LOGIN*อาคารสองชั้นสุดหรู*
เสียงเครื่องยนต์จอดนิ่งและดับสนิทลงท่ามกลางความมืดมิด แยมเปิดประตูฝั่งคนขับออกมายืนเท้าสะเอวมองอย่างชั่งใจ หัวคิ้วคนสวยขมวดมุ่นเธอเบะปากราวกับโมโหยูโรอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าสองขาเรียวเล็กกลับเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร เธอแบกร่างกายอันหนาเตอะของชายขี้เมาออกมาทันที "เอามา!" แยมตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมแสดงสีหน้าโกรธเคือง เธอยื่นฝ่ามือเล็กแบออกอยู่ตรงหน้าเขา แต่กลับโดนอีกฝ่ายเอาคางมาเกยแทน "จะเอาหัวใจของผมเหรอครับคนสวย~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางเขายิ้มหวานอย่างกวนอารมณ์ "นายอยากตายมากนักเหรอ ฉันเป็นใครกันแน่ นายช่วยลืมตาดูหน่อยเถอะนะ" แยมสวนกลับทันควัน เพราะคิดว่าเขายังเอาแต่คิดถึงสาวร้านคาราโอเกะอีก "คุณเป็น..ภรรยาของผมน่ะสิ!" ยูโรยิ้มแป้นตาแทบปิด เตรียมจะยกฝ่ามือหนาลูบละไล้ดวงหน้าเห่อร้อนของเธอ แต่แยมเลือกที่จะผลักเขานอนลงกับพื้นปูนซีเมนต์แทน "ส่งกุญแจมาสักที! ยุงกัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย!" แยมตวาดใส่แก้เขินอาย เธอยืนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกอดอกตนเอง หวังเพียงให้ดวงใจเต้นอย่างสงบลง เขารีบล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้เธออย่างว่าง่าย เมื่อประตูบานเล็กถูกเปิดออกแยมจึงลากยูโรเข้ามานั่งรอบนโซฟา ก่อนจะเดินไปกดล็อกลูกบิดประตูทันที "ห้องนอนของนายอยู่ตรงไหน" แยมนั่งยองแล้วถามเขาอีกครั้ง แต่แฝงไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์คล้ายจะมันเขี้ยวคนมึนงง "ชั้นสองห้องแรกนับจากทางเข้าหน้าบ้าน อึก! เจ็บนะยัยบ้า!" ยูโรตอบพร้อมโวยวายหลังจากโดนแยมหยิกที่บริเวณเอวหนา เขายกมือลูบคลำผิวเนื้อตรงช่วงนั้นอยู่ซ้ำๆ "สมน้ำหน้า! รีบลุกขึ้นมาจะพยุงนายไปส่ง ฉันง่วงจะตายอยู่แล้วเนี่ย" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพร้อมพาเขาเดินขึ้นบันได เสียงประตูห้องนอนเปิดกว้าง คนสวยรีบแบกร่างอันหนาใหญ่ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย ก่อนจะทิ้งคนเมาลงบนเตียงพร้อมนอนหอบหายใจอยู่ด้านข้าง เพราะอากาศระหว่างเดินมาห้องนอนมันช่างร้อนระอุ จึงเอื้อมมือไปหยิบรีโมตคอนโทรลเครื่องปรับอากาศมาเปิด และคิดจะหลับตาพริ้มพักผ่อนสักครู่แต่ทว่ากลับเผลอหลับไป *ช่วงเวลา 11:45น.* แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านมู่ลี่จนกระทบสายตาคนบนเตียงทั้งคู่ ลมหายใจอุ่นร้อนของใครบางคน ซึ่งกำลังเป่ารดบนศีรษะมาโดยไม่ขออนุญาต หญิงสาวขยี้ดวงตาเพราะเสียงเรียกจากคนที่เธอนอนกอดอยู่ "แยม..." เสียงทุ้มเรียกชื่อเธอเบาๆ เหมือนกลัวจะปลุกให้ฝันดีของเธอจางหายไป หญิงสาวที่ยังคงนอนกอดรัดเขาแน่นอยู่บนเตียง เริ่มขยับเขยื้อนเรือนร่างพร้อมบิดขี้เกียจ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองอย่างเหม่อลอย เพราะคิดว่าตนเองกำลังเพ้อฝันอยู่มากกว่าความเป็นจริง "แม้ว่าจะกำลังหลับฝันอยู่..แต่นายก็อย่ามายุ่งเหอะ! ฉันจะนอนต่ออีกหน่อย!" เสียงเธออู้อี้จากลำคอตอบเขาและยังคงหลับตาพริ้มเพรา สัมผัสนุ่มนวลบนพวงแก้มป่องทำให้แยมเบิกตาโพลงโตทันที "มันใกล้จะเที่ยงแล้ว เธอช่วยลุกขึ้นไปอาบน้ำและกินข้าวก่อน อยากจะนอนพักผ่อนต่อก็ไม่เป็นไรหรอก" เสียงทุ้มต่ำรีบอธิบายทั้งที่เธอยังเอาแต่มองเขาไม่เลิก "อืม!" แยมตอบกลับพร้อมลุกขึ้นยืนตรง เร่งฝีเท้าไปเข้าห้องน้ำอย่างว่องไว ราวกับระบบอัตโนมัติของหุ่นยนต์เสียอย่างนั้น จนทำให้ยูโรต้องนั่งอมยิ้มหวานมองตามแผ่นหลังคนตัวเล็ก เธอเร่งรีบปิดประตูห้องน้ำคล้ายเชื่อฟังเขาเป็นอย่างดี หลังจากแยมได้อาบน้ำเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ประตูห้องน้ำจึงเปิดออกช้าๆ เธอนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนสีขาว ก่อนจะก้าวย่างออกมาพร้อมชะโงกหน้ามองหายูโร เหมือนเธอจะไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลยด้วยซ้ำ จึงยืนถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที เมื่อเล็งเห็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เธอจึงเปิดหาเลือกชุดที่พอเหมาะจะเปลี่ยนได้ แต่มีเพียงแค่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำตัวใหญ่เท่านั้น เธอนั่งเช็ดกลุ่มเส้นผมที่ชุ่มน้ำจนแห้งสนิท เหม่อมองเงาตัวเองภายในกระจก พร้อมกับคำถามมากมายซึ่งอัดอั้นตันใจ เสียงประตูห้องนอนถูกเปิดออก นัยน์ตากลมโตจ้องค้างเพียงชั่วขณะหนึ่ง ปรากฏเป็นยูโรใส่ผ้ากันเปื้อนเดินถือจานอาหารมาเสิร์ฟ ได้เพียงแต่นึกสงสัยว่าคุณชายอย่างเขา ไปหัดเรียนทำอาหารมาตั้งแต่ตอนไหน "มากินก๋วยเตี๋ยวลุยสวนของโปรดเธอกัน" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง และรอยยิ้มหวานของเขาทำให้ลืมความโกรธไปจนหมดสิ้น "นี่นายเป็นคนทำเหรอ" "ใช่สิ!" "กินได้จริงเหรอ ถึงแม้ว่าหน้าตาของอาหาร อาจจะดูน่ารับประทานมากก็ตามเถอะ!" แยมมองอย่างเลิ่กลั่ก เพราะเธอไม่ค่อยมั่นใจฝีมือการทำอาหารของเขา "ให้ไอ้ยอดแวะไปซื้อมาให้น่ะ แต่เราเป็นคนจัดจานเองนะ" ยูโรกล่าวอย่างกลบเกลื่อนความเขินอายของตน "เห็นนายใส่ผ้ากันเปื้อน ฉันก็ตกใจหมดเลยเนี่ย ถ้าเรื่องการใช้เงินและใช้คนฉันไม่เถียง แต่หากมันเป็นงานอดิเรกของนายคือการทำอาหาร ฉันคิดว่า..มันเป็นเรื่องน่าหนักใจอยู่พอสมควร" "ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง~" "ก็ช่วงวัยเด็ก.. ตอนที่ฉันตกลงคบกับนายวันแรกยังจำได้อยู่ไหม แค่บอกว่าอยากกินก๋วยเตี๋ยวลุยสวน นายก็วิ่งแจ้นเข้าครัวไปสั่งแม่บ้านให้ทำ แต่ดันอยากมีส่วนร่วมด้วยอีก!" "เพราะใช้มีดหั่นวัตถุดิบแค่ไม่กี่วินาทีเอง ต้องแตกตื่นพาไปส่งโรงพยาบาลกัน โดนหมอเย็บบนฝ่ามือไปตั้งกี่เข็ม จนคุณลุงคุณป้าสั่งห้ามเด็ดขาดเรื่องการฝึกทำอาหาร" แยมกล่าวด้วยน้ำร้อนรน ภาพเหตุการณ์วันนั้นยังฉายชัดอยู่เลย "อุ๊ย! เธอยังจำวันแรกที่เป็นแฟนกันได้ด้วยเหรอเนี่ย" "คบกันวันแรกต้องพาไปส่งโรงพยาบาล ใครเขาจะไปลืมได้ลงกัน หึ!" "ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอยู่นะ" "อะไรนะ เรื่องดีอย่างนั้นเหรอ" "เพราะมันเป็นความทรงจำที่เธอไม่เคยลืมน่ะสิ" แยมเอาแต่ยืนนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ต่อบทสนทนา แววตากลับสั่นไหวเล็กน้อยเต็มไปด้วยม่านน้ำใสบดบังอยู่ เธอกำลังรู้สึกถึงความคาดหวังและผิดหวังในขณะเดียวกัน ภาพสะท้อนเกี่ยวกับเรื่องราวที่ขุ่นเคืองใจทั้งอดีตและปัจจุบันทับซ้อน ราวกับคอยย้ำเตือนถึงความเจ็บปวดอยู่เสมอ "แยม..ฉันขอโทษนะ เรื่องของเรไรตั้งแต่อดีตจนถึงล่าสุด" เขาสัมผัสฝ่ามือเล็กมากอบกุมถ่ายทอดความจริงใจต่อเธอ สายตาจ้องมองอย่างลึกซึ้งคล้ายอยากจะสะกดเวลาให้หยุดนิ่ง เหมือนเป็นประโยคจากเขาที่เธอตั้งใจรอฟังมานานอยู่หลายปี "อดีตฉันผิดจริงที่ไม่บอกให้เธอรู้ถึงความสัมพันธ์แสนยุ่งเหยิง ณ ช่วงเวลาที่เราคบกันเป็นแฟน แต่เธอไม่ให้โอกาสได้อธิบายเลยสักครั้ง ส่วนเรื่องเมื่อคืนเรไรเข้ามาใกล้เองนะ เรไรได้สารภาพความจริงทั้งหมดแล้ว มันถึงเวลาที่เราควรจะจบปัญหาค้างคากัน" "หลายปีที่ผ่านมา ฉันทั้งสำนึกผิดและทบทวนตัวเองอยู่ตลอด มันไม่มีวันไหนจะลืมเธอได้เลย ทุกความทรงจำมันยังคงฝังลึกอยู่ภายในหัวใจดวงนี้เสมอ เธอเองก็รู้ว่า..ฉันมันปากไม่ดี พูดจาให้ไพเราะเหมือนไอ้บรรเจิดไม่เป็น" เขายกฝ่ามือเล็กมาทาบบริเวณหน้าอกซ้ายของตน ราวกับอยากให้เธอรับรู้จังหวะการเต้นหัวใจของเขา เมื่อแยมยังไม่กล่าวอะไรเลยทำให้เขาต้องน้ำตาคลอเบ้าแทน "ครั้งนี้เธอไม่เลือกบรรเจิดอีกได้ไหม ขอโทษที่ไม่เอาไหนจริงๆ เรากลับมาคบกันได้หรือเปล่า ฉันไม่อยากเสียเธอไปอีกแล้ว" ยูโรก้มหน้าลงมองพื้นกระเบื้องห้องไม่กล้าคาดหวังเลยสักนิด เพราะผู้หญิงตรงหน้านี้เป็นแยม สิ่งที่เธอกระทำมักเหนือทุกสิ่งที่เขาจะสามารถควบคุมได้ "อืม" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย ฝ่ามือเล็กสัมผัสข้างแก้มคนตัวโตอย่างอ่อนโยน ราวกับปลอบประโลมเขาให้รู้สึกดี "ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างกันนะแยม" ยูโรกล่าวพร้อมโอบกอดร่างบางจนแน่น คล้ายว่าเขากลัวเธอจะหนีหาย "ฉันหายใจไม่ออก ไอ้บ้านี่!" แยมตะโกนเสียงดังลั่นห้อง "ว่าแต่..เธอหายไปไหนตั้งนานหลายปีเหรอ ขนาดสั่งให้คนตามสืบยังไม่พบร่องรอยเลยด้วยซ้ำ" ยูโรกล่าวถามพร้อมปล่อยเธอให้เป็นอิสระจากอ้อมกอด "ไปอาศัยอยู่ต่างประเทศน่ะ" "ไปเรียนต่อที่ประเทศอื่นเหรอ แล้วคุณลุงคุณป้าสบายดีไหม" "พวกเขาทั้งสี่คนเสียชีวิตหมดแล้วตอนนี้ ช่วงที่หายตัวไปนั้น พ่อกับแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ คุณลุงกับคุณป้ารับฉันไว้เป็นลูกบุญธรรมน่ะ มรดกทุกคนจึงอยู่ที่ฉันอย่างที่เห็น" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาสีหน้าหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด "ฉันเสียใจด้วยนะ ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่เธอเปลี่ยนนิสัยจากเดิม คงเป็นเพราะเจอเรื่องเจ็บปวดสาหัสมาเยอะสินะ ต่อไปนี้เธอจะต้องมีความสุขมากแน่เลย" ยูโรกล่าวพร้อมยิ้มกว้างอย่างมีความสุข "ทำไม" "เพราะเธอกำลังมีแฟนทั้งหล่อและรักเธอมากน่ะสิ!" "กินอาหารได้แล้ว ปวดท้องจะแย่!" แยมกล่าวพร้อมเดินไปนั่งตรงโซฟาตักก๋วยเตี๋ยวลุยสวนเข้าปาก ดวงหน้าของเธอแดงก่ำมีความเขินอาย ราวกับย้อนเวลากลับไปช่วงวัยเด็ก ยูโรเห็นภาพตรงหน้าก็คิดว่าเป็นเพียงแค่ความฝันฉากหนึ่ง เขาทรมานมาตั้งนานหลายปีวันแห่งความสุขก็ได้ปรากฏ "กินแค่คนเดียว เดี๋ยวได้อ้วนตายหรอก!" เขากล่าวพร้อมเอื้อมมือไปจับช้อนตั้งท่าจะแย่งอาหารบนจาน "ไม่ให้กินหรอก หึ!" เธอกล่าวบอกพร้อมหอบจานนั้นอย่างทะนุถนอม คล้ายว่ากลัวคนอย่างเขาจะมาแย่งไปกินจริงๆ เหตุการณ์ทั้งหมดมีพยานรับรู้อยู่ตรงหน้าประตูห้องถึงสามคน ลูกน้องคนสนิทของยูโรทั้งยอดกับใหญ่ และแพนด้าลูกน้องของแยม ทั้งสามคนยืนยิ้มหวานราวกับดีใจที่เจ้านายได้มีความสุขสักทีแสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าคริสตัล ทอดเงาวูบไหวตามบนเพดานสูงของห้องจัดเลี้ยง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงคลอเบาๆ แทรกอยู่ระหว่างเสียงหัวเราะและคำอวยพร จากแขกผู้มีเกียรติยามค่ำคืนนี้งานวันเกิดของบรรเจิด ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติยศ ไม่ใช่เพียงแค่เขาเป็นบุตรชายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หากแต่ยังเพราะเขาเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ด้วย ซึ่งคือ..รองผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเป็นทางการแยมยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง เธอสวมชุดกระโปรงสีน้ำเงิน แม้จะดูน่ารักเข้ากับรูปร่างเพรียวบางแต่ก็เรียบหรู สองมือประคองกล่องของขวัญทรงสี่เหลี่ยมผูกโบสีทองแน่นความรู้สึกประหม่าแล่นวาบภายในกลางอก เมื่อสายตาเธอกวาดมองบรรยากาศล้อมรอบตัว แขกภายในงานล้วนเป็น.. นักการเมืองกับข้าราชการระดับสูงและนักธุรกิจชื่อดัง ทุกคนดูสง่างามและคุ้นเคยกับโลกใบนี้ ต่างจากเธอที่ยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเสมอแต่แล้วสายตาแยมก็หยุดลงที่ร่างสูงโปร่ง เขาสวมสูทสีดำอย่างเป็นทางการ บรรเจิดยืนอยู่กลางกลุ่มผู้ใหญ่ สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มสุภาพ ดวงตาอบอุ่นเป็นประกายแม้จะต้องรับมือกับคำยินดีและคำอวยพรไม่ขาดสาย เขายังคงดูผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ราวกับไม่ใช่งานให
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*แสงไฟบนหน้าจอกระทบแว่นตาเกือบหนึ่งชั่วโมง แยมนั่งตรวจสอบบัญชีอย่างมีสมาธิ จู่ๆ สมองของเธอกลับมีคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแพนด้าเสียอย่างนั้นเธอกดบันทึกไฟล์เอกสารและปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง ก่อนจะใช้สองมือเล็กดันโต๊ะสำนักงาน จนเก้าอี้ล้อเลื่อนถอยหลังอย่างเชื่องช้า แอบชำเลืองสายตามองสาวน้อย อยู่ตรงบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์"เจ๊มีอะไรหรือเปล่าคะ หนูทำบัญชีไม่เรียบร้อยใช่ไหมคะ" แพนด้าวิ่งพรวดพราดมาใกล้บริเวณโต๊ะที่แยมนั่ง ด้วยท่าทางตื่นตระหนกเพราะกลัวโดนดุแยมเอื้อมแขนยาวไปตรงแผ่นหลังสาวน้อย ก่อนจะยกฝ่ามือลูบแผ่วเบา ราวกับปลอบโยนไม่ให้แพนด้าตื่นเต้นเกินเหตุ"เจ๊..แค่มีคำถามที่สงสัยต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเลย" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แพนด้ากลับยืนขนลุกซู่ราวกับถูกกดดัน"เจ๊รีบถามมาเลยเถอะ ท่าทางแบบนี้ของเจ๊ มันทำให้หนูอึดอัดเกินไปนะคะ" แพนด้าตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เปลี่ยนทิศทางสายตาเบนลงต่ำแทน"เจ๊ยังจำได้อยู่นะ คราวก่อน..แพนด้ามาคุยเล่นกับเจ๊น่ะ เหมือนจะมีเพื่อนหนุ่มจอมเกเรตามจีบไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมดันมาคบหากับยอดได้ล่ะ แค่ยังสงสัยว่าหนูไม่ได้คบซ้อนใช
*อาคารสองชั้นสุดหรู*เสียงเครื่องยนต์จอดนิ่งและดับสนิทลงท่ามกลางความมืดมิด แยมเปิดประตูฝั่งคนขับออกมายืนเท้าสะเอวมองอย่างชั่งใจ หัวคิ้วคนสวยขมวดมุ่นเธอเบะปากราวกับโมโหยูโรอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าสองขาเรียวเล็กกลับเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร เธอแบกร่างกายอันหนาเตอะของชายขี้เมาออกมาทันที"เอามา!" แยมตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมแสดงสีหน้าโกรธเคือง เธอยื่นฝ่ามือเล็กแบออกอยู่ตรงหน้าเขา แต่กลับโดนอีกฝ่ายเอาคางมาเกยแทน"จะเอาหัวใจของผมเหรอครับคนสวย~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางเขายิ้มหวานอย่างกวนอารมณ์"นายอยากตายมากนักเหรอ ฉันเป็นใครกันแน่ นายช่วยลืมตาดูหน่อยเถอะนะ" แยมสวนกลับทันควัน เพราะคิดว่าเขายังเอาแต่คิดถึงสาวร้านคาราโอเกะอีก"คุณเป็น..ภรรยาของผมน่ะสิ!" ยูโรยิ้มแป้นตาแทบปิด เตรียมจะยกฝ่ามือหนาลูบละไล้ดวงหน้าเห่อร้อนของเธอ แต่แยมเลือกที่จะผลักเขานอนลงกับพื้นปูนซีเมนต์แทน"ส่งกุญแจมาสักที! ยุงกัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย!" แยมตวาดใส่แก้เขินอาย เธอยืนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกอดอกตนเอง หวังเพียงให้ดวงใจเต้นอย่างสงบลงเขารีบล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้เธออย่างว่าง่าย เมื่อประตูบานเล็กถูกเปิดออกแยมจึงลากยูโรเข้
*ร้านคาราโอเกะ*แสงไฟนีออนดวงสีชมพูม่วงกะพริบระยิบระยับ เสียงดนตรีจากห้องข้างๆ ดังลอดมาเป็นจังหวะ ยูโรนั่งอยู่ตรงมุมเคาน์เตอร์บาร์แก้ววิสกี้ในมือแทบไม่เคยว่าง เขาคอยรินซ้ำจนของเหลวสีทองขลุกขลิกเกือบล้นขอบแก้วภายในหัวใจของเขา.. ยังคงวนเวียนกับภาพแยมกำลังยืนหัวเราะเคียงข้างบรรเจิด หรือว่าเธอไม่เห็นความหมายของการรอคอยที่เราทำมาตลอดเลย เขาเอาแต่นั่งตัดพ้อตัวเองอยู่ซ้ำๆหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางหน้าตาดีคนหนึ่ง เธอสวมชุดกระโปรงสีทองแบบกระชับลำตัว เดินเข้ามานั่งอยู่ตรงด้านข้างเขา กลิ่นน้ำหอมแสนหวานช่างเย้ายวนราวกับกลิ่นไวน์เก่าแก่"ยูโร! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!" น้ำเสียงสดใสเอ่ยทักทายคนนั่งสับสน เธอกำลังเท้าคางมองแววตาเป็นประกาย เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจำได้ "เรไร" อดีตเพื่อนสนิทของแยมสมัยเรียนมัธยม พวกเธอทั้งสองเคยไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ และยังเคยเป็นแฟนเก่าของเขาด้วยเช่นกัน"อืม!" ยูโรตอบเสียงแหบแสนจะแผ่วเบาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์"นายมานั่งดื่มคนเดียว แต่ทำไมหน้าตาบึ้งตึงเชียว" เรไรหัวเราะน้อยๆ มือเรียวแตะไหล่เขาเป็นเชิงหยอกล้อ ยูโรไม่ได้ผลักไสเพราะเคยพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว เพียงปล่อยให้เ
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*เสียงกระดิ่งเหนือประตูไม้เริ่มดังเมื่อมีลูกค้าเปิดเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นหอมกรุ่นจากขนมปังสดกับใบตองที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งร้าน ผสมกับเสียงเครื่องคิดเลขดังไม่หยุด ทำให้บรรยากาศดูคึกคักกว่ายามปกติแยมจัดเรียงขนมปังกรอบลงตะกร้าใหญ่ พลางเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนฝาผนังเป็นระยะ เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าเข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสอง ใจเธอเต้นแผ่วแรงด้วยความคาดหวังอีกเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ยูโรก็คงมารออยู่ตรงหน้าร้านเหมือนทุกวัน ตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาลมา ทั้งสองมักจะเดินเล่นรับลมยามเย็นด้วยกัน จนเป็นดั่งกิจวัตรประจำวันเลยเหล่าลูกน้องต่างกระวีกระวาดทำงาน เพราะใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้วเช่นกัน คงไม่อยากทำงานล่วงเวลาเหมือนอย่างเคย ทุกสิ่งเป็นได้แค่เพียงความคิดเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์จากลูกค้ารายสุดท้ายมาเยือน"สวัสดีครับแยม~" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นบริเวณตรงหน้าประตูหญิงสาวเงยใบหน้าขึ้นมอง เห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนพับสีขาวกับกางเกงผ้าเรียบ "บรรเจิด" เพื่อนสมัยมัธยมและเป็นคนที่เคยทำให้หัวใจเธอแกว่งไกวอยู่พักหนึ่ง เขากำลังยืนยิ้มอย่างจริงใจ"อ้าว! บรรเจิด! มาซื้อของเหรอ หายหน้าห
*ภัตตาคารสุดหรู*เสียงไวโอลินบรรเลงคลอเบาๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวมองแล้วย่อมอบอุ่นสายตา ภายในภัตตาคารหรูหราริมแม่น้ำถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมทอง ประกายวิบวับจากแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะห้อยระย้าจากบนเพดาน ส่องแสงกระทบแก้วไวน์จนระยิบระยับ แยมเอาแต่ยืนเกร็งตัวอยู่ด้านหน้า ใจเธอเต้นแรงราวกับเด็กที่ถูกครูใหญ่เรียกพบ"ไม่ต้องกังวลนะหนูแยม พ่อแค่พามาทานอาหารอร่อยกัน ปล่อยตัวตามสบายเถอะนะ" เสียงสุภาพของเปโซเอ่ยขึ้น เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ผมขาวแซมขมับแต่งตัวด้วยสูทเข้ารูป ดูภูมิฐานจนใครๆ ต้องเหลียวมองข้างกายคือดีนาร์ เธอเป็นภรรยาของเขา หญิงวัยกลางคนที่ยังคงงดงามในชุดกระโปรงผ้าไหมสีงาช้าง ใบหน้าสงบและอ่อนโยน เธอยื่นมือมาสัมผัสแขนแยมเบาๆ แทนกำลังใจ"แม่เองก็ตั้งใจอยากจะเจอหนูมานานแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนะ" ดีนาร์กล่าวพร้อมยิ้มหวานแยมกะพริบตาปริบๆ มือเรียวกำสายกระเป๋าสะพายไหล่จนแน่น เธอสวมชุดกระโปรงเรียบง่ายที่พยายามเลือกอย่างคัดสรรให้ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่คู่ควรกับสถานที่และบรรยากาศเลย เพราะออกจากโรงพยาบาลมาได้ ก็ถูกคุณแม่ของยูโรแปลงโฉมภายในห้างสรรพสินค้าทันที"ขอบคุณมากเลยค่ะ







