Share

บทที่ 2

Author: กระจ่างแจ้ง
ซ่งถังหนิงคาดไม่ถึงเลยว่าเซียวเยี่ยนจะเปลี่ยนท่าทีได้เร็วขนาดนี้ เมื่อครู่ยังยิ้มแย้มพูดคุยอยู่ดี ๆ ชั่วพริบตาต่อมากลับจะเอาชีวิตนางเสียแล้ว

เมื่อถูกกระชากแขนดึงขึ้นมา นางก็ตระหนักได้ว่าหายนะมาเยือนแล้ว ซ่งถังหนิงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะสงบสติอารมณ์ลง

นางยังตายไม่ได้ นางยังไม่ได้ทำให้สกุลซ่งได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ ยังไม่ได้ถามให้แน่ชัดว่าเหตุใดพวกเขาถึงทำกับนางเช่นนั้น

นางเกาะขอบรถม้าไว้แน่น ร่างกายเจ็บปวดราวกับจะฉีกขาด

“หัวหน้าเซียว ข้าไม่ได้โกหกท่าน ข้าเพิ่งจะจำท่านได้เมื่อครู่นี้เองจริง ๆ ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นท่านในวังหลวงเพียงครั้งเดียว ไม่ได้คุ้นเคยกับท่าน จึงจำท่านไม่ได้ในทันที”

“ข้าไม่ใช่คนเลว ข้าหลงทางจริง ๆ วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของมารดาข้า คนที่วัดหลิงอวิ๋นทุกคนเคยเห็นข้า...”

เด็กสาวถูกลากออกไป พยายามเกาะพื้นดินเพื่อร้องขอชีวิต

ตอนแรกนางยังสามารถแก้ต่างได้อย่างใจเย็น ตะโกนบอกให้เขาไปตรวจสอบยืนยัน แต่ต่อมาเมื่อเห็นว่าเขาเป็นคนเลือดเย็น ก็ค่อย ๆ สิ้นหวังและร้องไห้โฮออกมา

ละอองฝนบดบังสายตา สายฝนที่สาดกระหน่ำทำให้โคลนกระเด็นไปทั่ว

เซียวเยี่ยนเงยหน้าขึ้นมองอย่างเฉยเมย สีหน้าดูเย็นชาและเกียจคร้าน

เสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีดำปกปิดคางที่ขาวซีด ดวงตานั้นฉายแววเย็นชาเศร้าสร้อยดุจน้ำค้างแข็ง

จนกระทั่งชางลั่งลากนางไปถึงริมหน้าผา กำลังจะเหวี่ยงนางทิ้งลงไป เสื้อคลุมขนสัตว์ที่เปรอะเปื้อนโคลนของเด็กสาวก็หลุดออก เผยให้เห็นเชือกสีแดงเส้นหนึ่งที่ห้อยลงมาจากคอของนาง

“เดี๋ยวก่อน”

ซ่งถังหนิงเกาะกิ่งไม้ที่หักอยู่ข้างมือไว้แน่น ร้องไห้จนพูดไม่ออก

เซียวเยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย กางร่มเดินไปที่ริมหน้าผา ย่อตัวลงไปหยิบเชือกสีแดงที่คอของนางแล้วกระตุกอย่างแรง เชือกพร้อมกับหยกหักครึ่งท่อนที่ห้อยอยู่นั้นก็ตกอยู่ในมือของเขา

หยกนั้นมีสีเทาอมเขียว ไม่โปร่งแสงเหมือนหยกชั้นดี รูปทรงของมันแปลกประหลาดคล้ายกับหางงูที่ถูกตัดขาด

บนตัวหยกมีร่องเส้นแกะสลักแบบเส้นลึกที่มีความหนาบางไม่เท่ากัน บางครั้งยังมีลายงูขดที่นูนขึ้นมาปะปนอยู่ด้วย

“หยกนี้ได้มาจากที่ใด?”

เซียวเยี่ยนทอดสายตาลงต่ำ หางตาคมกริบจนแทบจะทิ่มแทงคนได้

ถังหนิงมองด้วยดวงตาที่พร่ามัวไปด้วยน้ำตา “ข้า... ข้าสวมมันมาตั้งแต่เด็ก...”

เซียวเยี่ยนหรี่ตาลง “ตั้งแต่เด็ก?”

ถังหนิงร้องไห้จนจมูกและตาแดงก่ำ หลังจากได้เห็นความโหดเหี้ยมของชายผู้นี้แล้วก็ไม่กล้าโกหก

“ตอนข้ายังเด็ก หยกชิ้นนี้ก็แขวนอยู่ที่คอข้าแล้ว ท่านแม่บอกว่าท่านน้าคนหนึ่งที่ดีกับข้ามากเป็นคนมอบให้ ท่านบอกว่านี่คือของดูต่างหน้าที่ล้ำค่าที่สุดของนาง ให้ข้าสวมติดตัวไว้ และยังกำชับข้าว่าห้ามมอบให้ใครเป็นอันขาด”

กิ่งไม้หักในมือสั่นไหวท่ามกลางสายฝน นางร้องไห้จนไม่เป็นผู้เป็นคน

“ข้า... ข้าไม่ได้โกหกท่าน ข้าไม่ได้โกหกท่านจริง ๆ ท่านเชื่อข้าเถอะ... ข้า...”

อ๊า!!

กิ่งไม้หักทานน้ำหนักไม่ไหว มันหักและร่วงลงเบื้องล่าง ซ่งถังหนิงกรีดร้องสุดเสียงขณะที่ทั้งร่างร่วงหล่นลงไป

ขณะที่นางคิดว่าตัวเองจะต้องตายแน่แล้ว กลับมีมือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าแขนของนางแล้วดึงขึ้นมา

ร่างของนางตกลงไปในอ้อมกอดที่เย็นเยียบ มีคนบีบคางของนางไว้

เซียวเยี่ยนพินิจมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยดินโคลนและคราบเลือดในมืออย่างละเอียด ในสมองของเขากลับปรากฏภาพเด็กน้อยที่อ้วนกลมเหมือนขนมบัวลอย น่ารักและอ่อนนุ่ม คอยเดินตามหลังเขาไปทุกหนทุกแห่งเมื่อนานมาแล้ว

“เหตุใด ถึงกลายเป็นอัปลักษณ์เช่นนี้?”

ซ่งถังหนิงถูกบีบคางจนเจ็บไปหมด ทั้งตัวเต็มไปด้วยโคลนและกลิ่นคาวเลือด ทำให้นางหายใจไม่ออก

คนตรงหน้ามีเส้นผมดำขลับดุจเมฆา แม้แต่ขอบเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกก็ยังไม่เปียกฝน แต่นางกลับดูน่าสมเพชราวกับลูกไก่ตกน้ำที่ยังไม่ทันลอกขน ก็ถูกคนจับกดลงไปกลิ้งอยู่ในน้ำหลายครั้ง

ความหวาดกลัวจากการรอดตายอย่างหวุดหวิด ความกังวลใจที่ยังไม่ทันได้ดีใจกับการได้เกิดใหม่ รวมถึงความไม่ยอมจำนนและความหวาดกลัวจากการถูกรัดคอจนตายในชาติที่แล้ว ทั้งหมดนี้ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป เพียงเพราะคำพูดที่เต็มไปด้วยความรังเกียจของเซียวเยี่ยนว่า “อัปลักษณ์”

ตายก็ตายสิ แต่เหตุใดต้องมาว่านางอัปลักษณ์ด้วย?!

ดวงตาของนางแดงก่ำขึ้นมาทันที นางผลักเซียวเยี่ยนออกไป

“ข้าอัปลักษณ์แล้วอย่างไร ข้าอัปลักษณ์แล้วไปขอกินข้าวบ้านท่านหรือไร ข้าอัปลักษณ์แล้วไปขวางหูขวางตาท่านนักหรือไร?”

ถังหนิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “ข้าแค่หลงเข้ามาที่นี่ ข้าแค่เดินผิดทางเท่านั้น...”

“ท่านมีอำนาจล้นฟ้า ฆ่าคนเป็นเรื่องสนุก ท่านตัดสินความเป็นความตายของคนได้ตามใจชอบ แต่ข้าไม่เคยล่วงเกินท่านเลยแม้แต่น้อย ท่านไม่อยากช่วยข้า ก็ปล่อยให้ข้าตกหน้าผาตายไปก็ได้ เหตุใดต้องช่วยข้าขึ้นมาแล้วผลักข้าลงไปอีก เหตุใดต้องล้อเล่นกับข้าครั้งแล้วครั้งเล่า...”

“ข้าทำผิดอะไร...”

“ข้าทำผิดอะไร?!!”

ความตื่นตระหนกและความหวาดหวั่นทำให้นางหลงลืมไปชั่วขณะว่าคนตรงหน้าคือใคร หยาดน้ำตาเม็ดโตของซ่งถังหนิงไหลทะลักออกมาเป็นสาย

เดิมทีนางคือบุตรภรรยาเอกของบ้านรองสกุลซ่ง มารดาของนางคือบุตรสาวคนโตของอดีตราชครูผู้ล่วงลับหรงเชียนอัน

ราชครูหรงมีบุตรสาวสองคน บุตรคนโตแต่งให้กับซ่งซีคุณชายรองแห่งจวนซ่งกั๋วกง ส่วนคนรองแต่งให้กับเฉิงอ๋อง

สามีภรรยาซ่งซีเสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือเพียงซ่งถังหนิงซึ่งเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว แม้จะไม่มีบิดามารดาคอยปกป้อง แต่ในฐานะที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของบ้านรองสกุลซ่ง และยังมีพระชายาเฉิงผู้เป็นท่านน้าที่รักและปกป้องนางอย่างยิ่ง ประกอบกับบารมีที่ราชครูหรงทิ้งไว้ แม้แต่องค์ฮ่องเต้ยังทรงเอ็นดูเด็กที่กำพร้าตั้งแต่เยาว์วัยเช่นนาง สถานะของถังหนิงในเมืองหลวงจึงนับว่าสูงส่งอย่างยิ่ง

นางหมั้นหมายกับลู่จื๋อเหนียน หลานชายของตระกูลฝั่งมารดาของฮองเฮา ซึ่งก็คือบุตรชายคนโตของภรรยาเอกแห่งสกุลลู่มาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังมีซ่งจิ่นซิวพี่ชายคนโตของบ้านใหญ่ในจวน และเซี่ยอิ๋นลูกพี่ลูกน้องจากจวนเฉิงอ๋องคอยดูแลปกป้อง ชีวิตของนางจึงมีแต่ความสุขสบาย แต่การปรากฏตัวของซ่งซูหลานกลับทำลายทุกสิ่งทุกอย่างลง

ครึ่งปีก่อน ท่านอาสามซ่งถานออกไปทำธุระนอกเมือง และได้พาเด็กสาวที่น่าสงสารกลับมาจากอันโจว

ตอนแรกซ่งถังหนิงคิดว่าเป็นเพียงญาติของใครบางคนในจวน จึงปฏิบัติต่อนางอย่างดี แต่ใครจะคิดว่าอีกไม่กี่วันต่อมา ท่านอาสามกลับบอกว่า เด็กสาวคนนั้นคือผลพวงจากความเจ้าชู้ของซ่งซีบิดาของนางซึ่งทิ้งไว้ข้างนอกเมื่อครั้งยังหนุ่ม

ซ่งถังหนิงจะยอมรับในทันทีได้อย่างไรว่า บิดาที่รักมารดาของนางอย่างสุดซึ้งนั้นจะมีคนอื่น

แต่ท่านลุงใหญ่กลับยอมรับเรื่องนี้ ท่านอาสามก็บอกว่าเขาเคยเห็นบิดาอยู่กับหญิงผู้นั้นด้วยตาตนเอง แม้แต่ท่านย่าก็ยังถูกน้ำตาของซ่งซูหลานกล่อม จนต้องมาเกลี้ยกล่อมนางว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของบิดา เป็นพี่สาวร่วมสายเลือดของนาง

ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเกลี้ยกล่อมนางว่า แค่เลี้ยงดูนางไว้ในจวน ให้ข้าวนางกิน

พี่ชายก็บอกกับนางว่า น้องสาวของเขามีเพียงนางคนเดียว จะไม่ยอมให้ซ่งซูหลานข้ามนางไปเด็ดขาด

ซ่งถังหนิงในวัยเยาว์นั้นใสซื่อราวกับกระดาษขาว เมื่อได้ฟังคำพูดของพวกเขาจึงยอมให้นางอยู่ที่นี่ และยังช่วยซ่งซูหลานปกปิดฐานะตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง บอกกับคนภายนอกว่า มารดาของซ่งซูหลานเป็นบ่าวรับใช้ที่ดีข้างกายมารดาของนางที่บิดาเคยรับไว้แล้วทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขไว้ เพียงแต่เพราะเมื่อก่อนร่างกายอ่อนแอจึงถูกส่งไปเลี้ยงดูนอกเมืองหลวง

บุตรีอนุนอกเรือนจึงได้กลายเป็นบุตรีอนุในเรือน และนางก็ได้กลายเป็นคุณหนูรองสกุลซ่ง

เดิมทีซ่งถังหนิงคิดว่าแค่มีคนที่ไม่ชอบเพิ่มขึ้นมาในจวนอีกคนหนึ่ง แต่ใครจะคิดว่าซ่งซูหลานจะแย่งชิงความรักของพี่ชายไป แย่งชิงความสนใจของลูกพี่ลูกน้องไป และแย่งชิงคู่หมั้นที่เติบโตมาด้วยกันของนางไป

ส่วนนางกลับต้องเสียโฉม ขาพิการ ถูกกักขังอยู่ในเรือนร้างที่มืดมิดราวกับหนอนที่ดิ้นรนมีชีวิตอย่างน่าสมเพช และสุดท้ายก็ถูกคนรัดคอจนตาย

“เหตุใดพวกท่านต้องรังแกข้าด้วย เพราะอะไร?”

“ข้าทำอะไรผิดกันแน่ ถึงต้องทำกับข้าเช่นนี้...”

หัวใจที่พยายามเข้มแข็งมาตลอดของซ่งถังหนิงพังทลายลง หยาดน้ำตาเม็ดโตไหลทะลักออกมาเป็นสาย น้ำฝนที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าไม่อาจปิดบังดวงตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังได้

ทั้ง ๆ ที่นางต่างหากที่เป็นน้องสาวของซ่งจิ่นซิว

ทั้ง ๆ ที่นางต่างหากที่เติบโตมาด้วยกันกับลู่จื๋อเหนียน

ทั้ง ๆ ที่เซี่ยอิ๋นคือลูกพี่ลูกน้องที่รักใคร่นางมาตั้งแต่เด็ก

นางไม่ได้ทำอะไรเลย นางไม่เคยทำร้ายใครเลย

แต่เหตุใดพวกเขาถึงคอยปกป้องซ่งซูหลานแล้วมาตำหนินาง?

พวกเขาบอกว่านางไม่รู้ความ บอกว่านางไม่รู้จักให้อภัย บอกว่าซ่งซูหลานมีชาติกำเนิดที่น่าสงสาร ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในอดีต กล่าวโทษนางที่เกิดมาสุขสบาย แต่กลับไม่รู้จักสงสารความทุกข์ยากของซ่งซูหลานเลยแม้แต่น้อย

แต่นางไม่ได้เป็นคนทำให้ซ่งซูหลานกลายเป็นบุตรีอนุนอกเรือน สิ่งที่นางปรารถนาเหล่านั้นล้วนเป็นของนางมาตั้งแต่แรก

เป็นซ่งซูหลานที่แย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากนาง ทำลายชีวิตทั้งชีวิตของนาง

พวกเขาปกป้องนางอย่างอ่อนโยนและเอาใจใส่ แต่กลับตำหนิว่านางใจคอโหดเหี้ยม

แต่นางทำผิดอะไร?!

เสียงของเด็กสาวราวกับเสียงร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าและทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เหมือนกับตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังที่ไร้ทางหนี จากเสียงร้องไห้ตะโกนจนสุดเสียง กลายเป็นเสียงสะอื้นที่แผ่วเบาด้วยความสิ้นหวัง ค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่งกับพื้น เอื้อมมือไปกอดตัวเอง

“ข้าแค่อยากมีชีวิตอยู่ให้ดี ๆ ... ข้าแค่อยากมีชีวิตอยู่เท่านั้น...”

“เพราะเหตุใด เหตุใดพวกท่านต้องรังแกข้า...”

ความเจ็บปวดที่เสียดแทงกระดูกทำให้นางหอบหายใจ ราวกับตกอยู่ในฝันร้าย นางร้องไห้อ้อนวอน

“ท่านพี่ ข้าเจ็บเหลือเกิน...”

“ท่านแม่... ช่วยข้าด้วย...”

ลมหายใจของเซียวเยี่ยนชะงักไป ราวกับถูกใครบางคนบีบหัวใจ

เขาก้มลงหมายจะยื่นมือออกไป แต่การสัมผัสของเขากลับทำให้ซ่งถังหนิงที่สภาพจิตใจเปราะบางจนถึงขีดสุดราวกับสายป่านที่ขาดผึง เสียงร้องไห้หยุดชะงักลง ก่อนที่ทั้งร่างจะเอนล้มลงไปด้านข้าง

เซียวเยี่ยนใช้แขนยาวคว้าตัวนางเข้ามากอดไว้ เสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลน

เมื่อเห็นว่านางหลับตาแน่นและหมดสติไปแล้ว เซียวเยี่ยนก็อุ้มนางขึ้นแล้วพูดกับชางลั่งว่า

“กลับจวน!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 80

    สีเลือดบนใบหน้าของผู้ตรวจการเหอพลันจางหายไปในพริบตาเซียวเยี่ยนหัวเราะเยาะออกมา “ข้าทราบดีในอดีตเพื่อกวาดล้างราชสำนักแทนฝ่าบาท ข้าได้ทำให้ผลประโยชน์ของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นคลอน และรู้ด้วยว่ามีคนบางส่วนไม่พอใจที่ข้าได้ถืออำนาจควบคุมองครักษ์เกราะดำกำราบผู้ที่มีใจคิดกบฏให้สิ้นแทนฝ่าบาท ทว่าข้ากลับไม่คาดคิดเลยสักนิดว่า คนของฝ่ายตรวจการที่ได้ชื่อว่าซื่อตรงไม่ยอมโอนอ่อนก็เป็นพวกเหลวไหลจับแต่ลมคว้าแต่เงาเหมือนกัน”“ใต้เท้าเหอไม่มีหลักฐานแม้เพียงสักนิดก็คิดจะกล่าวหาว่าร้ายข้าแล้ว มิหนำซ้ำยังหยิบยกเหตุผลน่าขบขันที่สุดมาโจมตีข้าอีก ท่านไม่พอใจที่เมื่อก่อนข้าลงมือแทนฝ่าบาท หรือไม่พอใจที่ฝ่าบาทให้ข้ารับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าของคณะองคมนตรี ดังนั้นถึงได้ยอมละทิ้งชื่อเสียงอันบริสุทธิ์หมดจดของผู้ตรวจการเพื่อจะได้ทำลายข้า?”สีหน้าของฮ่องเต้อันพลันเย็นเยียบลงทันใดผู้ตรวจการเหอมีเหงื่อเย็นผุดพรายเป็นสาย เข่าสองข้างอ่อนยวบทรุดลงกับพื้นทันที “ฝ่าบาทโปรดวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนเที่ยงธรรม กระหม่อมหาได้มีเจตนาเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย กระหม่อมเพียงแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ตรวจการอย่างเคร่งครัดก็เท่านั้นพ่ะย่ะค

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 79

    ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงก่ำ “เจ้าเล่นลิ้นเล่นสำนวน ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งคนนั้นก็แค่ไปเยี่ยมคุณหนูของนาง…”“วิธีการเยี่ยมของท่านคือการโจมตีใบหน้าอีกฝ่ายให้เสียโฉม ตีอีกฝ่ายจนสลบ หรือว่าทุบตีอีกฝ่ายจนกระอักเลือดล้มป่วยไม่ฟื้น?”ประโยคเดียวของเซียวเยี่ยนตอกหน้าจนคนผู้นั้นสะอึกไป“อย่าว่าแต่เรือนหลังนั้นข้ายังมิได้โอนมอบให้แม่นางน้อยซ่งเลยด้วยซ้ำ การที่คนสกุลซ่งบุกเข้ามาย่อมมีความผิด หรือต่อให้ข้าจะมอบเรือนให้แม่นางน้อยซ่งแล้วก็จริง ข้าในฐานะหัวหน้าสำนักองคมนตรีฝ่ายใน เห็นคนบุกเข้าเรือนผู้อื่นทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา หนำซ้ำยังได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือมาจากในจวนแล้ว จะต้องนิ่งดูดายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอย่างนั้นหรือ?”ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงหน้าขาว ตะคอกเสียงดังออกมาด้วยโทสะ “แบบนั้นจะไปเทียบกันได้อย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็แค่สั่งสอนผู้น้อยในจวนเท่านั้น”“ที่แท้ผู้ตรวจการเหอก็สั่งสอนบุตรหลานด้วยการทุบตีหวังให้ตายคาที่อย่างนั้นเองหรือ?”“เจ้า!” ผู้ตรวจการเหอถูกตอกหน้าหงายก็ตะคอกขึ้นด้วยโทสะ “เจ้าจงใจบ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็น ต่อให้ตัดประเด็นที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกับแม่นางน้อยซ่งคนนั้

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 78

    ภายในจวนถังที่ตรอกจีอวิ๋น ถังหนิงกำลังหลับใหลอย่างสงบ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าด้านนอกมีคนกำลังโต้เถียงกันเพราะนาง ทว่าราชสำนักในห้วงความฝันของนางบัดนี้ กลับกำลังวุ่นวายโกลาหล ราวหม้อน้ำมันเดือดภายในราชสำนักการยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจระลอกที่สองดูจะรุนแรงกว่าที่พวกซ่งหงคิดเอาไว้มาก ครั้งนี้มิเพียงหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินเฉาเต๋อเจียง แม้แต่ขุนนางระดับมุขมนตรีสามสำนักทั้งสำนักราชเลขาธิการ สำนักอัครเสนาบดี และสำนักสนองราชโองการก็ทยอยกันออกมายื่นฎีกาไม่ไว้วางใจเช่นกัน ถ้อยคำรุนแรงในท้องพระโรงนั้น ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศที่สะสมมาหลายปีของซ่งหงพ่อลูกพังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืนเพื่อให้สมน้ำสมเนื้อ เรื่องที่เซียวเยี่ยนทำร้ายร่างกายสตรีบรรดาศักดิ์เก้ามิ่งในราชสำนัก แอบอ้างสิทธิ์สำนักแพทย์หลวง ใช้อำนาจองครักษ์เกราะดำบีบบังคับหอโอสถในเมืองหลวง และทำตัวกร่างข่มเหงรังแกผู้คนในเมือง ก็ถูกลู่ฉงหยวนหัวหน้าสำนักราชเลขาธิการและพรรคพวกจับเป็นความผิดไม่ปล่อยเช่นกัน“เป็นเพราะสกุลซ่งเป็นฝ่ายกระทำความผิดก่อน บุกเข้าตรอกจีอวิ๋นมาทำร้ายร่างกายผู้อื่นก่อน…”“นั่นก็มิใช่เหตุผลสมควรให้เขาทำร้ายร่างกายสตรีบรร

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 77

    พระชายาเฉิงจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้อย่างไร?เซียวเยี่ยนได้ฟังถ้อยคำของจิ้นอวิ๋นก็เอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “มีความแค้นอย่างนั้นหรือ?”“ใช่ขอรับ”เซียวเยี่ยนหัวเราะออกมาเบา ๆจิ้นอวิ๋นยืนอยู่ด้านข้างสีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าประโยคไหนของตนเองทำให้ท่านหัวหน้าขบขันขึ้นมาได้ ขณะที่เขาถือเสื้อคลุมเดินตามหลังเซียวเยี่ยนออกไปด้านนอก ก็ถามขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว “เช่นนั้นแล้วเรื่องของสกุลซ่งนี้พวกเราต้องออกมือด้วยหรือไม่ขอรับ?”“ไม่ต้อง”หากเรื่องแค่นี้กู้เฮ่อเหลียนยังสืบไม่ได้ ก็เสียแรงที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพไฉ่เสิ่งเอี้ยแล้วรถม้าเคลื่อนมาหยุดหน้าประตูจวนแล้ว ตอนที่เซียวเยี่ยนก้าวออกไปสายตาก็เหลือบไปมองเรือนข้าง ๆ ที่ยังคงมืดสนิทเหมือนเคย พอนึกถึงเมื่อวานตอนบ่ายที่แม่นางน้อยฟังเขาเล่าเรื่องราวน่าสนุกในราชสำนักให้ฟัง จนเผลอฟุบหลับไปบนโต๊ะแล้วยังส่งเสียงออกมาเบา ๆ เหมือนแมวน้อยแบบนั้น แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมา“อีกเดี๋ยวจงให้คนไปที่ตลาดเลือกคนที่ชาติกำเนิดสะอาดไร้มลทินส่งไปที่จวนถัง แล้วหาสตรีที่เรียบร้อยเชื่อฟังในเรือนของขุนนางต้องโทษมาสักสองสามคน ส่งไปปรนนิ

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 76

    เจี่ยงหมอมอตื่นตระหนกตกใจ “พระชายาเพคะโปรดระงับอารมณ์อย่าคิดมากวิตกกังวลไปก่อนเลยเพคะ ท่านอ๋องอาจเพราะเกิดความเกรงกลัวในใจ ไม่แน่ว่าท่านอ๋องอาจจะกลัวว่าหากคุณหนูขัดแย้งกับสกุลซ่งมากเกินไปจะทำให้ชื่อเสียงของนางเสื่อมเสีย กลัวว่าหากสกุลซ่งก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแล้วคุณหนูจะถูกคนสกุลลู่รังเกียจ”“ไหนจะมีไท่เฟยผู้เฒ่าด้วยอีกคนเพคะ ไท่เฟยผู้เฒ่าเองก็ทรงขุ่นเคืองมาตลอดที่พระชายารักและสงสารคุณหนูมากเกินไป ท่านอ๋องเองก็อาจเป็นเพราะกังวลว่าพระชายาจะทำให้ไท่เฟยผู้เฒ่าไม่พอใจ กลัวว่าหากเกิดเรื่องอะไรกับสกุลซ่งขึ้นมาจริง ๆ อาจพัวพันมาถึงท่านและคุณหนูได้…”นางพยายามหาข้ออ้างอย่างสุดชีวิต เพื่อจะบอกว่าเฉิงอ๋องมิได้ตั้งใจ ทว่าพระชายาเฉิงกลับไม่ฟังแม้แต่ประโยคเดียว“พวกข้าเป็นสามีภรรยากันมาสิบกว่าปี เขาจะมีความกังวลใจใดที่มิอาจบอกข้า?”“โกหกก็คือโกหก ต่อให้เหตุผลจะมีมากแค่ไหนสุดท้ายทั้งหมดก็คือข้ออ้าง”“เรื่องอื่นข้ายังพอมองข้ามไม่คิดเล็กคิดน้อยได้ ทว่าเขารู้อยู่แก่ใจว่าสกุลซ่งรังแกถังหนิงอย่างไร รู้อยู่แก่ใจว่าเขาทำลายชื่อเสียงความรักใคร่ปรองดองของพี่หญิงและพี่เขยของข้าอย่างไร แล้วก็รู้ทั้งรู้ว่า

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 75

    เฉิงอ๋องโอบกอดพระชายาไว้พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนพระชายาเฉิงเอนกายซบลงบนไหล่ของเขา “ท่านอ๋อง คนที่ท่านส่งไปที่อันโจวส่งข่าวกลับมาบ้างหรือยังเพคะ สืบเรื่องของซ่งซูหลานมาได้บ้างหรือไม่เพคะ?”เฉิงอ๋องชะงักมือไปเล็กน้อย ก่อนจะลูบแผ่นหลังของนางต่อไปอย่างแผ่วเบา “จะรวดเร็วปานนั้นได้อย่างไร ระยะห่างระหว่างอันโจวกับเมืองหลวงต้องใช้เวลาตั้งหลายวัน หลังจากไปถึงแล้วยังต้องคิดหาวิธีสืบถามอีก เรื่องราวเหล่านี้พอสืบมาได้ความตามสมควรแล้ว ต่อให้ใช้ม้าเร็วไปกลับก็ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งค่อนเดือนเชียว ข้าว่าเรื่องนี้เจ้าน่าจะคิดมากไปเอง”“สกุลซ่งก็มิใช่พวกเสียสติ พวกเขาจะเอาสตรีไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาปะปนในสายเลือดของจวนกั๋วกงได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นบุตรีอนุนอกเรือนคนนั้นโฉมหน้าก็พอจะคล้ายคลึงคนสกุลซ่งอยู่บ้าง”“ถังหนิงเองก็เพราะบาดหมางกับสกุลซ่งถึงได้จิตฟุ้งซ่านคิดมากไปเอง เจ้าเองก็ปล่อยให้นางก่อเรื่องวุ่นวาย แม้ข้าจะตกปากรับคำว่าส่งคนไปสืบแล้วก็จริง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรเปิดเผยเป็นการใหญ่ มิเช่นนั้นหากสืบแล้วไม่พบอะไรขึ้นมา แล้วคนนอกรู้ว่าถังหนิงกล้าสอดปากสอดคำขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในจวนขึ้นมา เกร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status