“อะไรเหรอคะป้า?”
“เปล่าลูก ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าพรีนอยู่ห่างจากคุณหนูไว้น่ะดีที่สุด แต่ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใกล้คุณหนูจริงๆ พรีนก็จะต้องเว้นระยะห่าง อย่าเข้าใกล้จนเกินไป เข้าใจที่ป้าพูดไหม?” “ทำไมละคะป้า ทำไมพรีนถึงอยู่ใกล้คุณหนูไม่ได้” ถามด้วยความไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมป้าของเธอต้องสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้คุณหนูด้วยทั้งๆ ที่อีกคนนั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันกับเธอ ไม่ได้มีอะไรที่น่ากลัวเลยสักนิด แล้วยิ่งได้รู้ถึงเหตุผลที่อีกคนเป็นแบบนี้เธอยิ่งอยากอยู่ใกล้ๆ อยากดูแล อยากทำให้อีกคนได้กลับมามีความสุขใหม่อีกครั้ง “เชื่อป้าเถอะพรีน ป้าว่าพรีนรีบไปเก็บของให้เรียบแล้วออกไปช่วยงานป้าที่บ้านใหญ่ดีกว่านะ เดี๋ยวป้าจะเดินนำไปก่อนแล้วกัน” น้อยพูดจบก็เดินออกจากห้องไปเพราะไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ สักวันหลานสาวของเธอจะเข้าใจดีว่าทำไมเธอถึงได้สั่งห้ามแบบนี้ออกไป ส่วนทางด้านของชนากานต์ก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ รอหาเวลาและจังหวะที่เหมาะสมค่อยหาโอกาสถามใหม่อีกครั้ง ขณะเดียวกันปภาวีที่เดินออกจากบ้านมา ก็ขึ้นมานั่งอยู่บนรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองด้วยอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน หลังถูกคุณหญิงรุจิราผู้เป็นแม่เอาแต่ต่อไม่หยุด ซ้ำยังเข้าข้างคนที่เพิ่งจะพบหน้าอย่างชนากานต์หลานสาวของคนใช้ “ฉันจะทำให้เธออยู่ไม่ได้เลยคอยดู” กัดฟันพูดเสียงต่ำ ขากรรไกรขบกันจนขึ้นเป็นสันนูน ความโกรธตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น และนั่นจึงทำให้เธอจนเผลอกระแทกฝ่ามือลงบนพวงมาลัยอย่างแรง ก่อนจะสตาร์ตรถขับออกไป ใช้เวลาประมาณสามสิบนาที รถสปอร์ตคันหรูของปภาวีก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถระดับ VVIP ของคอนโดชื่อดังย่านสุขุมวิท ‘ครืด ครืด’ ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวขาลงจากรถเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น [ภัค คุณอยู่ไหนคะ ยังไม่มาอีกเหรอ?] [ภัคได้ยินอลิสหรือเปล่าคะ ตอนนี้อลิสรอคุณอยู่ที่ล็อบบี้-] “ฉันกำลังจะขึ้นไป” ปภาวีพูดเพียงเท่านั้นก็รีบกดวางสายอีกฝ่ายทันที เหตุผลนั้นก็เป็นเพราะว่าเธอไม่จำเป็นที่จะต้องตอบคำถามไร้สาระจากผู้หญิงพวกนั้น มันน่าเบื่อน่ารำคาญถ้าจะต้องรายงานทุกอย่างที่ตัวเองทำให้อีกฝ่ายได้รับรู้ เธอต้องการอิสระ ไม่ผูกมัด ไม่แสดงตัวตนเป็นเจ้าของของกันและกัน จะมีก็เพียงแค่ความสัมพันธ์แบบชั่วครั้งชั่วคราวหรือถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือความสัมพันธ์แบบ One-night stand เสร็จกิจก็จบ จ่ายเงินแล้วก็แยกย้ายกันไป “กว่าจะมาได้นะคะ อลิสมารอคุณตั้งแต่เช้าคุณมัวทำ-” หญิงสาวยืนกอดอกหน้ามุ่ยต่อว่าคนที่เพิ่งมาใหม่อย่างปภาวี “ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน เธออย่าลืมสิอลิสว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน” “ภัค!!” “อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉัน เพราะไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ได้อะไรจากฉันเลยสักอย่างเดียว!” “อะ อลิสขอโทษค่ะ ภัคอย่าโกรธอลิสเลยนะคะ อลิสไม่ได้ตั้งใจ” “เจียมตัวไว้บ้างก็ดีนะ” “อลิสจะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้วค่ะ ภัคใจเย็นๆ ก่อนนะคะ มาค่ะเดี๋ยวอลิสจะทำให้คุณใจเย็นลงเอง” “ไม่ต้อง เธอกลับไปได้ละ ฉันไม่มีอารมณ์” “แต่ว่า” “นี่เงินของเธอรับไปซะ แล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!” หยิบเงินก้อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสะพายก่อนจะส่งให้กับหญิงสาวตรงหน้า “ภัคหมายความว่ายังไงคะ” “ก็หมายความว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเธออีกแล้วไงอลิส รับเงินนี่ไปแล้วอย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก ออกไป!!” “อลิสไปก็ได้ แต่อลิสบอกไว้ก่อนเลยว่าอลิสไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกนะคะ ภัคต้องเป็นของอลิสแค่คนเดียว” พูดจบก็เดินกระถืบเท้าออกจากห้องไป เธอไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ เพราะอะไรที่เป็นของเธอมันก็จะคงเป็นแบบนั้นตลอดไปรวมไปถึงปภาวีอดีตคนรักของเธอด้วย ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งเธอจะพลาดปล่อยให้ที่เป็นถึงนักธุรกิจหมื่นล้าน ร่ำรวยเสียขนานนั้นถ้าเธอปล่อยให้หลุดมือไปก็คงจะเสียดายแย่ แล้วถึงแม้เธอว่าจะยอมรับเงินก้อนนั้นมาก็ใช่ว่าเธอจะยอมทำตามความต้องการของอีกคนซะเมื่อไหร่ ...เธอจะถอนออกไปเพื่อรอจังหวะและเวลากลับมาทวงสถานะภรรยาทางพฤตินัยคืนอย่างแน่นอน *** คืนวันเดียวกัน ปภาวีเดินโซซัดโซเซกลับเข้าบ้านด้วยอาการมึนเมา กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ติดอยู่บนร่างกายลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งโถงทางเดิน “ดื่มมาอีกแล้วเหรอภัค” คุณหญิงรุจิราที่บังเอิญเดินออกจากห้องมาพอดิบพอดี ก็ได้เห็นสภาพที่เมามายจนเกือบจะไร้สติของลูกสาวตัวเอง ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เอือมระอา “อ้าว คุณแม่ ยางม่ายนอนอีก..เหรอคะ”เสียงยืดยาวของคนเมาถามมารดาออกไปทั้งที่ร่างกายของตัวเองนั้นก็พร้อมที่จะหล่นลงพื้นอยู่ทุกเวลา “ภัคเลิกทำตัวแบบนี้สักทีได้ไหม ถือว่าแม่ขอ” “แบบหนายคะ คุณแม่ อึ่ก!” “คุณหนูเธอเมามาก พูดอะไรไปตอนนี้ก็คงจะไม่รู้เรื่องหรอกค่ะคุณหญิง” น้อยเดินเข้ามาประคองร่างสูงของปภาวีเอาไว้ก่อนจะพูดบอกกับคุณหญิงรุจิราที่ยืนสีหน้าเป็นกังวล “ถ้างั้นฉันก็ฝากน้อยพายัยภัคขึ้นห้องไปนอนที่ห้องทีนะ ฉันเองคงจะแบกยัยภัคขึ้นไปไม่ไหว” “ค่ะคุณหญิง เดี๋ยวน้อยจัดการให้ค่ะ คุณหญิงเข้าไปพักผ่อนได้เลยนะคะไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ พรีนมาช่วยป้าหน่อยลูก” อึ่ก อ้วก! “เฮ้อ! ฉันละเหนื่อยใจจริงๆ ฉันฝากด้วยนะน้อย หนูพรีน” คุณหญิงรุจิราพูดเสียงเรียบส่ายหน้าระอากับพฤติกรรมของลูกสาวก่อนจะเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป ส่วนทางด้านของน้อยและชนากานต์ก็หันมองหน้ากันก่อนจะช่วยกันประคองร่างสูงของคนเมาขึ้นไปยังชั้นสองอย่างทุลักลุเล “ผู้หญิงอะไรตัวหนักชะมัดเลย” ชนากานต์บ่นอุบขณะที่กำลังช่วยผู้เป็นป้าพาร่างของคนเมาไร้สติขึ้นมายังห้องนอนของเจ้าตัว “คุณหนูเธอน่ะสมส่วน พรีนเองหรือเปล่าลูกที่ตัวเล็กกระปิ๊ดเดียว” “ป้าอ่ะ แต่ถึงพรีนจะตัวเล็ก พรีนก็น่ารักนะคะ อิอิ” “จ้า เรื่องนี้ป้าไม่เถียงหรอก เฮ้อ! แต่จะว่าไปคุณหนูเธอก็หนักอย่างที่พรีนว่าจริงๆ ด้วยนะ” น้อยพูดขึ้นหลังจากที่วางร่างสูงของปภาวีลงบนเตียง “เห็นไหมพรีนบอกป้าแล้ว เอ่อว่าแต่เราจะทำยังไงกับคุณหนูเธอดีละคะป้า อ้วกใส่ผ้าเลอะเทอะไปหมด ขืนปล่อยให้หลับไปตื่นเช้ามามีหวังโวยวายบ้านแตกแน่ๆ” “นั่นสิ แต่ถ้าจะปลุกให้ไปอาบนํ้าก็คงจะลุกไม่ไหวเหมือนกัน เอางี้ก็ได้พรีน เดี๋ยวป้าไปเอาผ้ามาเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนชุดให้คุณหนูเธอก็แล้วกัน พรีนรอป้าแป๊บนึงนะลูกเดี๋ยวป้ามา” น้อยพูดจบก็รีบเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหาผ้าและกะละมังใส่น้ำมาเช็ดตัวให้กับเจ้าของห้อง ส่วนชนากานต์เมื่อเห็นว่าป้าของตัวเองเดินออกไปแล้ว เธอจึงทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างถือวิสาสะ ใบหน้าที่สวยใสไร้ที่ติ จมูกโด่งโค้งรับกับรูปหน้า ขนคิ้วหน้าขนตาเป็นแพเรียงเส้นสวย ผิวพรรณขาวผ่องสะอาดสะอ้านราวกับว่าเจ้าของร่างนั้นเฝ้าดูแลมาเป็นอย่างดี เธอมองดูใบหน้าของคนที่หลับใหลอย่างพิจารณา ถ้าตัดเรื่องวาจาและท่าทีที่ร้ายกาจออกไป เธอก็พูดได้คำเดียวเลยว่าตั้งแต่เธอเกิดจนกระทั่งโตมา เธอไม่เคยพบเจอผู้หญิงคนไหนสวยเท่าคนตรงนี้มาก่อนเลยสักคน เพราะขนาดเธอที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังรู้สึกใจสั่นเมื่อได้ชิดใกล้ แล้วเธอเองก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าอาการพวกนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไงทั้งที่เพิ่งจะพบกันได้ยังไม่พ้นวัน “คุณพ่อ อย่าทิ้งภัคไป! ฮึกๆ” “เอ่อคุณหนูคะ ปล่อยแขนพรีนก่อนค่ะ” ปภาวีละเมอเรียกบิดาของตัวเองพลางสะอื้นไห้ออกมาปานจะขาดใจ มือข้างหนึ่งก็คว้าเอาแขนของชนากานต์ไปกอดไว้เพราะอาจเข้าใจผิดว่าเป็นแขนของบิดาอันเป็นที่รัก “คุณพ่ออยู่กับภัคก่อนสิคะ คุณพ่ออย่าทิ้งภัคไปแบบนี้ ฮึกๆ ได้โปรด” “คุณหนูตื่นก่อนสิคะ พรีนไม่ใช่คุณพ่อของคุณหนูนะคะ ปล่อยพรีนก่อนค่ะ” ปากพูดมือก็พยายามแกะมือของอีกคนออก ทว่าเรี่ยวแรงที่ต่างกันทำให้เธอไม่อาจสู้แรงของคนร่างใต้ล่างได้ แล้วสุดท้ายเธอก็ถูกเขาดึงเข้าไปกอดเอาไว้ “ทำอะไรน่ะพรีน!” น้อยเดินกลับเข้ามาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลานสาวตัวเองกับใบหน้าของลูกสาวของเจ้านายห่างกันเพียงแค่กระดาษบางๆ กั้นเอาไว้ “ปะ ป้าน้อย” สะดุ้งตกใจก่อนจะพยายามดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนนั้นอีกครั้ง “ป้าถามว่า ทำ อะ ไร!” คนอายุมากว่าถามขึ้นอีกครั้งโดยเน้นทุกคำให้ชัดกว่าครั้งแรก “ปะ เปล่าค่ะ พอดีคุณหนูเธอละเมอถึงคุณพ่อแล้วคิดว่าแขนพรีนคือแขนของพ่อเธอ เธอเลยดึงพรีนไว้ค่ะ” “มาป้าช่วย แล้วเดี๋ยวพรีนกลับไปที่ห้องก่อนเลยนะ ป้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณหนูเธอก่อน” น้อยวางกะละมังในมือแล้วเดินมาดึงตัวหลานสาวของตัวเองออกจากอ้อมแขนของคนเมา “ให้พรีนช่วยนะคะ” “ไม่เป็นไรเดี๋ยวป้าทำเอง พรีนกลับห้องไปก่อนไป” “กะ ก็ได้ค่ะ” ***** เช้าวันต่อมา "ภัคยังไม่ลงมาอีกหรือน้อย"คุณหญิงรุจิราเอ่ยถามน้อยถึงปภาวีที่สายเอาป่านนี้แล้วยังไม่ตื่นลงมาทานอาหารเช้าอีก "ยังค่ะคุณหญิง" “ทำไมถึงได้ตื่นสายแบบนี้นะ งั้นฉันขอรบกวนน้อยสักนิดจะได้ไหม ช่วยขึ้นไปดูภัคที่บนห้องให้ฉันทีว่าเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมถึงไม่ลงมา” “ได้ค่ะคุณหญิง เดี๋ยวน้อยไปดูคุณหนูให้ค่ะ” น้อยรับคำจากคุณหญิงรุจิราก่อนที่จะหันหลังเตรียมตัวเดินขึ้นไปดูปภาวีที่ชั้นสอง ทว่าก้าวขายังไม่พ้นประตูห้องครัว เสียงถ้วงของชนากานต์หลานสาวเธอก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “เดี๋ยวพรีนขึ้นไปดูคุณหนูให้เองค่ะป้า” “ไม่เป็นไร เดี๋ยวป้าไปเอง” “ให้หนูพรีนขึ้นไปดูยัยภัคก็ได้น้อย น้อยจะได้ไปเตรียมจัดโต๊ะอาหารให้เสร็จ นี่ก็สายมากแล้ว” คุณหญิงรุจิราเอ่ยขึ้น “ก้ได้ค่ะคุณหญิง รีบไปรีบมานะพรีน รู้ไหม?” หันไปย้ำหลานสาวอีกครั้ง “ค่ะป้า” ***** ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! “คุณหนูตื่นหรือยังคะ คุณหญิงให้มาตามคุณหนูลงไปทานข้าวค่ะ” “...” “คุณหนูคะ คุณหนู!” เสียงหวานเจือความเกรงใจเอ่ยขึ้น แต่ภายในห้องยังคงเงียบงัน ไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้าหรือการขยับตัวตอบกลับ “คุณหนูคะ...คุณหนู!” หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นทุกขณะ ยิ่งเรียกเท่าไรก็ยิ่งไร้สัญญาณตอบรับ สุดท้ายความเป็นห่วงก็ชนะความเกรงใจ เธอตัดสินใจบิดลูกบิดประตูและผลักมันออกเบา ๆ แค่เพียงเท้าเหยียบเข้ามาในห้อง... “เข้ามาทำไม!!” เสียงตวาดแหลมพุ่งออกมาทันทีโดยไม่ทันให้ตั้งตัว ชนากานต์ชะงักงัน ดวงตาเบิกกว้าง ใจเต้นกระหน่ำขณะสบตากับเจ้าของห้องที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ใบหน้าสวยของปภาวีฉายชัดถึงอารมณ์รุนแรงที่เอ่อล้นขึ้นมาจนแทบควบคุมไม่อยู่ “คุณหนู!!” “ฉันถามว่าเธอ เข้า มา ทำ ไม!!”น้ำเสียงของปภาวีกระแทกทุกถ้อยคำเหมือนฟาดใส่ หยุดลมหายใจของอีกคนให้ติดขัด ใบหน้าขาวจัดขึ้นจนเห็นเส้นเลือดฝาด ดวงตาคมกริบวาวโรจน์เหมือนมีเปลวเพลิงลุกอยู่ข้างใน “คะ...คุณหญิงให้พรีนมาตามคุณหนูลงไปทานข้าวค่ะ” “อย่ามายุ่งกับฉัน!” เสียงกรีดตะคอกพุ่งออกมาราวกับมีแรงผลักจากข้างใน หญิงสาวที่ถูกตวาดถึงกับก้าวถอยอัตโนมัติ ความตกใจไหลผ่านแววตาอย่างชัดเจน “ตะ...แต่ว่า..” “ออกไป!!”ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา...ปภาวีขับรถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดในลานสำหรับลูกค้า VVIP ของ Velluto Club สถานบันเทิงหรูย่านกลางเมืองที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี และมักใช้เป็นที่พักใจยามมีเรื่องไม่สบายใจเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จังหวะหนัก ๆ ดังทะลุออกมาถึงลานจอดรถ ไฟนีออนสีม่วงเข้มจากป้ายชื่อร้านสะท้อนกับกระโปรงหน้ารถ แสงวูบหนึ่งกระทบลงบนใบหน้าเธอพอดี เผยแววตาแข็งกร้าวที่แฝงคลื่นความรู้สึกบางอย่างซึ่งยังไม่ทันจางไปจากอกเธอก้าวลงจากรถอย่างเงียบงัน เดินฝ่ากลุ่มนักท่องราตรีที่เบียดเสียดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ โดยไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงโต๊ะ VVIP ด้านในสุด ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในโซนเงียบสงบของร้าน แยกตัวออกจากความพลุกพล่านของผู้คน โดยที่ตินนี้มีชายหนุ่มในชุดเชิ้ตสีเข้มนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาหนังเรียบหรู เขาหันมองทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา“หน้าบอกบุญไม่รับเลยนะครับ คุณปภาวี”เสียงทักของภาสกรฟังดูเหมือนจะเย้าแหย่ แต่ทว่าแววตากลับแฝงความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยทว่าคนถูกแซวอย่างปภาวีกลับไม่ตอบ เธอเพียงปรายมองเพื่อนชายคนสนิทอย่างเย็นชา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งมือเรียวคว้าแก้ววิสกี้ขึ้นกระดกจน
“ภัคหยุด! แม่บอกให้หยุด!!”“จะตามมาว่าอะไรภัคอีกละคะ?” หันขวับกลับมาถามมารดาด้วยน้ำเสียงประชดประชันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“ทำไมต้องทำร้ายน้องขนาดนั้น จงเกลียดจงชังอะไรนักหนา แม่ยังไม่เห็นว่าน้องพรีนเขาจะทำอะไรให้ภัคเลยนะลูก”“ไม่ชอบคือไม่ชอบ เกลียดก็คือเกลียด ภัคเคยบอกคุณแม่ไปแล้วนี่คะ”ปภาวีเน้นทุกถ้อยคำอย่างชัดเจนและหนักแน่น แล้วต่อให้เธอจะต้องพูดอีกสักกี่สิบครั้ง เธอก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าเธอเกลียดผู้หญิงคนนั้นที่สุด เธอเกลียดชนากานต์โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล เพราะสำหรับความรักบางครั้งมันก็ไม่คำอธิบายซึ่งความเกลียดก็เช่นเดียวกัน...“ถ้าเกลียดก็ไม่ต้องยุ่งกันสิ ไม่เห็นจะต้องลงไม้ลงมือแบบนี้ แม่ไม่ชอบเลยนะภัค!”“ภัคไม่เคยคิดที่จะยุ่งกับยัยนั่นเลยสักนิด แต่ยัยต่างหากที่ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายกับภัคเอง”“ยุ่งอะไร ไหนบอกแม่มาซิ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เพราะเธออยากจะรู้สาเหตุเหลือเกิน ว่าเป็นเพราะอะไรทำไมลูกสาวของเธอถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้“ยัยนั่นไปแอบฟังภัคคุยโทรศัพท์กับต้น พอภัคจับได้ก็ทำท่าจะเดินหนี ทีนี้คุณแม่จะยังเข้าข้างอยู่อีกไหมคะ”“บางทีน้องอาจจะแค่เดินผ่านไปก็ได้ ภ
“พรีน หนูเป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นลงมาอย่างนี้”“ปะ...เปล่าค่ะ พรีนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”“เป็นเด็กริอาจโกหกผู้ใหญ่มันไม่ดีนะรู้ไหม บอกฉันมาตรง ๆ ดีกว่านะ พี่ภัคเขาได้ทำอะไรหนูหรือเปล่า” คุณหญิงรุจิราวางหนังสือพิมพ์ในมือลงก่อนเอ่ยถามอย่างใจเย็น เธอไม่ใช่คนไร้เดียงสาที่จะดูไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ถามออกไปก็เพียงแค่ต้องการฟังจากปากของเด้กสาวตรงหน้าให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนไป“คุณหนูไม่ได้ทำอะไรพรีนค่ะคุณหญิง พรีนแค่...”“เธอมาฟ้องอะไรแม่ฉัน!” เสียงแหลมของปภาวีดังแทรกขึ้นมาจากทางบันได เธอเพิ่งจัดการตัวเองเสร็จแล้วลงมา ทว่าต้องชะงักเมื่อเห็นชนากานต์ยืนอยู่กับแม่ของเธอ และดูเหมือนว่ากำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่แล้วมื่อได้เห็นอย่างนั้น ความไม่พอใจก็พลันแล่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“น้องยังไม่ทันได้ฟ้องอะไรแม่เลย ว่าแต่เราเถอะไปกินรังแตนที่ไหนมา ถึงได้โหวกเหวกโวยวายแต่เช้าแบบนี้”“เปล่าค่ะ”“งั้นภัคบอกแม่ได้ไหมว่าหนูพรีนวิ่งหนีอะไรมา”“ภัคจะไปรู้ได้ไงคะ ถ้าคุณแม่อยากรู้ทำไมไม่ไปถามเจ้าตัวเองล่ะ”“ก็ถ้าหนูพรีนยอมพูด แม่จะมาถามแกอยู่อย่างนี้หรือไง บอกแม่มาว่าทำอะไร
“อะไรเหรอคะป้า?”“เปล่าลูก ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าพรีนอยู่ห่างจากคุณหนูไว้น่ะดีที่สุด แต่ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใกล้คุณหนูจริงๆ พรีนก็จะต้องเว้นระยะห่าง อย่าเข้าใกล้จนเกินไป เข้าใจที่ป้าพูดไหม?”“ทำไมละคะป้า ทำไมพรีนถึงอยู่ใกล้คุณหนูไม่ได้”ถามด้วยความไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมป้าของเธอต้องสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้คุณหนูด้วยทั้งๆ ที่อีกคนนั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันกับเธอ ไม่ได้มีอะไรที่น่ากลัวเลยสักนิด แล้วยิ่งได้รู้ถึงเหตุผลที่อีกคนเป็นแบบนี้เธอยิ่งอยากอยู่ใกล้ๆ อยากดูแล อยากทำให้อีกคนได้กลับมามีความสุขใหม่อีกครั้ง“เชื่อป้าเถอะพรีน ป้าว่าพรีนรีบไปเก็บของให้เรียบแล้วออกไปช่วยงานป้าที่บ้านใหญ่ดีกว่านะ เดี๋ยวป้าจะเดินนำไปก่อนแล้วกัน”น้อยพูดจบก็เดินออกจากห้องไปเพราะไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ สักวันหลานสาวของเธอจะเข้าใจดีว่าทำไมเธอถึงได้สั่งห้ามแบบนี้ออกไป ส่วนทางด้านของชนากานต์ก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ รอหาเวลาและจังหวะที่เหมาะสมค่อยหาโอกาสถามใหม่อีกครั้งขณะเดียวกันปภาวีที่เดินออกจากบ้านมา ก็ขึ้นมานั่งอยู่บนรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองด้วยอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน หลังถูกคุณหญิงร
“พรีนพอจะอยู่ได้ไหมลูก?”น้อยเอ่ยถามชนากานต์หลานสาวของตัวเองทันทีที่ได้เข้ามาอยู่ภายในห้องพัก เพราะด้วยความที่ห้องของแม่บ้านโดยปกติแล้วก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย จะมีก็เพียงเตียงนอนที่ขนาดกลางห้องน้ำและพื้นที่ใช้ส้อยอีกเล็กน้อยเท่านั้น“อยู่ได้ค่ะ พรีนขอบคุณป้าน้อยอีกครั้งนะคะที่ให้พรีนมาอยู่ด้วย”“ไม่ต้องขอบคุณป้าหรอกลูก พรีนเป็นหลานป้า ไม่ให้ป้าช่วยพรีนแล้วจะให้ป้าไปช่วยแมวที่ไหนล่ะฮึ?”“แมวน้อยตัวนี้สัญญาเลยค่ะ ว่าจะตั้งใจเรียน แล้วก็จะเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่แล้วก็ป้าน้อย พรีนรักป้าน้อยนะ”พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะก้าวเข้าไปโอบกอดป้าน้อยเอาไว้ด้วยความรัก ความรู้สึกอุ่นใจและซาบซึ้งเอ่อล้นขึ้นมาจนเต็มหัวใจเพราะทุกคำถ้อยคำที่พูดออกไปล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธอจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่ในห้วงความทรงจำป้าน้อยก็เป็นอีกหนึ่งคนที่รักและดูแลเธอมาตลอดแล้วไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ความรักความห่วงใยที่ผู้เป็นป้ามีให้แก่เธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือลดน้อยลงไปเลย“ป้าก็รักพรีนนะลูก เอ้อ! ว่าแต่พรีนโทรบอกพ่อกับแม่หรือยังลูกว่าหนูมาถึงแล้ว เดี๋ยวท่านจะเป็
“กองไว้ตรงนั้นแหละ!”เพียงแค่ไม่รับไหว้ ปภาวียังคงมองหน้าของชนากานต์ด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยัน ก่อนจะสะบัดหน้าหันมองไปทางอื่น“ภัค! เดี๋ยวเถอะ” คุณหญิงรุจิราเอ็ดเสียงเข้มเมื่อเห็นกิริยาที่ไม่เหมาะสมของปภาวีลูกสาวตัวเอง” ฉันต้องขอโทษแทนลูกสาวฉันด้วยนะจ๊ะ”“นี่คุณแม่จะไปขอโทษยัยเด็กนี่ทำไมกันคะ”“ยังอีก แม่ไม่เคยสอนให้ภัคเสียมารยาทแบบนี้เลยนะลูก ขอโทษน้องเดี๋ยวนี้!”“ไม่ค่ะ! ภัคไม่ขอโทษ ภัคยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”“ยัยภัค!!”“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณหญิง คุณหญิงอย่าดุให้คุณหนูเลยนะคะ คุณหนูเธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดจริง ๆ” น้อยเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะตึงเครียดจนเกินไป อีกอย่างเธอไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนทั้งสองต้องมีปัญหากัน“ไม่ผิดยังไงกันน้อย หลานสาวน้อยยกมือไหว้ก็แทนที่จะรับไหว้น้องดี ๆ แต่กลับพูดจาไร้มารยาทแบบนั้นออกมา ทำผิดไม่ยอมรับผิด มีที่ไหนกัน!”“คุณแม่!!”คุณหญิงรุจิราพูดเสียงเข้ม ดวงตาคมกริบตวัดมองไปยังปภาวีด้วยสายตาเชิงตำหนิ เธอบอกตามตรงเลยว่าเธอรู้สึกไม่ชอบใจกับพฤติกรรมของลูกคนนี้เลยจริง ๆ“หนูชื่อพรีนใช่ไหมลูก” คุณหญิงรุจิราถาม“ชะ...ใช่ค่ะ”“รูปก็งาม นามก็เพราะ