เมืองโม่เหอ?หลี่ว์เซียงได้ยินแล้วก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลันมองไปทางจักรพรรดิอู่อันอย่างยากจะเชื่อองค์ชายเว่ยหัวเราะเยาะ “พื้นที่ขนาดใหญ่นั่นล้วนเป็นบึงน้ำดำ ปลูกสิ่งใดก็ล้มตายหมด แล้วก็เป็นเมืองร้างที่ทั้งเมืองรวมกันแล้วมีมิกี่สิบครอบครัวมิใช่หรือ?”“เสด็จพ่อ ข้อตกลงนี้มิใช่ข้อตกลงที่ดี อย่าตกลงเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อครู่องค์ชายคังมิเข้าใจความหมายของจักรพรรดิอู่อัน เมื่อจ้าวฮุยเตือนขึ้นมาก็คิดอย่างลึกซึ้ง เมื่อได้ยินเซียวหลินเทียนพูดโม่เหอออกมา เขาก็รู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่จะได้แสดงตัวของตนเองแล้ว“เสด็จพี่ใหญ่ ท่านพูดเช่นนี้ก็มิถูก! โม่เหอนี้ถูกกล่าวขานกันว่าเป็นเมืองแห่งสมบัติ!”องค์ชายคังก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน จึงเอามาแสดงความรู้ของตนเอง“ว่ากันว่ามีสมบัติมากมายฝังอยู่ใต้บึงน้ำอันมืดมิดนั้น! ภูเขาหินที่อยู่รอบ ๆ ก็น่าจะเป็นเหมืองถ่านหินทั้งหมด!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็หมดคำพูด ฝังสมบัติใต้บึงน้ำ? องค์ชายคังผู้นี้มีสมองหรือไม่?แต่บึงน้ำอันมืดมิดนี้กลับทำให้หัวใจของหลิงอวี๋เต้นแรง หรือว่านี่อาจเป็นแหล่งน้ำมันในสมัยใหม่?นั่นจะเป็นสมบัติจริง ๆ เลยทีเดียว!แต่จักรพรรดิอู่อันมิ
องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่สิ่งที่พวกเขาสองคนคิดมิใช่ว่าจะทำงานร่วมกับเซียวหลินเทียนเพื่อชนะการแข่งขันนี้ได้เยี่ยงไรทั้งสองคนต่างคนต่างคิดกันเองทั้งสองนำทัพมิดีเท่าเซียวหลินเทียน เช่นนั้นเหตุใดต้องไปหาเรื่องใส่ตัวเล่า นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ด้วยความสามารถของพวกเขามิสามารถเอาชนะฉีตะวันออกได้หรอกหากแพ้ก็จะถูกจักรพรรดิอู่อันรังเกียจและลงโทษเอาได้!องค์ชายเว่ยคิดจนแน่ชัดแล้วจึงชิงเอ่ยขึ้นมา “เสด็จพ่อ ลูกนำทัพมิดีเท่ากับน้องสี่ ครั้งนี้จะมิเข้าร่วมการแข่งขันล้อมเมืองพ่ะย่ะค่ะ เพื่อมิให้ฉีตะวันออกหัวเราะเยาะเอาได้! ให้น้องสี่เป็นตัวแทนฉินตะวันตกเข้าร่วมการแข่งขันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายคังเห็นแล้วก็เข้าใจความคิดขององค์ชายเว่ยทันที เขาชั่งน้ำหนักความสามารถของตนครู่หนึ่งแล้วก็เอ่ย “เสด็จพ่อ วรยุทธของลูกมิดีเท่าน้องสี่ จะมิเข้าร่วมการแข่งขันเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ให้น้องสี่เป็นตัวแทนฉินตะวันตกเข้าร่วมการแข่งขันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันเหลือบมองทั้งสองคนด้วยรู้สึกผิดหวังในใจเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เพิ่งถูกลอบสังหารมา อาการบาดเจ็บยังมิหายดีเลยแต่องค์
แต่คำพูดถัดไปของหลี่ว์เซียง ทำให้หลิงอวี๋เปลี่ยนความคิดของตนที่มีต่อเขาไปทันที ทั้งยังหน้าแดงเพราะสิ่งนี้ด้วยหลี่ว์เซียงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “กระหม่อมเห็นด้วยว่าคำมั่นสัญญาทางทหารสามารถกระตุ้นให้ท่านอ๋องอี้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเต็มที่ได้ แต่กระหม่อมรู้สึกว่าในเมื่อมีการลงโทษ จึงควรมีรางวัลพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท มีการลงโทษสามารถกระตุ้นให้กลุ่มของท่านอ๋องอี้ออกไปคว้าชัยชนะได้อย่างเต็มกำลัง! ดังนั้น กระหม่อมขอแนะนำว่า ควรเขียนรางวัลไว้ในคำมั่นสัญญาทางทหารด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่หลี่ว์เซียงพูดสิ่งนี้ออกไป องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังก็เริ่มกังวลขึ้นมา มิใช่ว่าเสด็จพ่อคงจะทนความตื่นเต้นได้ แล้วจะต้องเขียนตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นรางวัลในคำมั่นสัญญาทางทหารกระมัง!“หลี่ว์เซียง สิ่งที่เจ้าพูดมานั้น อ๋องอี้ไปเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อนำความรุ่งโรจน์มาสู่แคว้น หรือว่าไปเพื่อรางวัลเล่า?”องค์ชายเว่ยจ้องหลี่ว์เซียงอย่างดุร้าย ชายชราผู้นี้กล้าพูดแทนเซียวหลินเทียน เขาเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมังองค์ชายคังยิ้มแล้วเอ่ย “ก็จริง... น้องสี่ทำเพื่อความรุ่งโรจน์มาสู่แคว้น นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง! หากเขียนรางว
องค์ชายคังก็สามารถคิดจนเข้าใจเหตุผลได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนฉลาดถึงเพียงนี้ มีหรือจะมิเข้าใจ!แต่ทั้งสองคนก็มิได้เผยออกมา เซียวหลินเทียนรับคำมั่นสัญญาทางทหารแล้วออกจากวังไปพร้อมกับหลิงอวี๋“คนเจ้าเล่ห์!”บนรถม้ามีเพียงเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยคำนี้ออกมาน้ำเสียงนี้ครึ่งหนึ่งจนใจ อีกครึ่งหนึ่งชื่นชมหลิงอวี๋ยิ้ม นางนึกถึงบึงน้ำมืดมิดเหล่านั้น จักรพรรดิอู่อันนึกถึงเพียงเหมืองถ่านหินที่โม่เหอ แต่กลับคิดมิถึงว่ายังมีสิ่งนี้!นางเอ่ยกับเซียวหลินเทียนอย่างมีความหมาย “อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรไปก่อนเลยเพคะ! โม่เหอนี้หากชนะมันจะเป็นโชคลาภที่มิคาดคิด ท่านยังมิเคยไปเห็นสถานที่จริงเลย บางทีที่โม่เหออาจมีเรื่องประหลาดใจรอท่านอยู่ก็เป็นได้เพคะ!”เซียวหลินเทียนคิดว่าหลิงอวี๋ปลอบใจตนก็มิใส่ใจอะไร ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ประเดี๋ยวข้าจะไปดูที่ค่ายทหารเสียหน่อย การแข่งขันครั้งนี้สำคัญมาก ข้าจะต้องเตรียมตัวให้ดี!”“เพคะ ท่านไปเถิด!”เซียวหลินเทียนส่งหลิงอวี๋กลับตำหนักอ๋องอี้แล้วไปที่ค่ายทหารหลิงอวี๋ยังคงนึกถึงเรื่องหลี่ว์กังอยู่ และส่งเถาจื่อไปส่งโอสถบำรุงหัวใจหลายข
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของมู่หรงชิ่งก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางมองมู่หรงชิ่งอย่างสงสัยนี่มันหมายความว่าอะไร?มู่หรงชิ่งรู้จักแม่ของตนจริง ๆ หรือ?มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไรกัน?แต่แล้วหลิงอวี๋ก็นึกถึงจี้หยกจากราชวงศ์มู่หรงชิ้นนั้นที่อยู่ในของที่ระลึกของหลานฮุ่ยจวน หรือว่ามู่หรงชิ่งก็รู้ถึงการมีอยู่ของจี้หยกนี้ด้วยเช่นกัน?“ได้สิ!”หลิงอวี๋พยักหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เวลานี้ยังมิสะดวกที่จะพูด จึงทำได้เพียงหาเวลาอื่นการแข่งขันเป็นไปอย่างคึกคัก กลุ่มของแต่ละแคว้นล้วนต้องการชัยชนะ ทำได้ดีกันทีเดียวกลุ่มของเซียวหลินเทียนเป็นกลุ่มสุดท้ายเวลาที่สามกลุ่มแรกข้ามแม่น้ำนั้นถูกควบคุมอยู่ภายในเวลาธูปดอกเดียว และทุกกลุ่มต่างมีคนที่ตกน้ำเมื่อคำนวณเช่นนี้แล้ว ช่องว่างของแต่ละกลุ่มมิได้ใหญ่มาก เซียวหลินเทียนแอบคำนวณอยู่ในใจว่าคะแนนรวมของฉีตะวันออกนั้นมากกว่าของเยวี่ยใต้เพียงห้าแต้ม ปัจจุบันเป็นอันดับหนึ่งการข้ามแม่น้ำนั้นขอเพียงร่วมมือกันเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรผิดพลาด ภายในเวลานั้นก็จะมิเสียคะแนนมากเกินไปขอเพียงคนของตนระวังมิให้ตกน้ำ ห้าแต้มนี้สามารถแซงหน้าฉีตะวันออกและเป็นที่หนึ่งในรายก
น้ำที่ไหลเชี่ยวพุ่งมาซัดเข้าที่ตัวของกลุ่มเซียวหลินเทียนอย่างท่วมท้น ทำเอาพวกเขาโซเซไป“ระวัง!”“ยึดไว้!”คนจำนวนมากบนฝั่งกรีดร้องออกมาแล้วก็เหงื่อออกอย่างเป็นห่วงพวกของเซียวหลินเทียนกระแสน้ำเช่นนี้หากยืนมิอยู่ ในชั่วพริบตาสามารถซัดพาสมาชิกกลุ่มของเซียวหลินเทียนตกลงไปในน้ำได้เลยแต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนกลับดูแลกันและกัน แม้ว่าจะโดนกระแสน้ำเชี่ยวซัดสาดแต่ก็ไม่มีใครตกลงไปในน้ำจักรพรรดิอู่อันเห็นสมาชิกกลุ่มของเซียวหลินเทียนจับมือกันต้านทานคลื่นไว้ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย“องค์ชายสี่มีความสามารถจริง ๆ เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก็ยังสามารถสงบได้เช่นนี้…”คำชมของจักรพรรดิอู่อันทำให้องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังรู้สึกมิเห็นด้วยนักรอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากขององค์ชายคัง ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเช่นนี้กระมัง!องค์ชายเว่ยยิ้มเยาะในใจอย่างดูถูก เสด็จพ่อชื่นชมเขามาก ประเดี๋ยวมาดูกันว่าเขาจะเสียหน้าอย่างไรเป็นดังที่คาด ยังมิทันที่จักรพรรดิอู่อันจะพูดจบ ก็เห็นกลุ่มของเซียวหลินเทียนที่ด้านล่างนั้น จู่ ๆ สมาชิกหลายคนในกลุ่มที่ยืนอยู่บนกระดานไม้ก็ก้าวพลาดตกลงไปในน้ำในมุมมองของคนบ
เซียวหลินเทียนมองกล้ามเนื้อของมู่เหลิงแล้วยิ้มอย่างมีความหมาย “หัวหน้ามู่ อยากจะประลองก็มีโอกาสมากมาย ข้าจะให้โอกาสนั้นแก่เจ้าอย่างแน่นอน!”องค์ชายอิงมองคนสองคนเอ่ยคุยกันด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเขาจะเกิดมาพร้อมกับพละกำลังที่ดุร้าย แต่ก็มิใช่คนไร้สมองเขารู้แล้วว่าเหตุใดองค์ชายหนิงถึงเอาโม่เหอเดิมพันมากับจักรพรรดิอู่อัน!แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะชนะแล้วได้รับโม่เหอไป เขาก็มิกลัว สถานที่ผีเช่นโม่เหอได้คร่าชีวิตคนของตนไปมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามิเชื่อว่าเซียวหลินเทียนสามารถอยู่รอดในโม่เหอได้สำหรับเหมืองถ่านหินเหล่านั้น องค์ชายอิงก็มิได้อิจฉาตาร้อนเช่นกัน หากเซียวหลินเทียนสามารพาคนไปขุดได้ก็ต้องขนส่งออกมาเขายังหวังว่าจะมีคนช่วยตนไปขุด เช่นนี้เขาจะได้ขวางทางแล้วแย่งชิงมันได้ราษฎรของเว่ยเหนือมิได้มากเท่าฉินตะวันตก แรงงานจึงขาดแคลน แทนที่จะทำเอง เขาชอบที่จะได้อะไรมาโดยมิต้องออกแรงมากกว่า!องค์ชายหนิงอยู่ในเพิงพักผ่อนข้าง ๆ เขามิได้ซ้ำเติมในสถานการณ์ยากลำบากของเซียวหลินเทียน เพียงแค่มองเซียวหลินเทียนอย่างครุ่นคิดเท่านั้นคนนอกดูเอาสนุก ส่วนคนในมองที่หนทางองค์ชายหนิงเองก็เป็นผู้นำทัพ
“กระดานไม้เป็นอะไรไป? เหตุใดมิตรวจสอบก่อนการแข่งขัน?”เซียวหลินเทียนกับสมาชิกกลุ่มเปลี่ยนอาภรณ์แล้วก็มาซักถามอันเจ๋อด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอันเจ๋อรับผิดชอบเรื่องกองหนุน เขาเองก็รู้สึกละอายใจเช่นกันที่เป็นเพราะกระดานไม้แผ่นเดียวที่ทำส่งผลกับการเป็นที่หนึ่งของพวกเขา เรื่องนี้พูดไปแล้วก็เป็นเรื่องน่าละอายจริง ๆ!“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ มันเป็นความผิดของกระหม่อมเอง! กระหม่อมจัดการมิดี พบปัญหาของกระดานไม้มิทันเวลา!”อันเจ๋อต้องการตบตนเองสองสามครั้ง มันเป็นเพราะกระดานไม้พังเสียหาย ถึงทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ในการแข่งขันนี้ เขาไม่มีหน้าจะโต้แย้งเลย“นี่เป็นความผิดของเจ้า เจ้ามิสามารถเลี่ยงความรับผิดชอบไปได้!”“อีกอย่าง น้ำที่ต้นน้ำไหลมาอย่างอธิบายมิได้ นี่เป็นความประมาทเลินเล่อของตัวข้าเอง ข้าจะทบทวนตัวเอง!”ความผิดที่น่าจะเป็นของตนเองเซียวหลินเทียนก็มิสามารถเลี่ยงได้ จึงเอ่ยเสียงเย็นชา“วันนี้มันเป็นความผิดของตัวข้ากับอันเจ๋อที่ทำให้ทุกคนพ่ายแพ้ ข้ากับอันเจ๋อจะจดการโบยไม้ทหารไว้สิบไม้! หลังจากจบการแข่งขันแล้วเรามาว่ากัน!”“เรื่องที่ประมาทกันในวันนี้ทุกคนต้องถือเป็นบทเรียน ในการแข่งขันอีกหลายว
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี