Share

CHAPTER 7

last update Huling Na-update: 2025-07-17 13:00:13

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา...

ปภาวีขับรถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดในลานสำหรับลูกค้า VVIP ของ Velluto Club สถานบันเทิงหรูย่านกลางเมืองที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี และมักใช้เป็นที่พักใจยามมีเรื่องไม่สบายใจ

เสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จังหวะหนัก ๆ ดังทะลุออกมาถึงลานจอดรถ ไฟนีออนสีม่วงเข้มจากป้ายชื่อร้านสะท้อนกับกระโปรงหน้ารถ แสงวูบหนึ่งกระทบลงบนใบหน้าเธอพอดี เผยแววตาแข็งกร้าวที่แฝงคลื่นความรู้สึกบางอย่างซึ่งยังไม่ทันจางไปจากอก

เธอก้าวลงจากรถอย่างเงียบงัน เดินฝ่ากลุ่มนักท่องราตรีที่เบียดเสียดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ โดยไม่แม้แต่จะปรายตามอง

เธอเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงโต๊ะ VVIP ด้านในสุด ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในโซนเงียบสงบของร้าน แยกตัวออกจากความพลุกพล่านของผู้คน โดยที่ตินนี้มีชายหนุ่มในชุดเชิ้ตสีเข้มนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาหนังเรียบหรู เขาหันมองทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา

“หน้าบอกบุญไม่รับเลยนะครับ คุณปภาวี”

เสียงทักของภาสกรฟังดูเหมือนจะเย้าแหย่ แต่ทว่าแววตากลับแฝงความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย

ทว่าคนถูกแซวอย่างปภาวีกลับไม่ตอบ เธอเพียงปรายมองเพื่อนชายคนสนิทอย่างเย็นชา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งมือเรียวคว้าแก้ววิสกี้ขึ้นกระดกจนหมดรวดเดียว แล้วรินใหม่จากขวดอย่างไม่ลังเล

ปภาวีดื่มอยู่อย่างนั้นแก้วแล้วแก้วเล่า จนภาสกรที่นั่งมองอยู่ออกอาการส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แล้วเอื้อมมือไปคว้าแก้วจากมืออีกคนไว้ทันทีที่เห็นว่าเจ้าตัวกำลังรินจะต่อ

“เฮ้ย! ใจเย็นก่อนดิไอ้ภัค...ดื่มแบบนี้เดี๋ยวก็แย่เอาหรอก”

“อย่ายุ่ง”

“กูจะยุ่ง ที่มึงนัดกูออกมา ก็เพื่อให้มานั่งดูมึงแดกเหล้าเนี่ยนะ? เมาจนสภาพเหมือนหมาแล้วยังจะทำเก่งอยู่อีก”

“กูไม่เมา... เอามา!” เธอยื่นมือจะคว้าแก้วคืน ก่อนจะรีบหน้าหันไปอีกทาง “...อึก! อ้วกก—”

ภาสกรขยับตัวเร็วหยิบทิชชูบนโต๊ะมายื่นให้ ก่อนจะลูบหลังเพื่อนเบา ๆ “นั่นไง กูว่าแล้ว แล้วมึงจะกลับยังไง?”

“สวยแต่มารยา...เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนเธอเอง...อึก...”

“พูดบ้าอะไรของมึง แล้วใครสวย? กูเหรอ?”

“ไม่ต้องเสือก!”

“เอ้า!...ไป ๆ กูไปส่ง ขืนปล่อยมึงกลับเอง มีหวังได้เป็นศพข้างถนนก่อนถึงบ้านแน่ ๆ”

@หน้าคฤหาสน์ธาดาวรโชติ

ไฟหน้ารถสปอร์ตคันหรูตัดกับความมืดในยามค่ำคืน สาดแสงเจิดจ้าใส่กำแพงหินสีเทาของคฤหาสน์ตระกูลธาดาวรโชติซึ่งตั้งตระหง่านเงียบสงบอยู่ท่ามกลางสวนสนทรงสูง ภาสกรดับเครื่องก่อนหันมามองคนข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้น...

“ไอ้ภัค เดินไหวไหม?”

ไม่มีคำตอบจากปภาวี มีเพียงร่างบางในชุดเดรสสีเข้มที่เอนพิงเบาะอยู่ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ใบหน้าแดงจัดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ริมฝีปากบางขบเม้มแน่น เหงื่อเม็ดเล็กเกาะพราวตรงขมับ

ภาสกรมองผู้หญิงตรงหน้าและถอนหายใจออกมาพรืดหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูออกจากรถฝั่งคนขับแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่ง ใช้แขนแข็งแกร่งกร้ามเป็นมัด ๆ ของคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอประคองเพื่อนรักออกมาอย่างเบามือ

“หนักชะมัด ผู้หญิงอะไรวะ”

“ปากมาก...” ปภาวีครางเบา ๆ แต่กลับเอียงหน้าซบไหล่เขาอย่างหมดแรง

“ก็คิดว่าหลับ” เขาว่า ก่อนจะช้อนแขนรับน้ำหนักครึ่งตัวของเพื่อนสาวไว้แนบแน่นก่อนจะเดินตรงเข้ามายังตัวบ้าน

ทันทีที่ก้าวพ้นเฉลียงหน้าประตู ชนากานต์ก็โผล่ออกมาจากในบ้านด้วยสีหน้าตกใจ

“คุณหนูเป็นอะไรเหรอคะ?”

ภาสกรชะงักฝีเท้าเล็กน้อย ดวงตาไล่มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกประหลาดใจแล่นผ่านวูบหนึ่งเขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อนในคฤหาสน์หลังนี้ อีกทั้งหน้าตาก็จัดว่าสะดุดตาอยู่ไม่น้อย แต่ก่อนจะทันได้ตั้งคำถามในใจให้ลึกกว่านั้น เขาก็รีบตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“อะ...อ่อครับ พอดีภัคเมาน่ะครับ ขับรถเองไม่ไหว ผมเลยมาส่ง”

“เดี๋ยวฉันพาคุณหนูขึ้นห้องเองค่ะ”

แม่บ้านสาวรีบเข้ามาประคองอีกข้าง ดวงตาแอบชำเลืองมองชายแปลกหน้าข้างตัวเจ้านายอย่างประเมินเงียบ ๆ

ท่าทางเขาดูดี สุภาพเรียบร้อย ทว่าเธอกลับไม่ชอบใจเลยสักนิดที่คุณหนูยอมให้ชายคนนี้โอบพยุงแนบเนื้อแนบตัวได้ถึงเพียงนี้

“โอเคครับ ถ้างั้นฝากด้วยนะครับ”เขาว่าก่อนส่งตัวปภาวีต่อให้อย่างเบามือ ดวงตาเหลือบมองใบหน้าเพื่อนสาวอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังรถของตัวเอง

ทันทีที่เสียงรถสปอร์ตขับออกไปจากลานหน้าคฤหาสน์ ชนากานต์ก็กระชับแขนที่โอบพยุงร่างคุณหนูแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพาอีกฝ่ายก้าวขึ้นบันไดด้วยความระวัง แม้ปภาวีจะรูปร่างสมส่วน แต่แรงกดทับทั้งหมดที่เอนมาเกือบทั้งตัวก็ทำให้การทรงตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด

"ระวังนะคะคุณหนู" เธอเอ่ยเตือนเสียงเบา ขณะประคองร่างในอ้อมแขนแนบชิดเพราะกลัวว่าจะพากันลื่นตกบันไดเสียก่อน

แต่ทว่าคนฟังกลับเพียงส่ายหน้า ส่งเสียงงึมงำคล้ายตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจู่ ๆ ก็หัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างไร้เหตุผล

“คายยย...” ปภาวีพึมพำเสียงอ้อแอ้ นัยน์ตาปรือปรอยเหมือนคนละเมอ “พรีนเหรอออ...”

ชนากานต์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงงุนงง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังจำชื่อเล่นของเธอได้

“ค่ะ พรีนเอง”

“เธอน่ะ...สวย” ปภาวีเปรยออกมา ริมฝีปากแต้มรอยยิ้ม ขณะเสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้นคล้ายหยอกเย้า ฟังดูไม่จริงจังนัก แต่ในจังหวะที่ร่างนั้นเอนพิงเข้ามาเต็มน้ำหนัก ชนากานต์ก็ต้องรีบขยับแขนเข้าโอบประคองให้มั่น ก่อนที่อีกฝ่ายจะพร่ำต่อด้วยเสียงอ้อมแอ้ม...

“แต่ทำไมถึงชอบทำให้ฉันหงุดหงิดก็ไม่รู้”

แม้คำพูดนั้นจะเบาราวลมหายใจที่เล็ดลอดออกมา แต่กลับสะท้อนเข้ากลางใจของคนฟังอย่างจัง จนใบหน้าของชนากานต์ร้อนวูบขึ้นมาโดยไม่อาจห้ามได้

“คะ...คุณหนูเมาแล้วนะคะ!”ร่างบางร้องปราม กลบเกลื่อนอาการหน้าแดงด้วยการเบี่ยงหน้าหลบ

ทว่าก็ไม่ทัน...

มือเรียวของปภาวีกลับเลื่อนต่ำลงปลายนิ้วไล่แตะผ่านเอวสีข้าง ก่อนจะพาดลงมาตรงสะโพกอย่างแผ่วเบา

ชนากานต์ผวาเล็กน้อย ใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนจะรีบจับมืออีกฝ่ายไว้แน่น

“คะ...คุณหนู อย่า...!”

“นุ่มจัง…” ปภาวีพึมพำอีกครั้ง ดวงตาเหมือนจะปิดแต่ก็ยังฝืนลืมไว้ “เธอใช้น้ำหอมอะไร ทำไมตัวหอมแบบนี้…”

เสียงนั้นเบาราวกระซิบ ทว่าอุ่นร้อนอย่างลมหายใจแนบผิว ชนากานต์ถึงกับตัวเกร็ง ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นฉับพลันเหมือนมีใครมาจุดไฟไว้ตรงแก้ม เธอกะพริบตาถี่ พยายามห้ามตัวเองไม่ให้หันกลับไปสบตาคนในอ้อมแขน

แต่ใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นแรงเสียจนเหมือนจะหลุดออกมานอกอก ร้อนจนเผลอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น หวังให้ความเจ็บเล็ก ๆ นั้นช่วยกลบเกลื่อนอาการโงนเงนของหัวใจ ก่อนเอ่ยต่อ...

“คุณหนูคะ! อยู่นิ่ง ๆ ก่อนสินะคะ ขืนดื้อแบบนี้เดี๋ยวก็ได้กลิ้งตกบันไดกันพอดี!”

“อ๊ะ โทษที...” เสียงคนเมาอู้อี้เหมือนจะยอม แต่พอเดินไปอีกสองขั้น ก็ซบหน้าลงบนไหล่อีกฝ่ายเสียเฉย

“เอ่อ...คุณหนู!”เธอชะงักฝีเท้าทันที ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นอีกระลอก เธอยืนตัวเกร็งกลางบันได หัวใจเต้นรัวจนรู้สึกได้ถึงเสียงของมันสะท้อนในอก สูดลมหายใจเข้าปอดลึกจนสุด แล้วส่ายหน้าแรง ๆ ให้กับตัวเองเบา ๆ ราวกับจะเตือนสติ

จากนั้นเธอค่อย ๆ พยุงร่างคนเมาขึ้นบันไดทีละขั้น ด้วยจังหวะที่ระมัดระวังมากขึ้นกว่าก่อนหน้า จนในที่สุดก็พาขึ้นมาถึงชั้นสองโดยไม่สะดุดหรือกลิ้งตกบันไดไปซะก่อน

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสอง เธอก็รีบพาอีกฝ่ายพ้นจากกรอบประตูเข้ามายังห้องนอนที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจและแสงไฟนวลอบอุ่น แล้วพยุงให้นั่งลงบนเตียง ก่อนจะประคองร่างนั้นเอนตัวลงกับผ้านวมสีอ่อนอย่างทะนุถนอมที่สุด

ทว่า...

ยังไม่ทันจะผละออกดี มือเรียวของปภาวีก็คว้ามือของเธอไว้แน่น ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่า...

“อย่าเพิ่งไป...ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว...”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • รักคนละตอน   CHAPTER 7

    ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา...ปภาวีขับรถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาจอดในลานสำหรับลูกค้า VVIP ของ Velluto Club สถานบันเทิงหรูย่านกลางเมืองที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี และมักใช้เป็นที่พักใจยามมีเรื่องไม่สบายใจเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จังหวะหนัก ๆ ดังทะลุออกมาถึงลานจอดรถ ไฟนีออนสีม่วงเข้มจากป้ายชื่อร้านสะท้อนกับกระโปรงหน้ารถ แสงวูบหนึ่งกระทบลงบนใบหน้าเธอพอดี เผยแววตาแข็งกร้าวที่แฝงคลื่นความรู้สึกบางอย่างซึ่งยังไม่ทันจางไปจากอกเธอก้าวลงจากรถอย่างเงียบงัน เดินฝ่ากลุ่มนักท่องราตรีที่เบียดเสียดอยู่หน้าเคาน์เตอร์ โดยไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอเดินมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงโต๊ะ VVIP ด้านในสุด ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในโซนเงียบสงบของร้าน แยกตัวออกจากความพลุกพล่านของผู้คน โดยที่ตินนี้มีชายหนุ่มในชุดเชิ้ตสีเข้มนั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาหนังเรียบหรู เขาหันมองทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา“หน้าบอกบุญไม่รับเลยนะครับ คุณปภาวี”เสียงทักของภาสกรฟังดูเหมือนจะเย้าแหย่ แต่ทว่าแววตากลับแฝงความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยทว่าคนถูกแซวอย่างปภาวีกลับไม่ตอบ เธอเพียงปรายมองเพื่อนชายคนสนิทอย่างเย็นชา ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งมือเรียวคว้าแก้ววิสกี้ขึ้นกระดกจน

  • รักคนละตอน   CHAPTER 6

    “ภัคหยุด! แม่บอกให้หยุด!!”“จะตามมาว่าอะไรภัคอีกละคะ?” หันขวับกลับมาถามมารดาด้วยน้ำเสียงประชดประชันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“ทำไมต้องทำร้ายน้องขนาดนั้น จงเกลียดจงชังอะไรนักหนา แม่ยังไม่เห็นว่าน้องพรีนเขาจะทำอะไรให้ภัคเลยนะลูก”“ไม่ชอบคือไม่ชอบ เกลียดก็คือเกลียด ภัคเคยบอกคุณแม่ไปแล้วนี่คะ”ปภาวีเน้นทุกถ้อยคำอย่างชัดเจนและหนักแน่น แล้วต่อให้เธอจะต้องพูดอีกสักกี่สิบครั้ง เธอก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าเธอเกลียดผู้หญิงคนนั้นที่สุด เธอเกลียดชนากานต์โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล เพราะสำหรับความรักบางครั้งมันก็ไม่คำอธิบายซึ่งความเกลียดก็เช่นเดียวกัน...“ถ้าเกลียดก็ไม่ต้องยุ่งกันสิ ไม่เห็นจะต้องลงไม้ลงมือแบบนี้ แม่ไม่ชอบเลยนะภัค!”“ภัคไม่เคยคิดที่จะยุ่งกับยัยนั่นเลยสักนิด แต่ยัยต่างหากที่ชอบเข้ามายุ่งวุ่นวายกับภัคเอง”“ยุ่งอะไร ไหนบอกแม่มาซิ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เพราะเธออยากจะรู้สาเหตุเหลือเกิน ว่าเป็นเพราะอะไรทำไมลูกสาวของเธอถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้“ยัยนั่นไปแอบฟังภัคคุยโทรศัพท์กับต้น พอภัคจับได้ก็ทำท่าจะเดินหนี ทีนี้คุณแม่จะยังเข้าข้างอยู่อีกไหมคะ”“บางทีน้องอาจจะแค่เดินผ่านไปก็ได้ ภ

  • รักคนละตอน   CHAPTER 5

    “พรีน หนูเป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นลงมาอย่างนี้”“ปะ...เปล่าค่ะ พรีนไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”“เป็นเด็กริอาจโกหกผู้ใหญ่มันไม่ดีนะรู้ไหม บอกฉันมาตรง ๆ ดีกว่านะ พี่ภัคเขาได้ทำอะไรหนูหรือเปล่า” คุณหญิงรุจิราวางหนังสือพิมพ์ในมือลงก่อนเอ่ยถามอย่างใจเย็น เธอไม่ใช่คนไร้เดียงสาที่จะดูไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ถามออกไปก็เพียงแค่ต้องการฟังจากปากของเด้กสาวตรงหน้าให้แน่ใจว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นไม่ได้ผิดเพี้ยนไป“คุณหนูไม่ได้ทำอะไรพรีนค่ะคุณหญิง พรีนแค่...”“เธอมาฟ้องอะไรแม่ฉัน!” เสียงแหลมของปภาวีดังแทรกขึ้นมาจากทางบันได เธอเพิ่งจัดการตัวเองเสร็จแล้วลงมา ทว่าต้องชะงักเมื่อเห็นชนากานต์ยืนอยู่กับแม่ของเธอ และดูเหมือนว่ากำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่แล้วมื่อได้เห็นอย่างนั้น ความไม่พอใจก็พลันแล่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“น้องยังไม่ทันได้ฟ้องอะไรแม่เลย ว่าแต่เราเถอะไปกินรังแตนที่ไหนมา ถึงได้โหวกเหวกโวยวายแต่เช้าแบบนี้”“เปล่าค่ะ”“งั้นภัคบอกแม่ได้ไหมว่าหนูพรีนวิ่งหนีอะไรมา”“ภัคจะไปรู้ได้ไงคะ ถ้าคุณแม่อยากรู้ทำไมไม่ไปถามเจ้าตัวเองล่ะ”“ก็ถ้าหนูพรีนยอมพูด แม่จะมาถามแกอยู่อย่างนี้หรือไง บอกแม่มาว่าทำอะไร

  • รักคนละตอน   CHAPTER 4

    “อะไรเหรอคะป้า?”“เปล่าลูก ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าพรีนอยู่ห่างจากคุณหนูไว้น่ะดีที่สุด แต่ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องเข้าใกล้คุณหนูจริงๆ พรีนก็จะต้องเว้นระยะห่าง อย่าเข้าใกล้จนเกินไป เข้าใจที่ป้าพูดไหม?”“ทำไมละคะป้า ทำไมพรีนถึงอยู่ใกล้คุณหนูไม่ได้”ถามด้วยความไม่เข้าใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมป้าของเธอต้องสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้คุณหนูด้วยทั้งๆ ที่อีกคนนั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันกับเธอ ไม่ได้มีอะไรที่น่ากลัวเลยสักนิด แล้วยิ่งได้รู้ถึงเหตุผลที่อีกคนเป็นแบบนี้เธอยิ่งอยากอยู่ใกล้ๆ อยากดูแล อยากทำให้อีกคนได้กลับมามีความสุขใหม่อีกครั้ง“เชื่อป้าเถอะพรีน ป้าว่าพรีนรีบไปเก็บของให้เรียบแล้วออกไปช่วยงานป้าที่บ้านใหญ่ดีกว่านะ เดี๋ยวป้าจะเดินนำไปก่อนแล้วกัน”น้อยพูดจบก็เดินออกจากห้องไปเพราะไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ สักวันหลานสาวของเธอจะเข้าใจดีว่าทำไมเธอถึงได้สั่งห้ามแบบนี้ออกไป ส่วนทางด้านของชนากานต์ก็ทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ รอหาเวลาและจังหวะที่เหมาะสมค่อยหาโอกาสถามใหม่อีกครั้งขณะเดียวกันปภาวีที่เดินออกจากบ้านมา ก็ขึ้นมานั่งอยู่บนรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองด้วยอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน หลังถูกคุณหญิงร

  • รักคนละตอน   CHAPTER 3

    “พรีนพอจะอยู่ได้ไหมลูก?”น้อยเอ่ยถามชนากานต์หลานสาวของตัวเองทันทีที่ได้เข้ามาอยู่ภายในห้องพัก เพราะด้วยความที่ห้องของแม่บ้านโดยปกติแล้วก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย จะมีก็เพียงเตียงนอนที่ขนาดกลางห้องน้ำและพื้นที่ใช้ส้อยอีกเล็กน้อยเท่านั้น“อยู่ได้ค่ะ พรีนขอบคุณป้าน้อยอีกครั้งนะคะที่ให้พรีนมาอยู่ด้วย”“ไม่ต้องขอบคุณป้าหรอกลูก พรีนเป็นหลานป้า ไม่ให้ป้าช่วยพรีนแล้วจะให้ป้าไปช่วยแมวที่ไหนล่ะฮึ?”“แมวน้อยตัวนี้สัญญาเลยค่ะ ว่าจะตั้งใจเรียน แล้วก็จะเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่แล้วก็ป้าน้อย พรีนรักป้าน้อยนะ”พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะก้าวเข้าไปโอบกอดป้าน้อยเอาไว้ด้วยความรัก ความรู้สึกอุ่นใจและซาบซึ้งเอ่อล้นขึ้นมาจนเต็มหัวใจเพราะทุกคำถ้อยคำที่พูดออกไปล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของเธอจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่ในห้วงความทรงจำป้าน้อยก็เป็นอีกหนึ่งคนที่รักและดูแลเธอมาตลอดแล้วไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ความรักความห่วงใยที่ผู้เป็นป้ามีให้แก่เธอก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหรือลดน้อยลงไปเลย“ป้าก็รักพรีนนะลูก เอ้อ! ว่าแต่พรีนโทรบอกพ่อกับแม่หรือยังลูกว่าหนูมาถึงแล้ว เดี๋ยวท่านจะเป็

  • รักคนละตอน   CHAPTER 2

    “กองไว้ตรงนั้นแหละ!”เพียงแค่ไม่รับไหว้ ปภาวียังคงมองหน้าของชนากานต์ด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยัน ก่อนจะสะบัดหน้าหันมองไปทางอื่น“ภัค! เดี๋ยวเถอะ” คุณหญิงรุจิราเอ็ดเสียงเข้มเมื่อเห็นกิริยาที่ไม่เหมาะสมของปภาวีลูกสาวตัวเอง” ฉันต้องขอโทษแทนลูกสาวฉันด้วยนะจ๊ะ”“นี่คุณแม่จะไปขอโทษยัยเด็กนี่ทำไมกันคะ”“ยังอีก แม่ไม่เคยสอนให้ภัคเสียมารยาทแบบนี้เลยนะลูก ขอโทษน้องเดี๋ยวนี้!”“ไม่ค่ะ! ภัคไม่ขอโทษ ภัคยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”“ยัยภัค!!”“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะคุณหญิง คุณหญิงอย่าดุให้คุณหนูเลยนะคะ คุณหนูเธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดจริง ๆ” น้อยเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะตึงเครียดจนเกินไป อีกอย่างเธอไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนทั้งสองต้องมีปัญหากัน“ไม่ผิดยังไงกันน้อย หลานสาวน้อยยกมือไหว้ก็แทนที่จะรับไหว้น้องดี ๆ แต่กลับพูดจาไร้มารยาทแบบนั้นออกมา ทำผิดไม่ยอมรับผิด มีที่ไหนกัน!”“คุณแม่!!”คุณหญิงรุจิราพูดเสียงเข้ม ดวงตาคมกริบตวัดมองไปยังปภาวีด้วยสายตาเชิงตำหนิ เธอบอกตามตรงเลยว่าเธอรู้สึกไม่ชอบใจกับพฤติกรรมของลูกคนนี้เลยจริง ๆ“หนูชื่อพรีนใช่ไหมลูก” คุณหญิงรุจิราถาม“ชะ...ใช่ค่ะ”“รูปก็งาม นามก็เพราะ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status