Home / รักโบราณ / รักนี้ ที่มอดไหม้ / บทที่ 11 ถูกจับตัว

Share

บทที่ 11 ถูกจับตัว

last update Last Updated: 2025-09-14 21:20:25

หนิงอวี่ออกจากห้องของลู่เสียนอย่างเงียบ ๆ เมื่อเดินผ่านหลี่หยาง นางแอบชำเลืองมองเขา แต่สายตานั่นกลับไม่หันมามองนางอย่างห่วงใยเช่นเดียวกับมองลู่เสียนแม้แต่น้อย เขาทำอย่างกับไม่เห็นนางอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ

                ‘เฮ้อ ไอ้เรามันก็ตัวร้ายด้วยสิ โดนตบขนาดนี้ยังไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น’

            หนิงอวี่ได้แต่บ่นกับตัวเอง พลางทำหน้ามุ่ยเดินจากไปโดยมีสายตาของหลี่หยางที่บัดนี้เจือความเป็นห่วงมองตามหลังของนางไป

                “เจ็บมากไหมเจ้าคะคุณหนู” เจียลี่ที่นำลูกประคบมาให้ ถามด้วยความเป็นห่วง

                “อื่อ เจ็บมาก มือเจ้าแม่ทัพนั่นหนักไม่น้อย” หนิงอวี่กล่าวพลางทำหน้ามุ่ยด้วยความไม่พอใจ

                “คงมีแต่เจ้าที่เป็นห่วงข้า” หนิงอวี่กล่าวพลางใช้มือคล้องแขนของเจียลี่ไว้ นางทำท่าออดอ้อนเหมือนเด็ก ๆ

                “ไม่จริงนะเจ้าคะ เหล่าสตรีในหอบุปผา ถามถึงคุณหนูกันทุกคน พวกนางก็เป็นห่วงคุณหนูเช่นกัน” เจียลี่กล่าวแย้งความคิดของนาง

                “จริงหรือ! แบบนี้สิ ถึงจะเจ็บตัวก็ถือว่าคุ้ม อย่างน้อยก็มีคนอยากฆ่าข้าน้อยลงอีกหลายคน” หนิงอวี่ยิ้มแก้มปริ

            เจียลี่ได้แต่ส่ายหน้ากับคำพูดประหลาดๆ บางคำที่คุณหนูของนางพูดออกมา

            ..........วันนี้ที่หอบุปผามีแขกน้อยกว่าทุกวัน ด้วยเรื่องที่ซุยอู่เหรินก่อขึ้น ทำให้แขกบางคนหวาดกลัว เพราะทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ว่าซุยอู่เหริน หากโกรธแค้นใครแล้วไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่

            มู่เฉินที่ไม่ไว้วางใจในความปลอดภัยของลู่เสียน จนต้องให้ทหารส่วนตัวของตระกูลไป๋เฝ้าเวรยามรอบหอบุปผาตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่

หลี่หยางที่ไม่ชอบหอบุปผา แต่กลับอยู่ดูแลความปลอดภัยตลอดทั้งคืน ทำให้สตรีคนอื่น ๆ รวมทั้งหนิงอวี่ พลอยอุ่นใจไปด้วย

            รุ่งเช้า ในขณะที่เว่ยหนิงอวี่พาเจียลี่ออกจากร้านผ้าฝูเถากลับถูกกลุ่มชายที่มีวรยุทธใช้ผ้าปิดบังใบหน้าพาตัวไป ทิ้งให้เจียลี่ต้องตกใจจนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าร้านเพียงลำพัง

            ชายชุดดำพาหนิงอวี่เข้าไปในเรือนแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นหน้าของชายที่ยืนอยู่กลางห้องโถงนางรู้ได้ทันทีว่านี่คือเรือนสกุลซุยแน่

                “แม่ทัพซุยช่างมีเวลาว่าง ถึงกับให้ลูกน้องไปเชิญตัวข้ามาอย่างเร่งรีบเช่นนี้”

            หนิงอวี่ทำใจดีสู้เสือ นางมองไปรอบ ๆ เรือน อย่างระแวดระวัง

                “คุณหนูเว่ยช่างเจรจาดั่งที่ผู้คนเขาร่ำลือ”

            ซุยอู่เหรินที่บัดนี้ยังมีผ้าพันรอบศีรษะอยู่ กล่าวอย่างเย้ยหยัน

                “ข้าเพียงอยากจะเชิญคุณหนูมาพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นก็เท่านั้น”

                ซุยอู่เหรินกล่าวพลางเริ่มสำรวจรูปร่างหน้าตาของหนิงอวี่ ที่แม้นางจะใส่อาภรณ์สีเรียบไม่ชอบสวมใส่เครื่องประดับ แต่ก็ยังคงงามยิ่งกว่าหญิงคณิกาในหอบุปผาที่แต่งกายยั่วยวนเสียอีก หากผู้ใดไม่รู้ว่านางใจจืดใจดำ และปากคอเราะรายเพียงใดย่อมตกหลุมรักนางไม่ยาก

            เมื่อเห็นท่าทางของอู่เหรินเช่นนั้น หนิงอวี่ก็เริ่มรู้สึกกลัว นางขยับชุดของตนให้มิดชิดขึ้น

                “เจ้าต้องการอะไร”

            หนิงอวี่ไม่มีแก่ใจมาพูดต่อปากต่อคำกับเขาอีกต่อไป

                “ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดเมื่อวานเจ้าต้องทำร้ายข้าด้วย”

            ซุยอู่เหรินก็ไม่คุยเล่นกับนางเช่นกัน

                “ใครใช้ให้เจ้ากับทหารเหล่านั้น ไปทำร้ายคนของข้าถึงหอบุปผาเล่า”

                “ก็เป็นเจ้าไม่ใช่หรือไงที่บอกให้ข้าไป”

            อู่เหรินเริ่มเหลืออดกับการทำตัวกลับไปกลับมาของหนิงอวี่

                “ข้าไปบอกเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน”

            หนิงอวี่เริ่มงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

                “เจ้าเขียนจดหมายมาเชื้อเชิญข้าเอง บอกว่ายกลู่เสียนหญิงคณิกาอันดับหนึ่งของหอบุปผาให้กับข้า เพื่อเป็นรางวัลผู้กล้าที่สู้รบชายแดนได้ชัยชนะ”

            อู่เหรินนำจดหมายที่มีตราประทับของหอบุปผามาให้นางดู แม้ข้อความในจดหมายนางจะรู้จักไม่กี่คำแต่ตรานั่นเป็นของนางแน่

                “ข้าไม่ได้เป็นคนส่งจดหมายนั่น”

            หนิงอวี่ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง

                “เฮ่อ เรื่องเกิดขึ้นแล้วคุณหนูเว่ยปฏิเสธไปใครจะเชื่อ หากจดหมายนี้ไปถึงผู้อื่น คุณหนูเว่ยคงยากจะปฏิเสธ”

            อู่เหรินกล่าวด้วยท่าทางเป็นต่ออย่างชัดเจน

            หนิงอวี่รู้สึกกลัวขึ้นมาในทันที นางกลัวว่าหากหลี่หยางเห็นจดหมายนี่ เขาจะคิดว่าเป็นนางทำจริงเช่นนั้นนางได้ตายจริง ๆ แน่

                “เจ้าต้องการอะไร”

            หนิงอวี่เดาว่าที่ซุยอู่เหรินนำจดหมายมาข่มขู่นาง ต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่

                “เช่นนี้แล้วกัน ในเมื่อป้ายลู่เสียนไม่ยอมให้ข้าแตะต้องเช่นนั้นคุณหนูเว่ยมาเป็นตัวแทนนางเป็นอย่างไรเล่า”

            อู่เหรินกล่าวพลางใช้มือเชยคางของหนิงอวี่ขึ้น

                “ข้าไม่คิดจะเป็นนางบำเรอของท่านแม่ทัพหรอกนะ”

            หนิงอวี่กล่าวพลางปัดมือที่เชยคางนางออก

                “หากพูดกันดี ๆ เจ้าไม่ยอม ก็อย่าหาว่าข้าไม่อ่อนโยนแล้วกัน” อู่เหรินไม่พูดเปล่ากลับใช้มือกระชากนางเข้าสู่อ้อมกอด พลางใช้มือฉีกดึงชุดของหนิงอวี่ขาดเป็นชิ้น ๆ

            หนิงอวี่บัดนี้กลัวจนน้ำตาไหลอาบแก้ม ในหัวคิดหาวิธีเอาตัวรอด ส่วนมือก็พยายามปัดป้องการรุกรานของอู่เหรินที่ไม่มีทีท่าจะปล่อยนาง

                “ซุยอู่เหริน หากวันนี้เจ้าทำร้ายข้า คิดว่าคุณชายไป๋จะปล่อยเจ้าหรือไม่”

            คำพูดนี้ทำให้อู่เหรินหยุดการกระทำลงทันที พลางผลักนางออก เพื่อไตร่ตรองสิ่งที่จะเกิดขึ้น

                “เจ้าคิดว่าหากคุณชายไป๋ไม่พอใจ ตระกูลซุยจะรับไหวหรือไม่”

            คำพูดนี้ทำให้อู่เหรินยอมถอยห่างออกจากนาง

                “หากข้าเห็นเจ้ามาวุ่นวายกับข้า หรือคนของหอบุปผาอีกข้าจะบอกเรื่องนี้กับคุณชายไป๋เสีย”

            หนิงอวี่พยายามข่มน้ำเสียงที่สั่นเครือ กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแทน

            ซุยอู่เหรินที่ไม่รู้ความสัมพันธ์ของคุณชายไป๋กับนางและลู่เสียน จึงคิดว่าเรื่องที่นางพูดเป็นจริง และยอมปล่อยนางออกจากเรือนตระกูลซุยแต่โดยดี

            หนิงอวี่รีบพาร่างของตนที่บัดนี้เสื้อผ้าดูไม่เรียบร้อย เดินไปตามถนนที่ทอดยาว ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเมื่อเห็นสภาพนางเช่นนั้น ก็คิดไปเองว่านางคงไปยั่วยวนคุณชายไป๋และถูกปฏิเสธมาเช่นเคย โดยไม่มีผู้ใดคิดจะช่วยเหลือ

            ด้านเจียลี่ที่ตามหาคุณหนูไม่เจอ นางก็ร้อนรนรีบกลับมาที่หอบุปผา เพื่อให้ทุกคนออกตามหา

                “คุณชายจ้าว ช่วยข้าตามหาคุณหนูอีกแรงได้หรือไม่”

            เจียลี่ข่มความกลัวและขอร้องเขา

                “เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก คุณหนูของเจ้าก็คงออกไปออดอ้อนคุณชายไป๋เช่นที่เคยเป็นมา”

            หลี่หยางที่เคยเห็นกิริยาของนางที่มักยั่วยวนไป๋มู่เฉินจนเคยชิน ไม่รู้สึกตกใจที่นางหายไปเพียงน้อย เขากล่าวพลางรดน้ำดอกไม้ต่อไป

                “แต่ครั้งนี้คุณหนูถูกชายชุดดำจับตัวไปจริง ๆ นะเจ้าคะ”

                “จะมีผู้ใดมากล้าจับตัวนางได้เล่า หากจับไปจริงเมื่อรู้ว่านางเป็นคนเช่นไร ต้องปล่อยนางมาแน่”

            หลี่หยางยังไม่คิดที่จะเชื่อคำพูดของเจียลี่ ด้วยนางเป็นสาวใช้ของ

หนิงอวี่ การช่วยนายสร้างเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้

                “แต่ว่า...”

                “พอเถอะเจียลี่ อย่าไปรบกวนคุณชายจ้าวเลย”

            เสียงสั่นเครือที่เอ่ยขัดเจียลี่ ทำให้หลี่หยางชะงักและหันตามเสียงนั่นไป หากไม่ตาฝาดดูเหมือนเขาจะเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของหนิงอวี่

                “คุณหนู เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ” เจียลี่รีบวิ่งไปดูหนิงอวี่ด้วยความเป็นห่วงในทันที

                “ทำไมชุดถึงขาดหลุดลุ่ยเช่นนี้เล่า” เจียลี่สำรวจรอบ ๆ กายของหนิงอวี่

           ตอนนี้เองที่หลี่หยางสังเกตว่าอาภรณ์ของนางดูไม่เรียบร้อยจริง ๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 51 ชีวิตที่เติมเต็ม

    หน้าตำหนักหนิงอันบัดนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เหล่านางกำนัลวิ่งวุ่นแทบจะชนกันล้ม หลี่หยางที่ถูกขวางไว้นอกตำหนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “ฝางกงกงเหตุใดข้าจะเข้าไปในตำหนักไม่ได้” หลี่หยางที่จ้องมองเข้าไปในตำหนัก พลางกล่าวถามกับขันทีข้างกาย “ทูลฝ่าบาท ฮองเฮากำลังจะคลอดตามประเพณีห้ามบุรุษเข้าไปนะพ่ะย่ะค่ะ” “แต่ว่า.......” หลี่หยางยังอยากโต้แย้งต่อ “ไม่มีแต่ใด ๆ ทั้งนั้น ถึงเจ้าเข้าไปก็ช่วยสิ่งใดไม่ได้” ไทเฮาที่ไม่รู้เสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่กล่าวห้ามฝ่าบาทด้วยท่าทีจริงจัง ทำให้หลี่หยางไม่กล้าเอ่ยโต้แย้งอีก “คลอดแล้ว! คลอดแล้วเพคะ เป็นองค์ชายเพคะ” เสียงของเจียลี่ดังออกมาจากตำหนัก ก่อนที่ร่างนางจะโผล่ออกมารายงานข้างนอกเสียอีก หลี่หยางตื่นเต้นดีใจจนมือไม้สั่น ใบหน้าบัดนี้ของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม รีบรับตัวโอรสของตนที่ถูกห่อด้วยผ้าคลุมลายมังกรจากเจียลี่ พลันทารกน้อยก็เปล่งเสียงร้องเป็นครั้งแรก เสียงร้องนั้นก้องกังวาน หนักแน่นและมีพลังอย่างน่าประหลาด

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 50 หลังการหลับใหล

    หนิงอวี่ที่หลับใหลกลับได้ยินเสียงที่คุ้นชินเรียกนางอีกครั้ง กลับมา กลับมา เสียงเบาของสตรีผู้นี้ทำให้นางต้องปรือตาขึ้นมาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้สิ่งแวดล้อมรอบตัวของนางกลับเปลี่ยนไป แสงสว่างจากหลอดไฟบนห้องสีขาวสะอาด ผู้คนในชุดสีเขียวเข้มกำลังใช้เครื่อง มือแพทย์หลายชิ้นยื้อชีวิตของใครบางคนบนเตียงผ่าตัดอย่างเคร่งเครียด ทำให้หนิงอวี่ตกใจกับสถานที่แห่งนี้ เหตุใดนางถึงอยู่ในยุคปัจจุบันกัน แล้วเหตุใดถึงโผล่มาอยู่ในโรงพยาบาลเช่นนี้ “ฉู่เสี่ยวเสี่ยว” เสียงที่คุ้นชินเรียกชื่อนางจากด้านหลัง หนิงอวี่รีบหันไปหาเสียงนั้นในทันที เมื่อสายตาประสานกับดวงตาที่คุ้นเคยร่างบางก็แข็งทื่อในทันที “นี่ท่าน!” หนิงอวี่ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดก่อน สตรีเบื้องหน้าภายใต้อาภรณ์สีขาวทั้งตัวยืนยิ้มให้กับนาง ใบหน้าของสตรีผู้นั้นเหมือนกับใบหน้าของนางทุกประการ “ฉู่เสี่ยวเสี่ยวข้าคือเจ้า แลเจ้าคือข้า หากแต่เราสองอยู่กันคนละภพชาติเท่านั้น” “ท่านคือ..” หนิงอวี่ย้ำถามสิ่งที่ตนสงสัย “ข้าคือภูตสวร

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 49 เพราะรัก

    แม้การรอดพ้นจากความตายของหนิงอวี่จะเป็นความปรารถนาเดียวของหลี่หยาง แต่การสูญเสียกระบี่เทพก็ทำให้ราชสำนักเกิดข้อพิพาทอีกครั้ง ขุนนางฝ่ายเสนาบดีสุ่ยไม่พอใจกับการสูญเสียนี้ “บัดนี้สูญเสียกระบี่เทพแล้ว หากแคว้นอื่นมารุกรานจะทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีสุ่ยทูลถามอย่างไม่เกรงกลัว “ก็นำทหารออกสู้รบอย่างไรเล่า” แม่ทัพหู่โต้แย้งแทนฮ่องเต้ “กระหม่อมมิเห็นด้วยที่ฝ่าบาทนำกระบี่เทพแลกกับการคืนชีพฮองเฮา ถึงอย่างไรพระองค์ควรเห็นราษฎรมาก่อน” รองเจ้ากรมโยธาเสี่ยงตายทูลทัดทาน “เช่นนั้นรองเจ้ากรมโยธาเห็นผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นฮ่องเต้กว่าเราก็เสนอมาเถิด ข้าไม่มีวันนำชายาของตนแลกกับสิ่งใดทั้งสิ้น”หลี่หยางกล่าวอย่างไม่ถือโทษ แต่น้ำเสียงนั้นกลับหนักแน่นจนใต้เท้าฉีไม่กล้ากล่าวต่อ “ข้าจะปกป้องแคว้นด้วยกำลังที่ข้ามี หาใช่อาวุธเทพที่ต้องแลกด้วยชีวิตฮองเฮาหรือผู้ใด หากใต้เท้าฉีคิดว่าข้าไม่เหมาะสมโปรดเสนอฮ่องเต้พระองค์อื่น” สายตาเยือกเย็นมองไปยังรองเจ้ากรมโยธา ฉีเหิงรองเจ้ากรมโยธาเมื่อเห็นฝ่าบาททรงกริ้วก็หัน

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 48 ยอมแลกทุกสิ่ง

    หลี่หยางมุ่งตรงไปที่หอกระบี่ หากไม่มีผู้ใดให้คำตอบกับเขาได้ก็มีเพียงหอกระบี่นี้เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้ ชั้นบนสุดของหอกระบี่ยังคงเหมือนเช่นเดิมทุกครั้ง กระบี่เทพที่ล่องลอยบนบัลลังก์น้ำแข็ง โดยมีลูกแก้วดวงจิตสถิตอยู่กลางห้องหลี่หยางเรียกกระบี่มาหาตนพลางชี้ไปยังดวงจิตเทพที่ล่องลอยอยู่ “จงให้คำตอบข้า เหตุให้ฮองเฮาของข้าจึงเป็นเช่นนั้น” สายตาเยือกเย็นหมายจะทำลายดวงจิตนั้นให้สิ้น หากไม่ให้คำตอบที่เขาต้องการ “จ้าวหลี่หยางคำตอบนั้นข้าย่อมให้เจ้าได้ การปลอบประโลมดวงจิตเทพต้องใช้ไอเซียนของภูตสวรรค์ เว่ยหนิงอวี่เป็นเพียงมนุษย์ที่มีไอเซียนของภูตสวรรค์เท่านั้น เมื่อร่างดูดซับพลังฝั่งมารมากเกินไปจะต้องขจัดพลังนั้นออก แต่เว่ยหนิงอวี่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ย่อมไม่สามารถมีพลังเช่นนั้นได้ ร่างกายและจิตวิญญาณนางจึงค่อย ๆ ดับสลาย” กลางอกของหลี่หยางเบาโหวงเมื่อได้ยินสิ่งที่ดวงจิตเทพบอก เขาเจ็บปวดจนแทบทนไม่ได้ มือที่กำกระบี่แน่นเริ่มสั่นไหว “แล้วเหตุใดก่อนหน้าเจ้าจึงไม่บอกข้า” ความเคียดแค้นเข้าเกาะกุมหัวใจที่แตกสลายนั้น

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 47 ปลอบประโลมดวงจิตกระบี่เทพ

    หลี่หยางยังคงเฝ้ามองการบำเพ็ญของหนิงอวี่เพื่อปลอบประโลมกระบี่เทพ ครั้งนี้นางใช้เวลาหลายชั่วยามกว่าจะทำให้ดวงจิตกระบี่เทพสงบลงได้ เหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผมบ่งบอกว่าเจ้าตัวเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย “หนิงอวี่ เป็นอย่างไรบ้างเหนื่อยมากใช่หรือไม่” เมื่อหนิงอวี่ลืมตาขึ้น หลี่หยางก็รีบเข้าไปประคองในทันที “หม่อมฉันทนไหวเพคะ” นางยังคงยิ้มกว้างให้เขา แม้ใบหน้าตอนนี้ดูซีดเซียวเพียงใดก็ตาม “เช่นนั้นพักผ่อนก่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยเดินทางกลับวัง” “อือ” นางพยักหน้าเชื่อฟังร่างบางถูกช้อนขึ้นวางไว้บนเตียงนอน เพียงไม่นานหนิงอวี่ก็เข้าสู่นิทราอย่างรวดเร็ว จนทำให้หลี่หยางประหลาดใจว่าเหตุใดถึงหลับได้ง่ายดายเช่นนี้ ตลอดเส้นทางในการเดินทัพกลับเมืองหลวง หนิงอวี่เอาแต่หลับเป็นส่วนใหญ่ ทำให้หลี่หยางที่นั่งอยู่ด้านข้างหวาดกลัวภายในใจโดยที่เจ้าตัวไม่สามารถหาเหตุผลได้ ทำได้เพียงเป็นหมอนให้นางหนุนตลอดทาง “หนิงอวี่ถึงวังแล้ว เจ้าตื่นเถิด” เสียงทุ้มต่ำเจือไปด้วยความห่วงใยปลุกนางให้ตื่นจากนิทรา หนิงอวี่ปรือตา

  • รักนี้ ที่มอดไหม้   บทที่ 46 ศึกสุดท้าย

    ภายในห้องลับหนิงอวี่ยังคงนั่งบำเพ็ญโดยมีกระบี่เทพลอยอยู่เบื้องหน้าของนาง ด้านหลังมีหลี่หยางคอยเฝ้ามองอยู่ไม่ห่าง ไม่รู้ด้วยเหตุใดทุกครั้งที่นางต้องปลอบประโลมดวงจิตกระบี่เทพ ตัวเขาเองกลับรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งภายในใจกลับหวาดกลัวอย่างน่าประหลาด ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ บัดนี้หนิงอวี่รู้สึกว่ากระบี่ไม่ได้ร้อนดั่งไฟเผาเช่นก่อนหน้า หากแต่นางกลับรู้สึกเหนื่อยกว่าครั้งแรกที่ปลอบประโลมดวงจิตกระบี่มาก อาจเป็นเพราะการเร่งเดินทางมายังเทียนเถาทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า “หนิงอวี่ เป็นอย่างไรบ้าง” หลี่หยางที่สัมผัสได้ถึงดวงจิตที่สงบของกระบี่รีบเข้ามาประคองชายาของตน “ไม่เป็นไรเพคะ เพียงแค่ครั้งนี้หม่อมฉันรู้สึกว่าใช้เวลานานขึ้นกว่าจะทำให้ดวงจิตกระบี่สงบลงได้” “ครั้งต่อไปข้าไม่ใช้กระบี่เทพแล้วดีหรือไม่” สายตาเป็นห่วงส่งมายังนาง “ได้อย่างไรกัน ศึกครั้งนี้หากไม่อัญเชิญกระบี่เทพด้วยกำลังพลที่น้อยกว่าถึงสามเท่า ทหารจะต้องล้มตายนับไม่ถ้วนแน่” หนิงอวี่มองไปยังหลี่หยางด้วยสายตาไม่เห็นด้วย “แต่ข้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status