“มะ มัมมี้!” เสียงเล็ก ๆ ที่แสนสดใสดังขึ้น ตามด้วยอีกเสียงที่ฟังเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านพ้นการร้องไห้อย่างหนักมา
“น้อง หิว... หิว!”
หญิงสาวลืมตาช้า ๆ การหายใจของเธอยังไม่เป็นปกติ และรู้สึกว่าตัวชื้นเหนียวเหนอะไปด้วยเหงื่อ แล้วก็เป็นตอนนั้นเองที่มือเล็ก ๆ ที่พอจะอุ่นอยู่สักหน่อยลูบแก้มเธอเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจหญิงสาวอ่อนยวบ
“มะ มามี้ มะ ไม่ ตะ ตาย!”
เธอฉงนแต่ก็พยายามตั้งสติ การที่ต้องอยู่ในรถคันนั้นและไม่มีอากาศหายใจทำให้เธอกลัวจัด และเธอเชื่อว่าตนเองตายไปแล้ว ทว่าระหว่างที่เธอกำลังอยู่ในช่วงของความเป็นและความตาย เธอกลับได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ จวบจนลืมตาได้อีกครั้ง จึงเห็นพวกเขาทั้งสองคน
“หนู...” เสียงของเธอแหบจัดและอ่อนแรง
“มามี้... น้องไม่ร้อง แต่เฮียผิง งอแงจะกินขนมตลอด”
คนที่เอ่ยกับเธอเป็นเด็กผู้ชายที่คุยเก่ง อายุคงราว ๆ สี่ถึงห้าขวบ
ส่วนอีกคนจ้ำม่ำกว่า แก้มย้อยน่ารัก กำลังทำหน้าบึ้ง เขาสื่อสารติด ๆ ขัด ๆ อยู่สักหน่อย เพราะทำท่าเหมือนกับพยายามจะพูด แต่อ้าปากแล้วหุบอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะมีเสียงดังให้ได้ยิน
“ผะ ผิงเกอ”
ผิงเกอเรียกชื่อตัวเองก่อนจะทุบที่อกของเขาเสียงดังปั้ก ๆ ดวงตาคู่นั้นแดงระเรื่อ ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก
คนที่ฟื้นจากความตายเลยรีบเข้าไปสวมกอด และปลอบขวัญ
“ผิงเกอ หนูหิวใช่ไหม”
“ผิง หะ หิว และ กะ กลัวมัม มะ มี้ ทะ ทิ้งผิง... ไป!” เขาบอกพร้อมกอดหญิงสาวไว้แน่น ราวกับกลัวว่าเธอจะจากเขาไป
“มามี้ไม่ตาย” ผิงกั่วเอ่ยได้เท่านั้นแล้วก็ร้องไห้โฮ พลอยให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันที่ตอนแรกยังยิ้มแย้มอยู่ สะอื้นไปด้วย
“มัมมี้ เจียวเกอ ก็หิว!” คราวนี้ฝาแฝดคนน้องร้องเอาอย่างผิงกั่ว
คนที่เพิ่งฟื้นจากความตายต้องรีบปรับตัวโดยด่วน สิ่งที่เธอรู้ตอนนี้คือ ตัวเองกลายเป็นคุณแม่ลูกฝาแฝด พอเด็ก ๆ มีความอยากอาหาร เธอก็พลอยแสบท้องไปด้วย ก่อนที่มันจะดังโครกครากน่าขายหน้าจนผิงกั่วที่กอดเธออยู่ทำหน้าประหลาดใจ เธอเลยต้องหาเรื่องกลบเกลื่อน
“คนนี้ผิงเกอ...” เธอลูบศีรษะเด็กชายที่กอดเธอเอาไว้แน่นมาก และยังคงสะอื้นไม่หยุด
“คนนี้เจียวเกอ” ฝาแฝดคนน้องตอบเธอ ก่อนจะยิ้มกว้าง รอยยิ้มนี้ช่างสดใส ทำเอาหญิงสาวน้ำตาคลอหน่วยอย่างไม่รู้ตัว
ความซื่อ และบริสุทธิ์ปลอบโยนหัวใจของวิญญาณที่มาสิงร่างผู้อื่น
“มัมมี้ ร้องไห้” เซียงเจียวไม่อยากเห็นภาพแบบนี้ เขายื่นมือเล็กป้อมพยายามเช็ดน้ำตาให้คนเป็นแม่
“ฮึบ ๆ ๆ ไม่ร้อง มัมมี้ น้องจะดูแลมัมมี้และเฮียผิง เจียวเกอเก่ง” เซียงเจียวเอ่ยแล้วก็ลุกขึ้น เป็นยามนั้นที่หญิงสาวเห็นว่า เขาไม่ได้สวมเสื้อ แต่กลับห่อตัวเองด้วยผ้ากันเปื้อนของผู้ใหญ่ มืออีกข้างถือตะหลิวไม้เอาไว้ ท่าทางเช่นนี้ดูแล้วพาให้เธอปลื้มใจ เมื่อเห็นว่าเขาทั้งเป็นเด็กดี ทั้งแจ่มใส เขาเป็นลูกชายของเจ้าของร่างที่เธอมาอาศัย ช่วงเวลานี้คงจะเป็นในอดีต เนื่องจากเมื่อกวาดตาดูรอบห้องนอนแล้วทำให้รู้ว่า คงแตกต่างจากปัจจุบันหลายสิบปี นอกจากนั้นบ้านหลังนี้คงไม่ใช่คนร่ำรวยสักเท่าไร
“เจียวเกอจะทำข้าวผัดไข่ให้ทุกคนกิน!” เด็กน้อยเสนอและกำลังจะเดินไปยังห้องครัว แต่จู่ ๆ กลับหยุดเสียอย่างนั้น ก่อนหันมาบอกแม่ว่า
“แหะ ๆ น้องลืม เราไม่มีข้าวสวย!”
ได้ยินอย่างนั้นเธอก็อยากจะหัวเราะ เพราะทั้งชีวิตของหญิงสาวไม่เคยขาดแคลนสิ่งใด เธอหาเงินร้อยล้านเหรียญได้ในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการที่จะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ!
หญิงสาวตัดสินใจลุกจากฟูก ตั้งสติอยู่เพียงเล็กน้อย เธอก็เตรียมเดินเข้าครัว โดยมีร่างเล็ก ๆ แสนน่ารักของเซียงเจียวนำทาง เป็นตอนนั้นที่ประตูด้านหลังบ้านมีเสียงกุกกัก ก่อนที่ร่างของเด็กสาวจะก้าวเข้ามา
“คุณผู้หญิง...” เยว่จือเอ่ย ก่อนที่จะทำถุงยาและถุงมันฝรั่งในมือหล่นลงไปบนพื้น เด็กสาวนึกว่าตนเห็นผีกลางวันแสก ๆ ก่อนหน้านี้คุณผู้หญิงของเธอได้สลบไป ซ้ำร้ายยังนอนตัวสั่น ร้องครางด้วยพิษไข้ เธอจึงตัดสินใจออกไปขอร้องเถ้าแก่โจว อยากให้เขาตามรถพยาบาลให้ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ทำได้แค่มอบยามาจำนวนหนึ่ง กระนั้นเยว่จือก็ต้องเสียเวลากลางทางเนื่องจากถูกแก๊งมังกรซิ่งข่มขู่และขวางทางไว้
“คุณผู้หญิงหรือ...” หญิงสาวทวนคำอีกฝ่าย เธอไม่ชอบคำนี้ ปกติคนอื่นจะเรียกเธอว่า ‘ตั่วเจ้’ หรือ ‘มาดาม’ ไม่ก็เชฟเจ้าหญิงผู้กอบกู้วงการอาหารริมทาง การเป็นคุณผู้หญิงช่างห่างไกลจากตัวตนเธอเหลือเกิน
“ใช่แล้ว เอ... หรือว่าพิษไข้ทำให้คุณผู้หญิงสติเลอะเลือน”
เยว่จือเอ่ยเช่นนั้น เพราะสองสามคืนที่ผ่านมาคุณผู้หญิงของเธอฝันร้าย และในบางคืนก็ถึงกับกรีดร้องว่าเธอกำลังจะจมน้ำตาย!
****************
เมื่อถูกเยว่จือเรียกเช่นนั้น เธอก็เหมือนจะระลึกหลายสิ่งได้ แน่นอนยามนี้เธอไม่ใช่ ลิซ่า จาง หากอยู่ในร่าง ม่านอวี้อัน คุณแม่ลูกแฝด ซึ่งถ้าโชคดีหน่อย สามีเธออาจแค่หายสาบสูญไปในเหตุการณ์ระทึกขวัญระดับชาติเมื่อหลายปีก่อน แต่ถ้านึกถึงขั้นร้ายแรงที่สุดแล้วละก็ เขาคงจะตายไปแล้ว และเป็นซากศพไหม้เกรียมที่ระบุตัวตนไม่ได้ อย่างไรก็ตามมันช่างน่าสมเพชเหลือเกินที่ในความจริงเธอกับ แจ็คสัน หยวน นับว่าเป็นคนแปลกหน้ากัน อีกฝ่ายคือสามีคืนเดียวของเธอ และน้ำเชื้อของเขาคงดีมาก เพราะหลังจากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในคืนเข้าหอ เธอก็ตั้งครรภ์ในเวลาต่อมา
ในอดีต ม่านอวี้อันถูกป้ากับลุงใจร้ายบีบบังคับให้แต่งงานแทนแม็กกี้ หรือ ม่านลี่ถี ลูกพี่ลูกน้องที่ป่วยอย่างกะทันหัน ซึ่งอาการป่วยที่ว่าคือการที่ฝ่ายนั้นรักสนุกไปใช้ยาเสพติดจนมีอาการประสาทหลอน จึงถูกส่งเข้าบำบัดในโรงพยาบาลก่อนที่เธอจะหลบหนีไป และทั้งหมดเป็นเพราะเธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมีอิทธิพลทั้งที่ตัวเองกำลังคบหาอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งอย่างลึกซึ้ง แต่เขาเป็นพวกขี้ขลาด ไม่กล้าเปิดเผยฐานะอันแท้จริงของตนให้ม่านลี่ถีรู้ ดังนั้นม่านลี่ถีจึงแอบคบหาผู้ชายคนอื่นเพื่อให้ตนมีความสุขโดยไม่ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ อย่างที่ผู้ชายคนนั้นปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นนางบำเรอ
เวลาต่อมาม่านหงกับถานเซียะจึงส่งม่านอวี้อันเข้าหอกับผู้ชายตระกูลหยวนแทนม่านลี่ถี และการเข้าหอกับชายหนุ่มอย่างไม่จำยอมในครั้งนั้นก็ส่งผลให้ม่านอวี้อันช้ำใจหนักจนเธอเกือบคิดสั้นฆ่าตัวตาย แต่สุดท้ายลุงกับป้าทั้งปลอบและขู่ พร้อมสัญญาว่าเมื่อเธอได้เป็นภรรยาแจ็คสันแล้ว เขาย่อมดูแลเธอตามสมควร
ทว่าสิ่งที่ทั้งสองคนบอกเธอมันเป็นเรื่องโกหก อีกทั้งแจ็คสันยังไม่ได้สนใจเลยว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร สำหรับเขาการแต่งงานครั้งนั้นก็เหมือนกับว่าเธอเป็นแค่สมบัติชิ้นเล็ก ๆ ที่มีเลือดเนื้อซึ่งถูกส่งมาขัดดอก เพื่อที่ลุงกับป้าของหญิงสาวจะได้ไม่ต้องถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด ฝ่ายเขาก็แค่ทำตามหน้าที่เจ้าบ่าวไปเท่านั้น ทว่าเรื่องราวดังกล่าวกลับสร้างบาดแผลในใจแก่ม่านอวี้อันจนเธอไม่อาจลืม
เมื่อหญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้น รู้สึกตัวอีกทีกลับเห็นใบหน้าคนที่เธอมักคุ้น และยามนี้ มันไม่ใช่โลกในยุค 80s! “พี่ลิซ่า หนูบอกแล้วยังไงคะ เหนื่อยก็ให้คุณอีธาน พากลับไปคอนโดฯ ก่อนดีไหม ทางนี้หนูกับเด็ก ๆ จะจัดการให้เอง” คนที่เพิ่งลืมตา ยกมือทาบหน้าอก เธอกลับมายังโลกปัจจุบัน และอยู่ในร่างลิซ่า จาง! “อย่าบอกนะคะว่าฝันร้าย เดี๋ยวหนูให้คุณอีธานมาปลอบพี่ดีกว่า” มิเชล ลูกพี่ลูกน้องเธอบอกแล้วยิ้มให้ ก่อนหันไปด้านหลังเพื่อบอกพนักงานให้เรียกหาอีธาน ผู้ชายที่เป็นคนรักของลิซ่า หญิงสาวพยายามตั้งสติ ก่อนรับรู้ได้ว่า เธอย้อนเวลากลับคืนสู่โลกปัจจุบัน เป็นเหตุการณ์ก่อนที่อีธานจะขับรถพาเธอเข้าไปในอุโมงค์ที่มีน้ำขังแห่งนั้น! อีธานเดินเข้ามาหาหญิงสาว และหอมแก้มไปหนึ่งฟอดใหญ่ “เวลาไม่กี่ชั่วโมง ที่รักขายของได้ยอดเยี่ยมมาก ร้อยล้านเหรียญเชียวนะ และออเดอร์ยังเข้ามาต่อเนื่องอย่างถล่มทลาย ในอนาคตธุรกิจอาหารของประเทศนี้ต้องอยู่ในมือคุณแน่” ลิซ่ามองอีธาน เธอควรดีใจกับการประสบความสำเร็จครั้งนี้ แต่หัวใจกับโหวงเหวง ยิ่งมองใบหน้าชายหนุ่มที่แสนสมบูรณ์แบบ เธอกลับไม่ไ
ม่านอวี้อันลุกขึ้นอาบน้ำในตอนเช้ามืด ตลอดคืนเธอครั่นเนื้อครั่นตัวและหนาวสะท้านแปลก ๆ ฝ่ายแจ็คสัน เขานอนกับสองฝาแฝด อีกไม่นานคงตื่นขึ้นมาช่วยงานเธอ ก่อนที่จะออกไปวิ่งเพื่อวอร์มร่างกาย ยามนี้เธอรู้แล้วว่าเขามีค่ายมวยปล้ำ เป็นธุรกิจที่สานต่อจากพี่ชายผู้ล่วงลับ โดยมีเพื่อนสนิทที่คบหากันมาหลายปีช่วยดูแลให้ก่อนหน้านี้ “อาหมวยหน้าซีดมากเลยรู้ไหม” เขาบอก ก่อนจะก้าวมาวางหลังมือที่หน้าผากหญิงสาว “ตัวอุ่น ๆ ด้วย วันนี้ให้ฉันขายของแทนดีไหม หรือไม่ก็ปิดร้านเลย ส่วนคนงานก็จ่ายค่าจ้างรายวันตามปกติ” “ฉันไม่เป็นอะไร แค่คิดมากเรื่องคุณโรส คุณรู้ไหม เธอขายน้ำมันกัญชาด้วย ของพวกนี้มีคุณมากก็มีโทษเช่นกัน” “อาหมวย สามีโรสเป็นเถ้าแก่ร้านขายยา เขาย่อมรู้ว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี เธออย่าห่วงคนอื่นให้มากเลย ดูตัวเองก่อนเถิด คิดแทนเขาจนไม่สบาย” ม่านอวี้อันยิ้มให้แจ็คสัน เขากำลังดุเธอ นี่หากเป็นโลกปัจจุบัน ใครหน้าไหนก็ห้ามพูดเช่นนี้ ความคิดเธออย่างไรย่อมถูกต้องที่สุด “อีกอย่างน้ำหมักของโรส ฉันคิดว่ามันต้องมีบางสิ่งที่ปนเปื้อน หรือไม่ก็อาจส่งผลอันตรายในระยะยาว”
ความอดทนมีขีดจำกัด แจ็คสันรู้สึกว่าอุณหภูมิในห้องนอนม่านอวี้อันสูงกว่าปกติ ร่างกายเขาร้อนรุ่ม ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทว่าพอก้าวเข้ามาในห้องนอนหญิงสาว คนตัวโตก็รู้สึกเหมือนว่าธาตุไฟกำลังจะแตก! ซึ่งในยามนี้ ดวงตาของม่านอวี้อันที่มองมายังเรือนกายเขาไม่อาจปิดบังความในใจของเธอไว้ได้ ให้ตายเถอะ หญิงสาวเย้ายวนได้ถึงเพียงนี้ มีเสน่ห์ในแบบที่เขาไม่อาจหักห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป ชายหนุ่มอมยิ้ม หัวใจเขาเต้นระรัวแรง ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาอยากสยบอยู่แทบเท้าเธอ ความรู้สึกเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “ดึกแล้วนะคะ” เธอว่า และไม่รู้ว่าจะเอามือวางไว้ที่ใด ตอนนี้ว้าวุ่นไปหมด ส่วนคนตัวโตอยู่ในชุดเสื้อผ้าสบาย ๆ เป็นกางเกงนอนผ้าแพรเนื้อบาง ข้างบนสวมเสื้อกล้าม เมื่อได้เห็นเรือนกายกำยำ เปี่ยมด้วยกล้ามแน่น ๆ ม่านอวี้อันก็กระหายน้ำ ลำคอเธอแห้งผาก พื้นที่แห่งความหวานล้ำของผู้หญิงเกิดความรู้สึกเร้นลับที่ไม่อาจเปิดเผยต่อเขา “อืม บอกตรง ๆ ให้เข้าใจ ฉันไม่ได้มาส่งอาหมวยเข้านอนหรอกนะ” เสียงทุ้ม ๆ ของเขาทำให้ดวงหน้าหญิงสาวร้อนผ่าว ดวงตาคมคู่นั
เวลาผ่านไปจนสามทุ่มครึ่ง เยว่จือซึ่งตอนแรกเกือบหิ้วท้องรอสองแฝดอย่างเช่นม่านอวี้อัน แต่ถูกคำสั่งด้วยเสียงเฉียบขาดในแบบที่เด็กสาวต้องรีบกินอย่างไม่กลัวติดคอ “ทำความสะอาดเรียบร้อยก็รีบไปพักผ่อนเสีย และถ้าฉันไม่เรียก ไม่ต้องออกมารู้ไหม” “มาดาม แล้วจะไม่กินอะไรสักคำก่อนหรือคะ” เยว่จือยังทำใจดีสู้เสือ ทว่าพอม่านอวี้อันหันหน้ามา ดวงตาเธอก็จ้องเขม็ง เด็กสาวเลยทำคอหด ก่อนยอบตัวแล้วหายไปทำหน้าที่ของตน กระทั่งสี่ทุ่มตรง เสียงหัวเราะของผิงกั่วฉุดให้ม่านอวี้อันลุกจากเก้าอี้ไปยืนรอลูกชายกับแจ็คสันตรงหน้าประตู ในตอนนั้นเธอควรจะร่าเริงไปด้วย เพราะผิงกั่วดูสนุก ฝ่ายแจ็คสันก็ร้องเพลงไปกับเขา ส่วนเซียงเจียวไม่ต้องพูดถึง เขาส่ายสะโพกด้วยท่าทางแปลก ๆ มันทะลึ่งอยู่สักหน่อย ทว่าเขาอยู่ในวัยแค่นี้ เธอจึงไม่ดุหรือปรามให้หยุดเต้น “ลุงผี! รู้ไหมคะ ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว” ม่านอวี้อันถามเสียงเข้มอยู่สักหน่อย แม้ไม่ได้เจือความโมโห แต่ใบหน้าเธอยามนั้นชวนให้สองแฝดและแจ็คสันต้องปิดปากเงียบกันเลยทีเดียว “กี่ทุ่มแล้วคะ คุณลุงผี!” เธอถามย้ำเสียงเย็น
แบบนี้มันต้องถูกทำโทษ ม่านอวี้อันสั่งให้เยว่จือจัดโต๊ะอาหาร แต่เธอกลับไม่ยอมกินมื้อค่ำสักที ด้วยแจ็คสันและสองฝาแฝดยังไม่กลับถึงบ้าน ลี่ฮุ่ยเห็นว่าหญิงสาวเครียดอยู่สักหน่อย อันที่จริงทุกคนได้เรียนทำอาหารอย่างสนุกสนาน ระหว่างเรียนก็ชิมกันไปไม่น้อย ดังนั้นเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หล่อนเลยต้องเปลี่ยนแผนใหม่ “เอ่อ ๆ ตอนทุ่มครึ่งมีรายการแข่งมวยของไทสันใช่ไหม” ไทสันเป็นนักมวยเหรียญทองคนดังที่ขึ้นชกเพื่อการกุศลหาเงินช่วยผู้ด้อยโอกาสและเด็กพิเศษ โรสที่กำลังมองข้าวเหนียวมะม่วงและข้าวเหนียวขนุนอยู่ไม่ทันตอบ เธอกลืนน้ำลายไปหลายอึก ด้วยอยากชิมอีกสักหน่อย แต่เยว่จือกำลังเร่งจัดอาหารคาวและหวานลงกล่องให้ทุกคน “น้องโรส เถ้าแก่โจวคงอยากกินไก่ผัดเม็ดมะม่วงและต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนร้อน ๆ แล้วมั้ง ยังไงแบ่งใส่ถุงเรียบร้อย เราก็แยกย้ายดีไหม จะได้ไปเชียร์ไทสันต่อยมวยที่บ้านใครบ้านมัน” ลี่ฮุ่ยกล่าวพร้อมสะกิดโรสแรง ๆ จนเธอหันมาทำตาขวาง ๆ ใส่ พอเห็นว่าลี่ฮุ่ยขยิบตาส่งสัญญาณบางอย่าง โรสจึงนึกบางสิ่งออก “เยว่จือ อย่าลืมตักน้ำต้มแซ่บให้ฉันเพิ่มอีกสักหน่อย และ
“แล้วพวกอากับลุงไม่ใช่ยอดมนุษย์เหรอ” คนที่สูงที่สุด มีผมสีทองว่าแล้วอวดกล้ามโต ทำให้เซียงเจียวตาโต เด็กชายกลัวกล้ามเขาจะแตกโพละเหมือนลูกแตงโม “มะ ไม่ใช่ มีคนเก่ง กะ กว่า” ผิงกั่วยืดอกตั้ง แน่นอนสำหรับเขา แต่ก่อนอาจไม่ชอบหน้าลุงผี เพราะแม่บอกว่าอีกฝ่ายเป็นแมวตัวโต ทั้งขี้เกียจ และยังชอบแอบย่องเข้าบ้าน ทว่าพักหลังเขากลับติดลุงผีแจ ที่สำคัญลุงผีสอนเขาหลายอย่าง แถมมีของกินดี ๆ ให้กินตลอด “เฮียผิง พวกเขาเนี่ยเก่งสุดแล้ว ไม่มีใครเก่งกว่านี้หรอก” ผิงกั่วส่ายหน้าเร็วแรง ก่อนเอ่ยว่า “แต่ปะป๊าเป็นยอดมนุษย์!” ไม่รู้คำดังกล่าวหลุดออกมาจากปากผิงกั่วได้อย่างไร แต่เขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ “โอ้ จริงด้วย คุณพ่อของพวกหนูต้องแข็งแรงและเก่งที่สุดแน่นอน” คนสวมหน้ากากตุลาการว่าแล้วก็ยิ้มให้ผิงกั่วกับเจียงเซียว หลังจากนั้นแจ็คสันจึงก้าวเข้ามารับเด็ก ๆ หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อย “เอ๊ะ... คนนี้เหรอ ปะป๊าของพวกหนู” คนในกลุ่มเอ่ยถาม เซียงเจียวส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ผิงกั่วกลับยิ้มกว้าง และบอกว่า “ใช่... คนนี้เป็นยอดมนุษย์!” แจ็คสัน