บทที่ 3 มิติ
“สวัสดีครับคุณเย่วซินเหยา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่จริงจัง “คุณเยว่ครับ เรื่องค่ารักษาพยาบาลของคุณ…รวมทั้งหมดสามหมื่นหยวนครับ” เขาวางเอกสารลงแล้วชี้ตัวเลขด้วยท่าทีเรียบเฉย เยว่ซินเหยาก้มมองตัวเลขบนเอกสาร ใบหน้าสงบนิ่ง ไม่พูดอะไร เพียงแค่หรี่ตามองเขา ดูชะตาผ่านใบหน้า ใบหน้าเจ้าเล่ห์ ดูไม่มีความจริงใจ “และ…นี่ครับ” ผู้ช่วยผู้กำกับเปิดซองเล็กๆ ออกมา พร้อมกับวางเงินอีกหนึ่งก้อนลงบนโต๊ะ “ค่าทำขวัญ…หนึ่งหมื่นหยวน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในกองถ่าย รบกวนเซ็นรับด้วยครับ” เยว่ซินเหยาเอื้อมมือไปหยิบปากกา มองตัวเลขบนเอกสารอีกครั้ง ซินเหยาเห็นที่มาของเงินก้อนนี้มาจาก ผู้ชายอีกคนที่โยนมาให้คนผู้นี้รับผิดชอบมาพูดคุยกับนางเพื่อจบเรื่อง ‘ระบบ เงินจำนวนนี้น้อยไปหรือไม่’ ซินเหยา เอ่ยถามระบบในใจแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเงียบ ด้วยความที่เพิ่งได้รับความทรงจำ สิ่งต่างๆ จึงยังไม่เข้าที่ดีนักเธอจึงไม่แน่ใจว่าเงินจำนวนนี้มากหรือน้อยสำหรับค่าบาดเจ็บ เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับจากระบบซินเหยาจึงเซ็นลงไปเพื่อจบเรื่อง “รับทราบ” เธอกล่าวเสียงเรียบ ผู้ช่วยผู้กำกับพยักหน้า ยิ้มบางๆ “ขอบคุณครับ คุณเยว่...หวังว่าคุณจะฟื้นตัวได้เร็ววัน” เยว่ซินเหยาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะวางเอกสารและเงินลงที่เดิมอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเขาหยิบเอกสารอีกชุดหนึ่งมาวางบนโต๊ะ “นี่ครับ…เอกสารเพิ่มเติม เป็นเรื่องการปกปิดเหตุการณ์ทั้งหมดในกองถ่าย รบกวนเซ็นรับทราบและยินยอมไม่เปิดเผยรายละเอียดอุบัติเหตุของคุณให้ใครรู้เด็ดขาด” เยว่ซินเหยาหยุดนิ่ง หรี่ตามองเขาเขาอีกครั้งและมองตัวอักษรบนเอกสารชั่วครู่ เธอถอนหายใจเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็หยิบปากกาเซ็นลงไป เพื่อจบปัญหา ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะสู้รบกับใครจึงได้ยินยอมอย่างง่ายดาย “รับทราบ” เธอกล่าวอย่างเรียบเฉย ผู้ช่วยผู้กำกับพยักหน้าอย่างพอใจ “ดีครับ…ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อย คุณสามารถพักฟื้นได้เต็มที่ ค่ารักษาพยาบาลไม่ต้องเป็นห่วงทางเราจะชำระให้เอง” กล่าวจบเขาก็เดินออกไปด้วยความอารมณ์ดีที่จัดการปัญหาได้อย่างง่ายดายทั้งที่คิดว่าอีกฝ่ายจะเรียกเงินเยอะกว่านี้ “เด็กๆ ขึ้นมานอนกับหม่าม้าบนเตียงไหมคะ” ซินเหยา ไม่ได้สนใจชายผู้นั้นอีกหันมาหาเด็กๆ ทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างเตียง “หมิงหมิงกลัวหม่าม้าเจ็บครับ เดี๋ยวหมิงหนิงจะนอนกับน้องที่โซฟาตรงนั้นหม่าม้ารีบพักผ่อนนะครับ” กล่าวจบเด็กชายก็จูงมือน้องสาวไปนอนบนโซฟาตัวกว้าง โชคดีที่พยาบาลเห็นใจนำหมอนและผ้าห่มมาไว้ให้เรียบร้อย เมื่อเห็นเด็กๆ นอนหลับสนิทแล้ว ซินเหยาจึงเอื้อมมือไปหยิบแก้วเปล่าข้างๆ จากนั้นจึงนึกถึงน้ำในบ่อวิเศษเพียงไม่นาน แก้วเปล่าที่อยู่ในมือก็เริ่มเต็มไปด้วยน้ำวิเศษ เธอจึงรีบดื่มน้ำอย่างหิวกระหาย เมื่อดื่มน้ำหมดแก้ว จึงทิ้งตัวลงนอนพร้อมหลับตาและพาจิตเข้าไปในมิติส่วนตัว วูบบบ ชั่วพริบตาจิตวิญญาณเธอก็เข้ามาอยู่ในมิติ หน้าบ้านหลังใหญ่อีกครั้ง ‘ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ’ เสียงใสกังวานของระบบดังขึ้น “เหตุใดเมื่อครู่ข้าถามเจ้าจึงไม่ตอบ” ‘ระบบกำลังอัพเดทพอดีค่ะ จึงไม่สามารถทำการตอบได้’ เสียงระบบตอบกลับมาด้วยคำพูดในยุคปัจจุบัน ซินเหยาที่มีความทรงจำของเจ้าของร่างแล้วจึงไม่ได้งงกับคำศัพท์ใหม่มากนัก “เช่นนั้นก็แล้วไปเถอะ ว่าแต่ส่งข้ามาเกิดใหม่เหตุใดจึงต้องบาดเจ็บถึงเพียงนั้น” ซินเหยา พูดอย่างไม่สบอารมณ์ ‘เป็นโชคชะตาค่ะ ระบบไม่สามารถตอบได้ เพียงแต่คุณซินเหยา ดื่มน้ำวิเศษไปตั้งหนึ่งแก้วเต็มพรุ่งนี้ตื่นมาร่างกายก็หายเป็นปกติแล้วค่ะ‘ “หื้ม… วิเศษเพียงนั้นเชียว” เธอถามด้วยความสนใจ ‘ใช่ค่ะระบบได้แจ้งท่านไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าให้ใช้อย่างระมัดระวัง พรุ่งนี้ก็เตรียมตอบคำถามเหล่าคุณหมอดีๆ นะคะ’ “ว่าแต่ข้าฟื้นความทรงจำเจ้าของร่างได้หมดแล้วภารกิจผ่านหรือยัง” ‘ผ่านแล้วค่ะสามารถเช็คสถานะได้ที่หน้าต่าง เพียงแค่เอ่ยว่าสถานะก็จะมีหน้าต่างขึ้นให้ค่ะ ระบบขอแนะนำให้ ผู้ใช้งานเปลี่ยนคำพูดเป็นภาษาปัจจุบันเพื่อความเคยชินนะคะ’ “อืม” ซินเหยารับคำ อย่างขอไปทีก่อนจะเรียกสถานะขึ้นมา [ผู้ถูกเลือก: เยว่ซินเหยา] ระดับ 1 ค่าประสบการณ์ 100/10,000 ความสามารถ: พลังหยั่งรู้ฟ้าดินขั้นสูง (ไม่สามารถตรวจดวงชะตาตัวเองได้) พลังชีวิต: 80/100 พลังยุทธ์: 1/10 เงิน: 21,000 หยวน [ภารกิจ: ฟื้นความทรงจำ - สำเร็จ] รางวัลเมื่อสำเร็จ: เงินรางวัล 10,000 หยวน / คะแนนสะสม 100 แต้ม “เหตุใดเงินถึงเพิ่มเป็น 21,000 หยวน” ‘เงินที่ได้จากภารกิจ 10,000 หยวนและเงินที่ได้จากค่าทำขวัญ 10,000 หยวน เงินสดจะถูกนำมาใส่ระบบอัตโนมัติ หากโฮสต์ต้องการใช้เงินสดสามารถคิดและดึงเป็นเงินสดออกมาใช้ได้เลยหรือจะสแกนจ่ายผ่านระบบมือถือก็ทำได้เลยค่ะจะได้สะดวกต่อโฮสต์’ “อืมก็ง่ายดี” ซินเหยาคิดตาม พลางนึกถึงระบบมือถือในยุคปัจจุบัน ที่ใช้โอนเงินหรือจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ความคิดนี้ทำให้นางอดยิ้มไม่ได้ รู้สึกว่าโลกใหม่นี้ แม้จะเต็มไปด้วยความลึกลับและไม่คุ้นเคย แต่ความสะดวกสบายหลายอย่างกว่าโลกที่นางจากมา คุยกับระบบจบเธอจึงเดินเข้าไปสำรวจสิ่งของภายในบ้าน บ้านนี้มีสามห้องนอนอยู่ชั้นบน แต่ละห้องตกแต่งเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยของใช้ส่วนตัว ชั้นล่างมี ห้องทำงานขนาดใหญ่ โต๊ะทำงานเรียงรายด้วยเครื่องเขียน มีตู้หนังสือขนาดใหญ่สองฝั่ง ฝั่งนึงเต็มไปด้วยหนังสือเก่าโบราณหาได้ยาก ส่วนอีกฝั่งเป็นหนังสือในยุคสมัยใหม่ ถัดมาเป็น ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง แสงแดดส่องเข้ามาจากหน้าต่างใหญ่ พรมและโซฟาจัดไว้อย่างอบอุ่นด้านหลังเป็น ห้องครัว ตู้ เตา และอุปกรณ์ครัวครบครัน แต่ทุกอย่างดูเรียบง่ายและเป็นระเบียบ สุดท้ายซินเหยา เดินมาเปิดประตูห้องสุดท้าย ทันใดนั้น…สายตาของเธอเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น ภายในห้องขนาดใหญ่เต็มไปด้วย สิ่งของสะสมโบราณ ที่นางเคยรักและเก็บไว้ในโลกที่แล้ว มีหีบใส่ทองคำแท่ง ขนาดใหญ่ห้าสิบหีบ เรียงตัวเป็นระเบียบบนพื้น ภายในแต่ละกล่องมีทองหนึ่งหมื่นตำลึง หรือราวๆ สามร้อยเจ็ดสิบกิโล บนชั้นวางมี เครื่องประดับเก่าแก่ ทั้งกำไลหยก กำไลเงิน กำไลทอง ชุดปิ่นปักผม จี้อัญมณี และสร้อยคอที่ฝังอัญมณีหลากสี มุมหนึ่งของห้อง มีของสะสมมีค่าอื่นๆ ทั้งเครื่องแกะสลักไม้ รูปปั้นสำริดโบราณ เครื่องปั้นดินเผาลวดลายวิจิตร ของเล่นไม้แกะสลักด้วยมือ รูปวาดของปรมาจารย์ชื่อดัง ซินเหยา ยกยิ้มอย่างดีใจ ของมีค่าที่นางเก็บสะสมไว้ติดตามมาด้วยและที่สำคัญเมื่อมันมาอยู่ในยุคนี้มูลค่าของมันยิ่งมหาศาล มีของเหล่านี้ข้าก็ไม่ต้องทำงานแล้ว เลี้ยงเด็กๆ ได้อย่างสบาย เธอคิดอย่างอารมณ์ดี เมื่อสำรวจในมิติจนพอใจแล้วเธอจึงออกจากมิติ แล้วหลับไป ร่างบางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาในเช้าวันใหม่ แสงอ่อนสาดผ่านหน้าต่างห้องโรงพยาบาล ทำให้สายตาเย่วซินเหยาปรับโฟกัสช้าๆ ความเจ็บปวดที่เคยปะทุในร่างกายกลับ หายไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ทุกแผล ทุกรอยช้ำที่เคยเจ็บปวด เหมือนถูกลบออกไปหมด เย่วซินเหยาลุกขึ้นนั่งบนเตียง พลางมองไปที่เด็กๆ สองคนที่ยังหลับสนิทอยู่บนโซฟา ใบหน้ากลมโตและไร้เดียงสาของพวกเขาทำให้นางอดยิ้มไม่ได้ ไม่นาน เสียงเคาะเบาๆ ที่ประตูบอกให้รู้ว่ามีผู้มาเยือน พนักงานโรงพยาบาลเปิดประตูเข้ามาพร้อม อาหารเช้าที่จัดไว้เรียบร้อย จานขาวสะอาดวางบนถาด มีข้าวต้มร้อนๆ พร้อมเครื่องเคียงเล็กๆ และน้ำผลไม้ “อาหารของเด็กๆ สามารถสั่งเดลิเวอรี่ขึ้นมาได้ไหมคะ” ซินเหยา เอ่ยถามขึ้นตามความทรงจำว่า ในยุคนี้มีสิ่งที่เรียกว่า แอพพลิเคชั่นที่สามารถสั่งอาหาร ให้มาส่งได้ “ได้ค่ะ เพียงแต่ว่าจะต้องมีผู้ลงไปรับ พนักงานส่งอาหารไม่สามารถขึ้นมาส่งถึงห้องได้ค่ะ…หรือถ้าหากคนไข้ไม่สะดวก สามารถสั่งอาหารกับทางโรงพยาบาลได้นะคะจะมีเมนูวางอยู่บนโต๊ะ โทรสั่งได้เลยค่ะจะมีค่าใช้จ่ายแยกต่างหากตอนออกจากโรงพยาบาลค่ะ” พนักงานเงียบไปชั่วครู่เมื่อพิจารณาเห็นผู้ป่วยกับเด็กๆ จึงคิดว่าน่าจะไม่สะดวกจึงเสนออีกทางเลือกให้ พร้อมทั้งเดินไปหยิบเมนูส่งให้ถึงมือ “ขอบคุณมากค่ะ” “ยินดีค่ะ” ซินเหยา จึงได้ทำการสั่งอาหารมาไว้ให้เด็กๆ อย่างหลากหลายบทที่ 15 ช่วยคนสกุลไป๋“ขอโทษนะคะ คุณใช่อาจารย์เยว่ไหมคะ” ซินเหยาหันไปมอง ผู้หญิงที่ทักเธอ เธอมีอายุประมาณสามสิบต้นๆ ผมดำประบ่าม้วนเบาๆ ใบหน้าสวยหวานแต่ดวงตาไม่สดใส แฝงไปด้วยความเครียดความกังวลเล็กน้อย เธอยิ้มอย่างสุภาพขณะเอ่ยเรียกซินเหยา“อาจารย์?” ซินเหยา เอ่ยทวนคำเธอเอียงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะหรี่ตาลงช้าๆ ในใจเต็มไปด้วยความสงสัยผู้หญิงตรงหน้าซินเหยาเลิกคิ้วเล็กน้อย พยายามรวบรวมความกล้า ในน้ำเสียงแฝงความเกรงใจและความหวังเล็กๆ ขณะที่เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณใช่อาจารย์เยว่ซินเหยาใช่ไหมคะ” เธอจับกระเป๋าไว้แน่น มือสั่นเล็กน้อย แววตาตึงเครียดและเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับอยากได้คำยืนยันจากซินเหยา“อืม..ฉันชื่อเยว่ซินเหยา” เธอตอบชัดถ้อยชัดคำ ขณะที่สายตาจับจ้องผู้หญิงตรงหน้าอย่างนิ่งสงบ แววตาเย็นเฉียบ ซินเหยาพอจะรู้จุดประสงค์ของคนตรงหน้าแล้วผู้หญิงคนนั้นเบิกตากว้างเล็กน้อย ก่อนสีหน้าจะอ่อนลง คล้ายกับโล่งใจ ความหวังวูบไหวอยู่ในดวงตาคู่สวย แต่ริมฝีปากกลับสั่นเล็กน้อยอย่างไม่กล้าเปล่งถ้อยคำออกมา ซินเหยามองเพียงแวบเดียวก็อ่านความรู้สึกนั้นออกทันที ริมฝีปากโค้งขึ้นน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
บทที่ 14 โรงเรียนเช้าวันที่สอง ซินเหยาตื่นขึ้นในเวลาเดิม ร่างกายของเธอยังคงสดชื่นจากการพักผ่อน แม้เมื่อวานจะนอนดึก แต่กลับไม่รู้สึกอ่อนล้า หลังจากล้างหน้าเรียบร้อย เธอก็เข้าสู่มิติอีกครั้ง เริ่มต้นด้วยการนั่งขัดสมาธิกลางลานกว้าง ดวงตาหลับลงอย่างสงบ หัวใจเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ลมหายใจเข้าออกสอดคล้องไปกับพลังธรรมชาติรอบกาย จิตใจของเธอว่างเปล่าแต่มั่นคง การฝึกสมาธิครั้งนี้ลึกซึ้งกว่าเดิม ราวกับเธอกำลังกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพลังที่ไหลเวียนอยู่ทั่วทั้งมิติเมื่อจิตใจสงบนิ่งดีแล้ว เธอจึงเปลี่ยนเข้าสู่การฝึกกายและยุทธ์ ซินเหยาเคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าที่ดุดันและเฉียบขาดกว่าเมื่อวาน ทุกการก้าว การหมุนตัว และการโจมตีอากาศ เต็มไปด้วยแรงที่ควบคุมได้ดั่งใจ พลังภายในถูกรีดใช้และส่งออกผ่านปลายนิ้วและฝ่ามืออย่างราบรื่น ร่างบางเคลื่อนไหวราวกับสายลม บางครั้งอ่อนโยนพลิ้วไหว บางครั้งรุนแรงดั่งพายุ แต่ไม่ว่าท่วงท่าใดก็ยังคงความงดงามและสง่างามไว้เวลาผ่านไปอีกสองชั่วโมงเต็ม ร่างกายของเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่ออีกครั้ง แต่กลับเปี่ยมไปด้วยพลังและความมั่นคงในลมหายใจ สายตาคมกริบของซินเหยาส่องประกายเจิดจ้า ราวกับมีเ
บทที่ 13 ช้อปปิ้งสองพี่น้องมองแม่ด้วยความสนใจที่กำลังยืนชำระเงินที่เคาน์เตอร์ พลางกระซิบกันเบาๆ“ในความทรงจำของพี่ หม่าม้าไม่ได้รวยนี่นาหรือเราเข้าใจอะไรกันผิด” หมิงหมิงกระซิบเบาๆ พลางขมวดคิ้วคิด“ความทรงจำของหลันหลันก็ด้วยนะ” หลันหลันพยักหน้า พลางเอามือแตะแก้มตัวเองด้วยความสงสัย“พี่แอบใช้โทรศัพท์หม่าม้าก่อนออกมา เห็นหม่าม้ามีเงินแค่สี่หมื่นกว่าหยวนเอง” ได้ยินดังนั้นหลันหลัน ถึงกับเบิกตากว้าง“โหแต่หม่าม้าใช้เงินเก่งมาก แป๊บเดียวจะสองพันหยวนแล้ว”“อื้ม งั้นเราก็ต้องช่วยกันหาเงินเก่งๆ มาให้แม่ใช้”“พี่ยุคนี้ทำงานอะไรถึงได้เงินดีล่ะ”“อืมม.. ไม่แน่ใจเหมือนกันค่อยๆศึกษาไปเดี๋ยวก็มีวิธี” หมิงหมิงยักไหล่พร้อมทำหน้าครุ่นคิด“เช่นนั้นเป้าหมายตอนนี้หาเงินให้ได้เยอะๆ แล้วก็กินของอร่อยให้ครบทุกร้าน!! อาหารแคปซูลเราอย่าได้เจอกันอีกเลย” ส่วนน้องสาวก็ตบมือเล็กๆ ด้วยความมุ่งมั่น
บทที่ 12 ภารกิจโบนัสซินเหยา มือหนึ่งอุ้มลูกสาว อีกมือหนึ่งจับลูกชาย พากันเดินเข้ามาในห้าง เด็กหญิงในอ้อมแขนเกาะคอแม่แน่น ดวงตากลมใสจ้องมองแสงไฟระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น ส่วนเด็กชายที่ถูกแม่จับมือเดินเคียงข้างกลับเชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้นนิดๆ แก้มป่องๆ มีสีแดงจากความเหนื่อย แต่ก็ยังไม่ยอมให้แม่อุ้ม“หมิงหมิงให้หม่าม้าอุ้มดีกว่านะ เหนื่อยแล้วใช่ไหมครับ” ซินเหยาก้มลงถามเสียงอ่อนโยนเด็กชายส่ายหัวแรงๆ อย่างดื้อรั้น“ไม่เอาครับ หมิงหมิงไม่อยากให้หม่าม้าเหนื่อยแค่อุ้มน้องหม่าม้าก็หนักแล้วครับ หมิงหมิงเดินเองได้ครับ” หมิงหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจราวกับตนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ซินเหยาแอบหัวเราะเบาๆ เธอไม่อยากขัดใจ จึงเพียงยื่นมือไปลูบศีรษะลูกชายอย่างเอ็นดู“เช่นนั้นก็จับมือหม่าม้าดีๆ นะครับถ้าเหนื่อยก็บอกหม่าม้านะครับหม่าม้าจะได้หยุดพัก”“อื้ม!” เด็กชายพยักหน้าหนักแน่น แต่สายตาก็เริ่มกวาดมองรอบๆ ห้างที่เต็มไปด้วยร้านอาหารสีสันสดใส กลิ่นหอมลอยคลุ้งชวนให้ท้อง
“ประตูนี้คือทางเข้าลิฟต์ส่วนตัวครับ” เขาอธิบายพลางหยิบ คีย์การ์ด ขึ้นมาแตะเครื่องอ่านด้านข้างประตูเสียง ติ๊ง! ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าอนุญาตให้เข้า ซินเหยาเดินประตูเข้าไปพร้อมลูกๆ ทันที แต่กลับพบว่าในห้องมี ประตูลิฟต์อยู่สองตัว ตั้งอยู่คู่กัน และฝั่งตรงข้ามอีกสองตัว ภายในห้องนี้มีลิฟต์ทั้งหมดสี่ตัวหลิวเจ๋อยิ้มเล็กๆ แล้วจึงอธิบายส่วนต่างๆของที่นี่“ฝั่งซ้าย ประตูแรกคือลิฟต์ส่วนตัวของคุณเยว่ซินเหยาครับ ส่วนประตูที่สองจะเป็นลิฟต์ของห้องอื่นที่อยู่ชั้นเดียวกันครับ ส่วนฝั่งขวาเป็น ของชั้นที่ 67 ครับ เพนท์เฮาส์แบบชั้นละสองห้องของที่นี่จะมีแค่สองชั้น คือชั้นที่ 67 และ 68 ครับ ส่วนลิฟต์ตัวนอกจะเป็นชั้นที่2 ถึง 66 เป็นห้องชุด แบบที่มีชั้นละสี่ห้องครับ” ผู้จัดการหลิวเจ๋อชี้ไปที่ เครื่องอ่านคีย์การ์ดของลิฟต์ฝั่งซ้าย ซึ่งมี เลขห้องแสดงอยู่ชัดเจน99/168 ขณะที่ลิฟต์ตัวอื่นก็มีเลขห้องต่างกัน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นของห้องอื่น ซินเหยาเห็นเลขห้องใบหน้าเย็นชายังคงเรียบเฉย แต่เธอพยักหน้าอย่าง พึงพอใจ“เด็กๆ ไป
บทที่ 11 เพนท์เฮ้าส์ในวันเดียวกันนั้นหลังจากซินเหยากินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเรียกลูกๆ ทั้งสองคนมานั่งพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่ยากจะพบเห็น“เด็กๆค่ะ วันนี้เราจะไปดูบ้านใหม่กันนะคะ” เด็กๆเงยหน้ามองแม่ด้วยสายตาตื่นเต้นปนความสงสัย ซินเหยาอธิบายอย่างใจเย็นว่า บ้านใหม่จะกว้างขวางกว่า มีที่ให้เล่นเยอะขึ้น และทุกคนจะมีห้องเป็นของตัวเอง“เราจะย้ายบ้านใหม่เหรอครับ” ลูกชายคนโตถามเสียงสดใส พร้อมด้วยแววตาสงสัย“ใช่ครับ หม่าม้าได้บ้านมาโดยบังเอิญครับ วันนี้เราจะไปดูกันถ้าเป็นไปได้เราก็จะย้ายวันนี้เลยครับ เด็กๆ ช่วยหม่าม้าเก็บของใส่กล่องไว้นะ ช่วงบ่ายเราจะไปดูบ้านกันครับ”“ได้ครับ / ได้ค่ะ”“ย้ายที่อยู่ใหม่เราต้องใช้เงินหม่าม้ามีเงินเยอะไหมครับ” หมิงหมิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความใสซื่อ ซินเหยาได้ยินคำถาม ก็นิ่งไปครู่หนึ่ง พลางคิดถึงเงินที่มีอยู่ แต่เพียงเสี้ยววินาที เธอก็ยิ้มบางๆ และลูบหัวลูกชาย“หม่าม้ามีเงินไม่เยอะครับ แต่หม่าม้าจะ