คุณชายกวนหวั่นฝูงชนกระหน่ำซ้ำเติมสกุลกวน ทั้งยังยั่วยุความไม่พอใจของไทเฮาเขามองขอความช่วยเหลือทางท่านอ๋องเฉิง แค่คิดรีบผ่านเรื่องนี้ไปโดยเร็ว หากการสนทนาดำเนินต่อไป เขาจะรู้สึกละอายใจอย่างยิ่งแทนกวนอิ่งสิท่านอ๋องเฉิงยังมีมิตรภาพกับท่านกวนอยู่ ครั้นเห็นสายตาเขาก็ไม่อยากให้ฝูงชนโจมตีอีก บางทีก็ควรไว้หน้าแซ่กวนสักหน่อยท่านอ๋องเฉิงกล่าวยิ้มตาหยี “ไทเฮาเป็นพยานให้พระชายาอ๋องอี้ด้วยพระองค์เอง เช่นนั้นคดีนี้ยุติลงได้พ่ะย่ะค่ะ!”“เซียวหลินเทียน เพื่อคุ้มครองป้ายระลึกที่ไทเฮาพระราชทานแก่ท่าน ได้พลั้งมือฆ่าอันธพาล ตัวข้าจิตใจซื่อสัตย์ภักดีหาสุดมิได้ต่อท่าน ขอตัดสินท่านไร้ความผิด!”“ทุกท่าน ตัวข้าตัดสินคดีเช่นนี้มินับว่าถือหางคนมีอำนาจใช่หรือไม่? ยังมีผู้ใดมิยอมรับอีกหรือไม่?”“ไทเฮาอยู่ที่นี่ หากมิยอมรับพวกเจ้าสามารถยื่นอุทธรณ์ไทเฮาได้!”ฝูงชนชำเลืองมองหน้ากัน อย่าว่าแต่ท่านอ๋องอี้ฆ่าอันธพาล ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมีเหตุจริง ๆ!คิดแค่ว่าอ๋องอี้คือหลานทางสายเลือดของไทเฮา แล้วผู้ใดยังกล้ามิยอมรับเล่า!?เสิ่นจวนหดตัวลดการปรากฏของตนสุดกำลัง หมายล่องหนหายไปจากที่นี่บัดเดี๋ยวนั้น ไฉนจะกล้าพูด
เจิงจื่ออวี้พลันรีบหลบในฝูงชนเงียบเชียบ เมื่อสายตาไทเฮาตกสู่ร่างเสิ่นจวนหลังฟังคำพูดไทเฮาจบ เจิงจื่ออวี้มีความคิดแค่ทางเดียวภายหน้าต้องห่าง ๆ กับเสิ่นจวนสักหน่อย นางยังมิได้เป็นแม่สื่อ มิอาจมีสหายอย่างเสิ่นจวนได้เพราะจะพัวพันถึงชื่อเสียงตนหลังไทเฮาเอ่ยจบก็มิได้สนใจอีกกับเสิ่นจวนที่ไร้เรี่ยวแรงดั่งโคลน หน้าหันไปทั่วลานพลางเอ่ยเสียงขรึม“ข้าพูดแนะนำอาอวี๋ก็เพื่อหมอทุกคนในเมืองหลวง!”“ข้าหวังพวกเจ้าทุ่มเทศึกษาวิชาแพทย์ เพื่อรักษาคนป่วยไข้เต็มที่! มีจิตเมตตากรุณาช่วยคนเจียนตายและรักษาผู้บาดเจ็บ!”ทุกคนที่อยู่ลานคุกเข่าลงตาม ๆ กัน หมอเหล่านั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างตื่นเต้น“น้อมรับคำสั่งสอนของไทเฮา พวกเราจะทุ่มเทศึกษาวิชาแพทย์มีจิตเมตตากรุณาช่วยคนเจียนตายและรักษาผู้บาดเจ็บแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”บัดนี้ไทเฮาเหลียงบ่ายทางหลิงอวี๋อย่างพึงพอใจ“อาอวี๋ เดิมทีข้าออกวังหมายดูเจ้ารักษาคนเช่นไร! แต่วันนี้เสียเวลาออกวังนานเกินไปแล้ว ข้าควรกลับวังได้แล้ว! ไว้คราวหน้าเถอะ!”แม่นมเว่ยก้าวไปข้างหน้าพยุงไทเฮา เอ่ยยิ้มตาหยีว่า“พระชายาอ๋องอี้ พิธีเปิดกิจการวันนี้เอิกเกริกนักเจ้าค่ะ! เมื่อครู่ไทเ
“ท่านอ๋อง ตอนนี้กระหม่อมยังรู้สึกเหมือนเพ้อฝันอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ!”ลู่หนานพูดทอดถอนใจ “พระชายาจะเป็นแม่นางหลิงหมอชั้นเซียนที่เลื่องลือในเมืองหลวงได้เช่นไร?”“วันนั้นที่พระชายาช่วยหลิงซวน กระหม่อมแค่คิดว่าวิชาแพทย์ของพระชายามหัศจรรย์มากแล้ว!”“ไฉนจะคิดว่าพระชายานางยังช่วยไทเฮาด้วย… ไยเมื่อก่อนกระหม่อมไม่สังเกตวิชาแพทย์ของพระชายานั้นปราดเปรื่องถึงเพียงนี้!”ไม่ใช่เพียงลู่หนานเท่านั้น เซียวหลินเทียนเองก็รู้สึกว่าทั้งหมดค่อนข้างไม่จริงเหมือนกัน!หลังตั้งแต่หลิงอวี๋ถูกตนหวดแส้ นางก็เปลี่ยนไปไกลมากจริง ๆ!ไกลจนเซียวหลินเทียนสงสัยว่า หลิงอวี๋คนนี้ใช่หลิงอวี๋คนนั้นที่ตนรู้จักหรือไม่!คนคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนไปไกลขนาดนี้ได้อย่างไร?เซียวหลินเทียนนึกถึงกล่องยาที่มักปรากฏลึกลับนั้นของหลิงอวี๋ ยังมีกระบอกเข็มประหลาดนั่นอีก และมีดผ่าตัดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนข้อสงสัยภายในใจยิ่งเยอะขึ้น หลิงอวี๋ศึกษาวิชาแพทย์ตั้งแต่เมื่อใดกัน?แล้วเรียนกับผู้ใด?คนที่วิชาแพทย์เด่นล้ำอย่างท่านหัวยังต้องคารวะนางเป็นอาจารย์ แล้ววิชาแพทย์ของหลิงอวี๋ลึกซึ้งเท่าใดกัน?“ท่านอ๋อง กระหม่อมคิดว่าที่พี่ใหญ่จ้าวพูดคราก่อนม
หลิงอวี๋เห็นหลิงหว่านพูดถึงขึ้นก็นึกถึงความสับสนเมื่อครู่พลางเอ่ยถาม“โรงหุยชุนกับเจ้ามีความแค้นอันใดรึ?”หลิงหว่านพูดเร็วรี่ “พอพูดถึงเรื่องนี้ข้าก็ขัดเคืองนัก!”“การเจ็บไข้นี้ของแม่ข้า ได้เชิญหมอหลายคนที่โรงหุยชุนตรวจแล้ว พวกเขาจ่ายยาให้แม่ข้า ยาก็มาจากโรงหุยชุนเช่นกัน!”“แต่ท่านแม่ข้ากินไปสิบชุดแล้วยังมิหาย! เจ้ารู้ไหมว่ายาทุกชุดที่โรงหุยชุนจ่ายเก็บเงินเราไปเท่าไร? ยี่สิบตำลึง!”“ตั้งแต่แรกจนล่าสุดเราเสียไปหลายร้อยตำลึงแล้ว ถ้ารักษาหายก็ช่างมันไปแล้ว! แต่ดันรักษาไม่หาย!”“ยิ่งโมโหคือข้าเห็นท่านแม่ข้าไม่ดีขึ้นเลยจึงเปลี่ยนหมอซะ”“ผลคือหมอคนนั้นเห็นตำรับยาที่โรงหุยชุนจ่ายให้ข้าก็บอกข้าเงียบ ๆ ว่ายานั่นราคาแค่สามตำลึงเงิน!”หลิงหว่านเอ่ยอย่างขึ้งโกรธ “ข้าโกรธจนไปหาคำอธิบายที่โรงหุยชุน! แต่พวกเขาพูดว่ายาของร้านเขาเพิ่มยาผงสูตรลับเฉพาะ เครื่องยาสมุนไพรบนตำรับยาไม่มีราคา ที่มีราคาคือยาผงเหล่านั้น!”“ยาผงนั่นต้มเป็นกากหมดแล้ว เดิมทีหมอแยกแยะมิออก! นั่นมิใช่ว่าพวกเขาพูดสิ่งใดก็จะเป็นสิ่งนั้น!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็เข้าใจ นี่คือเล่ห์เหลี่ยมหลอกคนที่หมอไร้คุณธรรมใช้ประจำเรื่องที่โรงหุ
เมื่อเดินส่งป้าสะใภ้ใหญ่ทั้งสอง หลิงอวี๋กำลังคิดพาหลิงซินไปกินข้าว เมื่อออกประตูก็เห็นเซียวหลินเทียนกับลู่หนานรอตนอยู่“พระชายา ตระกูลกวนส่งของกำนัลล้ำค่าชุดหนึ่งแก่ท่าน ของล้วนส่งไปตำหนักอ๋องอี้แล้ว นี่คือรายการของขอรับ!”ลู่หนานมอบรายการของกำนัลให้หลิงอวี๋หลิงอวี๋รับมากวาดมองพลันเบิกตากว้างตะลึงงันทันทีรายการของกำนัลยาวเฟื้อย มีอัญมณี เครื่องยาสมุนไพรล้ำค่า อาภรณ์เครื่องนุ่งห่มและอื่น ๆ สุดท้ายยังมีตั๋วเงินหนึ่งแสนตระกูลกวนมากเงินทรงอำนาจเสียจริง!รายการของกำนัลบนมือหลิงอวี๋สั่นเทาพลางมองทางเซียวหลินเทียน“ทั้งหมดนี่ที่ส่งให้หม่อมฉันมิใช่แค่เพื่อขอรักษาใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนหัวเราะเล็กน้อย เอ่ยอย่างมีความหมายลึกซึ้ง“แน่นอนว่ามิใช่ทั้งหมด! แม้ว่าวันนี้คุณหนูใหญ่กวนพูดจาพล่อย ๆ ล่วงเกินเจ้า แต่ก็ล่วงเกินไทเฮาด้วยเช่นกัน!”“ของกำนัลเหล่านี้ อาจหวังเจ้าจะพูดแก้หน้าต่อหน้าไทเฮาแทนพวกเขาสักสองสามประโยค!”หลิงอวี๋เข้าใจเหตุผลนี้โดยไม่สงสัย นางไม่ค่อยรู้จักตระกูลกวน แต่จากสิ่งที่หลิงหว่านเอ่ยไว้ก่อนหน้านี้ นางก็กังวลอยู่บ้างด้วยความมั่งคั่งพอ ๆ แคว้นศัตรู นี่มิใช่เท่ากั
หลังรอโรงเหยียนปิดร้าน หมอเลี่ยวพลันเอ่ยต่อหลิงอวี๋หน้านิ่วคิ้วขมวดทันที“แม่นางหลิง การค้าดีมากล้นก็กลุ้มใจเหมือนกันหนา!”“การค้าดียังกลุ้มอีกหรือเจ้าคะ? หมอเลี่ยว ท่านยุ่งหัวมึนไปแล้วรึ? ร้านอื่นการค้าไม่ดีถึงกลุ้มใจสิเจ้าคะ!”หลี่ชุงพูดหยอกล้อหมอเลี่ยวถูมือยิ้มขมขื่น “วันนี้คนมาประจบอาจารย์ท่านมากหลาย ยาที่เรารับซื้อจวนขายเกลี้ยงแล้ว วันพรุ่งยังต้องเปิดร้านอีกจะเอาอันใดขายเล่า?”หลิงอวี๋ได้ยินว่าหมอเลี่ยวกลุ้มใจเรื่องนี้ก็หัวเราะกล่าวว่า“เรื่องเครื่องยาท่านมิต้องพะวง ข้าหารือกับเสี่ยวหาวแล้ว วันข้างหน้าเครื่องยาสมุนไพรโรงเหยียนหลิงก็จัดให้เขารับผิดชอบ! เขาจะส่งเครื่องยามาช้ากว่ากำหนด!”“เจ้าหมอนี่ ตอนนี้คลั่งไคล้อยู่กับการค้าสมุนไพรเสียแล้ว!”“ท่ามิเห็นหรือว่าวันนี้เขาก็มิได้มายกยอข้า? ก็ออกไปรับซื้อเครื่องยาให้ข้านั้นแล!”หมอเลี่ยวฟังแล้วก็วางใจ พยักหน้ากล่าวคำ“ได้ เครื่องยาสมุนไพรไม่มีปัญหา งั้นข้าก็วางใจแล้ว! แม่นางหลิงเจ้ายุ่งมาทั้งวันรีบกลับพักผ่อนเถิด!”“อืม หมอเลี่ยว พวกท่านเก็บกวาดให้เสร็จแล้วรีบพักผ่อนหน่อยหนา!”“หลี่ชุง ที่พักเจ้ากับครอบครัวเจ้าก็จัดการให้เร
ทั้งสามคุยกันเรื่อยเปื่อยบนรถม้า ทว่าผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้วยังไม่ถึงคฤหาสน์หลี่ว์เซียงหลิงอวี๋รู้สึกนิด ๆ ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องพลันถาม “หลิงซวน คฤหาสน์หลี่ว์เซียงมิได้อยู่ในเมืองรึ?”หลิงซวนผงะครู่หนึ่งพลางเอ่ย “อยู่ในเมืองด้านประตูใหญ่บูรพาเจ้าค่ะ!”“แต่พวกเราเดินทางมาครึ่งค่อนวันแล้วหนา ไยยังไม่ถึงเล่า?”แม้หลิงอวี๋ยังไม่คุ้นเมืองหลวงทั้งหมด แต่ถ้าอยู่ประตูใหญ่บูรพาก็ควรถึงแล้ว“นี่เหมือนจะออกเมืองแล้ว!” หลิงซินออกข้างนอกน้อยมากเลยไม่แน่ใจมากนักหลิงซวนเปิดม่านรถออกมองไปข้างนอก ด้านนอกมืดสนิท ด้วยแสงจันทร์สว่างไสวจึงเห็นทุ่งนาไกลสุดลูกหูลูกตา“สารถี นี่เราจักไปที่ใดกัน?” หลิงซวนเอ่ยเรียกสารถีส่งยิ้มตอบว่า “เรียนพระชายา นายท่านของข้าพอเจ็บป่วยก็พักอยู่ในคฤหาสน์ชนบทตลอด อีกครึ่งชั่วยามก็ถึงแล้วขอรับ!”หลิงอวี๋ฟังแล้วก็ไม่ได้คิดมาก พลางคุยกับหลิงซวนต่อผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามยังไม่ถึง รู้สึกว่าทางข้างหน้าขรุขระโคลงเคลงแม้หลิงอวี๋จะดูไม่กังวล แต่ก็รู้สึกทะแม่ง ๆนางเปิดม่านรถม้า พบว่ารถม้าขึ้นเขาแล้วภายใต้แสงจันทร์สว่างไสวจึงเห็นยอดเขาเลือนลางด้านข้างทันใดนั้นหลิงอวี๋ก
วันรุ่งขึ้นตำหนักอ๋องอี้จวนยามซื่อ(1) ถึงพบว่าหลิงอวี๋หายตัวไปตอนเก้าโมงเช้าผู้มาแจ้งข่าวเซียวหลินเทียนคือแม่นมลี่ นางตื่นเช้ามาพลันพบว่าหลิงอวี๋และอีกสองคนไม่อยู่เรือนบุหงาเริ่มแรกแม่นมลี่คิดว่าทั้งสามคนตื่นแต่เช้าไปโรงเหยียนหลิงแล้วแม่นมลีมิได้ใส่ใจนัก พลางทำอาหารเช้าให้หลิงเยวี่ยและคนรับใช้อีกสองคนโดยสั่งฉีฮู๋ ฉีเต๋อพาหลิงเยวี่ยไปทาน ส่วนตัวเองไปซื้อกับข้าวแม่นมลี่เพิ่งออกประตูก็บังเอิญเจอหลี่ชุงเข้า หลี่ชุงกล่าวร้อนรน“แม่นมลี่ อาจารย์ข้าอยู่หรือไม่? คนไข้หลายคนที่ลงทะเบียนนางไว้เมื่อเช้านี้กำลังรอนางตรวจอยู่เจ้าค่ะ!”“จนตอนนี้นางยังไม่ไปโรงเหยียนหลิงเลย หมอเลี่ยวให้ข้ามาถามดูว่าอาจารย์ข้าวันนี้มีธุระไม่อาจไปนั่งตรวจได้แล้วหรือไม่?”“คุณหนูข้ามิใช่ไปตั้งนานแล้วรึ?” แม่นมลี่เอ่ยประหลาดใจ“มิได้ไปเจ้าค่ะ!”หลี่ชุงพูดแปลกใจ “ตระกูลหลี่ว์ก็ส่งคนมาถามแล้วด้วยว่าอาจารย์รับปากกับพวกเขาจะไปตรวจฮูหยินใหญ่หลี่ว์เมื่อคืน ไยมิได้ไป!”“พ่อบ้านหลี่ว์ยังอารมณ์เสียนิดหน่อยด้วย กล่าวว่าอาจารย์ข้าเลื่องชื่อแล้วจะไม่เห็นตระกูลหลี่ว์ในสายตารึ! พูดจาเชื่อถือมิได้!”แม่นมลี่เหงื่อเย็นตก
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี