LOGIN#ย้อนอดีต#
*บ้านแยมสมัยเด็ก..อำเภอเหลามาจะฟัง* "พ่อคะแม่คะ หนูมีอะไรจะบอกค่ะ" แยมกล่าวเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนซ้อนกับลมหายใจ เธอยืนหงอยอยู่ตรงหน้าโทรทัศน์ เหม่อมองพื้นกระเบื้องอย่างคนใจลอย ซึ่งคุณพ่อกับคุณแม่กำลังดูละครหลังข่าวอยู่ ทั้งสองหันมามองหน้าลูกสาวพร้อมกัน คุณพ่อขยับแว่นเล็กน้อย จนแสงสะท้อนจากจอแก้วผ่านเลนส์สายตาเตรียมรอฟัง ส่วนคุณแม่ลดช้อนข้าวต้มภายในมือลงอย่างสนใจ "หนูไม่ได้ไปทำรายงานที่บ้านเพื่อนจริงๆ ค่ะ" เธอสารภาพเสียงดังลั่นภายในห้องรับแขก ดวงตาเหลือบต่ำมองพื้นเหมือนเด็กทำผิด ไม่กล้าสบสายตาผู้ให้กำเนิดทั้งสองคน "อ้าว! แล้วลูกสาวไปไหนมาจ้ะ" ลิ้นจี่เอ่ยถามกลับทันที เสียงท่านไม่ดุเลยสักนิดแต่แฝงไปด้วยความอยากรู้จริงจัง "หนูไปเฝ้ายูโรมาค่ะ! เขาไม่สบาย แล้วก็...เอ่อ...เราทั้งสองคน กำลังคบกันอยู่ค่ะ" แยมเม้มริมฝีปากลังเลก่อนจะพูดออกไปในที่สุด ผู้ปกครองทั้งสองต่างนั่งเงียบไปชั่วครู่ มีเพียงเสียงละครที่ดังแว่วๆ จากจอโทรทัศน์ท่ามกลางความเงียบ คอยกดดันจนแยมอยากจะกลายเป็นฝุ่นหายไปจากตรงนั้น คุณพ่อกระแอมไอหนึ่งทีราวกับส่งสัญญาณ แล้วหันมองหน้าคุณแม่อย่างรวดเร็ว "เด็กคนนั้น..ใช่ยูโรไหม พ่อเคยเห็นตอนมารับลูกหน้าบ้าน หนูเคยบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทที่โรงเรียนนี่นา" ขวานกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางพร้อมเลิกคิ้วสูง แยมพยักหน้ารัวๆ รู้สึกหัวใจเต้นแรงกว่าตอนสอบวัดผลการเรียนระดับประเทศเสียอีก "เฮ้อ~ แม่รู้นะว่าแยมมีอะไรปิดบังมาตลอด แต่แม่ก็หวังว่าแยมจะกล้าบอกกันตรงๆ แบบนี้..." ลิ้นจี่ถอนหายใจเล็กน้อย แต่แววตาไม่ได้มีความดุ เธอยิ้มหวานออกมาเบาๆ เพราะรู้สึกภูมิใจเกี่ยวกับการยอมรับผิดอย่างจริงใจของลูกสาวตน "หนูขอโทษค่ะที่ต้องโกหก ตอนแรกก็แค่จะไปดูแลเขาเฉยๆ แม้ว่า..เขาจะแกล้งป่วยนะคะ แล้วก็งอแงเหมือนเด็กน้อย ไม่ให้แยมกลับบ้านเลย แต่พวกเราไม่ได้เกินเลยต่อกันนะคะ อยู่ภายใต้สายตาของคุณพ่อคุณแม่เขาตลอดค่ะ" แยมกล่าวอธิบาย "แกล้งป่วย" ขวานเลิกคิ้วถามพร้อมใช้ฝ่ามือลูบคลำคางตัวเอง แยมจึงพยักหน้าตอบรับ "ใช่ค่ะพ่อ! แกล้งไอจนตาแดงบ้าง โทรมาบอกว่าจะตายแล้ว แต่พอหนูไปถึงทุกครั้ง กลับกินข้าวได้ตั้งสามจาน!" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เธอยืนกอดอกตัวเองอย่างหงุดหงิด คุณพ่อกับคุณแม่หลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน ราวกับเห็นเป็นเรื่องสนุกสนานเสียอย่างนั้น "พ่อนึกว่าเขาจะเป็นเด็กเกเร คงจะมีนิสัยนิ่งๆ หยิ่งๆ เสียอีกนะ" ขวานกล่าวติดตลกกับความเจ้าเล่ห์ของแฟนลูกสาว "อืม... หนูคิดว่าคบกับเขาแล้วจะไหวไหมล่ะลูก" ลิ้นจี่รีบเสริมทันควัน "หนูไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนเขาได้ไหม แต่หนูเชื่อว่าเขาอยากจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นค่ะ" แยมเงยใบหน้าขึ้นพร้อมแสดงสีหน้าแน่วแน่ "เขาเริ่มพยายามอ่านหนังสือกับหนูวันละนิด ถึงแม้ว่าจะขี้บ่น! แต่ก็ไม่ได้แอบหนีเรียนเหมือนช่วงก่อนหน้านั้น แถมยังจดเลคเชอร์สวยกว่าหนูอีกค่ะ" แยมเล่าให้ฟังต่อพร้อมรอยยิ้มหวาน ราวกับภาคภูมิใจในตัวยูโรมากขึ้น "รู้มั้ย! แม่แอบดีใจอยู่เหมือนกัน" ลิ้นจี่กล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆ "เพราะอะไรเหรอคะ" แยมรีบถามด้วยความใคร่รู้ "เพราะทางครอบครัวของยูโร เขาให้คนมาถามเพื่อนบ้านถึงประวัติลูกอยู่หลายรอบแล้ว พวกป้าข้างบ้านหลังติดกัน แอบเล่าให้แม่ฟังว่า.. มีคนใส่สูทแต่งตัวดูดีมีฐานะมาสืบเรื่อง.. แยมมีการเรียนและนิสัยเป็นยังไงด้วยนะ" ลิ้นจี่กล่าวด้วยซุ่มเสียงไพเราะเสนาะหู "หา!!!" แยมทำตาโตใส่อย่างไม่เชื่อ "ครอบครัวยูโรเขาก็คงอยากให้ลูกชายเปลี่ยนแปลงล่ะมั้ง แล้วเขาคงเล็งเห็นว่า.. หนูอาจจะเป็นคนช่วยดึงยูโรกลับสู่ทางที่ดีได้น่ะ" ขวานพยักหน้าเชื่องช้าแสดงสีหน้าจริงจังเสียอย่างนั้น "แล้ว...พ่อกับแม่ไม่โกรธหนูเหรอคะ" แยมรีบถามต่ออย่างตื่นเต้น คุณแม่จึงเดินเข้ามาลูบเส้นผมแยมอย่างเบามือ "ไม่โกรธหรอกลูก!!! แม่แค่กลัวว่าลูกจะเหนื่อยต่างหาก ต้องคอยมานั่งคิดหาวิธีรับมือกับยูโรน่ะสิ แต่ถ้าหนูเลือกแล้วจงเดินไปให้สุดทางเลยนะ แม่จะเป็นกำลังใจให้อยู่ตรงนี้เสมอ" ลิ้นจี่กล่าวพร้อมส่งรอยยิ้มหวาน "แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นมา ต้องรีบฟ้องพ่อกับแม่ด้วยนะ ใครจะมารังแกลูกสาวของพ่อไม่ได้ทั้งนั้น หนูเข้าใจไหม" พ่อรีบกล่าวเสริม "เข้าใจค่ะ!!! หนูรักพ่อกับแม่ที่สุดเลย~" แยมกล่าวด้วยเสียงเจื้อยแจ้วยิ้มกว้างทั้งน้ำตาคลอ วิ่งเข้าไปโผกอดผู้ให้กำเนิดทั้งสองทันที *บ้านยูโรสมัยเด็ก..อำเภอเหลามาจะฟัง* ยูโรนอนเอกเขนกบนโซฟาตัวยาวภายในห้องนั่งเล่น เขาทำหน้ามุ่ยใส่จอโทรทัศน์ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไว้บนฝ่ามือ เตรียมกดส่งข้อความไปหาแยมรัวๆ เหมือนตั้งใจก่อกวนเธอเสียอย่างนั้น (แยม แฟนเธอเป็นหวัดอีกแล้ว) (ไม่มีคนมาป้อนข้าว แฟนเธอกินไม่ลงเลย T.T) (พรุ่งนี้จะเปิดเทอมแล้ว อย่าทิ้งแฟนหนีไปไหนนะ) ดีนาร์เดินผ่านเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น โคมไฟห้อยระย้าส่องสว่างระยิบระยับ ยังไม่เท่าแสงจอโทรศัพท์ของลูกชายตน เธอแอบเหล่มองข้อความบนหน้าจอของลูกรัก ก่อนจะหัวเราะเบาๆ อย่างสนุกสนาน "อาการไข้หวัดแบบนี้~ คงจะหายยากหน่อยนะลูกรัก โดยเฉพาะโรค..ขาดหนูแยมไม่ได้นี่น่ะ" ดีนาร์กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส คล้ายจะหยอกล้อลูกชาย "แม่! อย่ามาแซวผมสิ!" ยูโรกล่าวอย่างเขินอาย ใบหน้าแดงเป็นปื้นลามไปถึงใบหูแล้ว เขารีบกดปิดหน้าจอมาแนบอกทันที "หึ~ ปล่อยให้มีคนมากำราบไอ้เจ้ายูโรซะบ้าง! เผื่อจะเป็นผู้เป็นคนเหมือนลูกชายบ้านอื่นเขาน่ะคุณ~" เปโซกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ ยิ้มหวานอย่างสนุกสนานตามภรรยาสุดที่รัก "เมื่อก่อนพ่อก็ไม่ใช่ย่อยนิครับ~ โดนแม่กำราบจนเป็นอย่างนี้ ผมไปหาซื้อขนมและของขวัญให้แฟนดีกว่า~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง วิ่งขึ้นห้องนอนเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อมออกจากบ้าน "ไอ้ลูกคนนี้! มันได้ใครมากันนะ" เปโซกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "ได้คุณมานั่นแหละค่ะ พวกเราไปงานเลี้ยงสังสรรค์กันเถอะ ปล่อยเด็กน้อยให้เขามีความรักต่อไปค่ะ ถึงเขาจะดื้อรั้นแต่รู้ขอบเขตดีอยู่แล้ว" ดีนาร์กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล บอกสามีเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วงเกินความจำเป็น รีบจูงมือสามีเดินไปขึ้นรถยนต์ทันที เพราะใกล้จะไปสายแล้วยามนี้ * 6 เดือนผ่านไป.. * * โรงเรียน ××× * ยูโรยื่นกระดาษวัดผลระดับการเรียนของเทอมนี้มาอวดแยม เขายังติดระดับท็อปภายในห้องตนอีกด้วย หากเปรียบเทียบจากเมื่อก่อนคอยแก้ศูนย์มากกว่าสิบตัว ต้องนับถือว่าเขามาได้ไกลมาก หลังจากอาจารย์ประจำห้องได้ประกาศภายในคาบเรียน เขาแสดงความทะเล้นใส่ไม่ยอมหยุดจนน่าหมั่นไส้ "ไม่เสียแรงเปล่าที่คอยติวให้นายทุกวันเลยนะ เอาค่าจ้างสอนพิเศษมาด้วย" แยมแกล้งทวงเงินจากเขาพร้อมยิ้มกว้าง ยื่นฝ่ามือเล็กแบออกทันที "ได้สิ! จะเอากี่หมื่นเหรอเดี๋ยวเราไปบอกแม่ เตรียมตัวจ่ายให้เธอเลย" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ล้วงโทรศัพท์ภายในกระเป๋ากางเกงเตรียมกดหาคุณแม่อย่างรวดเร็ว แยมรีบคว้ามากดวางสายได้ทันเวลา "คนซื่อบื่อ! ฉันกำลังล้อนายเล่นอยู่ต่างหากล่ะ!" แยมกล่าวเสียงดังพร้อมขมวดคิ้วแสดงหน้าบึ้งตึงใส่ "หึ~ ฉันก็แกล้งเธอกลับเหมือนกันแหละ เบอร์โทรออกเมื่อกี้เป็นของเธอต่างหาก ยัยขี้แย" ยูโรกล่าวพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ "คนนิสัยไม่ดี! สรุปจะไปกินปิ้งย่างไหม บรรเจิดคงได้โต๊ะนานแล้ว" เธอกล่าวถามอย่างสงสัย เพราะเลิกเรียนนานแล้วแต่เขาพึ่งปรากฏตัว "ไปเถอะครับ คุณแฟน~" เขาตอบกลับ ก่อนจะคว้ากระเป๋านักเรียนของแยมไปถือครองให้เอง เวลาแห่งความรักได้ผ่านเลยไปเข้าสู่ช่วงหลายเดือน ยูโรและแยมคบกันนานจนคนภายในรั้วโรงเรียนต่างรู้กันทั่ว ซึ่งวันนี้เป็นวันเกิดของยูโรจึงนัดฉลองกันหน่อย สถานที่เป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง (ต่อความเดิมจากบทที่ 4) *หน้าร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง* ทั้งคู่เดินจับมือหยอกล้อกันระหว่างทางเดินเตรียมตัวจะกลับบ้าน หยุดยืนรอคนขับรถยนต์ส่วนตัวของยูโร เพื่อมาแวะรับตรงบริเวณป้ายรถเมล์ สาเหตุเพราะลูกน้องเขาจะได้เห็นพวกเราง่ายกว่าตรงจุดอื่น จังหวะเดียวกันนั้นเอง เห็นเรไรกำลังวิ่งหนีวัยรุ่นผู้ชายกลุ่มหนึ่งอยู่ แยมจึงกระตุกแขนยูโรทันที "นายไปช่วยเรไรให้หน่อยจะได้ไหม" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน เพราะเพื่อนรักตนกำลังถูกคนรังแกต่อหน้า "เธอยืนรอเราอยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนนะ" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง วิ่งเข้าไปหาเรไรอย่างรวดเร็ว จู่ๆ บรรเจิดกลับปรากฏตัวอยู่ด้านข้าง เขาคว้าข้อมือแยมพาวิ่งไปแอบซ่อนตรงบริเวณเสาลานจอดรถ "นายยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ แยกกันเกือบเป็นชั่วโมงแล้วนะ" แยมกระซิบถามบรรเจิดอย่างสงสัย "เราไปเดินเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้ยูโรมาน่ะสิ กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้านเลย เมื่อกี้เห็นยืนกันสองคนว่าจะแวะไปทักทาย แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยสักนิด เห็นไอ้ยูโรวิ่งไปช่วยเรไรแล้วน่ะ จึงลากเธอมาซ่อนกลัวจะมีอันตรายเอาน่ะสิ!" บรรเจิดกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "แต่ยูโรบอกให้เรายืนรอตรงป้ายรถเมล์นะ หากเขาไม่เจอต้องกังวลมากแน่เลย พวกเรากลับไปรอตรงที่เดิมกันเถอะ อีกไม่นานคนขับรถยนต์ก็มารับยูโรแล้วด้วย จะได้มีคนช่วยเหลืออีกแรง" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน เหงื่อไหลออกมาตามหน้าผากเพราะเป็นห่วงยูโร "ตรงนี้เป็นสถานที่ลับน่ะ เวลาเจอพวกอริมักจะมาแอบกัน มันย่อมรู้อยู่แล้ว ไม่ต้องเครียดจนเกินเหตุหรอก" บรรเจิดกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จึงนั่งซ่อนตัวอยู่นานเพียงแค่ไม่กี่นาที เห็นยูโรจูงมือเรไรมาด้วยก็โล่งใจทันที ปัญหาก่อนหน้าคลี่คลายลงก็จริง แต่พบเรื่องเหนือความคาดหมายเข้าแสงไฟระยิบระยับจากโคมระย้าคริสตัล ทอดเงาวูบไหวตามบนเพดานสูงของห้องจัดเลี้ยง เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงคลอเบาๆ แทรกอยู่ระหว่างเสียงหัวเราะและคำอวยพร จากแขกผู้มีเกียรติยามค่ำคืนนี้งานวันเกิดของบรรเจิด ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติยศ ไม่ใช่เพียงแค่เขาเป็นบุตรชายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด หากแต่ยังเพราะเขาเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ด้วย ซึ่งคือ..รองผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างเป็นทางการแยมยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง เธอสวมชุดกระโปรงสีน้ำเงิน แม้จะดูน่ารักเข้ากับรูปร่างเพรียวบางแต่ก็เรียบหรู สองมือประคองกล่องของขวัญทรงสี่เหลี่ยมผูกโบสีทองแน่นความรู้สึกประหม่าแล่นวาบภายในกลางอก เมื่อสายตาเธอกวาดมองบรรยากาศล้อมรอบตัว แขกภายในงานล้วนเป็น.. นักการเมืองกับข้าราชการระดับสูงและนักธุรกิจชื่อดัง ทุกคนดูสง่างามและคุ้นเคยกับโลกใบนี้ ต่างจากเธอที่ยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเสมอแต่แล้วสายตาแยมก็หยุดลงที่ร่างสูงโปร่ง เขาสวมสูทสีดำอย่างเป็นทางการ บรรเจิดยืนอยู่กลางกลุ่มผู้ใหญ่ สีหน้าเปื้อนรอยยิ้มสุภาพ ดวงตาอบอุ่นเป็นประกายแม้จะต้องรับมือกับคำยินดีและคำอวยพรไม่ขาดสาย เขายังคงดูผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ราวกับไม่ใช่งานให
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*แสงไฟบนหน้าจอกระทบแว่นตาเกือบหนึ่งชั่วโมง แยมนั่งตรวจสอบบัญชีอย่างมีสมาธิ จู่ๆ สมองของเธอกลับมีคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแพนด้าเสียอย่างนั้นเธอกดบันทึกไฟล์เอกสารและปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ลง ก่อนจะใช้สองมือเล็กดันโต๊ะสำนักงาน จนเก้าอี้ล้อเลื่อนถอยหลังอย่างเชื่องช้า แอบชำเลืองสายตามองสาวน้อย อยู่ตรงบริเวณหน้าจอคอมพิวเตอร์"เจ๊มีอะไรหรือเปล่าคะ หนูทำบัญชีไม่เรียบร้อยใช่ไหมคะ" แพนด้าวิ่งพรวดพราดมาใกล้บริเวณโต๊ะที่แยมนั่ง ด้วยท่าทางตื่นตระหนกเพราะกลัวโดนดุแยมเอื้อมแขนยาวไปตรงแผ่นหลังสาวน้อย ก่อนจะยกฝ่ามือลูบแผ่วเบา ราวกับปลอบโยนไม่ให้แพนด้าตื่นเต้นเกินเหตุ"เจ๊..แค่มีคำถามที่สงสัยต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเลย" แยมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แพนด้ากลับยืนขนลุกซู่ราวกับถูกกดดัน"เจ๊รีบถามมาเลยเถอะ ท่าทางแบบนี้ของเจ๊ มันทำให้หนูอึดอัดเกินไปนะคะ" แพนด้าตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เปลี่ยนทิศทางสายตาเบนลงต่ำแทน"เจ๊ยังจำได้อยู่นะ คราวก่อน..แพนด้ามาคุยเล่นกับเจ๊น่ะ เหมือนจะมีเพื่อนหนุ่มจอมเกเรตามจีบไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมดันมาคบหากับยอดได้ล่ะ แค่ยังสงสัยว่าหนูไม่ได้คบซ้อนใช
*อาคารสองชั้นสุดหรู*เสียงเครื่องยนต์จอดนิ่งและดับสนิทลงท่ามกลางความมืดมิด แยมเปิดประตูฝั่งคนขับออกมายืนเท้าสะเอวมองอย่างชั่งใจ หัวคิ้วคนสวยขมวดมุ่นเธอเบะปากราวกับโมโหยูโรอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าสองขาเรียวเล็กกลับเดินไปเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร เธอแบกร่างกายอันหนาเตอะของชายขี้เมาออกมาทันที"เอามา!" แยมตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมแสดงสีหน้าโกรธเคือง เธอยื่นฝ่ามือเล็กแบออกอยู่ตรงหน้าเขา แต่กลับโดนอีกฝ่ายเอาคางมาเกยแทน"จะเอาหัวใจของผมเหรอครับคนสวย~" ยูโรกล่าวด้วยน้ำเสียงยานคางเขายิ้มหวานอย่างกวนอารมณ์"นายอยากตายมากนักเหรอ ฉันเป็นใครกันแน่ นายช่วยลืมตาดูหน่อยเถอะนะ" แยมสวนกลับทันควัน เพราะคิดว่าเขายังเอาแต่คิดถึงสาวร้านคาราโอเกะอีก"คุณเป็น..ภรรยาของผมน่ะสิ!" ยูโรยิ้มแป้นตาแทบปิด เตรียมจะยกฝ่ามือหนาลูบละไล้ดวงหน้าเห่อร้อนของเธอ แต่แยมเลือกที่จะผลักเขานอนลงกับพื้นปูนซีเมนต์แทน"ส่งกุญแจมาสักที! ยุงกัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย!" แยมตวาดใส่แก้เขินอาย เธอยืนเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกอดอกตนเอง หวังเพียงให้ดวงใจเต้นอย่างสงบลงเขารีบล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้เธออย่างว่าง่าย เมื่อประตูบานเล็กถูกเปิดออกแยมจึงลากยูโรเข้
*ร้านคาราโอเกะ*แสงไฟนีออนดวงสีชมพูม่วงกะพริบระยิบระยับ เสียงดนตรีจากห้องข้างๆ ดังลอดมาเป็นจังหวะ ยูโรนั่งอยู่ตรงมุมเคาน์เตอร์บาร์แก้ววิสกี้ในมือแทบไม่เคยว่าง เขาคอยรินซ้ำจนของเหลวสีทองขลุกขลิกเกือบล้นขอบแก้วภายในหัวใจของเขา.. ยังคงวนเวียนกับภาพแยมกำลังยืนหัวเราะเคียงข้างบรรเจิด หรือว่าเธอไม่เห็นความหมายของการรอคอยที่เราทำมาตลอดเลย เขาเอาแต่นั่งตัดพ้อตัวเองอยู่ซ้ำๆหญิงสาวรูปร่างเพรียวบางหน้าตาดีคนหนึ่ง เธอสวมชุดกระโปรงสีทองแบบกระชับลำตัว เดินเข้ามานั่งอยู่ตรงด้านข้างเขา กลิ่นน้ำหอมแสนหวานช่างเย้ายวนราวกับกลิ่นไวน์เก่าแก่"ยูโร! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน!" น้ำเสียงสดใสเอ่ยทักทายคนนั่งสับสน เธอกำลังเท้าคางมองแววตาเป็นประกาย เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจำได้ "เรไร" อดีตเพื่อนสนิทของแยมสมัยเรียนมัธยม พวกเธอทั้งสองเคยไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ และยังเคยเป็นแฟนเก่าของเขาด้วยเช่นกัน"อืม!" ยูโรตอบเสียงแหบแสนจะแผ่วเบาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์"นายมานั่งดื่มคนเดียว แต่ทำไมหน้าตาบึ้งตึงเชียว" เรไรหัวเราะน้อยๆ มือเรียวแตะไหล่เขาเป็นเชิงหยอกล้อ ยูโรไม่ได้ผลักไสเพราะเคยพูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว เพียงปล่อยให้เ
*ร้านค้าขายปลีกส่งแยมมี่*เสียงกระดิ่งเหนือประตูไม้เริ่มดังเมื่อมีลูกค้าเปิดเข้ามาอีกครั้ง กลิ่นหอมกรุ่นจากขนมปังสดกับใบตองที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งร้าน ผสมกับเสียงเครื่องคิดเลขดังไม่หยุด ทำให้บรรยากาศดูคึกคักกว่ายามปกติแยมจัดเรียงขนมปังกรอบลงตะกร้าใหญ่ พลางเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนฝาผนังเป็นระยะ เข็มสั้นชี้ที่เลขห้าเข็มยาวเกือบแตะเลขสิบสอง ใจเธอเต้นแผ่วแรงด้วยความคาดหวังอีกเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ยูโรก็คงมารออยู่ตรงหน้าร้านเหมือนทุกวัน ตั้งแต่เขาออกจากโรงพยาบาลมา ทั้งสองมักจะเดินเล่นรับลมยามเย็นด้วยกัน จนเป็นดั่งกิจวัตรประจำวันเลยเหล่าลูกน้องต่างกระวีกระวาดทำงาน เพราะใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้วเช่นกัน คงไม่อยากทำงานล่วงเวลาเหมือนอย่างเคย ทุกสิ่งเป็นได้แค่เพียงความคิดเท่านั้น เมื่อได้ยินเสียงสวรรค์จากลูกค้ารายสุดท้ายมาเยือน"สวัสดีครับแยม~" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นบริเวณตรงหน้าประตูหญิงสาวเงยใบหน้าขึ้นมอง เห็นร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนพับสีขาวกับกางเกงผ้าเรียบ "บรรเจิด" เพื่อนสมัยมัธยมและเป็นคนที่เคยทำให้หัวใจเธอแกว่งไกวอยู่พักหนึ่ง เขากำลังยืนยิ้มอย่างจริงใจ"อ้าว! บรรเจิด! มาซื้อของเหรอ หายหน้าห
*ภัตตาคารสุดหรู*เสียงไวโอลินบรรเลงคลอเบาๆ ท่ามกลางแสงไฟสลัวมองแล้วย่อมอบอุ่นสายตา ภายในภัตตาคารหรูหราริมแม่น้ำถูกตกแต่งด้วยโทนสีครีมทอง ประกายวิบวับจากแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะห้อยระย้าจากบนเพดาน ส่องแสงกระทบแก้วไวน์จนระยิบระยับ แยมเอาแต่ยืนเกร็งตัวอยู่ด้านหน้า ใจเธอเต้นแรงราวกับเด็กที่ถูกครูใหญ่เรียกพบ"ไม่ต้องกังวลนะหนูแยม พ่อแค่พามาทานอาหารอร่อยกัน ปล่อยตัวตามสบายเถอะนะ" เสียงสุภาพของเปโซเอ่ยขึ้น เขาเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ ผมขาวแซมขมับแต่งตัวด้วยสูทเข้ารูป ดูภูมิฐานจนใครๆ ต้องเหลียวมองข้างกายคือดีนาร์ เธอเป็นภรรยาของเขา หญิงวัยกลางคนที่ยังคงงดงามในชุดกระโปรงผ้าไหมสีงาช้าง ใบหน้าสงบและอ่อนโยน เธอยื่นมือมาสัมผัสแขนแยมเบาๆ แทนกำลังใจ"แม่เองก็ตั้งใจอยากจะเจอหนูมานานแล้ว วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีเลยนะ" ดีนาร์กล่าวพร้อมยิ้มหวานแยมกะพริบตาปริบๆ มือเรียวกำสายกระเป๋าสะพายไหล่จนแน่น เธอสวมชุดกระโปรงเรียบง่ายที่พยายามเลือกอย่างคัดสรรให้ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่คู่ควรกับสถานที่และบรรยากาศเลย เพราะออกจากโรงพยาบาลมาได้ ก็ถูกคุณแม่ของยูโรแปลงโฉมภายในห้างสรรพสินค้าทันที"ขอบคุณมากเลยค่ะ







