เช้าวันรุ่งขึ้น เพลงพิณและเฟร์เรก็ออกไปพบกันที่หน้าบ้านอย่างไม่ได้นัดหมาย ทันตแพทย์สาวอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์พอดีตัวขาดๆ หน่อย รองเท้าผ้าใบและมีหมวกทรงสวยไว้บังแดด แต่กว่าจะลงตัวที่ชุดนี้ เธอก็เลือกแล้วเลือกอีกส่วนเฟร์เรนั้นก็เซอร์เป็นกิจวัตร แต่เป็นลุคเซอร์แบบสะอาดๆ น่าซบ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือกล้องถ่ายรูป และก่อนจะออกไป เขาก็ดูแลลัคกี้เรียบร้อยแล้ว เย็นนี้ค่อยส่งมอบให้เธอดูแลต่อ วันนี้เขายังใจดีอาสาเป็นคนขับรถให้ไกด์ส่วนตัว ส่วนเพลงพิณก็ทำหน้าที่บอกทาง กระทั่งมาถึงท่าเรือจึงต้องจอดรถไว้แล้วเปลี่ยนไปนั่งเรือข้ามฟากแทนจะว่าไปนี่เป็นครั้งที่สามที่เพลงพิณมาเที่ยวเกาะเกร็ด ความที่มาบ่อยกว่าเฟร์เรเธอจึงพอรู้สถานที่ เมื่อลงเรือเสร็จก็ชวนเขาไปไหว้พระเสียหน่อย จากนั้นก็เช่าจักรยานมาปั่นเที่ยวรอบๆ เกาะ แวะดูการปั้นเครื่องปั้นดินเผา หาขนมไทยอร่อยๆ ทาน ส่วนเฟร์เรก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูป เพราะเสียงชัตเตอร์ดังมาให้เพลงพิณได้ยินแทบจะตลอดเวลา“ลูกชุบ” เฟร์เรอุทานชื่อขนมไทยชนิดแรกที่เขารู้จักและได้ชิมออกมา จากนั้นก็
เธอรื้อของฝากที่ซื้อมาจากเกาะเกร็ด ก่อนจะพบว่าสองถุงเป็นของเฟร์เรและตั้งใจเอามาคืนให้เขา แต่ภาพที่เห็นก็ทำเอาต่อมหึงเธอทำงาน“เสน่ห์แรงจริงๆ พ่อคุณ ผู้ชายอะไร หัวบันไดบ้านไม่เคยแห้ง... หึ๋ย” เพลงพิณยืนกัดฟันกรอดๆ จ้องผู้หญิงในบ้านเฟร์เรจนตาเขียวปัด หรือเธอคนนี้จะใช่คนรักของเฟร์เรรังสีอำมหิตจากตัวเพลงพิณที่แผ่กระจายออกไปนั้น ทำให้อามาเรียต้องหันมามอง พอเห็นว่าเป็นใครเธอก็ส่งยิ้มให้ งานนี้เป็นไงเป็นกัน เธอไม่มีทางปล่อยเฟร์เรให้ผู้หญิงลุคทอมผสมป้าแน่นอน“อุ๊ย! นั่นใครเหรอคะเบค” เพราะต้องการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของให้ผู้มาใหม่ได้เห็น อามาเรียจึงเข้าไปยืนใกล้เฟร์เรพร้อมกับควงแขนชายหนุ่ม แต่กลับถูกเขาปัดมือออก นั่นเพราะเขารู้ ว่าอามาเรียต้องการอะไร และเขาเองก็ต้องการให้เธอเห็นอะไรเช่นกัน จะได้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเขาเสียทีเมื่อปัดมืออามาเรียออก เฟร์เรก็เดินไปหาเพลงพิณ ทำเอาอามาเรียเหวอรับประทานที่ถูกหักหน้า ส่วนเพลงพิณนะเหรอ หึ…เธอได้แต่ยืนสะใจอยู่นอกรั้วบ้าน ถ้าเธอไ
แต่สติของเพลงพิณต้องกระเจิงยิ่งกว่าเก่า เมื่ออยู่ๆ เฟร์เรก็ ขโมยจูบจากริมฝีปากอิ่มของเธอไปครองซึ่งหน้า ดวงตากลมโตของคนในอ้อมกอดเบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าฉากจูบที่เธอแอบคิดมโนอยู่คนเดียว จะมีบุคคลที่สามยืนมองตาขวาง พร้อมกับทำหน้าที่เป็นพยานแบบนี้อามาเรียกัดฟันกรอดๆ กับฉากจูบที่เธอเรียกร้องอยากจะเห็นและได้เห็นแบบเต็มๆ ตาเสียด้วย ส่วนเฟร์เรจากที่จะจูบแค่ผิวเผิน พอได้สัมผัสริมฝีปากอิ่มของเพลงพิณเขาก็มีอันต้องเปลี่ยนใจ ความนุ่ม ความหอมหวานที่ได้สัมผัส ทำให้เขาไม่อาจตัดใจถอนจูบออกได้ในตอนนี้เพราะตกใจ ตอนนี้เพลงพิณจึงได้แต่ยืนนิ่งงัน ปล่อยให้เฟร์เรจูบอยู่นานสองนาน และเพราะมีใจให้เขาเป็นทุนเดิม เธอจึงปล่อยใจไปกับจูบที่แสนจะหอมหวานในครั้งนี้ การจูบตอบกลับจากเธอทำให้เฟร์เรยิ้ม แต่คนที่ยิ้มไม่ออกคืออามาเรีย เธอไม่อาจทนมองภาพบาดตาบาดใจได้อีก จึงกระทืบเท้าเร่าๆ ก่อนจะรีบกลับออกไปทันทีและพอถึงรถก็กรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง พาลอารมณ์เสียใส่ลูกศรที่นั่งรออยู่อีกชุดใหญ่ ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่แคร์&ldq
เช้าวันรุ่งขึ้น เฟร์เรก็อุ้มลัคกี้มาหาเพลงพิณที่บ้าน โดยตั้งใจมาแต่เช้าหน่อย จะได้พบเพลงพิณ ก่อนที่เธอจะออกไปทำงานแม้ใจจริงอยากอาสาดูแลลัคกี้ไปตลอด นั่นเพราะเขาไม่ได้ทำงานประจำ แต่เพราะได้ตกลงลัดกันเลี้ยงคนละอาทิตย์ ทำให้เฟร์เรไม่อาจเลี้ยงคนเดียวได้หนุ่มมาดเซอร์ที่ยังคงมัดผมไว้กลางศีรษะอย่างทุกวันยืนกดออดอยู่นาน คนในบ้านก็ยังไม่มีท่าทีจะออกมาเปิดให้ จะว่าเพลงพิณออกไปทำงานแล้วก็ไม่น่าใช่ นั่นเพราะรถเธอยังคงจอดอยู่ แต่จังหวะที่กำลังยืนชะเง้ออยู่นั้น เพื่อนบ้านสาวที่ตอนนี้เปียกมาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็โผล่หน้าออกมาให้เห็นแบบอายๆ“คุณพิณ เกิดอะไรขึ้นครับ”“คือท่อน้ำหลังบ้านมันแตกน่ะค่ะ”“แล้วปิดวาล์วน้ำหลักหรือยังครับเนี่ย” น้ำเสียงและสีหน้าของคนถามนั้น แสดงออกว่าห่วงอยู่ไม่น้อย“ปิดแล้วค่ะ แต่กว่าจะนึกขึ้นได้ ก็ปล้ำกับท่อที่มันแตกจนเปียกอย่างที่เห็นอยู่ตั้งนาน...แฮ่” เพลงพิณส่งยิ้มแห้งๆ ให้เฟร์เร รู้สึกเขินกับคว
ลัคกี้ร้องรับคำพูดของเฟร์เรราวกับมันฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง ส่วนเพลงพิณได้แต่ยืนงงๆ กับการเออออของทั้งคน ทั้งแมว“คุณรีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เดี๋ยวไม่สบายขึ้นมาจะแย่เอา”“อื้อ” เพลงพิณพยักหน้าเห็นด้วย แต่ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวก็เดินไปส่งเพื่อนบ้านหนุ่มเสียก่อน จากนั้นก็อุ้มลัคกี้ไปวางในคอก หาอะไรให้มันกิน แล้วจึงขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัว ก่อนจะออกไปทำงานแต่งานทอดสะพานเพื่อจีบหนุ่มมาดเซอร์ของเพลงพิณก็ใช่ว่าจะจบเพียงแค่นี้ เรื่องท่อน้ำแตกมันเป็นเหตุสุดวิสัย อยู่เหนือการควบคุมของเธอ แต่เรื่องต่อจากนี้ต่างหากที่มันมาจากสมองล้วนๆ เรื่องอะไร เธอจะปล่อยให้ผู้หญิงอื่นคว้าเฟร์เรไปครอง นั่นเพราะเขาเสียจูบให้เธอแล้ว ต้องรับผิดชอบเธอไปตลอดชีวิต...หืมพอมีเวลาว่าง ซึ่งดูเหมือนจะน้อยนิด เพลงพิณก็พยายามหาเหตุให้ได้พบหน้าหนุ่มข้างบ้านนามว่าเฟร์เรเสมอๆ เรียกได้ว่างานทอดสะพานไม่ได้ขาด อย่างเช่นที่กำลังทำอยู่ตอนนี้“มันใช้ยังไงหว่า ไอ้เครื่องตัดหญ้าเนี่ย” เสียงบ่นที่ดังเ
บทที่ 33“เจ้กับเบค ไม่ได้แอบคบกันลับหลังเค้าอยู่ใช่มั้ย” คำถามของบุหลัน ทำเอาเพลงพิณต้องกลืนน้ำลายลงคอ“เปล่า…ไม่ได้คบเลย” ใช่! ตอนนี้เธอกับเฟร์เรยังไม่ได้คบกัน“ถามจริงๆ เจ้ไม่ชอบเบคเหรอ”“ชอบสิ เอ้ย! ชอบก็บ้า เจ้ไม่ชอบเด็ก เดี๋ยวคุยกันไม่รู้เรื่อง” เพลงพิณหลุดปากคำว่าชอบออกไปแล้ว ก่อนจะรีบแก้ต่างให้ตัวเองจนลิ้นพัน“แน่ใจนะ”“แน่ใจล้านเปอร์เซ็นต์ ส้มไม่ต้องมานั่งพะวงหึงเจ้เรื่องนี้หรอก” เพลงพิณโบกไม้โบกมือไปด้วย นี่ชักไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าบุหลันจะเชื่อเธอไหม“เฮ้อ...ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งอกหน่อย เจ้ๆ…แมวมาทางนี้แล้ว” โล่งอกได้ไม่เท่าไหร่ บุหลันก็กระโดดขึ้นโซฟา เพราะสายตาเหลือบไปเห็นโชคดีเดินมายังตนเอง“มันแค่อยากไปอ้อน”“ไม่เอา เค้าไม่ชอบ เจ้เอามันออกไปห่างๆ เค้าหน่อยสิ” เพลงพิณส่ายหน้าให้ ก่อนจะเดินไปอุ้มโชคดีไว้ แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง“ไม่ชอบแบบนี้จะชนะใจหนุ่มได้ยังไง เบ
“อืม…ฉันคิดดีแล้ว บางทีคนที่ฉันควรรักอาจไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้” อยู่ๆ ใบหน้าของเพลงพิณก็ผุดเข้ามาในความคิดอีกครั้ง นั่นทำให้เฟร์เรยิ้มออกมาแล้วหยิบเหล้าขึ้นมาจิบแก้เขิน ก่อนจะเอ่ยต่อ“หลังจากนี้ถ้าพระเจ้าจะทรงเมตตา ท่านคงประทานโอกาสให้ฉันได้พบเธอ ก่อนจะบินกลับเยอรมันสักครั้ง”“ถ้าได้พบกันจริงๆ นายจะบอกรักเธอมั้ย”“หากเธอยังโสดและยังไม่มีใคร ฉันคงบอก แต่ถ้าเธอมีคนรัก มีครอบครัวอยู่แล้ว ก็คงไม่” อันที่จริง เฟร์เรเผื่อใจเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่เพราะใช้ความหวังหล่อเลี้ยงมาตลอด ทำให้เขาเฝ้ารอที่จะได้พบเธอ“แล้วนี่นายจะกลับเมื่อไหร่”“อีกหนึ่งเดือน” เฟร์เรบอกกำหนดการที่เขาจะไปจากเมืองไทย และคนที่เขาอยากบอกเรื่องนี้ให้รู้อีกคนคือเพลงพิณ แต่ทว่าแค่คิดเรื่องนี้ ทำไมหัวใจเขาถึงรู้สึกเหมือนถูกบีบจนรู้สึกแน่นหน้าอกอย่างบอกไม่ถูก“ก่อนกลับเยอรมัน ฉันขอให้นายได้พบเธอคนนั้นเบค”“ข
แม้จะประชุมติดต่อกันหลายชั่วโมง หลังจากนั้นก็นั่งทำงานติดพันจนแทบไม่ได้พักกินข้าว แต่เพลงพิณก็ยังคงมีความสุข นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะยิ่งยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู เมื่อเฟร์เรทักไลน์มาหา พร้อมกับส่งรูปซุ้มชิงช้ามาให้ดู ไหนจะรูปที่เขาถ่ายกับเจ้าโชคดีอีก โอ๊ย! หัวใจเธอจะละลายนั่นทำให้เพลงพิณเฝ้ารอเวลาเลิกงานอย่างใจจดใจจ่อ แต่ใช่ว่าพอเลิกงานแล้วเธอจะสามารถกลับบ้านได้ทันที เพราะต้องแวะไปทำงานที่คลินิกอีก แต่โชคดีที่วันนี้ลูกค้าไม่เยอะเท่าที่ควร พอเสร็จงานก็รีบบึ่งรถกลับบ้าน“ขอโทษทีนะคะ พอดีฉันพึ่งเสร็จงานที่คลินิก”“ไม่เป็นไรครับ”“ปล่อยให้คุณรอนานเลย ว่าแต่หิวหรือยัง ป่ะ…เราออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า คุณคิดไว้หรือยังว่าอยากกินอะไร” เพลงพิณรีบชวน นั่นเพราะไม่อยากให้บุหลันโผล่มาขัดจังหวะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวันนี้เพื่อนรุ่นน้องจะไม่มาเป็นกอขอคองอจอฉอ...สาธุ“ผมคงไม่สะดวกออกไปหาอะไรกินตอนนี้”“อ้อ…อย่างนั้นเหรอคะ” เพ
“นี่ก็รู้ดี”“แล้วถ้าไม่รู้ ฉันจะเป็นเพื่อนสนิทแกเหรอยัยโปรด”“ย่ะ…เพราะฉันก็มีชะนีอย่างแกเป็นเพื่อนสาว เป็นเพื่อนแท้คนเดียวที่หาจากไหนไม่ได้ของฉันเหมือนกัน” เพราะคำพูดซึ้งๆ ของโปรดทำเอาต่อมน้ำตาพานจะไหล เพลงพิณจึงเฉไฉ“โอ๊ย! พอๆ อย่ามาทำซึ้งตอนนี้ เดี๋ยวฉันเป่าปี่เป็นพระอภัยอีกรอบ”“เรียกนางผีเสื้อสมุทรเหรอยะ” โปรดแซวทันที“เรียกเบคมาต่างหากเล่า แค่คิดถึงก็มีความสุข...กรี๊ดดด!!!”“บทแกจะเพี้ยนนี่ก็เพี้ยนจนโรงพยาบาลบ้าไม่รับรักษาเลยนะ ยัยบ้า” เอ่ยจบก็ส่ายหน้าให้คนข้างๆ ทันที โปรดมีเพื่อนไม่เยอะ แต่ถึงไม่เยอะก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ อยู่กับเพื่อนดีแค่ไม่กี่คน ยังดีกว่ามีเพื่อนเป็นสิบเป็นร้อย แต่หาความจริงใจให้กันไม่ได้เลยความสัมพันธ์ระหว่างเพลงพิณและเฟร์เรนั้น เรียกได้ว่าหวานหยด น้ำตาลเรียกพี่ ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างเดินเข้านอกออกภายในบ้านของกันและกันได้อย่างส
เพราะไม่ต้องการให้เกิดความหมางใจกับบุหลัน เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกกันไปมากกว่านี้ เพลงพิณจึงตัดสินใจที่จะคุยแบบเปิดอกกันไปเลย เธอนัดแนะให้บุหลันขึ้นไปพบที่ชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล ที่ถูกออกแบบให้เป็นสวนย่อมๆ“นัดเค้ามา มีอะไรหรือเปล่าเจ้” บุหลันพอจะรู้ว่าเพลงพิณนั้นจะคุยอะไรกับเธอ แต่ก็ไม่วายถามออกไป“ส้ม…คนนี้เจ้ขอ”“หืม…เจ้จะขอใคร” แม้จะรู้ว่าใคร แต่บุหลันก็ยังถาม เห็นสีหน้าเครียดๆ ของเพลงพิณแล้วก็อยากอำต่อ คนอะไร บทจะห้าวก็ห้าว ไม่แคร์นางสาวที่ใช้นำหน้าชื่อตัวเองเลย“คนที่ส้มกำลังขายขนมจีบเขาอยู่น่ะ”“อ้อ…เบคน่ะเหรอ” บุหลันแสร้งทำเป็นร้องอ๋อ“แกไปจีบคนอื่นเลยส้ม คนนี้เจ้ขอว่ะ”“เอ้า! เจ้ อยู่ๆ มาขอกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”“อืม” เพลงพิณเอ่ยรับ ก็จะให้เธออ้อมค้อมไปทำไม เปิดอก พูดกันไปตรงๆ มันนี่แหละ จะได้เข้าใจ แต่จะว่าไป เกิดมาเธอก็เพิ่งจะทำแบบนี้นี่นา“ส้มขอเหตุและผลของการถอนตัวหน่อยเจ้ ถ้าฟังขึ้
แม้จะไม่เคยเสียจิ้นกินตับกับใคร แต่เรื่องจูบ เพลงพิณก็พอมีประสบการณ์มาบ้าง แหม…เธออายุปูนนี้แล้วนี่นา ไม่ใช่สาวรุ่นวัยขบเผาะเสียเมื่อไหร่ แต่ดูท่าประสบการณ์จะน้อยนิดไปหน่อย เพราะตามความช่ำชองของเฟร์เรไม่ทัน ส่งผลให้เพลงพิณหูอื้อตาลายคล้ายจะเป็นลม ยามที่ริมฝีปากอุ่นจัดบดขยี้ลงบนปากอิ่ม บางครั้งก็อ้อยอิ่งคลอเคลียหยอกเย้าเอาใจการจูบโต้ตอบของเพลงพิณทำให้เฟร์เรพอใจ แม้เธอจะเก้ๆ กังๆ บ่งบอกว่ายังอ่อนประสบการณ์ไปบ้าง แต่เขาเชื่อว่าอีกไม่นานจะทำให้เธอเร่าร้อนได้ไม่ยาก ปากอุ่นจัดของเฟร์เรยังคงทำหน้าที่มอบจูบให้คนในอ้อมกอดอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เขาจะยกมืออีกข้างขึ้นมาจับคางมนของเพลงพิณแล้วสัมผัสเบาๆ เพื่อให้ริมฝีปากเธอเผยอออก จากนั้นก็ส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปาก เพื่อดูดดื่มความหวานจากเธอ“อื้อ…” เสียงครางคล้ายจะต่อต้านดังมาจากเพลงพิณ นั่นเพราะความเร่าร้อนที่มากขึ้นของเฟร์เร ทำให้เธอถึงกับขาอ่อน อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นจูบเขามากถึงขนาดนี้เชียวเหรอ ไหนจะกอดแน่นๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้อีก แน่นเสียจนเธอหายใจไม่ออก เกือบจะแทรกเข้าไปในตัวเขาได้
“ก็มันน่าคิดออก” ได้ยินแบบนี้ เฟร์เรก็ทำท่าจะดีดหน้าผากเธออีกครั้ง นั่นทำให้เพลงพิณต้องรีบห้าม “อย่าดีดนะ เจ็บแล้ว”“คุณนี่ ไม่ไว้ใจกันเลย”“เอ้า! หรือไม่จริง”“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นอาจทำ แต่สำหรับผม ไม่…ก็คือไม่” เฟร์เรตอบเสียงหนักแน่น พลอยทำให้เพลงพิณยิ้มออกและรู้สึกชอบเขามากขึ้นไปอีก ผู้ชายดีๆ แบบนี้หาได้ที่ไหน เข้าบ้านไปเอาไม้เบสบอลมาตีหัวแล้วลากเลยซะดีมั้ยเนี่ย รวมทั้งร้องขออยู่ในใจว่า รักนี้…เจ้ขอ ได้ไหมส้ม...กรี๊ดดดด!!!“แล้วคุณให้เหตุผลอะไรไป เธอถึงปล่อยให้คุณรอด ทั้งๆ ที่ลงทุนทั้งจูบ ทั้งกอด อ้อ…มีเปลือยหน้าอกด้วยแบบนั้น” อารมณ์หึงนิดๆ กำลังมา แต่ดูเหมือนเพลงพิณจะยังไม่รู้ตัว“ผมบอกเธอไปว่าผมไม่ใช่ผู้ชาย แล้วแสดงละครนิดๆ หน่อยๆ เธอก็เชื่อสนิทใจ ผมก็เลยรอดปลอดภัย ไม่เสียตัวให้คนที่ผมไม่ได้รัก” เฟร์เรเน้นคำว่า ‘คนที่ผมไม่ได้รัก’ ให้ชัดๆ พร้อมกับสบตาเพลงพิณไปด้วย แม้รอบข้างจะมืด แต่แสงสว่างจากไฟบนถนนและริมรั้วที่ส่องเข้ามาก็ทำใ
“ที่นี่สวยจังเลยค่ะ” นี่คือประโยคแรกที่เพลงพิณเอ่ยเมื่อมาถึงร้านอาหาร เธอหย่อนตัวลงนั่งบนเบาะนุ่มๆ ตรงหน้าคือวิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตอนนี้พระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะเลือนหายลับไปจากขอบฟ้า แต่ก็ยังคงทอแสงสีทองยามอัสดงที่ระยิบระยับ“ชอบมั้ยครับ”“ชอบค่ะ” ต่อให้เป็นร้านอาหารริมทาง แต่ถ้าได้นั่งทานกับเฟร์เร เพลงพิณก็ดูเหมือนจะชอบหมด ไม่เคยคิดว่าหนุ่มมาดเซอร์ๆ จะโรแมนติกกับเขาได้เหมือนกัน“ดีใจที่คุณชอบ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันเลือกว่ามื้อนี้จะทานอะไร เมื่อสรุปลงตัวก็สั่งกับพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่แล้วและขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟ เพลงพิณก็มองบรรยากาศเลิศๆ ตรงหน้าอย่างเพลินตา นานๆ จะมานั่งกินข้าวริมน้ำแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ เพราะบรรยากาศมันช่วยให้ผ่อนคลายได้ดี กระทั่งสมองหวนคิดถึงบุหลันขึ้นมา นั่นเพราะยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ เกิดมองหน้ากันไม่ติดจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าส้มชอบคุณ”“ผมรู้ครับ”“แล้วคุณคิดยังไงกับส้มคะ”&ldquo
“อ้อ…นิดหน่อยน่ะจ้ะ” เพลงพิณเอ่ยรับ ก่อนจะตั้งสติทำงานของตัวเธอต่อ กระทั่งได้เวลาเลิกงาน ขณะที่ทันตแพทย์สาวกำลังก้มๆ เงยๆ เก็บของบนโต๊ะ ใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา“เลิกงานแล้วใช่มั้ยครับ” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้น ก็ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้ง“คุณนี่! ฉันตกใจหมดเลย”“พึ่งรู้ว่าคุณขวัญอ่อน” เฟร์เรเอ่ยยิ้มๆ แต่คนฟังกลับแยกเขี้ยวใส่“ชิส์…ใครจะไม่ขวัญอ่อน อยู่ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ นี่ถ้ามีไม้เบสบอลอยู่ในมือ ฉันฟาดคุณไม่เลี้ยงเหมือนตอนนั้นแน่ๆ” ตอนนั้นที่ว่า คือตอนที่อยู่ๆ ฟาโรห์ก็โผล่เข้าไปในบ้านของเพลงพิณ ด้วยเหตุผลว่าตนเข้าบ้านผิด ซึ่งถึงตอนนี้ทันตแพทย์สาวก็ยังเข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นคือเฟร์เร“คุณนี่โหดกว่าที่ผมคิดไว้อีก” หนุ่มมาดเซอร์เออออตามน้ำไปก่อน เพราะเขาตั้งใจให้เธอได้พบกับน้องชายฝาแฝดของเขาอยู่แล้ว“แน่ล่ะ”“สรุปคุณมีธุระอะไรจะคุยกับฉัน...หืม”
“ครับๆ ไว้ผมจะส่งรูปที่เราถ่ายวันนี้ให้” ขณะเอ่ยก็โน้มตัวมาใกล้ๆ อามาเรีย เพราะรังเกียจ เธอจึงผลักเขาให้ออกห่าง แล้วกระโดดลงจากเตียงรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมทันที“ถ้าจะส่งก็ส่งผ่านมาทางพี่ลูกศรเลยนะ ระหว่างเราจบแค่นี้ เพราะฉันไม่ได้อยากมีเพื่อนสาวเพิ่ม”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับได้น่าฟัง แต่สำหรับอามาเรียกลับไม่เป็นเช่นนั้น เฟร์เรกลับมาเก็บกล้องและอุปกรณ์ใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จก็กลับออกไปปล่อยให้อามาเรียยืนหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธ ทั้งอาย เพราะหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ ที่อ่อยใครไม่อ่อย กลับมาอ่อยชายที่ไม่ใช่ชาย“กรี๊ดดดด!!! ไอ้บ้า…บ้าๆ” เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของอามาเรีย ทำให้ลูกศรรีบเข้าไปดู ส่วนเฟร์เรนั้นได้แต่หัวเราะชอบใจ ก่อนจะเดินผิวปากตรงไปยังรถอย่างอารมณ์ดี“หยุด ไม่ต้องถามอะไรเลยนะพี่ลูกศร” พอเห็นหน้าผู้จัดการส่วนตัวที่ตั้งท่าจะถาม อามาเรียก็รีบยกมือห้าม“สรุป…นี่มีอะไรกันแล้วเหรอ” แม้จะถูกห้าม แต่ลูกศรก็อดที่จะถามไม่ได้จ
อามาเรียจึงไม่รีรอ เธอกระโดดขึ้นนอนบนเตียงทันที การกระทำของเธอทำให้เฟร์เรชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติทำงานของตัวเองต่อไป“เซ็ตนี้ อามาเรียอยากได้รูปครึ่งตัวนะคะเบค”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ แต่การกระทำต่อจากนี้ของอามาเรียก็ยิ่งทำให้เฟร์เรอึ้ง เพราะอยู่ๆ เธอก็โยนหมอนที่กอดอยู่ไปอีกทาง เผยให้เห็นหน้าอกคู่สวยท้าทายสายตาชายหนุ่มเป็นอย่างมาก จากที่อึ้งอยู่แล้วคราวนี้เฟร์เรถึงกับอึ้งยกกำลังสอง และเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไรกับภาพที่เห็น“เบคขา ถ่ายรูปอามาเรียให้สวยๆ นะคะ” อามาเรียยิ้มหวาน เอ่ยเสียงกระเส่า ไหนจะสีหน้าท่าทางที่ยั่วยวนนั่นอีกเฟร์เรได้แต่กัดฟันกรอดๆ ตัดความคิดบ้าๆ ให้ออกไปจากสมอง เพราะไม่อยากเป็นคนเชิญความยุ่งยากเข้ามาในชีวิตเสียเอง แต่ยิ่งเขาไม่สนใจ อามาเรียก็ยิ่งอยากเอาชนะ เธอใช้ทีเผลอที่เฟร์เรขยับมาถ่ายรูปใกล้ๆ คว้าตัวเขาไว้ แล้วออกแรงรั้งจนร่างหนาลงไปนอนบนเตียงพร้อมเธอ จากนั้นก็ขยับมาขึ้นคร่อมทับตัวเฟร์เรไว้“คุณไม่ชอบแบบนี้เหรอ” แบบนี้ที่ว่าคือการที่อามาเรียจงใจโน้มตัวลงมาห
บทที่ 42เพราะมีงานถ่ายแบบด่วนจากซิโน่ แถมยังเป็นงานที่เฟร์เรชอบเป็นพิเศษและไว้ใจ นั่นทำให้เขาตอบรับงานนี้ไปทันที โดยไม่ถามรายละเอียดมากนัก ก่อนจะเดินทางไปยังสถานที่ทำงานของเขาในวันนี้ตามแผนที่ที่ซิโน่แนบมาให้ทางอีเมล์แต่เมื่อมาถึง เฟร์เรก็ถึงกับคิ้วขมวดกันเป็นปม เพราะตรงหน้าคือบ้านหลังหนึ่ง ขณะที่กำลังยืนลังเลๆ ว่าเขามาผิดบ้านหรือไม่ คนที่อยู่ภายในก็ก้าวออกมาเปิดประตูให้ เขาคุ้นหน้าเธอเป็นอย่างดี แม้จะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวก็ตาม“เชิญค่ะ”“ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับคำเชิญของลูกศร คิ้วหนายังคงขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างบอกไม่ถูก หรือเขากำลังถูกปั่นหัวจากนางแบบที่ชื่อว่าอามาเรียเข้าให้แล้ว“ขอบคุณที่มาเป็นช่างภาพให้วันนี้นะคะคุณเบค”“ยินดีครับ” แม้จะไม่รู้สึกยินดี แต่เฟร์เรก็ไม่อาจเอ่ยคำนั้นออกไปได้“งั้นเชิญข้างในค่ะ” เฟร์เรพยักหน้ารับคำเชิญของลูกศร แล้วจึงสาวเท้าเดินตามเธอเข้าไปภายใน ผ่านห้องรับแขกที่อยู่ชั้นล่าง กระทั่งขึ้นไปชั้นบนลูกศร