Share

CHAPTER 6

last update Huling Na-update: 2025-07-17 12:58:40

“ภัคหยุด! แม่บอกให้หยุด!!”

“จะตามมาว่าอะไรภัคอีกละคะ?” หันขวับกลับมาถามมารดาด้วยน้ำเสียงประชดประชันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“ทำไมต้องทำร้ายน้องขนาดนั้น จงเกลียดจงชังอะไรนักหนา แม่ยังไม่เห็นว่าน้องพรีนเขาจะทำอะไรให้ภัคเลยนะลูก”

“ไม่ชอบคือไม่ชอบ เกลียดก็คือเกลียด ภัคเคยบอกคุณแม่ไปแล้วนี่คะ”

ปภาวีเน้นทุกถ้อยคำอย่างชัดเจนและหนักแน่น แล้วต่อให้เธอจะต้องพูดอีกสักกี่สิบครั้ง เธอก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าเธอเกลียดผู้หญิงคนนั้นที่สุด เธอเกลียดชนากานต์โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล เพราะสำหรับความรักบางครั้งมันก็ไม่คำอธิบาย

ซึ่งความเกลียดก็เช่นเดียวกัน...

“ถ้าเกลียดก็ไม่ต้องยุ่งกันสิ ไม่เห็นจะต้องลงไม้ลงมือแบบนี้ แม่ไม่ชอบเลยนะภัค!”

“ภัคไม่เคยคิดที่จะยุ่งกับยัยนั่นเลยสักนิด แต่ยัยต่างหากที่ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายกับภัคเอง”

“ยุ่งอะไร ไหนบอกแม่มาซิ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เพราะเธออยากจะรู้สาเหตุเหลือเกิน ว่าเป็นเพราะอะไรทำไมลูกสาวของเธอถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้

“ยัยนั่นไปแอบฟังภัคคุยโทรศัพท์กับต้น พอภัคจับได้ก็ทำท่าจะเดินหนี ทีนี้คุณแม่จะยังเข้าข้างอยู่อีกไหมคะ”

“บางทีน้องอาจจะแค่เดินผ่านไปก็ได้ ภัคอคติกับน้องเกินไปหรือเปล่า”

“ในสายตาของคุณแม่ภัคคงจะเป็นลูกที่แย่มากเลยใช่ไหมคะ” เอ่ยถามเสียงเบาลงกว่าทุกครั้ง ดวงตาคู่สวยที่เคยแข็งกร้าวกลับวูบไหวในชั่ววินาที ความรู้เสียใจและน้อยใจค่อย ๆ ตีตื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่

ด้านคุณหญิงรุจิราเมื่อได้เห็นแววตาของคนเป็นลูกยืนนิ่งไปครู่หนึ่งหัวใจหนักอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก เธอไม่ได้มีเจตนาที่จะพูดต่อว่าลูกสาวออกไปแบบนั้น...

“ไปกันใหญ่แล้วภัค ฟังแม่นะ...”

“ภัคไม่ฟัง ขอตัวนะคะ”

“เดี๋ยวสิภัค ภัค!”

*****

“พอจะบอกป้าได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เสียงของน้อยเข้มขึ้นเล็กน้อย ขณะยืนกอดอกจ้องหลานสาวที่นั่งสะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง

“คือพรีน...ฮึก ๆ พรีน...”

“ไปทำอะไร ทำไมคุณหนูเธอถึงได้โกรธขนาดนั้น”

“ฮึก...พรีนเดินตามคุณหนูออกไป แล้วบังเอิญได้ยินคุณหนูเธอคุยโทรศัพท์อยู่กับเพื่อนค่ะป้าน้อย”

“ป้าเคยบอกพรีนแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งวุ่นวายหรือไปเข้าใกล้คุณหนูเธอ ทำไมพรีนไม่ฟังป้า” พูดพร้อมทั้งส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจ

“ก็พรีนเป็นห่วงคุณหนูนี่คะ พรีนเห็นเธอไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่เมื่อวาน เลยตั้งใจจะไปตามมาทานข้าวก็แค่นั้นเอง”

“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกพรีน ป้าบอกอะไรไปพรีนต้องเชื่อฟังป้าไม่ใช่ทำตามใจตัวเองแบบนี้ นี่เพิ่งจะวันที่สองยังเจ็บตัวขนาดนี้แล้ว ขืนอยู่ต่อไปป้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณหนูเธอจะไม่ทำร้ายพรีนอีก”

น้อยถอนหายใจติดกันหลายครั้ง สายตาวาววับด้วยความกังวล เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมหลานสาวถึงได้ฝืนคำเตือนเธอแบบนี้ทั้งที่ปกติก็เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย

นี่ยังดีที่คุณหญิงท่านออกมาช่วยไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเธอไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...

“พรีนผิดเองค่ะ พรีนไปยุ่งกับคุณหนูเธอเอง ฮึก ๆ”

“เฮ้อ! ป้าว่าพรีนออกไปอยู่ที่อื่นก่อนดีกว่า เดี๋ยวป้าจะจัดการหาห้องเช่าราคาถูก ๆ ให้”

เสียงของน้อยแน่วแน่และเด็ดขาด น้ำเสียงนั้นบ่งบอกได้ดีว่าเธอตัดสินใจดีแล้วก่อนที่จะพูดออกมา เธอผิดเองที่พาหลานสาวเข้ามาอยู่ที่นี่ มัวแต่คิดจะให้หลานมีชีวิตที่ดีจนลืมคิดถึงผลที่จะตามมา

ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ดีเสียปล่อยให้ลุกลามจนยากจะควบคุม เธออาบน้ำร้อนมาก่อน เธอจึงมองออกว่าตอนนี้หลานสาวของเธอกำลังรู้สึกบางอย่างกับลูกสาวของเจ้านาย ซึ่งมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง...

“ไม่นะคะป้าน้อย ฮึก ๆ พรีนอยากอยู่กับป้าน้อย...อย่าให้พรีนไปเลยนะคะ” เสียงสะอื้นสั่นเครือ มือเล็กคว้าแขนผู้เป็นป้าไว้แน่นเขย่าเบา ๆ อย่างเว้าวอน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่หยุด

“ไม่ได้ พรีนอยู่ที่นี่ไม่ได้ ไปเก็บของให้เรียบเดี๋ยวป้าจะขออนุญาตคุณหญิงท่านพาไปส่ง”

“ให้พรีนอยู่ที่นี่เถอะนะคะ พรีนไม่อยากไป พรีนเป็นห่วงคุณหนู”

“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?”

“อะ..เอ่อ! เปล่าค่ะ”

“พรีนเป็นห่วงอะไรเธอ นี่อย่าบอกนะว่า..”

“...”

“ถ้าอยากอยู่ที่นี่ต่อ ป้าขอเตือนพรีนไว้ก่อนเลยนะว่า... ห้ามยุ่ง ห้ามพูด ห้ามคุย ห้ามอยู่ใกล้คุณหนูเธอเด็ดขาด เข้าใจไหม!”

“ทำไมล่ะคะ”

“สักวันพรีนจะรู้เองว่าทำไมป้าต้องสั่งห้ามเราอยู่แบบนี้ แต่ถ้าพรีนไม่ฟังแล้วยังดึงดันที่จะเข้าใกล้เธอ คนที่จะต้องมานั่งเสียใจทีหลังมันก็คือตัวของพรีนเอง ป้าเตือนได้แค่นี้”

“ค่ะ พรีนจะไม่เข้าใกล้คุณหนูเธออีก” ถึงจะยังไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เธอก็ตอบรับไปก่อนเพื่อที่จะได้มีโอกาสอยู่ต่อที่คฤหาสน์แห่งนี้ ส่วนคำตอบที่ค้างคาก็ค่อยหาจังหวะถามใหม่อีกที

“รับปากแล้วทำให้ได้ด้วยล่ะ ป้าไม่ได้อยากจู้จี้จุกจิกอะไรกับเรามากนักหรอกนะ เอาล่ะวันก็พักผ่อนอยู่ในห้องนี่แหละ แล้วตอนเย็นค่อยออกไปช่วยป้าทำกับในครัว”

“ค่ะ”

เย็นวันเดียวกัน

ในครัวคฤหาสน์ซึ่งเปิดประตูทิ้งไว้ให้ลมลอดผ่าน ส่งโชยกลิ่นหอมของเครื่องเทศและสมุนไพรลอยฟุ้งอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ ทั้งตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด และพริกแห้งที่น้อยกำลังโขลกอยู่ในครกหินอย่างสม่ำเสมอ ผสมปนเปกับกลิ่นหอมของข้าวสวยที่เพิ่งหุงสุกใหม่ ๆ

ชนากานต์ยืนอยู่ที่เคาร์เตอร์กลาง มือเรียวจับด้ามมีดแน่น ขณะปลายนิ้วข้างหนึ่งแตะหัวหอมแดงลูกเล็กเรียงกันเป็นแถว เธอก้มหน้าลงอย่างตั้งใจดวงตาจับจ้องไปยังจังหวะมีดที่ขยับขึ้นลงอย่างบรรจง ค่อย ๆ หันทีละแว่นอย่างสม่ำเสมอ

แต่ในขณะที่ความตั้งใจแน่วแน่นั้นกำลังดำเนินไป กลิ่นฉุนของหอมแดงก็ลอยตีจมูกอย่างไม่ทันตั้งตัว ความเผ็ดร้อนของมัน ซึมเข้าสู่ดวงตา ทำให้น้ำใส ๆ ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

วินาทีนั้น เธอชะงักมือวางมัดลงข้างเขียงอย่างระมัดระวัง ก่อนยกมือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาออกจากหางตาเบา ๆ ด้วยท่าทางสงบนิ่ง

“แสบตาหรือพรีน” เสียงของน้อยดังขึ้นทางด้านหลังด้วยความห่วงใยเมื่อเห็นท่าทีที่แปลกไปของหลานสาว

“นิดหน่อยค่ะ พรีนไม่ทันระวัง” หันกลับมายิ้มให้ผู้เป็นป้าเล็กน้อย ทันทีดวงตายังแดงอยู่จาง ๆ

“ไปล้างตาก่อนก็ได้ลูก เดี๋ยวตรงนี้ป้าจัดการเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะป้าน้อย พรีนยังไหว”

เธอบอกแค่นั้นแล้วหันกลับไปตั้งใจทำกับสิ่งตรงหน้าอีกครั้ง แต่ทว่าจังหวะนั้นเสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนจางที่อบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้ฝรั่งเศสอย่างเป็นเอกลักษณ์

“แต่ฉันว่าหนูพรีนไปล้างตาก่อนก็ดีนะจ๊ะ ดูสิตาแดงหมดแล้ว”

สิ้นประโยคนั้น ชนากานต์ก็สะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันกลับมามองทางต้นเสียง

“คะ...คุณหญิง”

“ไปสิ เดี๋ยวฉันช่วยน้อยทำเอง”

“มะ...ไม่เป็นไรค่ะคุณหญิง พรีนดีขึ้นแล้วค่ะ” พูดเสียงเบาพลางยกมือเรียวขึ้นเช็ดหางตาอีกครั้ง การกระทำเหล่านี้ทำให้หญิงชราหัวเราะเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดูกับท่าทางของเด็กสาวตรงหน้า ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“อย่างนั้นก็ได้ ว่าแต่หนูพรีนทำอาหารเป็นด้วยหรือจ๊ะ”

“เป็นค่ะคุณหญิง พรีนช่วยแม่ทำประจำตอนอยู่บนดอยค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงและแววตาที่สดใส เมื่อนึกถึงกิจกรรมดี ๆ ที่เธอกับแม่มักร่วมกันทำอยู่บ่อยครั้ง “เก่งจริงเชียว นี่ถ้าได้หนูพรีนมาเป็นลูกสาวอีกคนของฉันก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะ น้อยว่าไหม?”

มือที่กำลังหั่นผักของหญิงรับใช้ชะงักลงเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นนาย รอยยิ้มบางปรากฏอยู่บนริมฝีปากตามมารยาท แต่หากสังเกตให้ดีจะเห็นได้ว่ารอยยิ้มนั้นกลับซ่อนความกังวลใจอยู่ลึก ๆ

เธอไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธออกไปหากเพียงแต่สบตากับคุณหญิงอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเหลือบไปมองหลานสาวของตนที่ยืนอยู่ใกล้เคียงอย่างเงียบงัน

แล้วทางด้านชนากานต์เองเธอก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์อึดอัดที่ลอยอวลอยู่ในอากาศ แม้คุณหญิงท่านจะพูดด้วยเจตนาดีและเต็มไปด้วยความเอ็นดู แต่คำพูดนั้นกลับไปแตะความรู้สึกบางอย่างของป้าซึ่งเธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก

ดวงตากลมโตหลุบต่ำ หลีกเลี่ยงการสบตากับผู้เป็นป้าโดยอัตโนมัติ บรรยากาศภายในครัวแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบงันอยู่ชั่วครู่ราวกับลมหายใจของใครบางคนติดขัดอยู่กลางอก กลิ่นหอมของต้มกะทิข่าไก่ที่กำลังเดือนพล่านอยู่บนเตาไม่อาจลบความอึดอัดบางเบาที่ลอยคลุ้งอยู่ภายในห้องได้เลย

ชนากานต์ตกอยู่ในสถาการณ์ที่ยากจะหลีกเลี่ยงแบบนี้จึงเลือกที่จะเบี่ยงตัวหันกลับไปสนใจกับหัวหอมที่ยังหั่นค้างไว้แม้เสียงของคุณหญิงจะยังคงเอ่ยต่ออย่างอ่อนโยนก็ตาม

แต่ในขณะนั้นเอง ทั้งสามคนที่อยู่ภายในห้องครัวกลับไม่รู้เลยว่า มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังเฝ้ามองอยู่จากกรอบประตูอย่างเงียบงัน ดวงตาคมใต้กรอบหน้าเรียวทอดมองเข้ามาด้วยแววเยียบเย็น

ปภาวียืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสายตาหยุดอยู่ที่ใบหน้าอ่อนโยนของมารดา ซึ่งฉายรอยยิ้มที่เธอคุ้นตาแต่สำหรับวันนี้...รอยยิ้มนั้นกลับทำให้ใจเธอร้อนรุ่มอย่างไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ก่อนจะเลื่อนสายตามองไปยังผู้หญิงอีกคนที่เธอไม่อาจมองด้วยสายตาอื่นได้เลยนอกจากความเกลียดชัง

คลื่นอารมณ์คับแค้นพวยพุ่งแน่นอยู่เต็มอก ริมฝีปากบางกระตุกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนตัวจากไปอย่างเงียบงันทิ้งไว้เพียงความรู้สึกกรุ่นขุ่นที่ไม่มีใครได้ทันเห็น

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • รักคนละตอน   CHAPTER 7

    ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา...ปภาวีขับรถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดในลานสำหรับลูกค้า VVIP ของ Velluto Club สถานบันเทิงหรูย่านกลางเมืองที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี และมักใช้เป็นที่พักใจยามมีเรื่องไม่สบายใจเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จังหวะหนัก ๆ ดังทะลุออกมาถึงลานจอดรถ ไฟนีออนสีม่วงเข้มจากป้ายชื่อร้านสะท้อนกับกระโปรงหน้ารถ แสงวูบหนึ่งกระทบลงบนใบหน้าเธอพอดี เผยแววตาแข็งกร้าวที่แฝงคลื่นความรู้สึกบางอย่างซึ่งยังไม่ทันจางไปจากอกเธอก้าวลงจากรถอย่างเงียบงัน เดินฝ่ากลุ่มนักท่องราตรีที่เบียดเสียดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ โดยไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงโต๊ะ VVIP ด้านในสุด ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในโซนเงียบสงบของร้าน แยกตัวออกจากความพลุกพล่านของผู้คน โดยที่ตินนี้มีชายหนุ่มในชุดเชิ้ตสีเข้มนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาหนังเรียบหรู เขาหันมองทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา“หน้าบอกบุญไม่รับเลยนะครับ คุณปภาวี”เสียงทักของภาสกรฟังดูเหมือนจะเย้าแหย่ แต่ทว่าแววตากลับแฝงความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยทว่าคนถูกแซวอย่างปภาวีกลับไม่ตอบ เธอเพียงปรายมองเพื่อนชายคนสนิทอย่างเย็นชา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งมือเรียวคว้าแก้ววิสกี้ขึ้นกระดกจน

  • รักคนละตอน   CHAPTER 6

    “ภัคหยุด! แม่บอกให้หยุด!!”“จะตามมาว่าอะไรภัคอีกละคะ?” หันขวับกลับมาถามมารดาด้วยน้ำเสียงประชดประชันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“ทำไมต้องทำร้ายน้องขนาดนั้น จงเกลียดจงชังอะไรนักหนา แม่ยังไม่เห็นว่าน้องพรีนเขาจะทำอะไรให้ภัคเลยนะลูก”“ไม่ชอบคือไม่ชอบ เกลียดก็คือเกลียด ภัคเคยบอกคุณแม่ไปแล้วนี่คะ”ปภาวีเน้นทุกถ้อยคำอย่างชัดเจนและหนักแน่น แล้วต่อให้เธอจะต้องพูดอีกสักกี่สิบครั้ง เธอก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าเธอเกลียดผู้หญิงคนนั้นที่สุด เธอเกลียดชนากานต์โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล เพราะสำหรับความรักบางครั้งมันก็ไม่คำอธิบายซึ่งความเกลียดก็เช่นเดียวกัน...“ถ้าเกลียดก็ไม่ต้องยุ่งกันสิ ไม่เห็นจะต้องลงไม้ลงมือแบบนี้ แม่ไม่ชอบเลยนะภัค!”“ภัคไม่เคยคิดที่จะยุ่งกับยัยนั่นเลยสักนิด แต่ยัยต่างหากที่ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายกับภัคเอง”“ยุ่งอะไร ไหนบอกแม่มาซิ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เพราะเธออยากจะรู้สาเหตุเหลือเกิน ว่าเป็นเพราะอะไรทำไมลูกสาวของเธอถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้“ยัยนั่นไปแอบฟังภัคคุยโทรศัพท์กับต้น พอภัคจับได้ก็ทำท่าจะเดินหนี ทีนี้คุณแม่จะยังเข้าข้างอยู่อีกไหมคะ”“บางทีน้องอาจจะแค่เดินผ่านไปก็ได้ ภ

  • รักคนละตอน   CHAPTER 5

    “พรีน หนูเป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นลงมาอย่างนี้”“ปะ...เปล่าค่ะ พรีนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”“เป็นเด็กริอาจโกหกผู้ใหญ่มันไม่ดีนะรู้ไหม บอกฉันมาตรง ๆ ดีกว่านะ พี่ภัคเขาได้ทำอะไรหนูหรือเปล่า” คุณหญิงรุจิราวางหนังสือพิมพ์ในมือลงก่อนเอ่ยถามอย่างใจเย็น เธอไม่ใช่คนไร้เดียงสาที่จะดูไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ถามออกไปก็เพียงแค่ต้องการฟังจากปากของเด้กสาวตรงหน้าให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนไป“คุณหนูไม่ได้ทำอะไรพรีนค่ะคุณหญิง พรีนแค่...”“เธอมาฟ้องอะไรแม่ฉัน!” เสียงแหลมของปภาวีดังแทรกขึ้นมาจากทางบันได เธอเพิ่งจัดการตัวเองเสร็จแล้วลงมา ทว่าต้องชะงักเมื่อเห็นชนากานต์ยืนอยู่กับแม่ของเธอ และดูเหมือนว่ากำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่แล้วมื่อได้เห็นอย่างนั้น ความไม่พอใจก็พลันแล่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“น้องยังไม่ทันได้ฟ้องอะไรแม่เลย ว่าแต่เราเถอะไปกินรังแตนที่ไหนมา ถึงได้โหวกเหวกโวยวายแต่เช้าแบบนี้”“เปล่าค่ะ”“งั้นภัคบอกแม่ได้ไหมว่าหนูพรีนวิ่งหนีอะไรมา”“ภัคจะไปรู้ได้ไงคะ ถ้าคุณแม่อยากรู้ทำไมไม่ไปถามเจ้าตัวเองล่ะ”“ก็ถ้าหนูพรีนยอมพูด แม่จะมาถามแกอยู่อย่างนี้หรือไง บอกแม่มาว่าทำอะไร

  • รักคนละตอน   CHAPTER 4

    “อะไรเหรอคะป้า?”“เปล่าลูก ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าพรีนอยู่ห่างจากคุณหนูไว้น่ะดีที่สุด แต่ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใกล้คุณหนูจริงๆ พรีนก็จะต้องเว้นระยะห่าง อย่าเข้าใกล้จนเกินไป เข้าใจที่ป้าพูดไหม?”“ทำไมละคะป้า ทำไมพรีนถึงอยู่ใกล้คุณหนูไม่ได้”ถามด้วยความไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมป้าของเธอต้องสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้คุณหนูด้วยทั้งๆ ที่อีกคนนั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันกับเธอ ไม่ได้มีอะไรที่น่ากลัวเลยสักนิด แล้วยิ่งได้รู้ถึงเหตุผลที่อีกคนเป็นแบบนี้เธอยิ่งอยากอยู่ใกล้ๆ อยากดูแล อยากทำให้อีกคนได้กลับมามีความสุขใหม่อีกครั้ง“เชื่อป้าเถอะพรีน ป้าว่าพรีนรีบไปเก็บของให้เรียบแล้วออกไปช่วยงานป้าที่บ้านใหญ่ดีกว่านะ เดี๋ยวป้าจะเดินนำไปก่อนแล้วกัน”น้อยพูดจบก็เดินออกจากห้องไปเพราะไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ สักวันหลานสาวของเธอจะเข้าใจดีว่าทำไมเธอถึงได้สั่งห้ามแบบนี้ออกไป ส่วนทางด้านของชนากานต์ก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ รอหาเวลาและจังหวะที่เหมาะสมค่อยหาโอกาสถามใหม่อีกครั้งขณะเดียวกันปภาวีที่เดินออกจากบ้านมา ก็ขึ้นมานั่งอยู่บนรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองด้วยอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน หลังถูกคุณหญิงร

  • รักคนละตอน   CHAPTER 3

    “พรีนพอจะอยู่ได้ไหมลูก?”น้อยเอ่ยถามชนากานต์หลานสาวของตัวเองทันทีที่ได้เข้ามาอยู่ภายในห้องพัก เพราะด้วยความที่ห้องของแม่บ้านโดยปกติแล้วก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย จะมีก็เพียงเตียงนอนที่ขนาดกลางห้องน้ำและพื้นที่ใช้ส้อยอีกเล็กน้อยเท่านั้น“อยู่ได้ค่ะ พรีนขอบคุณป้าน้อยอีกครั้งนะคะที่ให้พรีนมาอยู่ด้วย”“ไม่ต้องขอบคุณป้าหรอกลูก พรีนเป็นหลานป้า ไม่ให้ป้าช่วยพรีนแล้วจะให้ป้าไปช่วยแมวที่ไหนล่ะฮึ?”“แมวน้อยตัวนี้สัญญาเลยค่ะ ว่าจะตั้งใจเรียน แล้วก็จะเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่แล้วก็ป้าน้อย พรีนรักป้าน้อยนะ”พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะก้าวเข้าไปโอบกอดป้าน้อยเอาไว้ด้วยความรัก ความรู้สึกอุ่นใจและซาบซึ้งเอ่อล้นขึ้นมาจนเต็มหัวใจเพราะทุกคำถ้อยคำที่พูดออกไปล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธอจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่ในห้วงความทรงจำป้าน้อยก็เป็นอีกหนึ่งคนที่รักและดูแลเธอมาตลอดแล้วไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ความรักความห่วงใยที่ผู้เป็นป้ามีให้แก่เธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือลดน้อยลงไปเลย“ป้าก็รักพรีนนะลูก เอ้อ! ว่าแต่พรีนโทรบอกพ่อกับแม่หรือยังลูกว่าหนูมาถึงแล้ว เดี๋ยวท่านจะเป็

  • รักคนละตอน   CHAPTER 2

    “กองไว้ตรงนั้นแหละ!”เพียงแค่ไม่รับไหว้ ปภาวียังคงมองหน้าของชนากานต์ด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยัน ก่อนจะสะบัดหน้าหันมองไปทางอื่น“ภัค! เดี๋ยวเถอะ” คุณหญิงรุจิราเอ็ดเสียงเข้มเมื่อเห็นกิริยาที่ไม่เหมาะสมของปภาวีลูกสาวตัวเอง” ฉันต้องขอโทษแทนลูกสาวฉันด้วยนะจ๊ะ”“นี่คุณแม่จะไปขอโทษยัยเด็กนี่ทำไมกันคะ”“ยังอีก แม่ไม่เคยสอนให้ภัคเสียมารยาทแบบนี้เลยนะลูก ขอโทษน้องเดี๋ยวนี้!”“ไม่ค่ะ! ภัคไม่ขอโทษ ภัคยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”“ยัยภัค!!”“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณหญิง คุณหญิงอย่าดุให้คุณหนูเลยนะคะ คุณหนูเธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดจริง ๆ” น้อยเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะตึงเครียดจนเกินไป อีกอย่างเธอไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนทั้งสองต้องมีปัญหากัน“ไม่ผิดยังไงกันน้อย หลานสาวน้อยยกมือไหว้ก็แทนที่จะรับไหว้น้องดี ๆ แต่กลับพูดจาไร้มารยาทแบบนั้นออกมา ทำผิดไม่ยอมรับผิด มีที่ไหนกัน!”“คุณแม่!!”คุณหญิงรุจิราพูดเสียงเข้ม ดวงตาคมกริบตวัดมองไปยังปภาวีด้วยสายตาเชิงตำหนิ เธอบอกตามตรงเลยว่าเธอรู้สึกไม่ชอบใจกับพฤติกรรมของลูกคนนี้เลยจริง ๆ“หนูชื่อพรีนใช่ไหมลูก” คุณหญิงรุจิราถาม“ชะ...ใช่ค่ะ”“รูปก็งาม นามก็เพราะ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status