LOGINเสิ่นลี่อิงเข้าไปคว้าจับประคองร่างของหมอจ้านไว้ไม่ให้ล้มหัวฟาดลงไป นางจับหมอจ้านลงนอนหงายท่ามกลางความวุ่นวายแตกตื่นของคนในร้าน
“ผีซ้ำด้ำพลอย ผีซ้ำด้ำพลอยจริงๆ” หลงจู๊ที่ใจดีปันพื้นที่ให้เสิ่นลี่อิงรักษาเด็กหญิงกล่าวขึ้น เมื่อเห็นว่าร้านของตนท่าจะมีคนป่วยเพิ่มอีกเสียแล้ว
ส่วนเปาหลงก็ตะลึงงันที่เห็นคนมาเจ็บป่วยต่อหน้าติดๆ กัน จนเกิดท่าทีหวาดกลัวหายใจหอบถี่ขึ้นมา เสิ่นลี่อิงในเวลานี้อยากแยกร่างได้ยิ่งกว่าสิ่งใด แต่นางก็ต้องเริ่มจากผู้ที่มีอาการฉุกเฉินที่สุดก่อน นั่นก็คือหมอจ้านผู้ปากดีผู้นี้ ตั้งแต่มาภพนี้นี่อาจเป็นวันที่นางใช้ความรู้จากภพเดิมได้คุ้มค่าที่สุด
เสิ่นลี่อิงลงมือทำซีพีอาร์ทันที เมื่อเห็นว่าหมอจ้านยังไม่มีการตอบสนอง นางจึงนำเครื่องกระตุ้นหัวใจพกพาออกมาใช้กับเขา และทำซีพีอาร์ต่อจนชายที่นอนหมดสติอยู่เริ่มรู้สึกตัว โชคดีที่มีชั้นวางขายกระดาษบดบังอยู่พอดีจึงทำให้ผู้คนไม่แตกตื่นที่นางนำของออกมาจากอากาศว่างเปล่า
เมื่อดูแลทุกคนเสร็จแล้ว นางจึงเดินไปหาเปาหลงจับมือเขาไว้และชวนให้หายใจเข้าออกยาวๆ ไปพร้อมกันกับเด็กน้อยจนใจเย็นลงเล็กน้อยแต่ก็ยังคงร้องไห้หนักอยู่”
“เปาเปาพูดตามพี่สาวนะ ข้าตัวใหญ่”
“เปาเปา ตัวหย่าย(ตัวใหญ่) ฮือๆๆ”
“ข้ากล้าหาญ”
“ข้ากล้า ฮึก ฮือ”
“ข้าฉลาด”
“ข้าฉยาด(ฉลาด) ฮึก” เปาเปาน้อยสูดน้ำมูกปาดน้ำตา หายใจเข้าออกจนสุดปอดก่อนจะพูดกับเสิ่นลี่อิงอย่างจริงจัง
“เปาเปานึกถึงเรื่องในป่ามีแต่คนนอนนิ่ง” เปาเปาที่สงบลงก็กลับมาพูดชัดเจนไม่อ้อแอ้เหมือนยามร้องไห้หนักอีก
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” นางกอดปลอบเปาเปาน้อยไว้แนบอก
“ทำไมพี่สาวไม่ช่วยข้าก่อน” เปาหลงน้ำตาไหลรินอีกครั้งด้วยความน้อยใจ เพราะเปาเปาคิดว่าพี่สาวควรจะต้องปลอบเขาก่อนใครจึงจะถูกต้อง
“หากข้ามาหาเจ้าก่อนชายผู้นั้นจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก”
“แต่เปาเปากลัว”
“ข้ารู้ แต่ตัวข้ามีแค่เพียงผู้เดียว หากข้าไม่ช่วยเขาไว้และปล่อยให้ตายทั้งที่ช่วยได้ เราสองคนจะรู้สึกผิด”
“เข้าใจแล้ว แต่ยังเสียใจ”
“งั้นข้ากอดแน่นๆ สิบที และคืนนี้จะเล่านิทานเรื่องเด็กชายผู้ฆ่ายักษ์ให้ฟังดีหรือไม่” ในที่สุดเพราะข้อแลกเปลี่ยนเป็นนิทานเรื่องใหม่ก็ทำให้เปาหลงยอมหายน้อยใจแต่โดยดี
.
.
“คนเจ็บอยู่ที่ใด” เสียงชายอีกคนดังขึ้นที่หน้าร้าน เดินเข้ามาพร้อมกับบ่าวที่นางให้ไปตามพ่อแม่และหมอในคราแรก
“ด้านในๆ” หลงจู๊ร้องตอบออกไป
ใครอีกเนี่ย ถ้ามาดูถูกกันเหมือนเมื่อกี้ต้องได้ตายกันไปข้าง
“แม่นางคนเจ็บเป็นเด็กมิใช่หรือ เหตุใดจึงเป็นหมอจ้านมานอนอยู่”
“เอ่อคือ คนเจ็บคนแรกอยู่หลังม่าน ข้ารักษาแล้ว แม่ของนางดูแลอยู่ ส่วนท่านหมอผู้นี้เจ็บหน้าอกจนสิ้นสติไปแต่เขาไม่เป็นไรแล้ว”
“เข้าใจแล้ว” หมอท่านนั้นเดินเข้าไปดูอาการของเด็กด้านในก่อน
หมอจ้านที่พึ่งฟื้นคืนสติมีน้ำตาคลอเบ้าเขาหันมามองเสิ่นลี่อิงที่อุ้มเปาหลงอยู่ และเข้ามาคุกเข่าคารวะนางแบบเต็มพิธีการ
“ท่านทำอันใดกัน”
“ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ก่อนหน้านี้ล่วงเกินแล้ว ล่วงเกินแล้ว”
“ท่านหมอจ้านพอเถิด ไม่ต้องมากพิธีอันใด ท่านควรกลับไปพักผ่อน” นางส่ายหัวให้กับการกระทำที่พลิกหน้าพลิกหลังเช่นนี้นัก แต่หลังจากหว่านล้อมอยู่นานในที่สุดเขาก็ยอมลุกไปนั่งที่อื่น
“ท่านหมอหญิงท่านรักษาได้อย่างไรหรือ” หมอที่มาทีหลังเดินออกมาถามกับนางด้วยแววตาอ่านยาก
“ข้าจะบอกท่านเท่าที่ข้าได้รับอนุญาตก็แล้วกัน” หมอหนุ่มผู้นั้นพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจ เพราะแต่ละสำนักแต่ละสายอาจารย์ก็มีความลับของตนที่มิอาจเปิดเผยได้
เสิ่นลี่อิงอธิบายความรู้ของนางให้หมอชิงเสวียนผู้นั้นฟังเท่าที่จะทำได้ เครื่องไม้เครื่องมือบางอย่างที่ไม่มีในยุคสมัยนี้นางก็ต้องจำใจกล่าวข้ามไป และแนะนำให้หมอท่านนี้ศึกษาเพิ่มเติมจากร่างมนุษย์ หากมีผู้ใดที่อาสาบริจาคร่างกายตนให้ศึกษาหลังสิ้นลมหายใจก็ให้คว้าโอกาสนั้นไว้
เสิ่นลี่อิงและหมอชิงเสวียนโต้ตอบกันอย่างออกรสชาติ แม้จะอยู่ในภพที่โบราณเช่นนี้แต่ความเข้าใจของหมอหนุ่มผู้นี้ก็ล้ำหน้าไม่น้อย ผิดกับหมอจ้านที่นั่งเงียบไม่ได้กล่าวสิ่งใดนอกจากส่งเสียงราวกับไม่พอใจออกมา
อะไรของเขา น่ารำคาญจริง
“เด็กก็หายแล้วหมอจ้านเองก็เช่นกัน ข้าก็ควรไปได้เสียที” นางหันไปหาฮูหยินกู๋กำชับวิธีการดูแลเด็กต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะรับของและจ่ายเงินกับหลงจู๊ร้านกระดาษและอุ้มเปาหลงจากไปจากร้านนี้เสียที
เมื่อนางเดินออกมาแล้วหมอชิงเสวียนกลับวิ่งตามมา “ท่านหมอลี่! เดี๋ยวก่อน”
“ข้าบอกแล้วว่าข้ามิใช่หมอ”
“รักษาคนจะเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร”
“เห้อ เอาเถอะ เจ้ามีอะไรอีกหรือ”
“ข้าเพียงต้องการเป็นสหายกับเจ้า วันหน้าข้าไปขอความรู้อีกได้หรือไม่”
“ย่อมได้ ข้าเข้าเมืองบ่อยอยู่แล้ว แลกเปลี่ยนความรู้กับเจ้า ข้าเองก็ได้ความรู้ ผิดกับท่านหมอจ้านผู้นั้น คราแรกก็ดูถูกข้าเสียมากมาย พอข้าช่วยไว้จึงได้เงียบลงแต่ก็ยังมีท่าทางน่ารำคาญใจ”
“เขาเป็นเช่นนั้นแหละ มาจากตระกูลที่เป็นหมอมาหลายชั่วอายุคน ความโอหังของเขาแม้สูงเสียดแผ่นฟ้าก็มิอาจเทียบเทียม”
“เจ้าก็ดูท่าจะไม่ชอบหมอจ้าน”
“ไม่หรอก เขาชอบปล่อยข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับโรงหมอของข้า หากไม่เข้าตาจนหรือไม่มีเงิน คนก็ไม่ค่อยอยากจะมาโรงหมอของข้ากัน วันนี้หากมิใช่เพราะหมอจ้านมาช้า ข้าก็คงไม่ถูกตามมา”
“นั่นกลับเป็นข้อดีสำหรับเจ้า เมื่อเข้าตาจนและไม่มีเงินก็มักจะมาด้วยอาการสาหัส เจ้าเองก็ได้ฝึกฝีมือ เพียงแค่ต้องรอผู้คนได้รับรู้ฝีมือเจ้าที่ฝึกฝนมาด้วยตนเอง มิใช่อาศัยชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเช่นนี้”
“มุมมองนี้ช่างดีนัก หากมีสิ่งใด หมอหญิงลี่มาที่โรงหมอของข้าได้ทุกเมื่อ”
“อืม ลาแล้วๆ”
“เชิญ เชิญ” หมอชิงเสวียนยืนมองเสิ่นลี่อิงไปจนลับสายตา การสร้างมิตรภาพเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องรอง แต่หมอหญิงลี่คนนี้ช่างดูคุ้นเคยยิ่งนัก แต่เขาเพียงยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ารู้จักนางจากที่ใดกัน
.
.
.
เสิ่นลี่อิงเข็นรถขายของไปรับน้ำแกงกับลุงเฉินและรับเงินค่าเสี่ยวหลงเปาด้วยตัวเอง ลุงเฉินก็ยังคงขายดิบขายดีอยู่เช่นเดิม และมีการปรับขายเป็นรอบเพื่อให้มีสินค้าตลอดวัน
เสิ่นลี่อิงพาเปาเปาไปซื้อวัตถุดิบไปเพิ่มสำหรับสัปดาห์หน้าก่อนกลับ “เปาหลงวันนี้เราคงต้องเดินกลับเสียแล้ว เลยเวลารอบเกวียนของท่านลุงไฉ่แล้ว”
“เดินได้ขอรับ พี่สาวขอรับ เราจะได้เจอสองแม่ลูกนั้นอีกหรือไม่” เปาเปาถามออกมา
“หากนางสบายดีคงไม่ต้องเจอกันอีก ทำไมเล่า” ลี่อิงถามกลับ
“พี่สาวที่ไม่สบายหน้าตาคุ้นเคยมากขอรับ มารดาของนางเองก็ด้วย”
“คล้ายคนที่เปาเปารู้จักหรือ”
“นึกไม่ออก แต่คุ้นมากขอรับ”
“หากคราวหน้าบังเอิญพบไว้เราค่อยหาคำตอบกัน เดินต่อกันเถิด”
นางเดินวนรอบตลาดก่อนจะได้ยินประกาศงานเลี้ยงชมจันทร์ที่จวนเสียนอ๋องในคืนวันมะรืน ทั้งในประกาศยังบอกให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถไปขายของหน้าจวนอ๋องได้อีกด้วย
ได้ข่าวมาแล้วสินะ รวดเร็วเสียจริง!
เมื่อเห็นว่าญาติผู้พี่นั้นวางแผนรอบขอบเพียงไรนางก็สุขใจไม่น้อย ประกาศล่วงหน้าสองวัน ทั้งยังเชิญให้คนไปขายของ หากมีคนซุ่มดูที่จวนเสียนอ๋องว่ามีหญิงสาวมาขอความช่วยเหลือหรือไม่ก็จะไม่รู้สึกสงสัยใดๆ เพราะนางสามารถปะปนไปกับผู้คนได้
หากผู้บงการนั้นเป็นคนรอบคอบการดักรอเสิ่นลี่อิงมาขอความช่วยเหลือจากญาติผู้พี่ของตนก็นับว่าไม่เกินความจริง
.
.
.
นางกลับมาถึงก็ยังคงต้องลงแรงทำเสี่ยวหลงเปาและไหนจะต้องเตรียมของไปขายอีก เมื่อจะไปขอซื้อไข่จากจินเหมย เสิ่นลี่อิงจึงบังเกิดความคิดดีๆ
_________
ผีซ้ำด้ำพลอย หมายถึงซวย โชคไม่ดี
บทที่ 29 อะไรก็เกิดขึ้นในป่าในป่าเงียบสงัดเริ่มมีต้นไม้หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เสียงเท้าที่เหยียบย่ำลงบนเศษไม้และกิ่งไม้กรอบแห้ง เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสียงย่ำเท้าหนักๆ เสิ่นลี่อิงกำลังอุ้มเปาหลงวิ่งหนีคนร้ายลึกเข้ามาในป่าทุกครั้งที่เข้าป่า ซวย ซวยตลอด มันทำไมนัก!!!!เปาหลงหลับตาปี๋ซบลงที่ตัวนางไม่พูดหรือร้องไห้ออกมาแม้เพียงนิด นางไม่คิดว่าคนร้ายกลุ่มนี้จะหมายจัดการนาง เพราะพวกเขาส่งคนร้ายให้ไล่ล่าตามมาเพียงคนเดียว วันนี้ไม่คล่องตัวแม้สักนิดนักฆ่ามืออาชีพทั้งนางยังมีเปาเปามาด้วย“เปาหลงอดทนหน่อยนะ เดี๋ยวเจ้าไปหลบหลังซากไม้ใหญ่นั้น” ลี่อิงวิ่งจนสุดแรงกำลังที่มีวางเปาเปาน้อยลงให้เขาวิ่งไปหาที่กำ
บทที่ 28 ดาวนำโชคทำงานอีกครั้งบรรยากาศไม่เย็นไม่ร้อนทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ลำบากนัก รถม้าที่ภายในตกแต่งมาอย่างดี ทำให้การเดินทางครั้งนี้สะดวกสบาย และช่วงเวลาพักม้าก็เป็นช่วงเวลาทองให้นางได้เก็บของป่าติดตัวไปด้วย แม้จะยังไม่พบอะไรที่รู้สึกว่าล้ำค่า แต่นางก็คิดว่าก่อนถึงจวนหนิงอ๋องรถม้าคงเต็มไปด้วยของให้นางและเปาเปาได้ใช้เล่นสนุกมากมายตู้เปาหลงแม้จะยังเล็กนักแต่เพราะการอบรมที่เข้มงวดให้เหมาะสมกับฐานะของเจ้าตัวที่ได้รับมาตั้งแต่ก่อนพบกับนาง ทำให้เปาเปาน้อยไม่งอแงเท่าที่นางคาดไว้ ทั้งยังดูเพลิดเพลินกับการเล่นแป้งนวดแบบที่เด็กๆ ในภพเดิมของนางเล่นกัน“นี่ๆ ดูเปาเปาปั้น” เด็กน้อยนำสัตว์ประหลาดสีเขียวมายื่นไว้ตรงหน้านาง
บทที่ 27 เตรียมตัวเดินทาง“ก็ปล่อยไว้เช่นนี้ ไม่เห็นต้องทำสิ่งใด”เหตุที่เสียนอ๋องเอ่ยถามกับนางเช่นนั้นเป็นเพราะก่อนหน้านี้เสิ่นลี่อิงได้ขอให้ญาติผู้พี่ของตนคุ้มกันตัวนาง และตู้เปาหลงไปส่งที่จวนหนิงอ๋อง และขอให้เขาสร้างสถานะใหม่ให้ตนเอง นางจะเข้าไปในวังหนิงอ๋องในฐานะหมอหญิงลี่อิง ผู้ช่วยชีวิตอ๋องน้อยแห่งจวนหนิงอ๋องเอาไว้แผนการนี้ถูกเสียนอ๋องคัดค้านในคราแรกเกรงว่าการกระทำของนางอาจดูไม่เหมาะสม แต่เมื่อเสิ่นลี่อิงยกเหตุผลว่าคนที่วางยาได้ทั้งหนิงอ๋องและลูกในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งยังเป็นยาพิษชนิดเดียวกันย่อมต้องเป็นฝีมือของคนภายในเป็นแน่ หากนางเทียวไปเทียวมาเพื่อทำการรักษา ตัวผู้บงการก็จะสามารถสั่งให้คนของตนวางยาซ้ำได้อยู่ดี จะดีกว่าหากนางอยู่ในเรือนเพื่อให้
บทที่ 26 รับผลกรรมที่ก่อเสิ่นลี่อิงเบื่อแสนเบื่อกับการทะเลาะกับคนในหมู่บ้านแห่งนี้เต็มที พวกเขาเห็นนางไม่เอาเรื่องจนเด็ดขาดก็เลยตามหาเรื่องไม่ยอมหยุดหย่อน พอครั้งนี้นางเลือกตีให้น่วมเป็นตัวอย่างก็ยังกล้าหาเรื่องลำบากใจมาให้นางอีก คงเป็นเพราะฉินเปาที่ไม่ยอมบอกสาเหตุที่ถูกลี่อิงตีจนเกือบตายอยากตายกันไปข้างก็จัดให้ได้!“มาคร่ำครวญเอาอะไรไม่ทราบ”“เจ้า!” ทันทีที่เสิ่นลี่อิงก้าวลงมาจากรถม้าผู่จานก็พุ่งเข้ามาหวังทำร้ายนางทันที แต่ก่อนจะได้ฟาดฝ่ามือลงมาก็ถูกสกัดไว้เสียก่อนจากองครักษ์ที่ติดตามมาด้วย“เจ้า ตีลูกข้าปางตาย นังปีศาจ เจ้ามันโหดร้ายเกินคน”
บทที่ 25 เสียนหวางเฟยจะคลอดบ่าวที่วิ่งมาตามคือท่านพ่อบ้านประจำจวน พระชายาเอกของเสียนอ๋องมาเจ็บท้องคลอดในวันนี้พอดีในระหว่างที่กำลังรับรองแขกสำหรับงานเลี้ยงหลอกๆ ครั้งนี้การเข้าป่าจนโดนตามฆ่าในครั้งนั้นของเสียนอ๋องก็เพื่อตามหาสมุนไพรชนิดหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กพลิกตัวกลับได้ง่าย เพราะหญิงในสกุลหลี่ของพระชายาผู้นี้ ครึ่งหนึ่งคลอดลูกตายด้วยสาเหตุเดียวกัน คือเด็กไม่พลิกตัวเสิ่นลี่อิงเองก็ไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดเขาจึงไม่บอกนางตั้งแต่คืนวันนั้น แต่หากจะให้นางคาดเดาก็คงเหมือนดังเช่นนางที่มิรู้ว่าผู้ใดสามารถไว้ใจเต็มสิบส่วนได้บ้าง&
บทที่ 24 ข่าวใหญ่จากจวนอ๋องคืนนั้นเสิ่นลี่อิงไปลอบดักฟังที่บ้านของฉินเปา ได้ยินแต่เสียงป้าผู่และสามีก่นด่ากัน“ลูกชายของท่านเข้าเมืองทีไรไม่ยอมกลับบ้าน ใช้การไม่ได้”“ผู่จานเจ้านั่นแหละอบรมฉินเปาอย่างไร”ลี่อิงที่ได้ยินว่าพวกเขาไม่ได้กำลังร้อนใจว่าลูกชายไม่กลับบ้าน แต่กลับทะเลาะกันเสมือนเป็นพฤติกรรมปกติของบุตรชาย นางก็กลับไปนอนเล่นอย่างสบายใจ ต่อให้พรุ่งนี้พบตัวแล้วมาโวยวายนางก็ไม่กลัว อย่างไรชาวบ้านที่ขายไข่ไก่ย่อมต้องเข้าข้างนางที่เป็นลูกค้าบ้างเมื่อสบายใจแล้วจึงนึกได้ว่าเห็ดป่าที่เพ







