หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เหมย ก็รู้สึกเขินอายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าอาชาต้องอุ้ม เหมย เข้ามาในบ้าน ทำให้พ่อกับแม่ของ เหมย รู้สึกตกใจเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงกับต้องอุ้มกันเข้ามาเลย” แม่น้ำฟ้า ที่เป็นห่วงลูกสาวจึงรีบลุกจากโซฟา “พอดี เหมย ซุ่มซ่ามนะแม่ เหมือนข้อเท้าพลิก แต่คุณอาชาอาสาจะอุ้ม เหมย เข้ามา เหมย ห้ามแล้วนะแม่” เหมย พยายามอธิบาย “ไม่เป็นไรหรอก แม่ไม่ได้ว่าอะไรเลย” ผู้เป็นแม่มองอาการอยากจะจับคู่อาชาให้กับลูกสาวเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะตัวเองก็อยากจะอุ้มหลานจะแย่ “ผมต้องขอโทษด้วยครับ ผมเห็นคุณ เหมย เดินไม่ไหวก็เลยอุ้มเธอเข้ามาโดยถือวิสาสะ” “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณอาชา ขอบคุณแทนลูกสาวผมด้วย” พ่อบุญทอง ที่ถูกชะตาอาชาเป็นพิเศษ เรื่องวุ่นวายยังไม่จบแค่นั้น เมื่อจู่ๆ มีรถหรูสองคันพร้อมชายชุดดำกว่าสิบคนมาจอดหน้าบ้านเหมย อาชาจึงอธิบายว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่ต้องระวังศัตรู ทำให้ต้องมีคนคุ้มกันไปทุกที่ ยิ่งพาลิลลี่มาด้วยและมาเยี่ยมบ้านเหมยก็ยิ่งต้องปลอดภัยเป็นเท่าตัว “ทำไมคนต้องมาเฝ้าหน้าบ้านเราเยอะแยะขนาดนี้ล่ะ” พ่อบุญทองรีบถามอาชา “เอาตรงๆ นะครับ ผมก็เป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าศัตรูจะรอบด้านมากแค่ไหน เลยจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยทุกที่ที่ไปครับ" "ยิ่งพาลิลลี่มาด้วยแล้วก็มาเยี่ยมบ้านคุณเหมยด้วย ยิ่งต้องปลอดภัยเป็นเท่าตัว” อาชาบอกอย่างตรงไปตรงมา เหมยตกใจ เพราะตอนไปไร่ชาของอาชาก็ไม่เคยเห็นชายชุดดำเยอะขนาดนี้ อาชาอธิบายว่าปกติพวกเขาจะอยู่ในเครื่องแบบเพื่อไม่ให้รบกวนลูกค้าในคาเฟ่ แม่น้ำฟ้ารีบอนุญาตทันที แม้พ่อกับแม่จะหน้าเสียไปครึ่งหนึ่ง “ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ แล้วนี่หนูลิลลี่ไปไหนแล้วล่ะครับคุณแม่” อาชาถามหาหลานสาว “หนูลิลลี่ขึ้นไปนอนบนห้องแม่แล้วล่ะจ้ะ เห็นว่าง่วง” แม่น้ำฟ้าบอก “ขอบคุณมากนะครับ ที่ดูแลและเอ็นดูหลานของผม งั้นผมขออนุญาตไปจัดการเรื่องข้างนอกก่อน” อาชาพูดจบก็เดินออกไปทันที ความอบอุ่นที่บ้านของเหมยทำให้อาชารู้สึกได้ว่าเหมยเติบโตมาบนความอ่อนโยนที่พ่อแม่มอบให้ ทำให้เหมยเป็นคนน่ารักจิตใจดี “เหมย ลูกแน่ใจนะว่าคุณอาชาเขาเป็นแค่เจ้าของไร่ชา ถึงขนาดต้องมีบอดี้การ์ดเป็นสิบขนาดนี้นะลูก” แม่น้ำฟ้ารีบเข้ามาหาลูกสาว “เหมยก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะแม่ ตอนที่ไปอยู่ที่ไร่ชาก็ไม่เห็นว่าจะเยอะขนาดนี้” “ไม่เป็นไรหรอกคุณ เขาไม่ได้มาร้าย แล้วดูก็น่าจะเป็นคนดีคนหนึ่ง” พ่อบุญทองหันมาบอกแม่น้ำฟ้า เขาเองก็เป็นผู้ชายจึงมองออกว่าอาชาไม่ใช่คนกะล่อนเหมือนธง “ค่ะคุณ เราสองคนก็ขึ้นไปพักผ่อนกันดีกว่า ปล่อยให้เด็กๆ เขาใช้ชีวิตกันไป” แม่น้ำฟ้าเดินจูงพ่อบุญทองขึ้นไปบนห้อง “งั้นพ่อกับแม่ไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเหมยดูแลคุณอาชาต่อเอง” “จ้ะลูก งั้นแม่ฝากด้วยนะ” ทางด้านอาชาที่เดินออกมาจัดการลูกน้องทุกคน เพราะทำให้ว่าที่เมียในอนาคตและว่าที่พ่อตาแม่ยายของเขาต้องตกใจ “พวกมึงทำไมต้องมาเอิกเกริกกันขนาดนี้..! แต่งตัวธรรมดามาก็ได้ ไม่ต้องชุดดำ” อาชาเดินออกมาด่าลูกน้องชุดใหญ่ “ก็พี่เสือบอกให้พวกผมรีบมานี่ครับนาย พี่เสือกลัวนายมีอันตราย” ลูกน้องคนหนึ่งรีบบอกอย่างลนลาน “เออ พวกมึงก็อย่าทำอะไรที่มันดูน่ากลัวนัก เดี๋ยวว่าที่เมียกูจะตกใจ” อาชาพูดอย่างไม่อายปาก “ครับนาย!” ทุกคนตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน “กูเพิ่งบอกว่าอย่าทำอะไรให้มันเอิกเกริก พวกมึงจะแหกปากกันทำไม” อาชาทำเสียงเข้ม ทุกคนถึงกับหน้าถอดสี รีบแยกย้ายกันไปประจำจุดต่างๆ อาชาที่จัดการทุกอย่างลงตัวก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน ก็เห็นเหมยกำลังนั่งรอตนเองอยู่ “เอ่อ คุณเหมย ผมขอโทษแทนลูกน้องด้วยนะครับที่ทำให้พ่อกับแม่คุณตกใจ” ความเป็นสุภาพบุรุษของอาชายังคงเสมอต้นเสมอปลาย “ไม่เป็นไรเลยค่ะเหมยเข้าใจ เหมยเขียนนิยายเรื่องมาเฟียบ่อยนะคะ” เหมยแกล้งพูดติดตลก “แล้วคุณเหมยไม่อยากจะมีแฟนเป็นมาเฟียแบบในนิยายบ้างหรอครับ” อาชาก็เลยเข้าเรื่องซะเลย “มีอย่างนั้นก็ดีสิคะ เหมยคงดูเป็นเจ้าหญิงมากเลย” “อาจจะมีก็ได้นะครับคุณเหมย” “สมัยนี้ยังมีอีกหรอคะ มาเฟียคลั่งรักขนาดนั้น เหมยเป็นคนเขียนนิยาย เหมยยังคิดว่ามันจะมีใครรักนางเอกได้มากมายถึงขนาดสั่งเก็บคนทุกคนที่ทำให้นางเอกร้องไห้ได้เลย” เหมยพูดถึงตัวละครของตัวเอง “อาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลคุณเหมยก็ได้ครับ” อาชาส่งยิ้มมุมปาก “คุณอาชาไปดูห้องหรือยังคะ” “ห้องอะไรครับคุณเหมย” “ห้องนอนของคุณอาชา เหมยเตรียมเอาไว้ให้แล้วค่ะ” “งั้นคุณเหมยนำทางผมไปหน่อยได้ไหมครับ” ทั้งที่บ้านหลังไม่ใหญ่มาก แต่อาชาก็ยังคงอยากให้เหมยทำทุกอย่างให้เขา “ได้สิคะ” เหมยพูดจบก็เดินนำทางอาชาไปที่ชั้นสองห้องนอนของอาชาติดกับห้องของเหมยเลย “คุณอาชานอนได้ใช่ไหมคะ บ้านเหมยคับแคบสักนิดนึง” เหมยแอบเขินอยู่เหมือนกันที่คนที่ดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างอาชาต้องมานอนบ้านหลังเล็ก ๆ ของเธอ “คุณเหมยอย่าคิดมากสิครับ มันดีมากๆ เลยนะ พ่อกับแม่ของคุณเหมยก็น่ารักมาก” อาชาเอ่ยชมออกมาจากใจ “ขอบคุณมากค่ะ งั้นเชิญคุณอาชาตามสบายนะคะ กระเป๋าเสื้อผ้าของคุณอาชาเหมยขอโทษนะคะถือวิสาสะถือขึ้นมาให้แล้วค่ะ อยู่ตรงนั้น” มือเรียวเล็กของเหมยชี้ไปที่ข้างตู้เสื้อผ้า “ขอบคุณนะครับคุณเหมย” “ยินดีมากค่ะ” เหมยส่งยิ้มให้กับอาชาอย่างเป็นมิตรแล้วเดินกลับออกไปจากห้องรับรองแขกของบ้าน เสร็จภารกิจในวันนี้ เหมยรีบจัดการอาบน้ำแต่งตัวแล้วโทรหาเพื่อนสาวอย่างเจสซี่ “ฮัลโหล ยัยเจสซี่ แกทำอะไรอยู่” เหมย วีดีคอลหาเพื่อนสาวผ่านมือถือ “เฮ้ เพื่อนรัก ฉันออกมาจิบกาแฟข้างนอกจ้ะ วันนี้ที่ออสซี่มีแดดดีมาก” เหมยก็พูดคุยตามประสา และเล่าเรื่องที่ธงพยายามมาที่บ้านของเธอ ทำตัวแบบนั้นใส่เธอให้กับเจสซี่ได้ฟัง “หนอยแน่ไอ้ธง! แกอย่าให้มันติดรถมาอีกเป็นอันขาดเลยนะ ออกห่างมันไกลๆ เลย คนแบบไอ้ธงมันไว้ใจไม่ได้” เจสซี่ที่ได้ฟังเรื่องที่เหมยเล่าก็พอจะรู้เจตนาของธงแน่นอน “ฉันเข้าใจที่แกบอกนะเว้ย แต่ว่าไอ้พี่ธงมันหน้าด้านหน้าทนมากเลยอ่ะ คือแบบมันตามฉันไม่เลิกอ่ะแก ทำตัวน่าสงสาร สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้มันขึ้นรถมาด้วยอ่ะ” เหมยพยายามบอกเพื่อนเพื่อหาวิธีแก้ไข เพราะดูทรงอาจจะต้องเจอธงอีกแน่ “ฉันว่าแกต้องหาไม้กันหมาเพื่อนรัก ไอ้ธงมันจะไม่กล้ายุ่งกับแกเลยเชื่อฉันสิ” เจสซี่ออกไอเดีย “ไอ้แผนแกมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ประเด็นจะไปหาไม้กันหมาที่ไหน” เหมยถามเจสซี่ “เออว่ะ มันก็จริงของแก เออ เอาอย่างนี้ไหม แกต้องจ้างผู้ชายสักคนมาเป็นแฟนแบบหนุ่มโฮสอะไรเนี่ย ฟิวเพื่อนฟิวแฟนก็มีนะเว้ย” “ไม่เอาอ่ะ ฉันว่ามันคงยังไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง เดี๋ยวรอดูสถานการณ์ไปก่อน ถ้ามันไม่มายุ่งกับฉันอีกก็ไม่เป็นไรอ่ะ” เหมยบอกเพื่อนรัก “งั้นก็ตามใจแกก่อนแล้วกัน เออ แล้วเรื่องยัยหนูลิลลี่สรุปแกได้ไปสอนยัง” เจสซี่ถามเหมย “โอ้โห หนูลิลลี่ฉันจะบอกให้ว่าน่ารักมาก แต่ติดฉันเป็นตังเมเลยแก วันนี้ถึงกลับมานอนบ้านฉันแล้วนะ แล้วไม่ธรรมดา พกคุณลุงของเขามาด้วย” เหมยบอกเพื่อนยังไม่ได้คิดอะไร “ฉันไม่อยู่แค่ไม่กี่อาทิตย์ สนิทกันถึงกับขนาดพาเข้าบ้านพ่อกับแม่แล้วหรอ” เจสซี่ถึงกับตาลุกวาวโรจน์ “แกมันไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย ก็แบบหนูลิลลี่อยากมาหาฉัน แล้วคุณอาชาก็เลยมาส่ง แล้วตอนนี้มันก็เลยเถิดอ่ะ สุดท้ายก็เลยต้องให้คุณอาชานอนที่นี่ด้วย" "ถ้าจะเอาแต่หลานเขาไว้มันก็น่าเกลียด เพราะตอนเราไปที่ไร่ชาเขาก็ต้อนรับเราดีมากเลยนะ” เหมยก็บอกกับเพื่อนสาวแบบมีเหตุมีผล “ฉันว่ามันไม่ใช่แล้วมั้งแก อาจจะมีพรหมลิขิตก็ได้นะเพื่อนเลิฟ” สองสาวพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ส่วนอาชาก็นอนพลิกไปพลิกมาเพราะอยากจะเห็นหน้าเหมยก่อนนอน ปกติในทุกคืนตั้งแต่ที่เขาเจอเหมยมักจะแอบมองเธอผ่านหน้าจอแท็บเล็ตแล้วหลับไปพร้อมกัน แต่วันนี้ได้อยู่ข้างๆ ห้อง เหมือนกับรู้สึกตื่นเต้นจนอยากจะเคาะประตูเพื่อดูหน้าเหมยอีกสักครั้งก่อนที่เขาจะหลับตาลง....กว่าอาชาจะข่มตาหลับลงได้ เขานึกถึงริมฝีปากสีชมพูชวนหลงใหลของเหมย แม้เป็นเพียงการสัมผัสแผ่วเบา แต่มันก็ทำให้ใจของอาชาคะนึงหาและอยากจะลิ้มลองสัมผัสนั้นอีกครั้ง"ฉันต้องการเธอเหมย" อาชาพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางเพ้อไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่มีรูปเหมยเป็นภาพพื้นหลัง โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ากำลังมีผู้ชายคนหนึ่งคลั่งรักเธอมากแค่ไหนทางด้านเหมยที่พูดคุยกับเจสซี่เพื่อนสาวจนดึกดื่นก็วางสายและเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร แตกต่างจากคนข้างห้องที่เอาแต่พร่ำเพ้อหาตัวเองอยู่เช้าวันรุ่งขึ้น แม่น้ำฟ้าและพ่อบุญทองที่มักจะตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อทำกับข้าวและใส่บาตรพระ วันนี้แม่น้ำฟ้าจึงเตรียมชุดใส่บาตรเผื่ออาชาและเหมยด้วยทางด้านอาชาที่ตื่นมาตอนหกโมงเช้าก็อาบน้ำแต่งตัวลงมาด้วยชุดลำลองสีขาวสบายตา ส่วนหนูน้อยลิลลี่ก็ยังไม่ตื่นเลยส่วนเหมยนั้น ตื่นมาช่วยแม่ตอน 5:30 น. เพื่อเตรียมของใส่บาตร"อ้าว คุณอาชาตื่นแล้วเหรอคะ หลับสบายดีหรือเปล่า" เหมยที่กำลังถือชุดสำหรับใส่บาตรไปรอพระบิณฑบาตหน้าบ้านเอ่ยทัก"นี่ทำอะไรกันอยู่ครับ" อาชาถามทุกคนที่กำลั
หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เหมย ก็รู้สึกเขินอายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนี แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าอาชาต้องอุ้ม เหมย เข้ามาในบ้าน ทำให้พ่อกับแม่ของ เหมย รู้สึกตกใจเช่นกัน“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงกับต้องอุ้มกันเข้ามาเลย” แม่น้ำฟ้า ที่เป็นห่วงลูกสาวจึงรีบลุกจากโซฟา“พอดี เหมย ซุ่มซ่ามนะแม่ เหมือนข้อเท้าพลิก แต่คุณอาชาอาสาจะอุ้ม เหมย เข้ามา เหมย ห้ามแล้วนะแม่” เหมย พยายามอธิบาย“ไม่เป็นไรหรอก แม่ไม่ได้ว่าอะไรเลย” ผู้เป็นแม่มองอาการอยากจะจับคู่อาชาให้กับลูกสาวเสียมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะตัวเองก็อยากจะอุ้มหลานจะแย่“ผมต้องขอโทษด้วยครับ ผมเห็นคุณ เหมย เดินไม่ไหวก็เลยอุ้มเธอเข้ามาโดยถือวิสาสะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณอาชา ขอบคุณแทนลูกสาวผมด้วย” พ่อบุญทอง ที่ถูกชะตาอาชาเป็นพิเศษเรื่องวุ่นวายยังไม่จบแค่นั้น เมื่อจู่ๆ มีรถหรูสองคันพร้อมชายชุดดำกว่าสิบคนมาจอดหน้าบ้านเหมย อาชาจึงอธิบายว่าเขาเป็นนักธุรกิจที่ต้องระวังศัตรู ทำให้ต้องมีคนคุ้มกันไปทุกที่ ยิ่งพาลิลลี่มาด้วยและมาเยี่ยมบ้านเหมยก็ยิ่งต้องปลอดภัยเป็นเท่าตัว“ทำไมคนต้องมาเฝ้าหน้าบ้านเราเยอะแยะขนาดนี้ล่ะ” พ่อบุญทองรีบถามอาชา“เอาตรงๆ นะครับ ผมก็เป็นนักธุรกิจคนหน
หลังจากรถหรูของอาชาก็แล่นมาถึงหน้าบ้านสวนของพ่อแม่เหมยหลังจากจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยเชิญอาชาเข้าบ้านพร้อมกับแม่หนูน้อยลิลลี่ ก่อนที่อาชาจะเข้าไปได้สั่งการบางอย่างให้กับเสือจัดการ"เสือคืนนี้แกให้บอดี้การ์ดมาดูแลรอบ ๆ นี้แล้วกันนะ ส่วนแกไปพักเถอะเหนื่อยกับฉันมามากละ""แต่ว่าผมไม่ไว้ใจ.."เสือเอ่ยขึ้น"ไม่เป็นไรหรอก ส่งบอดี้การ์ดคนอื่นมา ตอนนี้ไอ้เมฆินทร์มันคงไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรแกไปพักเถอะ""ครับนายผมได้โทรเรียกบอดี้การ์ดตามมาที่นี่จำนวนสิบคนเพื่อดูแลนายกับคุณหนูลิลลี่""ขอบใจมาก" อาชาเดินลงมาที่รถพร้อมกับถือกระเป๋าสีชมพูในมือและกระเป๋าเสื้อของตัวเองทุกคนในครอบครัวของเหมยออกมาต้อนรับอาชาอย่างเป็นกันเองฟิวส์ครอบครัวและอบอุ่น ในเวลานั้นก็ได้เข้ามาพูดคุยกันในบ้านอย่างสนุกออกรถออกชาติลิลลี่ที่เห็นเหมยก็รีบวิ่งตรงมาหาเหมยด้วยความคิดถึงลิลลี่ที่เห็นหมอยถือดอกกุหลาบในมือก็ทำหูตาเป็นประกายเหมือนอยากจะได้บ้าง"คุณครูเหมยขา....".ลิลลี่โผล่เข้ากอดไหมอย่างออดอ้อนเหมือนย่อตัวลงแล้วโอบกอดรัดตัวลิลลี่เอาไว้แน่นเช่นกันราวกับแม่ลูกที่ไม่ได้เจอกันมานานทั้งที่เพิ่งจะวางสายจากกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงฟอด
ลิลลี่ยื่นหน้ามาทางอาชาที่กำลังเปิดอ่านอีเมล“คุณลุงขา คุณลุงคุยกับใครคะ ลิลลี่อยากคุยด้วย” ลิลลี่ทำเสียงอ้อนพร้อมกับเอียงคอไปมาอย่างน่ารักอาชายิ้มบางๆ ลูบผมของลิลลี่เบาๆ “คุณลุงคุยเรื่องงานจ้ะ หนูลิลลี่คุยกับคุณครูเหมยไปก่อนนะ เดี๋ยวพอถึงบ้านคุณครูเหมย คุณลุงจะให้หนูลิลลี่วิ่งเล่นได้เต็มที่เลย”ลิลลี่ตาโต “จริงเหรอคะ! ลิลลี่อยากไปบ้านคุณครูเหมยแล้ว”"จริงสิคะคุณลุงไม่โกหกลิลลี่หรอกค่ะงั้นลิลลี่ก็ดูนะคะว่าไปถึงบ้านคุณครูเหมยแล้วจะไปช่วยคุณครูทำอะไรได้บ้าง"อาชาก็ปลอบประโลมหลานสาวบทสนทนาของเสือและอาชา ดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน เสือรายงานเรื่องราวของ “เมฆินทร์” คู่ปรับทางธุรกิจที่ชอบใช้กลโกง อาชาฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยแต่แววตาฉายความเฉียบคม“มันเป็นคนยังไงวะไอ้เมฆินทร์เนี่ย ถึงได้กล้าลอบกัดนายตลอด ต่อให้มันจะมีความคับแค้นผมว่าคนอย่างนี้ถ้ามันไม่ตายมันคงไม่เลิกแน่เลยครับนาย” เสือที่ขับรถไปด้วยก็พูดคุยเรื่องของไอ้เมฆินทร์ไปด้วยลิลลี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินบทสนทนาจึงถามขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็นอาชาจึงค่อยๆบอกสอนหลานสาวอย่างใจเย็นอาชาหันมามองลิลลี่ช้าๆ “เป็นคนที่ไม่น่าคบห
ขณะที่ลิลลี่กำลังพูดคุยอยู่กับเหมย อาชาได้วางหลานสาวไว้บนโซฟา แล้วเดินออกไปที่ระเบียงด้วยท่าทีหงุดหงิดและยกหูโทรหาใครคนหนึ่งผ่านไปไม่นานเสียงโทรศัพท์ของธงได้ดังขึ้นหลังจากที่อาชาวางสาย"สวัสดีครับคุณเสือ มีอะไรหรือเปล่าครับเห็นโทรหาผมหลายสาย" ธงที่รับสายของเสืออย่างไวเพราะอยู่ดี ๆ เสื่อก็โทรหาเขาโดยที่เป็นเวลาเลิกงานแล้ว"คุณธงครับตอนนี้คุณธงอยู่ไหน"เสือแกล้งถาม"พอดีผมออกมาข้างนอกหาอะไรกินนะครับคุณเสือมีอะไรหรือเปล่า"ธงถามย้อนกลับไป"พอดีเครื่องจักรที่คุณธงดูแลวันนี้มันเกิด เครื่องกระตุก แล้วหยุดทำงานรบกวนคุณเสือกลับมาดูด่วนให้หน่อยได้ไหมครับ""เออ....คือ.."ธงตั้งท่าจะปฏิเสธแต่ก็โดนเสื่อพูดแทรกขึ้นมา"เราจำเป็นจะต้องแพ็คกล่องชาเพื่อนำไปส่งลูกค้าในวันพรุ่งนี้ครับ ยังไงต้องรีบซ่อมเครื่องแพ็คครับ" เสือรีบยกข้ออ้างว่าเครื่องที่ธงได้ดูแลเกิดเสียขึ้นมาทั้งที่ข้อเท็จจริงเสือเห็นแล้วว่าสายพานมันสึกกร่อนกำลังจะขาดจริงๆใช้ใครมาเปลี่ยนก็ได้แต่เขาก็ต้องช่วยเจ้านาย"ตอนนี้เลยหรอครับคุณเสือ ผมไม่แน่ใจว่าจะกลับไปทันหรือ"เปล่าธงรีบอ้างขึ้นมาพร้อมไม่อยากเสียช่วงโอกาสทองที่ได้อยู่กับเหมย"ยังไงคงต้
เสียงรถแล่นเข้ามาในบ้านสวนของแม่น้ำฟ้าและพ่อบุญทอง ทั้งสองคนจึงรีบออกมาดูหน้าบ้านก็เห็นลูกสาวมา ทั้งสองก็ดีใจยกใหญ่ รีบออกมาต้อนรับลูกสาวพร้อมกับหมาชิสุ 1 ตัวที่เห่าเสียงดัง "โฮ่ง ๆ" "อ้าวพ่อ! ลูกสาวเรามา" แม่น้ำฟ้าที่มาก่อนก็เรียกพ่อบุญทองให้ออกมารับลูกสาว"จ้าแม่ พ่อกำลังออกไป" พ่อบุญทองที่กำลังดูทีวีก็รีบลุกออกจากโซฟาเพื่อมารอรับลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างเหมยเมื่อเหมยถือหิ้วของพะรุงพะรังลงจากรถ พอเจอพ่อกับแม่ก็วางของทุกอย่างลงแล้วโผเข้ากอดแม่น้ำฟ้าด้วยความคิดถึง"เป็นไงบ้างแม่ สบายดีไหม? ลูกไม่มาหาไม่กี่อาทิตย์เนี่ย ไม่โทรตามเลยนะคะ!" เหมยทำเป็นน้อยใจแม่น้ำฟ้าที่อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่โทรตามหรือโทรหาเธอเลย"อ้าว แม่ก็คิดว่าแม่ไม่มีลูกแล้วเนี่ย เลยไม่รู้จะหาเบอร์ที่ไหนมาโทรตาม!" สองสาวคุยกันอย่างออกรสออกชาติพ่อบุญทองเมื่อมาถึงก็โผเข้ากอดลูกสาวเช่นกัน ด้วยความที่เหมยไม่มาหลายวัน พ่อบุญทองก็คิดถึงมากเหมือนกัน"เป็นไงบ้างลูกสาวพ่อ ได้พักผ่อนสองสามเดือนเต็มที่เลยสิ เราจะไปเที่ยวไหนล่ะ?" พ่อบุญทองที่เอามือลูบไปที่หั