LOGINเมื่อวางเด็กน้อยลงบนเตียงกว้างเสิ่นลี่อิงก็นำตะเกียงมาจุดให้แสงสว่างกับนางในการตรวจร่างกายทันที ระหว่างนั้นลี่อิงได้กลิ่นแปลกๆ ออกมาจากตัวเด็กคนนี้ กลิ่นนั้นถึงขั้นทำให้นางต้องขมวดคิ้วแน่นเลยทีเดียว
เหงื่อผุดขึ้นมาตามกรอบหน้าและซอกคอของร่างเล็กๆ ที่ลี่อิงลองพิจารณาดูแล้วน่าจะมีอายุประมาณสองหนาวยังไม่เกินสองหนาวครึ่งเสียด้วยซ้ำ วิญญาณความเป็นนักดับเพลิงที่ต้องเรียนรู้การปฐมพยาบาลมาหลายรูปแบบเริ่มจุดติดขึ้นมาทันที
ใบหน้าเล็กๆ ซีดขาวไร้สีเลือดเนื้อตัวเย็นเฉียบ ปลายเล็บสีคล้ำม่วง แผลที่ศีรษะนั้นดูไม่รุนแรงเท่าใดนัก แต่ด้วยอายุของเด็ก ลี่อิงล้วงมือหยิบไฟฉายจากมิติออกมาส่องรูม่านตา แล้วก็รู้สึกโล่งใจที่ม่านตาขยายหดรับแสงอย่างปกติ สมองคงมิได้กระทบกระเทือนอันใด
“ฮือออ ป้า นม เปาเปาขอโทษ อื้ออ หนาวๆๆ” เสียงเล็กๆ นั้นละเมอออกมาอย่างน่าสงสาร ปากอ้าออกเล็กน้อยทำให้ลี่อิงเห็นสีที่ผิดปกติ นางใช้มือดูเหงือกด้านในพบว่ามีสีดำคล้ำปนสลับกับแดงก่ำน่ากลัวเหลือเกิน
“พี่สาวขอดูเหงือกเจ้าหน่อยนะ” เมื่อได้ยินเด็กน้อยละเมอ นางจึงได้เริ่มบอกว่านางจะทำสิ่งใดกับร่างกายเขาก่อน แม้เขาจะสลบอยู่นางก็ยังอยากให้เจ้าของร่างรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดกับตนเอง
นางคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเด็กน้อยตรงหน้าเป็นโรคใด สิ่งที่เสิ่นลี่อิงคาดเดาได้มีเพียงว่าเด็กคนนี้ต้องพิษเท่านั้น อาการเหล่านี้นางไม่รู้จะต้องทำอย่างไรเลยจริงๆ พิษในโลกนี้เจ้าของร่างคนเดิมก็ไม่มีความรู้ แม้ในมิติว่างจะมียาและอุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่ด้วย แต่เมื่อวินิจฉัยไม่ได้ก็ย่อมรักษาไม่ได้
“พี่สาวต้องถอดอาภรณ์ของเจ้าออกเพื่อตรวจดูให้ทั่วถึง เจ้าอยู่นิ่งๆ” ลี่อิงเอ่ยขึ้นเพราะเด็กน้อยที่นอนอยู่เริ่มขยับตัวขยุกขยิกเล็กน้อย
เสิ่นลี่อิงตัดสินใจถอดเสื้อผ้าของเด็กคนนี้ออก เพื่อหาที่มาของกลิ่นเหม็นนี้เสียที หากให้นางทนดมต่อไปคงไม่ไหวกันพอดี แต่เมื่อเปิดเสื้อนางเห็นรอยช้ำเป็นจ้ำๆ คล้ายเป็นรอยหยิกตามตัว มีทั้งรอยใหม่รอยเก่า และลักษณะการช้ำนี้หากจะบอกว่าเกิดจากการหนีคนร้ายย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน
ลูกตัวร้ายโดนทำร้ายร่างกาย…พ่อเด็กรู้ไหม หรือว่าเป็นฝีมือเขาเองนะ
ลี่อิงเกิดความรู้สึกไม่ไว้ใจตัวร้ายของเรื่องขึ้นมาในทันที การที่เด็กคนหนึ่งจะโตขึ้นไปแล้วยอมเป็นเครื่องมือทำร้ายพ่อแท้ๆ ของตนเอง หากไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าคนผู้นั้นคือพ่อ ย่อมต้องเกิดจากความแค้น คิดได้ดังนั้นจึงรีบถอดกางเกงตัวในออกเพื่อตรวจดูเพิ่มเติม
ในที่สุดก็เจอกับที่มาของกลิ่นเหม็น เจ้าเด็กน้อยคนนี้ถ่ายราดตัวเอง แต่เมื่อดมกลิ่นและดูลักษณะก้อนถ่ายก็พบความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งสีกลิ่นและรูปร่างไม่มีส่วนใดที่ดูเป็นปกติเลย นางแน่ใจแล้วเด็กคนนี้ต้องพิษแน่นอน
“ไม่ต้องตกใจอันใดนะจ๊ะ พี่สาวแค่จะพาเจ้าไปล้างคราบเหม็นๆ เท่านั้น” ลี่อิงบอกกับลูกของตัวร้าย ก่อนจะอุ้มตัวเด็กคนนี้ไปล้างตัว และใช้ผ้าขนหนูจากมิติมาห่อตัวเด็กน้อยไว้แทน
เมื่อได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดและผ้าผืนใหญ่สีหน้าของลูกชายว่าที่สามีก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย นางจึงนำเด็กมานอนลงที่เตียงอย่างเดิม ทันทีที่ร่างเล็กสัมผัสกับแผ่นไม้เบื้องล่าง ก็ยู่หน้านอนพลิกตัวไปมา จนลี่อิงต้องปลอบโยนลูบหัวให้เด็กน้อยสงบลงก่อน
“เจ้าตัวเล็ก พี่สาวยังไม่ได้ซื้อฟูก..ทนนอนแข็งๆ ไปก่อนนะ” เมื่อเด็กสงบลงแล้ว นางเอื้อมมือจะไปนำน้ำกลิ่นจันทร์ออกมาใช้แต่ก็ต้องชะงักไปก่อน
ลี่อิงยังไม่กล้าใช้น้ำกลิ่นจันทร์กับคน ตัวนางยังไม่เคยดื่มกินน้ำวิเศษนี้ และยังไม่รู้ว่าหากเด็กได้สัมผัสหรือดื่มน้ำวิเศษชนิดนี้จะส่งผลอย่างไร แม้จะบอกว่าเป็นของดีถอนพิษได้ แต่นางก็ไม่แน่ใจว่าหากการถอนพิษต้องอ้วกออกหรือถ่ายออก ร่างเล็กๆ เช่นนี้จะทนไหว
“เจาะน้ำเกลือก่อนแล้วกัน เจ็บเพียงแค่ตอนเข็มแทง แต่มันดีต่อร่างกายเจ้า” ร่างเล็กนี้เหงื่อออกไม่หยุด หากปล่อยไว้ต่อให้ถอนพิษได้ก็ตายเพราะร่างกายขาดน้ำอยู่ดี
นางตัดสินใจนำถุงน้ำเกลือออกมาจากมิติว่าง และเจาะให้น้ำเกลือเด็กน้อยไปที่บริเวณหลังมือ ยังดีที่เด็กคนนี้สลบอยู่จึงสามารถลงมือได้อย่างราบรื่น นางแขวนถุงน้ำเกลือไว้ จนไหลผ่านเข้าร่างกายไปครึ่งถุง ก็เห็นว่าสีหน้าเด็กคนนี้ไม่ขาวซีดดังเดิมจึงกลั้นใจเอาน้ำกลิ่นจันทร์ใส่ในเข็มฉีดยาและฉีดให้ทางสายน้ำเกลือ
“นิดเดียวนะครับ แค่พอสู้กับพิษได้นะ”
ชั่วอึดใจเดียวสีหน้าที่ดีขึ้นก็พลันย่ำแย่ลงไปอีก เหงื่อที่แห้งเหือดไปทีแรกผุดขึ้นอีกครั้ง แต่ครานี้เหงื่อออกมาเป็นสีดำ เสิ่นลี่อิงใช้ผ้าเช็ดออกให้อยู่สองเค่อ ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ เมื่อตรวจดูเหงือกก็มีสีดีขึ้นเช่นกัน เนื้อตัวที่มีรอยช้ำก็จางลง นางรอจนน้ำเกลือหมดจึงถอนเข็มออกและปล่อยให้เด็กน้อยนอนหลับไป
“เรียบร้อยแล้ว คราวนี้เจ้านอนเยอะๆ พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาคุยกับข้า” เสิ่นลิ่อิงลูบศีรษะของเจ้าตัวเล็กสองสามทีก็ได้ยินเสียงท้องตนร้องประท้วง
‘โครก คราก!’
เมื่อดูแลคนป่วยจนสถานการณ์คลี่คลาย ท้องของนางก็ส่งเสียงร้องทันทีเหมือนรู้งาน เวลานางทำงานก็เป็นเช่นนี้ ท้องจะหิวและร่างกายจะรู้สึกถึงความเหนื่อยเมื่อสถานการณ์เลวร้ายผ่านไปแล้วเท่านั้น
หิวๆๆ ไก่ย่างจ๋า ข้ามาแล้ว ยังร้อนอยู่เลยแฮะ มิตินี่มันดีจริงๆ
เสิ่นลี่อิงนำไก่หมักซอสย่าง และสลัดถู่โต้วออกมานั่งกินข้างเตียงที่เด็กคนนี้หลับอยู่ ลี่อิงยังไม่กล้าเรียกชื่อในนิยายของลูกชายตัวร้ายเพราะลี่อิงรู้ว่านั่นไม่ใช่ชื่อที่แท้จริง และยังไม่อยากเรียกชื่อที่แท้จริงของเด็กคนนี้เช่นกัน ร่องรอยการทำร้ายร่างกายเหล่านั้นมันรุนแรงเหลือเกิน ตราบใดที่เด็กน้อยยังตื่นมาบอกความจริงเรื่องที่โดนทำร้ายไม่ได้ นางจะเรียกเขาว่าเด็กน้อย
นางใช้ส้อมจิ้มไก่ชิ้นโตขึ้นมากัดโดยไม่หั่น มืออีกข้างก็ตักสลัดถู่โต้วเข้าปาก ไก่คำถู่โต้วคำใช้เวลาไม่ถึงเค่ออาหารที่ควรจะแบ่งทานได้สองมื้อก็ลงไปอยู่ในท้องลี่อิงอย่างรวดเร็ว การปลูกผักด้วยตัวคนเดียว และยังต้องมาทำหน้าที่หน่วยกู้ชีพในเวลาไล่เลี่ยกันช่างเป็นเรื่องที่กินพลังงานโดยแท้ ลี่อิงนำจานออกไปเก็บ แล้วจึงนั่งพิจารณาเด็กตรงหน้าอีกครั้ง นางยกมือตรวจอุณหภูมิร่างกาย เมื่อเห็นว่ายังคงที่ปกติดี ไม่เย็นจนน่าหวั่นใจอย่างในคราแรกก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไรดี ข้าควรให้เจ้าดื่มน้ำกลิ่นจันทร์หรือไม่”
ลี่อิงชั่งใจอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจนำน้ำกลิ่นจันทร์ออกมาอีกครั้ง นางหยดน้ำวิเศษนี้ลงไปในปากเล็กเพียงเล็กน้อย
หวังว่าข้าจะตัดสินใจถูกต้อง หากยังมีพิษหลงเหลืออยู่ในระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายย่อมไม่ดีกับตัวเจ้า
นางยืนรอดูว่าครานี้ร่างเล็กนี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่รออยู่นานก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเสียที นางจึงนอนลงข้างๆ และหลับตามเขาไป
ผ่านไปหนึ่งก้านธูปเสิ่นลี่อิงหลับสนิทแล้ว แต่เด็กน้อยข้างตัวเสิ่นลี่อิงกลับลืมตาขึ้นมาแทน เขาหันมองรอบตัวในพื้นที่มืดมิด ไม่พบสิ่งใดที่คุ้นเคย พบแต่หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่ด้านข้าง ในตอนที่สลบไปเขาได้ยินทุกอย่าง พี่สาวผู้นี้ช่วยเหลือเขาไว้ ร่างเล็กนั้นจึงขยับไปซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของนาง และหลับไปอีกครั้ง
บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหารท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดมิดนั้น มีแสงตะเกียงส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรือนเห็ดของเสิ่นลี่อิง นางลุกขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อเพาะเห็ดหลินจินดำและเห็ดหลินจือแดงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เห็ดที่พรมน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เริ่มเกิดเชื้อเห็ดปกคลุมแล้ว จึงต้องรีบนำมาเพาะเสียก่อน เห็ดอื่นที่นางเพาะไว้ก็เริ่มเติบโตแล้วเช่นกัน เห็นทีพรุ่งนี้นางคงได้นำเห็ดไปขายแลกเงินแล้วเมื่อจัดการกับหลินจือทั้งสามถังเรียบร้อยแล้ว นางก็นำขวดสเปรย์ในมิติมาฉีดพ่นน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ไปเตรียมตัวออกไปขายของในเมืองเสิ่นลี่อิงปลุกเปาเปาในยามเหม่าจับเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวให้หอมฉุย เพื่อใช้ความน่ารักของเด็กน้อยมาเรียกลูกค้า “วันนี้ใครผ่านมาหน้าแผ
บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้เมื่อกลับมาถึงบ้านไฉ่ตู้ก็นำรถเข็นมาส่งกับนางพอดีพร้อมๆ กันนั้นลุงไฉ่เองก็นำน้ำแกงบะหมี่ของวันมาส่งไว้ให้ด้วยเช่นกัน “แม่นางมาพอดี รถเข็นนี้บ้านป้าสู่ไม่ใช้แล้วขายให้เจ้าหนึ่งร้อยอีแปะ รถยังดีอยู่ ข้าว่าเหมาะสม”“ขอบใจมาก นำเข้าบ้านได้เลย ขอบคุณลุงไฉ่เช่นกันเจ้าค่ะน้ำแกงเดี๋ยวข้ายกเอง”เสิ่นลี่อิงตรวจสอบรถเข็นที่ได้มาก็พบว่ายังดีอยู่จริงๆ หากจะซื้อของใหม่จากในเมืองมีราคาสูงถึงห้าร้อยอีแปะ แม้จะมีเงินมากแต่ผู้ใดจะล่วงรู้อนาคต หากวันใดที่นางต้องพาเปาหลงหนีก็คงออกมาหาเงินไม่ได้อีก“เปาเปาเจ้าเข้าบ้านก่อน ถึงเวลาดื่มนมแล้ว” นางเรียกเปาหลงที่กำลังวิ่งเล่นบนผืนดิน
บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไปเช้านี้เสิ่นลี่อิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น แม้หนิงอ๋องจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่จากการที่เปาหลงยังนึกถึงและกล่าวถึงพ่อของตนเสมอ ก็ทำให้นางเป็นห่วงเขาไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญคือความรู้สึกของเปาหลง หากรู้ว่าพ่อของตนมิรู้ว่าเป็นเช่นไรจะกังวลหรือไม่ ลี่อิงก็คิดห่วงไปมากมายนางลืมตามองเพดานอยู่นานจนเปาหลงต้องตื่นมาเขย่าให้นางลุกขึ้น เพราะหน้าบ้านไฉ่ตู้กำลังส่งเสียงเรียกนางอยู่ “พี่สาวมีคนมา”“แม่นางลี่อิง! ท่านอยู่หรือไม่ ข้ามาถอนหญ้าต่อ แม่นาง!”“พี่สาว ไฉ่ตู้มา ท่านลุกขึ้น”“ขอเวล
บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่“เสียนอ๋อง” หนึ่งในพระญาติของพระเอกและตัวร้ายที่รับบรรดาศักดิ์ต่อจากท่านปู่ของตน และก็นับว่าเป็นญาติผู้พี่ของนางด้วย ฝ่ายมารดาของเขาคือคนจากสกุลเสิ่น แต่จนถึงตอนล่าสุดที่ได้อ่าน นางก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ข้างใครระหว่าง ‘หนิงอ๋องหรือรัชทายาท’“ว่าที่พระชายาในหนิงอ๋อง แท้จริงแล้วก็ยังไม่ตาย แต่กลับมาอยู่ในที่ดินปกครองของข้าเสียได้ น่าประหลาดใจนัก”“คนนั้นยังไม่สลบ เขาได้ยินแล้วว่าข้ายังไม่ตาย” นางชี้ไปที่นักฆ่าคนหนึ่งที่เพียงแค่ตัวชากระตุกเพราะเครื่องช็อตไฟฟ้า และได้ยินญาติผู้พี่เฉลยตัวตนของเสิ่นลี่อิงออกมาจนหมดเปลือก เสียนอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ให้สัญญาณกับองครักษ์ให้ฆ่าทิ้งเสีย แม้เสิ่นลี่อิงจะปวดใจเพราะงานของนางคือการช่วยคน แต่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตนางหรือชีวิตศัตรู นางย่อมเลือกตนเอง“คนที่นำดาบชี้ข้า มาใหม่หรือ” เสียนอ๋องพยักหน้า อ๋องหนุ่มสะบัดมือให้เหล่าองครักษ์หลบออกไปก่อน “จะเอาผิดหรือไม่”“ไม่ล่ะ เสียเวลา ท่านมาที่นี่ทำไม”“นี่มันเขตการปกครองของข้า เจ้าต่างหากยังไม่ตายเหตุใดจึงไม่กลับไป”“ถูกตามล่าเช่นนี้ หากกลับไปข้าย่อมลำ
บทที่ 15 อันตรายในป่า เสิ่นลี่อิงร้องบอกให้ไฉ่หม่ากลับไปทำงาน ไม่ได้สนใจจะพูดคุยกับฉินเปาแม้เพียงครึ่งคำ “แม่นางมาพอดี น้ำเดือดมาได้สักพักแล้ว” ไฉ่ตู้ที่กำลังเปิดฝาดูไม่ให้น้ำแห้งเอ่ยออกมา“ข้าจัดการต่อเอง ขอบคุณมาก” เสิ่นลี่อิงเติมน้ำเล็กน้อยและใส่ขี้เลื่อยที่ได้มาลงไปด้วย นางต้องปล่อยให้น้ำต้มนี้เดือดไปอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม เวลาระหว่างนั้นนางจึงทำถู่โต้วทอด กินคู่กับเนื้อหมูสันคอย่างชิ้นโต ราดซอสงาขาว เคียงด้วยยำแตงกว่ารสเผ็ดเล็กน้อย แต่สำหรับเปาเปาเขาได้ทานแครอทหั่นแท่งแทน เจ้าของบ้านอย่างลี่อิงแบ่งอาหารให้กับสองพี่น้องไฉ่ด้วย ไฉ่ตู้ชื่นชมนางไม่ขาดปาก หลังกินเสร็จก็เร่งงานยิ่งกว่าเดิม ส่วนอีกคนก็กินแรงตามเคย ทั้งยังบ่นมาตามลมว่านางมีข้าวสารมากมาย แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่ยอมถอน“ไม่ถูกใจก็ไม่ต้องกิน!” ลี่อิงเองก็เหลืออดเหลือเกิน จึงพูดกระทบกระเทียบกลับไปบ้าง การกินข้าวของนางจึงได้เงียบสงบลงมาเสียที กินเสร็จเสิ่นลี่อิงก็ดับไฟและปิดฝาไว้ “รอให้เย็นก่อนนะ” ระหว่างนั้นก็ให้เปาเปาเอากิ่งไม้มาฝึกเขียนอักษรบนพื้นดิน พร้อมนางที่นั่งทำเสี่ยวหลงเปาอยู่ข้างกัน ลุงไฉ่
บทที่ 14 งานการมากมาย เสิ่นลี่อิงนำดินที่นางขุดออกมาจากมิติ และให้เปาเปานำขี้ทาเกลือคล้ายทรายมาผสมกับดินที่นางขุดมา เมื่อผสมเสร็จแล้วลี่อิงจึงนำถังไม้ขนาดกำลังดีออกมาสองถัง ถังหนึ่งนางใช้ตะปูตอกให้เป็นรูเล็กๆ เพียงสองรู และนำผ้าขาวบางรองไว้ที่ก้นถัง ก่อนจะสั่งให้เด็กน้อยนำดินที่คลุกผสมทั้งสองส่วนเรียบร้อยแล้วมาตักลงใส่ถังที่มีผ้าขาวบางรองไว้อยู่ “ครานี้เจ้าใช้มือกดลงไปให้แน่นๆด้วยแล้วค่อยเติมลงไปเพิ่ม หากไม่แน่นน้ำจะไหลผ่านเร็วและได้เกลือน้อย”“ขอรับ” เด็กน้อยรับคำสั่งและใช้มือของตนตบดินลงไปจนแน่น เสิ่นลี่อิงเห็นว่าเด็กน้อยทำสุดแรงของตนแล้ว นางจึงใช้มือของตนในการกดลงบ้าง เมื่อนางเห็นว่าแน่นดีแล้วก็พยักหน้าให้เปาเปาตักดินใส่ชั้นต่อไปได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเต็มถังไม้ เสิ่นลี่อิงวางถังไม้ที่มีดินอยู่ไว้ด้านบนและถังไม้ที่ไม่มีสิ่งใดไว้ด้านล่างนางตักน้ำใส่ถังที่มีดินลงไป ก่อนจะยกขึ้นดูเล็กน้อยว่ามีน้ำหยดออกมาหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีน้ำหยดแล้ว นางจึงรอให้น้ำด้านบนซึมลงไปก่อนจากนั้นค่อยตักน้ำใส่เพิ่มทีละน้อยทีละน้อย “เหลือเพียงแต่รอแล้ว หากน้ำไหลออกมาเต็มถังนี้ และเค็มเพียงพ







