Share

บทที่๒

Penulis: ซังกง
last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-08 20:50:10

ท้าวสามนต์ที่เดินขึ้นมาเพื่อดูอาการของลูกชายหลังจากที่ตกบันไดและสลบไปหลายวันด้วยความเป็นห่วง

“รจนีเจ้าฟื้นแล้วลูกพ่อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ท้าวสมมนต์เอ่ยถามลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจด้วยความเป็นห่วง

ทั้งที่เขานั้นก็รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายของเขามักจะถูกพวกพี่สาวรังแกอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยความที่เขานั้นอยากจะฝึกให้ลูกมีอะไรก็ยอมที่จะพูดบอกเขาทุกเรื่องบ้าง

ใครคือรจนีเนี่ย!?

“เป็นอะไรหรือรจนี” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกชายด้วยความเป็นห่วงนักยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่าแววตาของลูกชายนั้นมีแต่ความสับสนและสงสัยจนปิดเอาไว้แทบไม่มิด

เขาคุยกับฉันเหรอ!?

แล้วรจนีไหน เคยได้ยินแต่รจนา

เหมยได้แค่นึกเถียงขึ้นในใจ เพราะสิ่งที่เธอนั้นรู้จักดีมีแค่รจนาในเรื่องสังข์ทองเพียงเท่านั้น แล้วรจนีคือนิทานพื้นบ้านเรื่องไหนกัน นั้นคือสิ่งที่เธอสนใจอยู่ในตอนนี้

“ปะ เปล่า อ๊ะ ไม่สิ แล้วฉันต้องพูดว่าอะไรเนี่ย!?” เหมยว่าพึมพำกับตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าเองจะต้องพูดเอ่ยอะไรออกไปถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องกันแน่

“พ่อว่าเจ้าคงอาจจะต้องการใช้เวลาในการพักรักษาตัว”

“ดีค่ะ เอ่อ เพคะ” เหมยว่าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแหย เพราะไม่รู้ว่าเธอนั้นต้องพูดอะไรออกไปกันแน่

“งั้นเจ้าก็นอนพักผ่อนไปเถอะ ส่วนพวกเจ้าก็ตามข้าวออกมารจนีจะได้พักผ่อน” ท้าวสามนต์เอ่ยสั่งคนทั้งสองที่ยืนจ้องมองมาทางนี้

เหมยทำเพียงแค่พยักหน้างึกๆ

“โอ้ย นี่มันเกินเรื่องบ้าอะไรกับฉันกันแน่เนี่ย”

เหมยว่าบ่นออกมาก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจากร่างของเจ้าของร่างเดิมที่มีความสูงกว่าร่างเดิมของเธอที่เป็นผู้หญิงเพียงเล็กน้อย

“ท่านรจนีจะทรงเดินไปไหนรึเจ้าคะ” แก้วตาว่าถามออกไปพร้อมกับรีบลุกขึ้นไปพยุงร่างของผู้เป็นเจ้านายเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง

เหมยที่เห็นมีกระจกอยู่ที่ทางฝั่งหน้าต่างเธอจึงคิดที่จะเดินไปตรงนั้น เพื่อให้รู้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่แล้วทำไมทุกคนที่เธอได้พบเห็นเมื่อสักครู่นี่ถึงได้สวมใส่ชุดเหมือนในละครย้อนยุคที่เธอเห็นไม่มีผิด

“ไม่ต้อง คะ เธอ อ๊ะ ไม่สิ ฉันต้องพูดว่าอะไรกันแน่”เหมยที่ตอนนี้กำลังตบตีกับความคิดของตัวเองมากว่าเธอควรที่จะพูดหรือเอ่ยอะไรออกไปดี

“ท่านรจนีว่าอย่างไรนะเพคะ”

“โอ้ยช่างเถอะ”

“…”

“เอาเป็นว่าช่วยออกไปหาอะไรมาให้ฉันกินหน่อยก็แล้วกัน” เหมยว่าตัดบทไปและรอใช้คนที่เหมือนคนใช้หรือข้าหลวงอะไรสักอย่างออกไปก่อน

“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเสียงฉันมันถึงได้แปลกแบบนี้” เหมยว่าบอกกับตัวเองด้วยความกระวนกระวายใจและรีบเดินไปที่หน้ากระจกพร้อมกับนั่งลงส่องกระจก

แต่เมื่อเธอได้เห็นตัวเองในกระจกเธอก็แทบอยากที่จะกรีดร้องออกมา เพราะสิ่งที่เธอเห็นในกระจกนั้นก็คือร่างของผู้ชายคนนึงที่สวมใส่เสื้อนุ่งกระโจมอกสะท้อนกลับมา

ทว่านั้นยังไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องตกใจมากที่สุด เพราะในตอนนี้ในกัวสมองของเธอนั้นกำลังเต็มไปด้วยความทรงจำของเจ้าของร่างที่กระแทกเข้ามาในหัวของเธออยางจัง จนเธอแทบจะรับความทรงจำนี้เอาไว้ได้ไม่หมดแล้วในตอนนี้

“เอ็งมันเป็นบุหลันผิดเพศ”

“เจ้าไม่นานเกิดมาเป็นน้องของพวกข้าเลย”

“งั้นก็อย่ามีชีวิตอยู่เลย”

“กรี๊ดดดดด พอ พอสักที”

เหมยที่ได้เห็นเรื่องราวชีวิตทั้งหมดของเจ้าของร่างอย่างรจนี เธอก็ถึงกับต้องกรีดร้องออกมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดแทนเจ้าของร่างเดิม

ซึ่งเหมยไม่เข้าใจเลยว่าทำไมรจนีถึงได้ปล่อยให้ใครต่อใครมากมายรุ่มลังแก แต่ถ้าเป็นเธอในตอนปัจจุบันที่ไม่ชอบการมีเรื่องกับใครเหมือนกันก็คงจะทำแบบรจนี

กระนั้นถ้ามีใครมาทำร้ายเธอ เธอก็จะไม่คงจะไม่ยอมอยู่เฉยๆ ให้ใครมาทำร้ายอย่างแน่นอน

“ในเมื่อเธอไม่คิดที่จะรักร่างกายและชีวิตของตัวเอง ฉันขอใช้ร่างของเธอนับจากนี้ที่เหลือก็แล้วกันนะ” เหมยว่าบ่นงึมงำกับตัวเองในกระจก ราวกับต้องการพูดบอกกับเจ้าของร่าง

“ท่านรจนี เป็นอันใดรึเพคะ!?” แก้วตาข้ารับใช้เอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องดังเล็ดรอดเข้ามา

“ปะ เปล่า ข้าไม่ได้เป็นอันใด เจ้ามีสิ่งใดที่ต้องไปทำก็จงไปทำเสีย” เหมยที่อยากอยู่คนเดียว เพื่อรวบรวมลำดับเหตุการณ์ในสมองของตัวเองว่าเอ่ยบอกข้ารับใช้คนสนิทของรจนีด้วยรอยเสียงมี่พยายามให้เปปกติมากที่สุดพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าแบบลวกๆ

“เพคะ แต่ถ้าทรงมีเรื่องอันใดโปรดเรียกหาหม่อมฉันนะเพคะ” แก้วตาที่ไม่อยากจะทำให้ผู้เป็นนายหนักใจไปมากกว่านี้เลือกที่จะเดินออกไป แม้ว่าจะรู้สึกเป็นห่วงก็ตาม

เหมยทำเพียงแค่พยักหน้ารับและรอให้อีกฝ่ายเดินจากออกไปอีกครั้ง ก่อนที่เธอนั้นจะรวบรวมเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ที่ตัวเองจมน้ำและมีเหมือนเสียงของผู้ชายพูดบอกอะไรบ้างอย่างกลับเธอแต่เธอกลับจำมันไม่ได้

แต่ก่อนที่ความคิดของเธอจะหลุดลอยออกไปไกลมากกว่านี้ สิ่งหนึ่งที่เธอคิดได้ก็คือตอนนี้เธอกำลังอยู่ในเรื่องสังข์ทอง เพราะดูจากการมีลูกสาวถึงเจ็ดคนและเจ้าเมืองกับมเหสีก็ชื่อเดียวกันกับในวรรณกรรมที่เธอได้อ่านไม่มีผิดเพี้ยน

อย่างไรก็ตามเธอมีอีกหนึ่งสิ่งที่อยากจะถสมมากที่สุกก็คือลูกสาวมีตั้งเจ็ดคน

“แล้วทำไมฉันถึงได้มาอยู่ในร่างผู้ชายได้เนี่ย” เหมยว่าบ่นออกมาอย่างต่องการจะตัดพ้อกับชีวิตที่อุตส่าห์ได้มีชีวิตใหม่ทั้งที แต่กลับได้มาอยู่ในร่างของผู้ชาย

“คนอื่นได้กลับชาติมาเกิด เพื่อแก้ไขอดีตหรือมาเป็นนางเอกคู่กับพระเอก ทั้งเข้ามาอยู่ในร่างของนางร้ายเพื่อได้คู่กับพระเอกกัน”

“แล้วทำไม ฉันถึงได้อยู่ในร่างผู้ชายได้วะเนี่ยยยย”

เหมยที่เป็นคนค่อนข้างที่จะใจเย็นมาโดยตลอดว่าบ่นออกมา เพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้เธอจะต้องเข้ามาอยู่ในร่างของผู้ชายแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะท้องได้เหมือนผู้หญิงแต่เธอก็ไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นสักหน่อย

แต่ในเมื่อเธอไม่สามารถที่จะทำอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เธอจึงเลือกที่จะปล่อยทุกอย่างให้มันเป็นไป ทั้งเนื้อหาที่เธอเคยรู้มาตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เห็นจะเป็นเหมือนที่เธอได้รับรู้มาเลย

ทั้งตัวละครอย่างรจนียังไม่มีพูดเอ่ยออกมาด้วยซ้ำ แล้วเธอจะต้องดำเนินเรื่องไปอย่างไรดีและอีกหนึ่งสิ่งก็คือเธออยากจะรู้ว่าพระสังข์ที่เป็นพระเอกของเรื่องจะหล่อเหมือนที่เธอจินตนาการเอาไว้หรือเปล่า

“แล้วยัยรจนานั้นก็ไม่เห็นนิสัยจะน่าสงสาร เหมือนที่ฉันเคยดูมาเลย”

เหมยว่าบ่นออกไป เพราะในเมื่อรจนาไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เธอได้รับรู้มาโดยตลอด เธอก็พร้อมที่จะแย่งพระสังข์มาเป็นของตัวเองให้ได้

เหมยที่ได้ไตร่ตรองและคิดทุกอย่างออกมาอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว เธอจึงคิดที่จะรีเซตตัวเองใหม่ทั้งหมด

“ต่อไปนี้จะไม่มีเธออีกแล้วเหมย ตอนนี้จะมีแค่รจนีบุหลันที่เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในเมืองสามนต์นครแห่งนี้” เธอให้บอกกับตัวเองในกระจกและยอมตัดใจในชาติปัจจุบันของตัวเองไปอย่างไม่มียึดติด เพราะในชาตินั้นเธอก็อยู่คนเดียวมาโดยตลอดตั้งแค่ที่ยายของเธอเสียไปแล้ว

“แกทำได้เหมย อ๊ะ ไม่ใช่สิ เธอทำได้รจนี”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • รจนีแย่งพระสังข์   บทที่๔

    รจนีที่ได้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยความสดชื่นแบบถึงที่สุดและสบายใจมากที่สุดที่รู้ว่าตัวเองยังไม่ชีวิตอยู่แบบครบสามสิบสอง “ฮือ ไม่สิ ไม่ครบสามสิบสอง เพราะฉันมีดุ้นแทน…. ฮือ แค่คิดก็อยากจะร้องไห้ออกมา” เป็นฉันนี่มันน่าเหนื่อยจริงๆ เลย ชีวิตนี้ยังไม่เคยมีผัวหรือมีแฟนเลยสักคน แต่ทำไมชีวิตฉันถึงต้องมาอาภัพถึงขนาดนี้กันเนี่ย รู้งี้น่าจะมีแฟนตั้งแต่เรียนจบจะได้ไม่ต้องมารู้สึกเสียดายแบบนี้ ฮืออออ แต่การอยู่ในร่างของผู้ชายก็ดีเหมือนกันนะ เพราะฉันจะได้ต้องมานั่งเป็นประจำเดือนให้เหนื่อยหรือป่วยท้องทุกเดือนอีก ซึ่งนั้นยังมีอีกหนึ่งอย่างที่รจนีนั้นยังไม่ได้รู้เกี่ยวกับร่างกายของตัวเองที่จะต้องเป็นรดูของพวกบุหลันเพศชายเหมือนกันแม้ว่าจะไม่ได้มีรอบเดือน แต่จะเป็นการทรมานและร้อนรุ่มทางร่างกายแทนในความอยากทางกายที่มีอยากมีอะไรกับบุรุษเพศไม่ว่าจะเป็นทินกรหรืออัมพรก็ตาม ทั้งบุหลันแต่ละคนก็ได้มีกลิ่นเฉพาะตัวที่บ่งบอกถึงความเย้ายวนในตัวเองและนั้นก็คือสิ่งที่รจนียังไม่รู้ “ฉันจะต้องอยู่ในโลกนี้อย่างสงบสุขให้ได้” รจนีที่ตอนนี้กำลังเดินสาละวนอยู่ในห้องนอนของตัวเอง เพื่อต้องการสำรวจพื้

  • รจนีแย่งพระสังข์   บทที่๒

    ท้าวสามนต์ที่เดินขึ้นมาเพื่อดูอาการของลูกชายหลังจากที่ตกบันไดและสลบไปหลายวันด้วยความเป็นห่วง “รจนีเจ้าฟื้นแล้วลูกพ่อ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ท้าวสมมนต์เอ่ยถามลูกชายที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่เขานั้นก็รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายของเขามักจะถูกพวกพี่สาวรังแกอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยความที่เขานั้นอยากจะฝึกให้ลูกมีอะไรก็ยอมที่จะพูดบอกเขาทุกเรื่องบ้าง ใครคือรจนีเนี่ย!? “เป็นอะไรหรือรจนี” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามลูกชายด้วยความเป็นห่วงนักยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่าแววตาของลูกชายนั้นมีแต่ความสับสนและสงสัยจนปิดเอาไว้แทบไม่มิด เขาคุยกับฉันเหรอ!? แล้วรจนีไหน เคยได้ยินแต่รจนา เหมยได้แค่นึกเถียงขึ้นในใจ เพราะสิ่งที่เธอนั้นรู้จักดีมีแค่รจนาในเรื่องสังข์ทองเพียงเท่านั้น แล้วรจนีคือนิทานพื้นบ้านเรื่องไหนกัน นั้นคือสิ่งที่เธอสนใจอยู่ในตอนนี้ “ปะ เปล่า อ๊ะ ไม่สิ แล้วฉันต้องพูดว่าอะไรเนี่ย!?” เหมยว่าพึมพำกับตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าเองจะต้องพูดเอ่ยอะไรออกไปถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องกันแน่ “พ่อว่าเจ้าคงอาจจะต้องการใช้เวลาในการพักรักษาตัว” “ดีค่ะ เอ่อ เพคะ” เหมยว่าตอบกล

  • รจนีแย่งพระสังข์   บทที่๑

    ส่วนเหมยหญิงสาวอายุยี่สิบห้าปี เธอใช้ชีวิตมาอย่างดีด้วยการเลี้ยงดูจากยายที่เลี้ยงเธอมาเพียงลำพังตลอดหลายปี จนเธอเรียนจบมัธยมปลาย ยายที่ได้เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กจนโตก็ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา อย่างที่เธอไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงในการเกิดแก่เจ็บตายได้ เหมยจึงได้ใช้ชีวิตเพียงลำพังและต้องหาเงินส่งตัวเองต่อให้จบปริญญา เพื่อที่จะได้มีงานมีการดีๆ ทำ ไม่ต้องลำบากลำบน จากนั้นผ่านมาหลายปีเหมยก็ได้เข้าทำงานที่พิพิธภัณฑ์จากการที่เธอได้ทำงานที่นี่มาสามปี เธอจึงต้องลงพื้นที่เพื่อไปยังถ้ำจินดามณีพร้อมกันกับเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ แต่ไม่ใช่เพื่อการตรวจดูสถานที่หรือความเก่าแก่แต่อย่างใด พวกกลุ่มคณะของพิพิธภัณฑ์ก็แค่อยากที่จะรวมตัวกันไปเที่ยวก็เท่านั้นไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ “โอ้ย เราต้องนั่งรถเข้าไปอีกไกลแค่ไหนเนี่ย” แพรวดาวหนึ่งในคณะที่ร่วมออกเดินทางว่าบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยล้าเต็มทีกับการที่ต้องตื่นเช้าและต้องนั่งรถมาหลายชั่วโมงเพื่อกราบไหว้บูชาพ่อเงาะป่า “อย่าบ่นสิแพรว อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้วเนี่ย“ เหมยพูดบอกพร้อมกับชี้บอกทางให้เพื่อนมองไปที่ด้านหน้าที่มีรูปปั้นขนาดใหญ่ตั้งอยู่และเด

  • รจนีแย่งพระสังข์   อารัมภบท

    ณ เมืองสามนต์นคร รจนีบุตรชายองค์สุดท้องของท้าวสามนต์ ที่มีบุตรสาวจากนางมณฑามเหสีฝั่งขวาถึงเจ็ดองค์ ซึ่งเป็นบุตรสาวทั้งหมดเจ็ดพระองค์และทุกพระองค์ต่างเป็นบุหลันด้วยกันทั้งหมด แต่ทว่าหลังจากที่รจนาบุตรสาวคนสุดท้องของมเหสีฝั่งขวาได้คลอดออกมาเพียงแค่ไม่กี่เดือน ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่ารจนาก็เป็นบุหลันเหมือนกันกับพี่สาวทั้งหกของเธอ จากที่นางมณฑาที่คิดว่าความรักทั้งหมดคงจะอยู่ที่ลูกคนสุดท้องอย่างรจนาแน่นอน แต่ทุกอย่างกลับต้องเปลี่ยนไปเมื่อนางมณโฑมเหสีฝั่งซ้ายที่เป็นน้องสาวของนางมณฑาได้ตั้งท้องขึ้นมา หลังจากนั้นไม่กี่เดือนนางมณโฑก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายขึ้นมา ซึ่งนั้นก็สร้างความดีใจท้าวสามนต์เป็นอย่างมาก เพราะด้วยความที่เขานั้นรักมเหสีฝั่งซ้ายมากกว่ารักมากกว่ามณฑาที่เป็นพี่สาว แต่ด้วยเหตุผลจำเป็นเขาต้องแต่งงานกับนางมณโฑก่อน ถึงจะสามารถแต่งงานกันนางมณโฑผู้เป็นน้องสาวได้ เขาจึงต้องยอมทำตามข้อตกลงนั้นอย่างไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้ “ลูกของเราเป็นผู้ชายเจ้าค่ะเสด็จพี่ แต่ลูกของเราเป็นบุหลัน” มณโฑว่าออกไปด้วยความเสียใจแทนสามีที่คาดหวังจะได้ลูกชายที่เป็นทินกร “….” “ไม่ใช

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status