Share

บทที่ 3

Author: กระจ่างแจ้ง
สายฝนโปรยปรายลงมาจากภูเขา กระทบหลังคาดังเปาะแปะ

แสงเทียนในห้องสว่างไสว เปลวเทียนที่สั่นไหวนั้นเผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวที่อยู่บนเตียง

......

“ถังหนิง เจ้าต้องยอมให้หลานเอ๋อร์บ้าง ชาติกำเนิดของนางน่าสงสาร ที่ผ่านมาก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เจ้าเป็นคุณหนูสูงศักดิ์มาหลายปี ต้องมีคุณสมบัติของกุลสตรี รู้จักโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น”

“ถังหนิง หลานเอ๋อร์แค่ไม่เข้าใจกฎระเบียบในเมืองหลวง นางไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินเจ้า”

“ถังหนิง เหตุใดเจ้าถึงไม่รู้ความเช่นนี้ หลานเอ๋อร์ยอมเจ้าแล้ว เหตุใดยังต้องบีบคั้นนางอีก?”

......

ซ่งจิ่นซิวปกป้องซ่งซูหลานที่ร้องไห้จนใบหน้างดงามเปียกปอนไปด้วยน้ำตา “ซ่งถังหนิง เป็นเจ้าที่หาเรื่องเองจนตกหน้าผาเสียโฉม เป็นเจ้าที่ทำผิดก่อนจนทำให้ตัวเองต้องบาดเจ็บ”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าทำร้ายหลานเอ๋อร์ก่อน พวกเราจะจากมาด้วยความโมโหได้อย่างไร? หากเจ้ากลับไปที่วัดหลิงอวิ๋นอย่างว่าง่าย จะกลิ้งตกจากที่สูงจนตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร?”

“สองปีมานี้ เพื่อใบหน้าของเจ้า หลานเอ๋อร์ไปเสาะหายาให้เจ้าทุกหนทุกแห่ง กรีดเอาเลือดจากหัวใจของตนเองเพื่อใช้บำรุงร่างกายให้เจ้า นางอยากจะชดใช้ให้เจ้าด้วยร่างกายของตนเอง เจ้ายังต้องการอะไรอีก?!”

เซี่ยอิ๋นมองซ่งซูหลานด้วยความสงสารอย่างยิ่ง เมื่อหันมามองนางก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ

“น้องหญิง เมื่อก่อนเจ้าเป็นคนที่เชื่อฟังที่สุด หลานเอ๋อร์อ่อนโยนจิตใจดีงาม นึกถึงเจ้าในทุกเรื่อง เหตุใดเจ้าถึงต้องหาเรื่องนาง รังแกนางทุกอย่าง เหตุใดเจ้าถึงกลายเป็นคนชั่วร้ายเช่นนี้?”

ลู่จื๋อเหนียนแสดงสีหน้าเย็นชาและหัวเราะเยาะ “นางเป็นคนใจคอโหดเหี้ยมอยู่แล้ว ใบหน้าอัปลักษณ์ จิตใจยิ่งอัปลักษณ์กว่า นางจงใจหาเรื่องซูหลาน ทำให้ทั้งจวนไม่มีความสงบสุข ทำให้ทั้งเมืองหลวงหัวเราะเยาะสกุลซ่งและสกุลลู่ คนเช่นนาง สู้ตายอยู่บนภูเขาเชวี่ยตั้งแต่ตอนนั้นเสียยังจะดีกว่า”

ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ถังหนิง เจ้าจงสำนึกผิดเสียเถิด”

ซ่งถังหนิงขาพิการ ใบหน้าเต็มไปด้วยหนองพุพอง

นางมองพวกเขาจากไปทีละคน ร้องไห้ตะโกนอย่างสุดเสียงว่านางไม่ได้ทำ นางไม่ได้รังแกซ่งซูหลาน

แต่ประตูห้องนั้นก็ยังคงปิดเสียงดังปัง ทุกคนไม่ต้องการนาง

พวกเขาไม่ต้องการนางแล้ว...

......

เด็กสาวบนเตียงหลับตาแน่น ใบหน้าซีดขาว แม้จะอยู่ในอาการหมดสติ แต่น้ำตาก็ยังคงไหลรินไม่หยุด

นางราวกับถูกจองจำอยู่ในฝันร้าย ร้องไห้ไปพลางละเมอไปพลาง “ท่านพี่”

หลังจากช่วยซ่งถังหนิงเปลี่ยนเสื้อผ้าและทายาแล้ว แม่นางฉินที่เดินออกมาจากข้างในก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “ท่านหัวหน้า เด็กสาวคนนี้เป็นบุตรสาวของบ้านไหนกัน ไม่รู้ว่าต้องเจอความทุกข์ยากอะไรมา แม้แต่ในฝันก็ยังร้องไห้ตลอดเวลา”

นิ้วของเซียวเยี่ยนขยับเล็กน้อย ตกใจมากไปหรือ?

“อาการบาดเจ็บของนางเป็นอย่างไรบ้าง?”

แม่นางฉินกล่าวว่า “ตามร่างกายมีแต่แผลถลอก ไม่เป็นอะไรมาก เพียงแต่เล็บมือที่ฉีกเปิดออกมานั้น ข้าเห็นแล้วยังรู้สึกเจ็บแทน นอกจากนี้ ใบหน้าของคุณหนูก็ถูกกิ่งไม้ขูดเป็นแผลหลายแห่ง แผลค่อนข้างลึก เดิมทีก็โดนความเย็นอยู่แล้วยังมาเปื้อนดินโคลนอีก เกรงว่าจะเกิดเป็นหนองเจ้าค่ะ”

“ดูแลให้ดี อย่าให้ทิ้งแผลเป็น” เซียวเยี่ยนกำชับ

แม่นางฉินรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง นางรู้จักเซียวเยี่ยนมาหลายปี เขาไม่ใช่บุรุษที่จะเห็นอกเห็นใจสตรี การที่เขาอุ้มเด็กสาวคนนั้นกลับมาก็เป็นเรื่องแปลกแล้ว นี่ยังจะมาใส่ใจอีกว่านางจะมีแผลเป็นหรือไม่?

“อะไรกัน ทำไม่ได้หรือ?”

“จะเป็นไปได้อย่างไร ท่านหัวหน้าวางใจได้ มีข้าอยู่ รับรองว่าจะดูแลให้คุณหนูงดงามราวกับดอกไม้เจ้าค่ะ”

เซียวเยี่ยนมองนางแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินอ้อมฉากกั้นเข้าไปด้านใน

เด็กสาวบนเตียงถูกคลุมด้วยผ้าไหมปักลวดลาย แต่ร่างกายกลับดูบอบบางเป็นพิเศษ นิ้วมือขาวเรียวถูกพันด้วยผ้าพันแผล บนใบหน้ายังมีหยาดน้ำตาเกาะอยู่

เซียวเยี่ยนนั่งลงข้างเตียง มองดูเด็กสาวที่แม้แต่ในฝันก็ยังคงสะอื้นไห้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เขาใช้นิ้วปาดหยดน้ำตาที่หางตาของนางเบา ๆ ใบหน้าปรากฏความเย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง

ท่าทางตื่นตระหนกเช่นนี้ ไม่เหมือนกับถูกเขาทำให้ตกใจ

ก่อนหน้านี้นางพูดว่า “พวก” เขารังแกนาง...

“ชางลั่ง”

ชางลั่งเดินเข้ามา

เซียวเยี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ให้คนไปสืบเรื่องทางสกุลซ่ง ดูว่าที่ผ่านมาคนสกุลซ่งเคยทำให้นางน้อยเนื้อต่ำใจหรือไม่”

“เช่นนั้นเรื่องที่วัดหลิงอวิ๋นวันนี้...”

“ก็สืบมาพร้อมกัน”

ชางลั่งยังไม่ทันตอบ จิ้นอวิ๋นที่เดินเข้ามาพร้อมกับเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขายื่นมือไปขวางชางลั่งไว้ แล้วเหลือบมองร่างที่นอนอยู่บนเตียง

“ท่านหัวหน้า ช่วงนี้ท่านกำลังสืบหาตัวการใหญ่ในคดีทุจริตเสบียง เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องลึกซึ้งกับตระกูลใหญ่หลายตระกูลในเมืองหลวง คนของสกุลซ่งก็สนิทสนมกับสกุลชุยและสกุลลู่มาก หากจู่ ๆ ส่งคนไปสืบเรื่องของพวกเขา เกรงว่าจะทำให้คนเหล่านั้นแตกตื่น”

“ไม่เป็นไร”

หางตาของเซียวเยี่ยนคมกริบขณะเช็ดคราบน้ำตาบนนิ้วออก “ลู่ฉงหย่วนเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ เส้นทางการขนส่งเสบียงถูกจัดการไว้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว ยากที่จะหาเบาะแส”

“เดิมทีข้าก็ตั้งใจจะหาข้ออ้างไปจัดการกับคนสนิทของเขา ถ้าเขารู้ว่าข้าไปที่จวนซ่งกั๋วกงก็ดีเหมือนกัน แหวกหญ้าให้งูตื่น ทำให้ตาเฒ่านั่นเคลื่อนไหวบ้าง”

จิ้นอวิ๋นถามต่อ “เช่นนั้นแม่นางน้อยซ่ง...”

“ให้อยู่ที่นี่ไปก่อน”

“ท่านหัวหน้า!” จิ้นอวิ๋นไม่เข้าใจ

ซ่งถังหนิงเป็นคุณหนูสกุลซ่ง และยังเกี่ยวข้องกับจวนเฉิงอ๋องอย่างลึกซึ้ง

พระชายาเฉิงเป็นคนที่ปกป้องคนของตัวเองอย่างยิ่ง การที่ท่านหัวหน้านำตัวคุณหนูสกุลซ่งมาไว้ที่นี่ หากมีคนรู้เข้า เช่นนั้นสกุลซ่งและจวนเฉิงอ๋องจะต้องมาหาเรื่องพวกเขาเป็นแน่

จิ้นอวิ๋นพูดอย่างอ้อมค้อม “ท่านหัวหน้า แม่นางน้อยซ่งยังไม่ได้ออกเรือน การอยู่ที่นี่ไม่เหมาะสมกับขนบธรรมเนียม”

“ข้าเป็นขันที จะมีขนบธรรมเนียมอะไร?”

จิ้นอวิ๋นพูดไม่ออกในทันที

เซียวเยี่ยนเห็นท่าทางของเขาก็หัวเราะเยาะ ก่อนจะโยนจี้หยกครึ่งซีกที่ถอดออกมาจากคอของซ่งถังหนิงไปให้

จิ้นอวิ๋นรีบรับไว้ “นี่คือ...”

“จี้ลายมังกรของท่านน้าเซวีย”

เซวีย...

จิ้นอวิ๋นเบิกตากว้างในทันที

เซียวเยี่ยนมองไปที่จี้ลายมังกรครึ่งซีกแล้วกล่าวว่า “ตอนนั้นท่านน้าเซวียยอมตายเพื่อปกป้องข้าออกจากวัง นางซ่อนข้าไว้ในที่ปลอดภัยแล้วล่อทหารไล่ล่าไปเพียงลำพัง ไม่นานก็มีฮูหยินคนหนึ่งมาพบข้า นางถือจี้ลายมังกรครึ่งซีกของท่านน้าเซวียมาด้วย บอกว่านางเป็นสหายคนสนิทของท่านน้าเซวีย ได้รับการไหว้วานให้มาปกป้องข้าให้ปลอดภัย”

“ถ้าไม่ใช่เพราะฮูหยินคนนั้นคอยปกป้องข้าอยู่ลับ ๆ และส่งข้าออกจากเมืองหลวง ข้าคงจะตายไปนานแล้ว”

ปีนั้นเขาเพิ่งจะอายุสิบเอ็ดปี ประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทั้งยังบาดเจ็บที่ดวงตา นิสัยก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนเก็บตัวและอารมณ์แปรปรวน แต่ฮูหยินคนนั้นกลับโอบอ้อมอารีต่อเขาอย่างยิ่ง

ดวงตาของเขามองไม่เห็นอะไรเป็นเวลานานมาก แต่กลับจำขนมดอกเหมยที่ฮูหยินคนนั้นทำเองได้ จำความอ่อนโยนของนางตอนที่ทายาให้เขาอย่างระมัดระวังได้

ต่อมาเมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่เศร้าสร้อยไม่ยอมพูดจาทั้งวัน ในเรือนเล็ก ๆ แห่งนั้นก็มีเจ้าก้อนแป้งที่พูดจาอ้อแอ้ไม่เป็นประโยคส่งเสียงเจื้อยแจ้วเพิ่มขึ้นมา

เมื่อเซียวเยี่ยนก้มหน้าลงมองคนที่อยู่บนเตียง ความเย็นชาในแววตาของเขาพลันละลายลงเล็กน้อย

ตอนเด็ก ๆ นางหน้ากลม ตัวก็กลม แขนขาสั้นป้อม เวลาเดินก็เหมือนเป็ดอ้วนตัวหนึ่ง

ตอนที่เขาไม่พูดไม่จา เด็กสาวก็จะเกาะติดเขาไม่ห่าง ปากเล็ก ๆ นั่นก็จะพูดไม่หยุด

ทั้ง ๆ ที่พูดจายังไม่ชัด และเขาก็ไม่เคยสนใจนาง แต่นางกลับชอบมาเบียดอยู่ข้าง ๆ เขาและพูดไม่หยุด

ตั้งแต่เรื่องแดดวันนี้ดีจัง หญ้าเขียวจัง นกน้อยบินมาแล้ว พูดไปจนถึงท่านพ่อเก็บสาลี่มาให้นาง ท่านแม่ทำขนมอร่อยมาก ท่านพี่ทำว่าวกระดาษให้

เขาไม่เคยตอบนางเลย แต่กลับชอบความครึกครื้นในคำพูดของนาง

วันที่ดวงตาของเขากลับมามองเห็นได้อีกครั้ง สิ่งแรกที่เห็นก็คือเจ้าก้อนแป้งกำลังโก้งโค้งอยู่ข้าง ๆ เขา ดวงตากลมโตจ้องมองราวกับลูกสุนัขโง่งมตัวหนึ่ง กำลังทำแก้มป่องเป่าแผลที่ตกสะเก็ดแล้วบนมือของเขา

เซียวเยี่ยนยังจำได้ว่าในวันที่เขาจากไป เจ้าก้อนแป้งกอดขาของเขาร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลอาบหน้า น้ำตาไหลนองราวกับจะท่วมคนให้จมได้

ผ่านมาสิบสองปี นางยังร้องไห้เก่งเหมือนเดิม

เมื่อเซียวเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ ความคมกริบที่หางตาก็พลันอ่อนโยนลงราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

“ตอนนั้นเพื่อความปลอดภัย ฮูหยินท่านนั้นไม่เคยเอ่ยถึงฐานะของตัวเอง และไม่เคยถามว่าข้าเป็นใคร หลังจากกลับมาที่เมืองหลวง ข้าเคยตามหานาง แต่ที่ที่เคยพักอาศัยกลับรกร้างไปนานแล้ว บริเวณโดยรอบก็ไม่มีผู้คน และไม่มีใครรู้เรื่องราวในอดีต”

แต่ไม่คิดว่าจะได้พบกับเด็กน้อยคนนั้นโดยบังเอิญ

“เสี่ยวไห่ถัง...”

เขาจำได้ว่าฮูหยินคนนั้นเคยเรียกนางเช่นนี้

คนที่อยู่บนเตียงราวกับได้ยินคนเรียกนาง ขนตาสั่นไหวราวกับจะตื่นขึ้นมา

มือที่แข็งแรงเรียวยาวข้างหนึ่งตบลงบนผ้าห่มเบา ๆ ราวกับได้รับการปลอบโยน นางก็กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

เซียวเยี่ยนเอ่ยเสียงเย็น “ไปสืบมาให้ดี ๆ ดูว่าสกุลซ่งทำไม่ดีกับนางอย่างไรบ้าง”

จิ้นอวิ๋นและชางลั่งต่างได้ยินถึงโทสะในน้ำเสียงของท่านหัวหน้า ไม่กล้าพูดอะไร รีบรับคำสั่งทันที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 80

    สีเลือดบนใบหน้าของผู้ตรวจการเหอพลันจางหายไปในพริบตาเซียวเยี่ยนหัวเราะเยาะออกมา “ข้าทราบดีในอดีตเพื่อกวาดล้างราชสำนักแทนฝ่าบาท ข้าได้ทำให้ผลประโยชน์ของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นคลอน และรู้ด้วยว่ามีคนบางส่วนไม่พอใจที่ข้าได้ถืออำนาจควบคุมองครักษ์เกราะดำกำราบผู้ที่มีใจคิดกบฏให้สิ้นแทนฝ่าบาท ทว่าข้ากลับไม่คาดคิดเลยสักนิดว่า คนของฝ่ายตรวจการที่ได้ชื่อว่าซื่อตรงไม่ยอมโอนอ่อนก็เป็นพวกเหลวไหลจับแต่ลมคว้าแต่เงาเหมือนกัน”“ใต้เท้าเหอไม่มีหลักฐานแม้เพียงสักนิดก็คิดจะกล่าวหาว่าร้ายข้าแล้ว มิหนำซ้ำยังหยิบยกเหตุผลน่าขบขันที่สุดมาโจมตีข้าอีก ท่านไม่พอใจที่เมื่อก่อนข้าลงมือแทนฝ่าบาท หรือไม่พอใจที่ฝ่าบาทให้ข้ารับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าของคณะองคมนตรี ดังนั้นถึงได้ยอมละทิ้งชื่อเสียงอันบริสุทธิ์หมดจดของผู้ตรวจการเพื่อจะได้ทำลายข้า?”สีหน้าของฮ่องเต้อันพลันเย็นเยียบลงทันใดผู้ตรวจการเหอมีเหงื่อเย็นผุดพรายเป็นสาย เข่าสองข้างอ่อนยวบทรุดลงกับพื้นทันที “ฝ่าบาทโปรดวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนเที่ยงธรรม กระหม่อมหาได้มีเจตนาเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย กระหม่อมเพียงแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้ตรวจการอย่างเคร่งครัดก็เท่านั้นพ่ะย่ะค

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 79

    ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงก่ำ “เจ้าเล่นลิ้นเล่นสำนวน ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งคนนั้นก็แค่ไปเยี่ยมคุณหนูของนาง…”“วิธีการเยี่ยมของท่านคือการโจมตีใบหน้าอีกฝ่ายให้เสียโฉม ตีอีกฝ่ายจนสลบ หรือว่าทุบตีอีกฝ่ายจนกระอักเลือดล้มป่วยไม่ฟื้น?”ประโยคเดียวของเซียวเยี่ยนตอกหน้าจนคนผู้นั้นสะอึกไป“อย่าว่าแต่เรือนหลังนั้นข้ายังมิได้โอนมอบให้แม่นางน้อยซ่งเลยด้วยซ้ำ การที่คนสกุลซ่งบุกเข้ามาย่อมมีความผิด หรือต่อให้ข้าจะมอบเรือนให้แม่นางน้อยซ่งแล้วก็จริง ข้าในฐานะหัวหน้าสำนักองคมนตรีฝ่ายใน เห็นคนบุกเข้าเรือนผู้อื่นทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตา หนำซ้ำยังได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือมาจากในจวนแล้ว จะต้องนิ่งดูดายทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอย่างนั้นหรือ?”ผู้ตรวจการเหอหน้าแดงหน้าขาว ตะคอกเสียงดังออกมาด้วยโทสะ “แบบนั้นจะไปเทียบกันได้อย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งก็แค่สั่งสอนผู้น้อยในจวนเท่านั้น”“ที่แท้ผู้ตรวจการเหอก็สั่งสอนบุตรหลานด้วยการทุบตีหวังให้ตายคาที่อย่างนั้นเองหรือ?”“เจ้า!” ผู้ตรวจการเหอถูกตอกหน้าหงายก็ตะคอกขึ้นด้วยโทสะ “เจ้าจงใจบ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็น ต่อให้ตัดประเด็นที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งกับแม่นางน้อยซ่งคนนั้

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 78

    ภายในจวนถังที่ตรอกจีอวิ๋น ถังหนิงกำลังหลับใหลอย่างสงบ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าด้านนอกมีคนกำลังโต้เถียงกันเพราะนาง ทว่าราชสำนักในห้วงความฝันของนางบัดนี้ กลับกำลังวุ่นวายโกลาหล ราวหม้อน้ำมันเดือดภายในราชสำนักการยื่นฎีกาไม่ไว้วางใจระลอกที่สองดูจะรุนแรงกว่าที่พวกซ่งหงคิดเอาไว้มาก ครั้งนี้มิเพียงหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินเฉาเต๋อเจียง แม้แต่ขุนนางระดับมุขมนตรีสามสำนักทั้งสำนักราชเลขาธิการ สำนักอัครเสนาบดี และสำนักสนองราชโองการก็ทยอยกันออกมายื่นฎีกาไม่ไว้วางใจเช่นกัน ถ้อยคำรุนแรงในท้องพระโรงนั้น ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศที่สะสมมาหลายปีของซ่งหงพ่อลูกพังทลายลงเพียงชั่วข้ามคืนเพื่อให้สมน้ำสมเนื้อ เรื่องที่เซียวเยี่ยนทำร้ายร่างกายสตรีบรรดาศักดิ์เก้ามิ่งในราชสำนัก แอบอ้างสิทธิ์สำนักแพทย์หลวง ใช้อำนาจองครักษ์เกราะดำบีบบังคับหอโอสถในเมืองหลวง และทำตัวกร่างข่มเหงรังแกผู้คนในเมือง ก็ถูกลู่ฉงหยวนหัวหน้าสำนักราชเลขาธิการและพรรคพวกจับเป็นความผิดไม่ปล่อยเช่นกัน“เป็นเพราะสกุลซ่งเป็นฝ่ายกระทำความผิดก่อน บุกเข้าตรอกจีอวิ๋นมาทำร้ายร่างกายผู้อื่นก่อน…”“นั่นก็มิใช่เหตุผลสมควรให้เขาทำร้ายร่างกายสตรีบรร

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 77

    พระชายาเฉิงจะไปขอความช่วยเหลือจากเขาได้อย่างไร?เซียวเยี่ยนได้ฟังถ้อยคำของจิ้นอวิ๋นก็เอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “มีความแค้นอย่างนั้นหรือ?”“ใช่ขอรับ”เซียวเยี่ยนหัวเราะออกมาเบา ๆจิ้นอวิ๋นยืนอยู่ด้านข้างสีหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าประโยคไหนของตนเองทำให้ท่านหัวหน้าขบขันขึ้นมาได้ ขณะที่เขาถือเสื้อคลุมเดินตามหลังเซียวเยี่ยนออกไปด้านนอก ก็ถามขึ้นด้วยเสียงเบาหวิว “เช่นนั้นแล้วเรื่องของสกุลซ่งนี้พวกเราต้องออกมือด้วยหรือไม่ขอรับ?”“ไม่ต้อง”หากเรื่องแค่นี้กู้เฮ่อเหลียนยังสืบไม่ได้ ก็เสียแรงที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพไฉ่เสิ่งเอี้ยแล้วรถม้าเคลื่อนมาหยุดหน้าประตูจวนแล้ว ตอนที่เซียวเยี่ยนก้าวออกไปสายตาก็เหลือบไปมองเรือนข้าง ๆ ที่ยังคงมืดสนิทเหมือนเคย พอนึกถึงเมื่อวานตอนบ่ายที่แม่นางน้อยฟังเขาเล่าเรื่องราวน่าสนุกในราชสำนักให้ฟัง จนเผลอฟุบหลับไปบนโต๊ะแล้วยังส่งเสียงออกมาเบา ๆ เหมือนแมวน้อยแบบนั้น แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้นมา“อีกเดี๋ยวจงให้คนไปที่ตลาดเลือกคนที่ชาติกำเนิดสะอาดไร้มลทินส่งไปที่จวนถัง แล้วหาสตรีที่เรียบร้อยเชื่อฟังในเรือนของขุนนางต้องโทษมาสักสองสามคน ส่งไปปรนนิ

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 76

    เจี่ยงหมอมอตื่นตระหนกตกใจ “พระชายาเพคะโปรดระงับอารมณ์อย่าคิดมากวิตกกังวลไปก่อนเลยเพคะ ท่านอ๋องอาจเพราะเกิดความเกรงกลัวในใจ ไม่แน่ว่าท่านอ๋องอาจจะกลัวว่าหากคุณหนูขัดแย้งกับสกุลซ่งมากเกินไปจะทำให้ชื่อเสียงของนางเสื่อมเสีย กลัวว่าหากสกุลซ่งก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแล้วคุณหนูจะถูกคนสกุลลู่รังเกียจ”“ไหนจะมีไท่เฟยผู้เฒ่าด้วยอีกคนเพคะ ไท่เฟยผู้เฒ่าเองก็ทรงขุ่นเคืองมาตลอดที่พระชายารักและสงสารคุณหนูมากเกินไป ท่านอ๋องเองก็อาจเป็นเพราะกังวลว่าพระชายาจะทำให้ไท่เฟยผู้เฒ่าไม่พอใจ กลัวว่าหากเกิดเรื่องอะไรกับสกุลซ่งขึ้นมาจริง ๆ อาจพัวพันมาถึงท่านและคุณหนูได้…”นางพยายามหาข้ออ้างอย่างสุดชีวิต เพื่อจะบอกว่าเฉิงอ๋องมิได้ตั้งใจ ทว่าพระชายาเฉิงกลับไม่ฟังแม้แต่ประโยคเดียว“พวกข้าเป็นสามีภรรยากันมาสิบกว่าปี เขาจะมีความกังวลใจใดที่มิอาจบอกข้า?”“โกหกก็คือโกหก ต่อให้เหตุผลจะมีมากแค่ไหนสุดท้ายทั้งหมดก็คือข้ออ้าง”“เรื่องอื่นข้ายังพอมองข้ามไม่คิดเล็กคิดน้อยได้ ทว่าเขารู้อยู่แก่ใจว่าสกุลซ่งรังแกถังหนิงอย่างไร รู้อยู่แก่ใจว่าเขาทำลายชื่อเสียงความรักใคร่ปรองดองของพี่หญิงและพี่เขยของข้าอย่างไร แล้วก็รู้ทั้งรู้ว่า

  • ยามบุปผางามผลิบานทั้งใจ   บทที่ 75

    เฉิงอ๋องโอบกอดพระชายาไว้พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนพระชายาเฉิงเอนกายซบลงบนไหล่ของเขา “ท่านอ๋อง คนที่ท่านส่งไปที่อันโจวส่งข่าวกลับมาบ้างหรือยังเพคะ สืบเรื่องของซ่งซูหลานมาได้บ้างหรือไม่เพคะ?”เฉิงอ๋องชะงักมือไปเล็กน้อย ก่อนจะลูบแผ่นหลังของนางต่อไปอย่างแผ่วเบา “จะรวดเร็วปานนั้นได้อย่างไร ระยะห่างระหว่างอันโจวกับเมืองหลวงต้องใช้เวลาตั้งหลายวัน หลังจากไปถึงแล้วยังต้องคิดหาวิธีสืบถามอีก เรื่องราวเหล่านี้พอสืบมาได้ความตามสมควรแล้ว ต่อให้ใช้ม้าเร็วไปกลับก็ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งค่อนเดือนเชียว ข้าว่าเรื่องนี้เจ้าน่าจะคิดมากไปเอง”“สกุลซ่งก็มิใช่พวกเสียสติ พวกเขาจะเอาสตรีไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาปะปนในสายเลือดของจวนกั๋วกงได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นบุตรีอนุนอกเรือนคนนั้นโฉมหน้าก็พอจะคล้ายคลึงคนสกุลซ่งอยู่บ้าง”“ถังหนิงเองก็เพราะบาดหมางกับสกุลซ่งถึงได้จิตฟุ้งซ่านคิดมากไปเอง เจ้าเองก็ปล่อยให้นางก่อเรื่องวุ่นวาย แม้ข้าจะตกปากรับคำว่าส่งคนไปสืบแล้วก็จริง แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรเปิดเผยเป็นการใหญ่ มิเช่นนั้นหากสืบแล้วไม่พบอะไรขึ้นมา แล้วคนนอกรู้ว่าถังหนิงกล้าสอดปากสอดคำขัดแย้งกับผู้ใหญ่ในจวนขึ้นมา เกร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status