หลิวอวี้เฟยกลืนน้ำลายอย่างฝืดเคือง ดวงตาของนางหลุบต่ำเล็กน้อยเพื่อซ่อนความรู้สึกวูบไหวในใจ นางไม่คิดว่าซุน เหวินจะกล่าวเช่นนี้ต่อหน้าเด็กน้อยและองครักษ์ของตน นี่มัน…เกินความคาดหมายของนางไปมาก
“เพียงแค่มื้อเดียวเท่านั้น” ซุนเหวินเน้นย้ำน้ำเสียงทุ้มของเขาฟังดูจริงจังแต่กลับแฝงด้วยความอ่อนโยนบางเบาที่ทำให้หัวใจของนางเต้นผิดจังหวะ
หลิวหยุนจิงที่นั่งอยู่บนตักของซุนเหวินกลับเผยรอยยิ้มสดใสออกมา นางชอบใจนักที่ท่านลุงของนางเดินหน้าเช่นนี้ นางมองไปทางมารดาอย่างคาดหวัง
“ท่านแม่เจ้าคะ คิดเสียว่าพวกเราเลี้ยงข้าวตอบแทนท่านลุงดีหรือไม่ หากท่านไม่วางใจเช่นนั้นพวกเราก็พาท่านลุงไปกินข้าวที่เหลาเมิ่งฮวาของเราดีหรือไม่เจ้าคะ”
หลิวอวี้เฟยตวัดสายตามองบุตรี ดวงตาของเด็กน้อยฉายแววพราวระยับนางรู้ทันทีว่าบุตรีของนางกำลังสมรู้ร่วมคิดกับ ซุนเหวินโดยที่นางไม่อาจปฏิเสธได้
“เพียงมื้อเดียวเท่านั้น” นางกล่าวเสียงเบารู้สึกว่าตนเองเสียเปรียบอย่างประหลาด
ซุนเหวินเผยรอยยิ้มที่มุมปาก “ตกลง เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าเลือกร้าน
หวงอวิ๋นหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางลูบจมูกตนเอง ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความสนใจในตัวเด็กหญิงตัวน้อย กงฉางที่เห็นการต่อสู้พยักหน้าพลางกอดอก“เจ้าผ่านแล้ว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเจ้าจะเริ่มฝึกอย่างเป็นทางการ”หลิวหยุนจิงยิ้มกว้าง “ขอบคุณท่านอาจารย์เจ้าค่ะ!”เสียงฮือฮาของเหล่าทหารดังขึ้น ทหารบางคนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าชื่นชมเด็กหญิงตัวเล็กที่สามารถยืนหยัดทนการฝึกหนักและยังต่อสู้กับทหารที่ได้รับการฝึกมาแล้วได้อย่างน่าทึ่งฮัวชวี่ปิ้งกับฮัวหยุนที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแฝงความชื่นชม“นางเก่งมาก” ฮัวหยุนเอ่ยชม เขาเอ่ยยังไม่ทันจบสองตาของเจ้าตัวก็เห็นว่าร่างกายเล็ก ๆ ของหลิวหยุนจิงเริ่มโงนเงน เขาจึงรีบพุ่งตัวไปทางนางก่อนจะรับร่างเล็กจ้อยเอาไว้ได้ทันก่อนที่นางจะล้มลงไปกับพื้นดิน“เยว่ฮวา!” เขาเรียกนางด้วยความตกใจ“ไม่เป็นไรนางแค่เหนื่อยเกินไป” กงฉางเข้ามาดูอาการของนางพูดขึ้นเสียงเรียบทว่าดวงตาของเขาไม่อาจปิดบังว่าค่อนข้างเป็นห่วงเด็กหญิงไม่น้อยในห้วงฝันของหลิวหยุนจิง นางเห็นภาพของตนเองในอดีตยุค
หลิวเช่อทรงแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย ก่อนจะทอดพระเนตรเด็กหญิงตัวเล็กที่กล่าวคำประจบอย่างแนบเนียน หากเป็นขุนนางคนอื่นคงไม่กล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าพระองค์ แต่นางกลับกล่าวออกมาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ทำให้พระองค์ไม่อาจทรงกริ้วได้เลยแม้แต่น้อย“เจ้าตัวเล็ก ช่างพูดจริง ๆ” พระองค์ตรัสด้วยน้ำเสียงขบขันหลิวหยุนจิงเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนจะรีบประสานมือแล้วกล่าวต่ออย่างคล่องแคล่ว“มิใช่เพียงชื่อนะเจ้าคะ ข้ายังมีข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางการฝึกของหน่วยเพลิงสวรรค์ด้วย”หลิวเช่อทรงเลิกพระขนงขึ้นอย่างสนใจหลังได้ยินก่อนที่พระองค์จะบ่ายหน้าไปมองขุนนางที่ติดตามมา ซึ่งขุนนางเหล่านั้นพลันรู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นทันที เพราะสายตาของพระองค์แปลได้ว่า(พวกเจ้าช่างไร้ความสามารถกันยิ่งกว่าเด็กตัวน้อยนี่เสียอีก และยังมัวเอาแต่เถียงกันไม่จบสิ้น)ทางด้านหลิวหยุนจิงผู้มีประสาทไวแม้นางจะเข้าใจความนัยถึงสายตาขององค์จักรพรรดิทว่านางก็หาได้สนใจรวมถึงนางยังคงทำท่าทางไร้เดียงสาแบบเด็ก ๆ ต่อไป“แนวทางการฝึกอย่างนั้นหรือ” หลิวเช่อถามด้วยความใคร่รู้หลังจากกวาดตาขู่ขุนนางเหล่านั้
หลังจากสองครั้งแรกหลิวหยุนจิงจึงปรับสูตรอีกครั้ง นางลดปริมาณถ่านไม้และเพิ่มดินประสิวขึ้นเล็กน้อยจากนั้นบดส่วนผสมให้ละเอียดกว่าเดิม ก่อนจะนำใส่กระบอกไม้ไผ่และทำรูระบายเล็ก ๆ ที่ปลายกระบอกเพื่อควบคุมแรงอัดของแก๊สเมื่อเด็กหญิงมั่นใจในการกระทำของตน เธอก็ตะโกนให้ทุกคนถอยออกห่างจากตรงนี้อีกครั้งก่อนจะใช้คบเพลิงจุดไปยังชนวนด้วยความระมัดระวังก่อนที่เจ้าตัวจะปากระบอกไม้ไผ่ไปจนสุดแรงเกิดบึ้มมม! เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาทดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ทำให้ฝุ่นดินฟุ้งกระจาย หลิวห่าวเทียนที่เฝ้าดูอยู่เบิกตากว้างเช่นเดียวกับสองพี่น้องฮัว ส่วนทหารหลายคนที่ยืนอยู่ไกลยังรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนระคนตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเมื่อควันจางลงทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงหลิวหยุนจิงเท่านั้นที่กำลังกระโดดโลดเต้นฉีกยิ้มออกมาอย่าง ดีใจ“สำเร็จแล้ว”หลิวห่าวเทียนเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับจับไหล่ของนาง “เยว่ฮวา นี่มัน” ยังไม่ทันได้ถามไถ่ให้รู้เรื่องหลานสาวก็กระโจนเข้ามากอดเขาแน่น“ท่านตาเจ้าคะ มันคือสิ่งที่จะทำให้ข้าศึกไม่กล้าเข้าประชิดเรา ข้าทำ
“สิ่งนี้เรียกว่าระเบิดพ่ะย่ะค่ะ วิธีการทำงานของมันนั้น…..”หลิวห่าวเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพลางชี้ไปยังภาพร่างของระเบิดทั้งสามประเภทที่ถูกวาดไว้ในม้วนผ้าบนโต๊ะพระที่นั่ง“ระเบิดควัน ระเบิดเพลิง และระเบิดแรงอัด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่กระหม่อมทดลองมาแล้ว และมันสามารถใช้ในสนามรบได้จริง”จักรพรรดิหลิวเช่อทรงจ้องมองภาพเหล่านั้นด้วยความสนพระทัย แม้ว่าพระองค์จะคุ้นเคยกับอาวุธมากมายแต่การใช้อาวุธในรูปแบบนี้ยังคงเป็นเรื่องใหม่สำหรับพระองค์ พระหัตถ์ของพระองค์เคาะเบา ๆ บนโต๊ะไม้ด้วยพระพักตร์เคร่งขรึม“ท่านหลิวไท่เว่ยสิ่งที่ท่านพูดออกมานั้นฟังดูน่าสนใจ แต่เรายังมิได้เห็นผลลัพธ์ด้วยตาของตนเองดังนั้นเราย่อมไม่อาจเชื่อ”หลิวห่าวเทียนยิ้มมุมปากก่อนจะคุกเข่าลงอีกครั้ง “หากเช่นนั้นฝ่าบาทจะไปดูให้เห็นกับตาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ในตอนนี้กระหม่อมกับหลานสาวยังคงพักอยู่ในค่ายฝึกนอกเมือง”“หืม เจ้าพาหลานสาวของตนไปในค่ายทหารด้วยอย่างนั้นหรือ เด็กตัวแค่นั้นไม่โยเยหรืออย่างไร” หลิวเช่อเลิกพระขนงขึ้นสูงเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มยามนึกถึงท่าทางของคนตัวเล็กที่มักจะไม่เกรงต่อสิ
แสงอาทิตย์ยามบ่ายทอดเงายาวลงบนสนามทดสอบอาวุธภายในค่ายฝึก หลิวหยุนจิงยืนอยู่เบื้องหน้าขององค์จักรพรรดิและเหล่าขุนนางที่ติดตามพระองค์มาด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยวผิดแผกจากเด็กหญิงวัยห้าปีบรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความเงียบงัน มีเพียงเสียงลมพัดผ่านและเสียงขยับเกราะของทหารที่เฝ้าดู“ท่านอาจื่อถง...เอ่อ ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านอาจจะต้องถอยไปด้านหลังสักหน่อย เพื่อความปลอดภัย”คำพูดของเด็กหญิงทำให้เหล่าขุนนางที่ติดตามองค์จักรพรรดิถึงกับหน้าถอดสี (เจ้าเด็กนี่กล้าสั่งองค์จักรพรรดิให้ถอยไปด้านหลังเช่นนั้นหรือ!?)แต่แทนที่หลิวเช่อจะทรงกริ้ว พระองค์กลับทรงพระสรวลออกมาเบา ๆ ก่อนจะพยักพระพักตร์และถอยไปตามที่เด็กหญิงแนะนำ“เอาละ เริ่มการทดสอบได้”หลิวหยุนจิงพยักหน้า นางก้มลงไปจุดชนวนของระเบิดควันเป็นลำดับแรก ทันทีที่เปลวไฟแตะเข้ากับไส้ชนวนระเบิดควันก็พ่นกลุ่มควันหนาทึบออกมาจนบดบังสายตาของทุกคนในบริเวณนั้นทหารจำนวนหนึ่งที่ไม่เคยพบเห็นของสิ่งนี้มาก่อนถึงกับสะดุ้งถอยหลัง ยกเว้นกงฉางกับหลิวห่าวเทียนที่ยังคงยืนกอดอกอยู่พร้อมกับพยักหน้าลงอย่างชื่นชม“อืม ควันหน
ซึ่งในตอนนี้ทหารทั้งเก่าและใหม่หลายนายกำลังให้ความสนอกสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมากจนบางคนละเลยในการฝึกของตัวเองทว่าหลังจากเห็นสายตาของกงฉางที่มองมาพวกเขาก็พากันเสียววูบก่อนจะตั้งใจฝึกกันต่อไป ยกเว้นสองพี่น้องฮัวที่ยังคงชำเลืองมองมาทางหลิวหยุนจิงเป็นระยะ“น้องชาย เจ้าว่าน้องเล็กของเราจะไหวหรือไม่” คำถามของฮัวชวี่ปิ้งทำให้มือของฮัวหยุนที่กำลังฟันกระบี่หยุดชะงัก“น้องเล็ก ใครกัน” แม้ว่าเจ้าตัวจะเข้าใจกระนั้นเขาก็ถามออกมาแบบกวนโทสะคนเป็นพี่“ก็เยว่ฮวาอย่างไรเล่า ข้ายกตำแหน่งน้องเล็กของเราให้นาง ต่อไปนี้ข้าจะดูแลนางประดุจน้องสาวร่วมอุทรเจ้าไม่เห็นด้วยอย่างนั้นหรือ” ฮัวชวี่ปิ้งที่กำลังหลบการโจมตีของคู่ซ้อมพูดขึ้น“สำหรับข้านางคือหุ้นส่วนและข้าคิดว่านางเองก็ไม่ต้องการให้เราประคบประหงมอย่างที่ท่านเข้าใจ ส่วนเรื่องที่นางต้องการทำนั้นข้าคิดว่านางย่อมสู้จนผ่านไปได้อย่างแน่นอน” ฮัวหยุนพูดพลางตวัดขาเตะคู่ซ้อมของตนที่กำลังพุ่งเข้ามาพร้อมดาบในมือ“เจ้ามั่นใจถึงเพียงนั้น” ฮัวชวี่ปิ้งย้อนอย่างกังขา“ใช่ ไม่อย่างนั้นนางจะทำให้เราสองคนผูกติดอยู่ก