหว ใครได้เจอแบบนี้ก็คงหวั่นไหวทั้งนั้นชีหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่อาจบอกได้ว่านางรู้สึกอย่างไรในใจแต่เมื่อมองไปยังช่อดอกชาภูเขาฮวาเห่อหลิงนั้น หัวใจของนางกลับสงบลงอย่างประหลาดสวรรค์ทำให้เรารู้ความลับบางอย่าง ไม่ใช่เพื่อให้เราเจ็บปวด แต่เพื่อเติมเต็มให้ทุก
ก็ได้ยินเซียวจิ่งจาวเอ่ยว่า “เสด็จแม่ ฝ่าบาททรงมีพระราชประสงค์จะประทานสมรสแก่ลูกแล้ว”ข่าวนี้มาโดยไม่ให้ตั้งตัว ซ่งเหลียงตี้ถึงกับยืนตะลึงอยู่ที่เดิม นางนิ่งไปเนิ่นนาน ไม่อาจมีปฏิกิริยาใดตอบสนองได้ทันครู่ใหญ่ นางจึงลืมตากว้างแล้วถามว่า “เป็นใครกัน?”หากนับตามวัยและและลำดับชั้นวรรณะแล้ว เซียวจิ่งจาวก็ไม่ควรจะต้องรีบกำหนดการแต่งงานเร็วขนาดนี้ซ่งเหลียงตี้เห็นท่าทางของเขาแบบนี้ ก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่นอนเซียวจิ่งจาวแค่นหัวเราะเสียงเย็น ใบหน้าเต็มไปด้วยความประชดประชันและรังเกียจ “เฝิงไฉ่เวย!”เฝิงไฉ่เวย?หากเป็นเมื่อไม่นานมานี้ การได้แต่งกับเฝิงไฉ่เวยย่อมถือเป็นการเสริมเกียรติและชื่อเสียงแต่ในเวลานี้ แต่งกับเฝิงไฉ่เวยงั้นหรือ?!ซ่งเหลียงตี้รีบคว้ามือของเขาแน่น “จิ่งจาว เกิดอะไรขึ้นกันแน่?! ตอนนี้คนข้างนอกต่างก็ร่ำลือกันว่า ตระกูลเฝิงต้องให้สินบนกับนักพรตหลี่แน่ ๆ ถึงได้คำทำนายชะตาหงส์จากนักพรตหลี่ แล้วเหตุใดเจ้าตอนนี้กลับ……”เหตุใดจึงกลับกลายไปพันผูกกับเฝิงไฉ่เวยได้?!เซียวจิ่งจาวยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น “นางผู้นั้นวางแผนเล่นงานข้า! นางมีจุดอ่อนของข้าอยู่ในมือ”ตอนนั้นเ
เซียวจิ่งจาวดูราวกับว่าถูกบีบบังคับจนหมดหนทาง พูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้นและโกรธเคืองว่า: “เสด็จย่า เมื่อเดือนก่อน หลานได้รับบัญชาจากเสด็จพ่อให้ไปเยี่ยมท่านลุงทวด เกิดหลงใหลในชั่วขณะ จึงเผลอทำจี้หยกประจำตัวของหลานหล่นไว้”เขารู้ดี หากไม่พูดให้มีเหตุมีผล ฮองเฮาเฝิงจะต้องคิดไปในทางร้ายแน่นอนไม่แน่ว่าอาจจะโยงเรื่องที่หลี่ฉางชิงสมคบกับเฝิงไฉ่เวยมาใส่ความเขาด้วยถึงเวลานั้น ผลที่ตามมาย่อมเลวร้ายยิ่งกว่าคำพูดของเขาตอนนี้หลายเท่านักเขากลั้นทั้งความอัปยศและหงุดหงิดภายในใจ ก้มศีรษะลงกราบแทบเท้าฮองเฮาเฝิงไม่หยุด “เสด็จย่า ทั้งหมดเป็นความผิดของหลานเอง หลานสมควรตาย! หลานสมควรตายหมื่นครั้ง!”ฮองเฮาเฝิงถอนหายใจอย่างแรง ก่อนจะตวัดสายตาไปมองเฝิงไฉ่เวยอย่างฉับพลันนางแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า เฝิงไฉ่เวยในปากเอาแต่ร่ำร้องจะเป็นพระชายารัชทายาท แต่ลับหลังกลับไปมีสัมพันธ์กับเซียวจิ่งจาวเฝิงไฉ่เวยเสียสติไปแล้วหรือไร?!นางมองเฝิงไฉ่เวยด้วยสายตาเย็นยะเยือก “เจ้าคิดหรือว่า ทำเช่นนี้แล้วจะรักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้ได้?”ในเมื่อเรื่องราวได้เปิดเผยจนหมดสิ้นแล้ว เฝิงไฉ่เวยก็ไม่คิดจะเสแสร้งอีกตอนนี้นางเพิ่งเข้าใ
ฮองเฮาเฝิงรู้สึกราวกับว่าตนจับต้องได้ถึงความเชื่อมโยงบางอย่างที่สำคัญยิ่ง ทว่ากลับรู้สึกสับสนยิ่งกว่าเดิมพระนางขมวดคิ้ว “ฝ่าบาทเพคะ พระองค์ทรงมีพระเมตตาต่อสกุลเฝิงอย่างล้นเหลือแล้ว พระราชทานอนุญาตให้กลับเข้าเมืองหลวงได้ก็ถือเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างสูงยิ่ง หม่อมฉันบังอาจเอ่ยเพียงว่า บรรดาเด็กในตระกูลของหม่อมฉันบัดนี้มีคุณสมบัติดีบ้างไม่เอาไหนบ้าง เกรงว่าคงไม่อาจจะมีใครเหมาะสมจะเป็นพระชายาอีกคนได้แล้วเพคะ…...”ตามปกติแล้ว ตอนนี้เซียวจิ่งจาวยังเป็นเพียงแค่จวิ้นอ๋องเท่านั้นแต่เมื่อถึงวันที่รัชทายาทขึ้นครองราชย์ ย่อมจะพระราชทานบรรดาศักดิ์ชินอ๋องแก่เซียวจิ่งจาวย่อม จากนั้นก็ส่งเขาไปครองเมืองตามเขตปกครองของเขาเช่นนั้นเฝิงไฉ่เวยก็ย่อมมีฐานะเป็นพระชายาอ๋องในอนาคตฮองเฮาหรงที่กล่าวเช่นนั้น จึงไม่ถือว่าผิดนักเฝิงไฉ่เวก้มหน้าต่ำ ท่าทางเชื่อฟังใสซื่อไร้เดียงสาบริสุทธิ์ไร้พิษภัยขณะที่เซียวจิ่งจาวกลับไร้อารมณ์ใดๆ บนใบหน้า ไม่อาจอ่านความคิดในใจเขาได้เลยฮ่องเต้หย่งชางเมื่อเห็นฮองเฮาเฝิงปฏิเสธ ก็เข้าใจไปว่านางคงถูกปีเดือนที่ผ่านมาหล่อหลอมเสียจนไร้ความแข็งกร้าวในจิตใจไปเสียแล้วจึงตรัสพลางหั
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาตามเอาผิดใคร เฝิงไฉ่เวยอยู่ในวัง ไม่ว่านางจะทำอะไรขึ้นมา ก็อาจทำให้ตระกูลเฝิงพังพินาศจนไม่อาจกอบกู้ และยังอาจทำให้ฮองเฮาเฝิงพังพินาศไปด้วย จะอย่างไรนางก็ยังเป็นคนตระกูลเฝิง!ฮองเฮาเฝิงเหลือบตามองเฝิงอวี้จางอย่างไม่พอใจ แล้วสั่งขันทีคนสนิทเสียงเฉียบ “รีบไปตามหา! ห้ามเอ็ดตะโรให้คนอื่นรู้ จงพานางกลับมาที่ตำหนักของข้า!”ขันทีรีบรับคำ แล้ววิ่งออกไปทันทีแต่คนที่ออกไปหายังไม่ทันกลับมา ขันทีเซี่ยคนสนิทของฮ่องเต้หย่งชางกลับมาเยือนก่อนพอพบฮองเฮาเฝิง ขันทีเซี่ยก็ก้มหน้าโค้งตัว “ฮองเฮา ฝ่าบาทเชิญพระองค์ไปพบพ่ะย่ะค่ะ”ไปตอนนี้หรือ?ฮองเฮาเฝิงตกใจเล็กน้อย แล้วก็อดคิดถึงเฝิงไฉ่เวยไม่ได้ จึงเกิดความไม่สบายใจขึ้นทันที “ไม่ทราบว่าฝ่าบาทเชิญข้าไปด้วยเหตุใดหรือ?”บนใบหน้าของขันทีเซี่ยมีรอยยิ้มบาง ๆ “ฮองเฮาไปถึงก็จะทราบเอง เรื่องของฝ่าบาท บ่าวมิกล้าก้าวก่าย”ตั้งแต่เกิดเรื่องของผู่อู๋ย่งขึ้น ฮ่องเต้หย่งชางก็ยิ่งมากด้วยความระแวงต่อคนรอบกายแม้แต่ขันทีเซี่ย ก็ยิ่งต้องระวังตัวมากกว่าเดิมฮองเฮาเฝิงสูดหายใจเข้าลึก ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อยเอ่ยว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องทรง แ
ปรมาจารย์จื่อหยางกลับหัวเราะเสียงดัง พลางลูบเคราของตนมองนักพรตน้อยแล้วถามว่า “สิ่งที่อาจารย์สอนเจ้าบ่อยที่สุดคืออะไร?”นักพรตน้อยเกาหัว “หนทางแห่งการบำเพ็ญตนอยู่ที่การปล่อยให้ทุกสิ่งดำเนินไปตามธรรมชาติ”“ใช่แล้ว ถ้าพูดให้หยาบกว่านั้นอีกหน่อย การบำเพ็ญตนของเราก็คือ จะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของเจ้า ถ้าไม่เชื่อก็ช่างมัน” ปรมาจารย์จื่อหยางมองเงาร่างในชุดแดงที่หายลับเข้าไปในเงาไม้แล้วหัวเราะ “และอีกอย่างก็คือ ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ไม่ใช่เรื่องของข้า”ในมุมมองนี้ เด็กสาวคนนั้นกลับเป็นคนที่เหมาะกับการบำเพ็ญเซียนจริง ๆชีหยวนไม่เคยอยากเจอเซียวอวิ๋นถิงมากเท่านี้มาก่อนเลยเมื่อคิดถึงใครสักคน ก็ต้องวิ่งไปหานางลงจากเขาไปหาม้าของตน แล้วห้อตะบึงอาชาตรงสู่เมืองหลวงในเวลานั้นที่เมืองหลวง เฝิงอวี้จางมองฮองเฮาเฝิงด้วยใบหน้าซีดเผือด “ฮองเฮา เรื่องนี้...”สีหน้าฮองเฮาเฝิงก็ดูไม่ดีเช่นกัน แต่สิ่งที่นางรู้สึกมากกว่าคือความโกรธต่อคนตระกูลเฝิงนางเอ่ยถามตรง ๆ “ให้พวกเจ้าสั่งสอนบุตรหลานให้ดี ให้สั่งสอนไฉ่เวยให้ดี พวกเจ้าสั่งสอนจนเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?!”เฝิงไฉ่เวยนั้นเหลวไหลเกินไปจริง ๆไม่เพียงขาดความอ