แชร์

บทที่ 21 หมอชิงเสวียน(?)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-31 18:09:52

บทที่ 21 หมอชิงเสวียน(?)

       เสิ่นลี่อิงเข้าไปคว้าจับประคองร่างของหมอจ้านไว้ไม่ให้ล้มหัวฟาดลงไป นางจับหมอจ้านลงนอนหงายท่ามกลางความวุ่นวายแตกตื่นของคนในร้าน

“ผีซ้ำด้ำพลอย ผีซ้ำด้ำพลอยจริงๆ” หลงจู๊ที่ใจดีปันพื้นที่ให้เสิ่นลี่อิงรักษาเด็กหญิงกล่าวขึ้น เมื่อเห็นว่าร้านของตนท่าจะมีคนป่วยเพิ่มอีกเสียแล้ว

       ส่วนเปาหลงก็ตะลึงงันที่เห็นคนมาเจ็บป่วยต่อหน้าติดๆ กัน จนเกิดท่าทีหวาดกลัวหายใจหอบถี่ขึ้นมา เสิ่นลี่อิงในเวลานี้อยากแยกร่างได้ยิ่งกว่าสิ่งใด แต่นางก็ต้องเริ่มจากผู้ที่มีอาการฉุกเฉินที่สุดก่อน นั่นก็คือหมอจ้านผู้ปากดีผู้นี้ ตั้งแต่มาภพนี้นี่อาจเป็นวันที่นางใช้ความรู้จากภพเดิมได้คุ้มค่าที่สุด

       เสิ่นลี่อิงลงมือทำซีพีอาร์ทันที เมื่อเห็นว่าหมอจ้านยังไม่มีการตอบสนอง นางจึงนำเครื่องกระตุ้นหัวใจพกพาออกมาใช้กับเขา และทำซีพีอาร์ต่อจนชายที่นอนหมดสติอยู่เริ่มรู้สึกตัว โชคดีที่มีชั้นวางขายกระดาษบดบังอยู่พอดีจึงทำให้ผู้คนไม่แตกตื่นที่นางนำของออกมาจากอากาศว่างเปล่า

       เมื่อดูแลทุกคนเสร็จแล้ว นางจึงเดินไปหาเปาหลงจับมือเขาไว้และชวนให้หายใจเข้าออกยาวๆ ไปพร้อมกันกับเด็กน้อยจนใจเย็นลงเล็กน้อยแต่ก็ยังคงร้องไห้หนักอยู่”

“เปาเปาพูดตามพี่สาวนะ ข้าตัวใหญ่”

“เปาเปา ตัวหย่าย(ตัวใหญ่) ฮือๆๆ”

“ข้ากล้าหาญ”

“ข้ากล้า ฮึก ฮือ”

“ข้าฉลาด”

“ข้าฉยาด(ฉลาด) ฮึก” เปาเปาน้อยสูดน้ำมูกปาดน้ำตา หายใจเข้าออกจนสุดปอดก่อนจะพูดกับเสิ่นลี่อิงอย่างจริงจัง

“เปาเปานึกถึงเรื่องในป่ามีแต่คนนอนนิ่ง” เปาเปาที่สงบลงก็กลับมาพูดชัดเจนไม่อ้อแอ้เหมือนยามร้องไห้หนักอีก

“ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” นางกอดปลอบเปาเปาน้อยไว้แนบอก

“ทำไมพี่สาวไม่ช่วยข้าก่อน” เปาหลงน้ำตาไหลรินอีกครั้งด้วยความน้อยใจ เพราะเปาเปาคิดว่าพี่สาวควรจะต้องปลอบเขาก่อนใครจึงจะถูกต้อง

“หากข้ามาหาเจ้าก่อนชายผู้นั้นจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก”

“แต่เปาเปากลัว”

“ข้ารู้ แต่ตัวข้ามีแค่เพียงผู้เดียว หากข้าไม่ช่วยเขาไว้และปล่อยให้ตายทั้งที่ช่วยได้ เราสองคนจะรู้สึกผิด”

“เข้าใจแล้ว แต่ยังเสียใจ”

“งั้นข้ากอดแน่นๆ สิบที และคืนนี้จะเล่านิทานเรื่องเด็กชายผู้ฆ่ายักษ์ให้ฟังดีหรือไม่” ในที่สุดเพราะข้อแลกเปลี่ยนเป็นนิทานเรื่องใหม่ก็ทำให้เปาหลงยอมหายน้อยใจแต่โดยดี

.

.

“คนเจ็บอยู่ที่ใด” เสียงชายอีกคนดังขึ้นที่หน้าร้าน เดินเข้ามาพร้อมกับบ่าวที่นางให้ไปตามพ่อแม่และหมอในคราแรก

“ด้านในๆ” หลงจู๊ร้องตอบออกไป

ใครอีกเนี่ย ถ้ามาดูถูกกันเหมือนเมื่อกี้ต้องได้ตายกันไปข้าง

“แม่นางคนเจ็บเป็นเด็กมิใช่หรือ เหตุใดจึงเป็นหมอจ้านมานอนอยู่”

“เอ่อคือ คนเจ็บคนแรกอยู่หลังม่าน ข้ารักษาแล้ว แม่ของนางดูแลอยู่ ส่วนท่านหมอผู้นี้เจ็บหน้าอกจนสิ้นสติไปแต่เขาไม่เป็นไรแล้ว”

“เข้าใจแล้ว” หมอท่านนั้นเดินเข้าไปดูอาการของเด็กด้านในก่อน

       หมอจ้านที่พึ่งฟื้นคืนสติมีน้ำตาคลอเบ้าเขาหันมามองเสิ่นลี่อิงที่อุ้มเปาหลงอยู่ และเข้ามาคุกเข่าคารวะนางแบบเต็มพิธีการ

“ท่านทำอันใดกัน”

“ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ก่อนหน้านี้ล่วงเกินแล้ว ล่วงเกินแล้ว”

“ท่านหมอจ้านพอเถิด ไม่ต้องมากพิธีอันใด ท่านควรกลับไปพักผ่อน” นางส่ายหัวให้กับการกระทำที่พลิกหน้าพลิกหลังเช่นนี้นัก แต่หลังจากหว่านล้อมอยู่นานในที่สุดเขาก็ยอมลุกไปนั่งที่อื่น

“ท่านหมอหญิงท่านรักษาได้อย่างไรหรือ” หมอที่มาทีหลังเดินออกมาถามกับนางด้วยแววตาอ่านยาก

“ข้าจะบอกท่านเท่าที่ข้าได้รับอนุญาตก็แล้วกัน” หมอหนุ่มผู้นั้นพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจ เพราะแต่ละสำนักแต่ละสายอาจารย์ก็มีความลับของตนที่มิอาจเปิดเผยได้

       เสิ่นลี่อิงอธิบายความรู้ของนางให้หมอชิงเสวียนผู้นั้นฟังเท่าที่จะทำได้ เครื่องไม้เครื่องมือบางอย่างที่ไม่มีในยุคสมัยนี้นางก็ต้องจำใจกล่าวข้ามไป และแนะนำให้หมอท่านนี้ศึกษาเพิ่มเติมจากร่างมนุษย์ หากมีผู้ใดที่อาสาบริจาคร่างกายตนให้ศึกษาหลังสิ้นลมหายใจก็ให้คว้าโอกาสนั้นไว้

       เสิ่นลี่อิงและหมอชิงเสวียนโต้ตอบกันอย่างออกรสชาติ แม้จะอยู่ในภพที่โบราณเช่นนี้แต่ความเข้าใจของหมอหนุ่มผู้นี้ก็ล้ำหน้าไม่น้อย ผิดกับหมอจ้านที่นั่งเงียบไม่ได้กล่าวสิ่งใดนอกจากส่งเสียงราวกับไม่พอใจออกมา

อะไรของเขา น่ารำคาญจริง

“เด็กก็หายแล้วหมอจ้านเองก็เช่นกัน ข้าก็ควรไปได้เสียที” นางหันไปหาฮูหยินกู๋กำชับวิธีการดูแลเด็กต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะรับของและจ่ายเงินกับหลงจู๊ร้านกระดาษและอุ้มเปาหลงจากไปจากร้านนี้เสียที

       เมื่อนางเดินออกมาแล้วหมอชิงเสวียนกลับวิ่งตามมา “ท่านหมอลี่! เดี๋ยวก่อน”

“ข้าบอกแล้วว่าข้ามิใช่หมอ”

“รักษาคนจะเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร”

“เห้อ เอาเถอะ เจ้ามีอะไรอีกหรือ”

“ข้าเพียงต้องการเป็นสหายกับเจ้า วันหน้าข้าไปขอความรู้อีกได้หรือไม่”

“ย่อมได้ ข้าเข้าเมืองบ่อยอยู่แล้ว แลกเปลี่ยนความรู้กับเจ้า ข้าเองก็ได้ความรู้ ผิดกับท่านหมอจ้านผู้นั้น คราแรกก็ดูถูกข้าเสียมากมาย พอข้าช่วยไว้จึงได้เงียบลงแต่ก็ยังมีท่าทางน่ารำคาญใจ”

“เขาเป็นเช่นนั้นแหละ มาจากตระกูลที่เป็นหมอมาหลายชั่วอายุคน ความโอหังของเขาแม้สูงเสียดแผ่นฟ้าก็มิอาจเทียบเทียม”

“เจ้าก็ดูท่าจะไม่ชอบหมอจ้าน”

“ไม่หรอก เขาชอบปล่อยข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับโรงหมอของข้า หากไม่เข้าตาจนหรือไม่มีเงิน คนก็ไม่ค่อยอยากจะมาโรงหมอของข้ากัน วันนี้หากมิใช่เพราะหมอจ้านมาช้า ข้าก็คงไม่ถูกตามมา” 

“นั่นกลับเป็นข้อดีสำหรับเจ้า เมื่อเข้าตาจนและไม่มีเงินก็มักจะมาด้วยอาการสาหัส เจ้าเองก็ได้ฝึกฝีมือ เพียงแค่ต้องรอผู้คนได้รับรู้ฝีมือเจ้าที่ฝึกฝนมาด้วยตนเอง มิใช่อาศัยชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเช่นนี้”

“มุมมองนี้ช่างดีนัก หากมีสิ่งใด หมอหญิงลี่มาที่โรงหมอของข้าได้ทุกเมื่อ” 

“อืม ลาแล้วๆ” 

“เชิญ เชิญ” หมอชิงเสวียนยืนมองเสิ่นลี่อิงไปจนลับสายตา การสร้างมิตรภาพเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องรอง แต่หมอหญิงลี่คนนี้ช่างดูคุ้นเคยยิ่งนัก แต่เขาเพียงยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ารู้จักนางจากที่ใดกัน

.

.

.

       เสิ่นลี่อิงเข็นรถขายของไปรับน้ำแกงกับลุงเฉินและรับเงินค่าเสี่ยวหลงเปาด้วยตัวเอง ลุงเฉินก็ยังคงขายดิบขายดีอยู่เช่นเดิม และมีการปรับขายเป็นรอบเพื่อให้มีสินค้าตลอดวัน

       เสิ่นลี่อิงพาเปาเปาไปซื้อวัตถุดิบไปเพิ่มสำหรับสัปดาห์หน้าก่อนกลับ “เปาหลงวันนี้เราคงต้องเดินกลับเสียแล้ว เลยเวลารอบเกวียนของท่านลุงไฉ่แล้ว”

“เดินได้ขอรับ พี่สาวขอรับ เราจะได้เจอสองแม่ลูกนั้นอีกหรือไม่” เปาเปาถามออกมา

“หากนางสบายดีคงไม่ต้องเจอกันอีก ทำไมเล่า” ลี่อิงถามกลับ

“พี่สาวที่ไม่สบายหน้าตาคุ้นเคยมากขอรับ มารดาของนางเองก็ด้วย”

“คล้ายคนที่เปาเปารู้จักหรือ”

 “นึกไม่ออก แต่คุ้นมากขอรับ”

“หากคราวหน้าบังเอิญพบไว้เราค่อยหาคำตอบกัน เดินต่อกันเถิด”

       นางเดินวนรอบตลาดก่อนจะได้ยินประกาศงานเลี้ยงชมจันทร์ที่จวนเสียนอ๋องในคืนวันมะรืน ทั้งในประกาศยังบอกให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถไปขายของหน้าจวนอ๋องได้อีกด้วย

ได้ข่าวมาแล้วสินะ รวดเร็วเสียจริง!

       เมื่อเห็นว่าญาติผู้พี่นั้นวางแผนรอบขอบเพียงไรนางก็สุขใจไม่น้อย ประกาศล่วงหน้าสองวัน ทั้งยังเชิญให้คนไปขายของ หากมีคนซุ่มดูที่จวนเสียนอ๋องว่ามีหญิงสาวมาขอความช่วยเหลือหรือไม่ก็จะไม่รู้สึกสงสัยใดๆ เพราะนางสามารถปะปนไปกับผู้คนได้

       หากผู้บงการนั้นเป็นคนรอบคอบการดักรอเสิ่นลี่อิงมาขอความช่วยเหลือจากญาติผู้พี่ของตนก็นับว่าไม่เกินความจริง

.

.

.

       นางกลับมาถึงก็ยังคงต้องลงแรงทำเสี่ยวหลงเปาและไหนจะต้องเตรียมของไปขายอีก เมื่อจะไปขอซื้อไข่จากจินเหมย เสิ่นลี่อิงจึงบังเกิดความคิดดีๆ

_________

ผีซ้ำด้ำพลอย หมายถึงซวย โชคไม่ดี

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง

    บทพิเศษ 17 ต้องช่วยเหลือนาง เวลาของความสุขผันผ่านไปรวดเร็วเพียงชั่วกระพริบตา ชินอ๋องและพระชายาอยู่ในวัยใกล้ฝั่งเสียแล้ว บุตรล้วนเติบใหญ่ให้ได้ภาคภูมิใจมีครอบครัว และหลานมากมายให้ชื่นใจ ส่วนตนและฮูหยินคู่ใจก็ใช้เวลาส่วนใหญ่นึกย้อนถึงวันเวลาเก่าๆ แต่การหวนย้อนคิดเหล่านี้ ทำให้ชินอ๋องนึกถึงภาพฝันที่เคยอยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืนเสมอมา ตู้หนิงหลงในวัยชรากลับมาฝันถึงแม่นางผู้หนึ่งมาติดต่อกันหลายคืนแล้ว ความฝันนี้เป็นฝันเช่นเดียวกับยามเยาว์วัย เขามักจะฝันเห็นนางยิ้มหัวเราะ บางคราก็โกรธเกรี้ยว สลับกับการไปช่วยเหลือผู้คนที่ตกอยู่ในอันตรายร่วมกับแม่นางผู้นั้น เหตุการณ์ในฝันนั้นไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก แต่สุดท้ายก็มักจะจบลงเช่นเดิมคือ เขาและนางไปช่วยดับไฟสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อขึ้นไปด้านบน แม่นางผู้นั้นจะตกลงในหลุม จากนั้นเขาก็จะตกลงมาเช่นกัน แต่ร่างของชินอ๋องในฝันนั้น จะถูกโลหะแท่งใหญ่ปักทะลุอก กระอักเลือดออกมาคำโต จนแม่นางผู้นั้นกรีดร้องออกมาคล้ายดวงใจแตกสลาย ทว่าครานี้ฝันกลับไม่เป็นเช่นนั้น ภาพที่ปรากฏยังคล้ายเดิม เพียงแต่ไม่มีร่างที่สมควรจะเป็นตัวของเขาอยู่ในฝันนั้น

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย

    บทพิเศษ 16 เผยเรื่องน่าอาย ตู้หนิงหลงผู้เป็นถึงชินอ๋องกำลังรอดักเรียกบุตรชายผู้เป็นรุ่ยอ๋อง เพราะยามกลับมาถึงจวนทีไร ก็มาในสภาพคลุกเคล้าไปด้วยฝุ่นผงทุกวัน ทั้งยังมีข่าวคราวหนาหูเกี่ยวกับว่าที่รุ่ยหวางเฟยให้ได้ยินนั่นอีก แต่เมื่อจะเรียกมาสอบถามกลับหลบหนีหายไปทุกครั้ง จนผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินรองจากฮ่องเต้ต้องมายืนพิงกำแพงจวน รอบุตรชายกลับมาด้วยตนเอง“เปาหลง” ชินอ๋องเอ่ยเรียก ตั้งมั่นว่าครานี้ต้องรู้เรื่องราวให้ได้ อ๋องน้อยผู้นี้บิดพลิ้วหนีคนที่สั่งให้มาตาม ปิดโอกาสสืบความใดไปเสียหมด“ท่านพ่อ! เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ ข้าตกใจหมด” เปาเปาที่แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เมื่อยามอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยง ก็กลับไปมีท่าทีเป็นเด็กเล็กๆ ไปทุกครา“ตามพ่อมา” หนิงหลงไม่ลื่นไหลไปกับบทสนทนาที่พยายามจะนอกเรื่องหาทางหลีกหนี เมื่อกล่าวจบก็พยักหน้าให้ทหารหิ้วปีกมุ่งไปที่ห้องหนังสือ“ท่านพ่อ ทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่รักษาภาพพจน์ข้าบ้างหรือ บุตรชายของท่านเป็นถึงรุ่ยอ๋องเชียวนะ” เปาหลงโวยวายเมื่อถูกลากเข้าจวน และยกทั้งร่างมาวางไว้ในเรือนกลางของผู้เป็นพ่อ... เปาหลงที่หันมองหาทางหนีทีไล่ ถอนหายใจอย่า

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดง

    บทพิเศษ 15 รุกล้ำในชุดแดงวันมงคลของเสิ่นลี่อิงและองค์ชายเก้าเกิดขึ้นในวันที่ถัดมาจากวันที่ครบพันปีหนึ่งวันพอดิบพอดี เมื่อเซียนลี่บอกให้ตู้หนิงหลงผู้นี้รอไปพันปี เขาก็ทำเช่นนั้นตามข้อตกลงแต่องค์ชายผู้นี้ก็ยังคงไม่ยอมรับต่อหน้าคนรักอยู่ดีว่าการตัดสินใจให้เป็นคนรักกันไปพันปีของนางเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากขืนยอมรับไปเขาได้รับคำย้ำเตือนไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่แน่ ว่าทำอันใดก็ให้เชื่อนางจึงจะออกมาดีตู้หนิงหลงกำลังเดินมุ่งหน้าไปยังห้องหอด้วยใจระทึก เขาถูกพี่ชายทั้งหลายล้อเลียนว่าเป็นเด็กแก่แดดแต่งงานตัดหน้าทุกคน และถูกบังคับให้กินเหล้าหลายจอกจนทรงตัวแทบไม่อยู่&nbs

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปี

    บทพิเศษ 14 เป็นคนรักกันไปพันปีเมื่ออยู่ต่อหน้าเทียนจวินองค์ชายเก้าตู้หนิงหลงทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ เขากล่าวต่อหน้าผู้คนทั้งท้องพระโรงว่าต้องการสมรสพระราชทานให้เสิ่นลี่อิง มาเป็นพระชายาเอกในองค์ชายเก้า แรกเริ่มนางก็คิดหวังว่าอาจมีองค์เทพที่กล่าววาจาคัดค้านว่าเซียนเล็กๆ เช่นนาง แม้จะผลคะแนนแซงหน้าบุตรหลานชาวสวรรค์แต่กำเนิด แต่ที่มาไร้ความสูงส่งเช่นนี้ก็ไม่ใคร่ว่าจะเหมาะสมแต่ทว่าเรื่องนี้ก็ผิดความคาดหมายของเสิ่นลี่อิง เพราะนอกจากจะไม่มีใครคัดค้านแล้ว ยังเห็นดีเห็นงามว่าควรมีเซียนตัวเล็กตัวน้อยแต่งเข้าราชวงศ์ในตำแหน่งใหญ่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเผ่าสวรรค์นั้นไม่คิดรังเกียจแบ่งแยกผู้ใดเอ้า! จะมาใช้ข้าเป็นโครงการป

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษา

    บทพิเศษ 13 ภารกิจจบการศึกษาเสิ่นลี่อิงที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าในวันที่ต้องไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย สองวันก่อนท่านอาจารย์ให้ทั้งสามสุ่มเลือกภารกิจที่พวกตนต้องรับผิดชอบ โดยที่จะไม่มีอาจารย์ท่านใดคอยช่วยเหลือนาง หนิงหลง และหลิวหยาง หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายจนถึงตายไม่แน่ว่าทั้งสามโชคดีหรือร้าย เพราะภารกิจที่สุ่มได้มานั้นเป็นสัตว์อสูรที่มีผู้พบเห็นน้อยมาก ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรชนิดนี้มีเพียงหนึ่งบรรทัด ความอันตรายไม่แน่ชัดนัก เป้าหมายคือการจับเป็นเพื่อนำมาศึกษาหากให้ไปกำจัดอสูรร้ายคงง่ายกว่าเพราะทำจากระยะไกลได้“พี่สาววันนี้มีพี่หานมารอท่านด้วยอีกคน รีบออกมาเถิด องค์ชายเก้าดูกระวนกระวายใจ

  • ย้อนเวลามาเป็นว่าที่พระชายาที่ถูกลืมของตัวร้าย   บทพิเศษ 12 ม้ามืด

    บทพิเศษ 12 ม้ามืดฟ้าสดใสเปล่งประกายครึ่งปีที่ผ่านมาองค์ชายเก้ามันหาเรื่องราวให้ได้มาอยู่ใกล้เสิ่นลี่อิง หากนางรำคาญก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปตีสนิทเปาหลงแทน อ้างความเป็นพ่อลูกในภพมนุษย์จึงทำให้รู้สึกอยากสนิทด้วย“นี่วังของท่านไม่มีท้อให้กินหรือ เหตุใดต้องมาแย่งของเซียนเล็กๆ อย่างข้ากับพี่สาวด้วย” เปาหลงที่เห็นองค์ชายตู้หนิงหลงกินอย่างอิ่มเอมก็อดจิกกัดออกไปไม่ได้“วันนี้เป็นวันสอบทฤษฎี ข้าก็ต้องมาสอดส่องว่าคู่แข่งของข้าทำสิ่งใด” หนิงหลงยักไหล่คล้ายว่าตนไม่ได้ทำอันใดแปลกประหลาด“อย่างไรอันดับหนึ่งสองและสามก็ย่อมได้ไปสอบปฏิบัติเพื่อโอกาสที่จะจบการศึกษาเร็วกว่าเพื่อนในรุ่นครึ่งปีอยู่แล้ว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status