หยานซูรีบอธิบายทันควัน "โป๋ซู่มีโรคกระเพาะที่ค่อนข้างรุนแรง เขากินของที่ย่อยยากไม่ได้ค่ะ"เสียงบ่นของแม่ถึงได้เงียบลงโป๋ซู่ทอดสายตามองข้าวต้มทรงเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะ อัตราส่วนผสมของวัตถุดิบทั้งหมดล้วนอิงตามสูตรบำรุงกระเพาะอย่างเห็นได้ชัด ไหนจะผักตามฤดูกาลหลากหลายชนิดซึ่งที่ให้ทานคู่กัน อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย อาหารทุกจานที่อยู่บนโต๊ะนี้ แม้จะดูเรียบง่ายแต่กลับต้องใช้ความพิถีพิถันและความใส่ใจมากจู่ ๆ ก็รู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในใจ เขาก็แค่พูดแบบแตะ ๆ ว่าตัวเองมีโรคกระเพาะตอนที่ไปหาหมอ ไม่คิดว่าหยานซูจะจำได้ขึ้นใจ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักเอาใจใส่จริงด้วยสินะโป๋ซู่ลากเก้าอี้แล้วนั่งลงด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติเมื่อหยานซูเดินเข้ามา เธอก็นั่งข้างโป๋ซู่โดยอัตโนมัติผู้เป็นพ่อกับแม่หันไปสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งคู่ส่งกระแสจิตกลางอากาศ"ซูซู ลูกรู้ได้ยังไงว่าโป๋ซู่เขามีโรคกระเพาะ?" แม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเกมด้วยการยิงลูกดอกไปที่หยานซูหยานซูเกือบสำลักข้าวต้มที่อยู่ในปาก "เขา...เป็นคนไข้ของหนูไง""แม่จำได้ว่าเราเป็นหมอจิตนะ หมอจิตก็รักษากระเพาะเป็นด้วยหรอ?" แม่ยังคงต้อนเธออย่างไม่รู้จักย่อ
โป๋ซู่กอดหญิงสาวแน่น แล้วย้ำอีกที "ถ้าตอนนี้คุณยังไม่อยากเปิดเผยสถานะของเรา ผมก็เคารพการตัดสินใจของคุณ แต่เวลาที่เราอยู่ด้วยกันตามลำพัง คุณควรเรียกผมว่าสามีหรือเปล่า?"หยานซูหน้าแดงก่ำ หัวใจของเธอเต้นรัว"ฉัน..." เธออึกอักอยู่นาน ไม่ยอมเอ่ยออกมาสักทีโป๋ซู่ก้มลงมองใบหน้าของหยานซูที่แดงฉ่ำยิ่งกว่าตูดลิง เขาก็หัวเราะอย่างกลั้นไม่ได้บรรดาผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเขามีหลากหลายประเภท ทั้งกร้านโลก รักสนุก ไม่ผูกมัด พวกเธอสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อเข้าหาเขา เขาจึงรู้สึกว่าผู้หญิงที่ขี้อายอย่างหยานซู เป็นผู้หญิงที่ล้ำค่าและหาได้ยากโป๋ซู่คลายกอดออก เขาไม่อยากทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ "คิดถึงผมด้วยนะ"หยานซูพยักหน้า "ค่ะ"โป๋ซู่สตาร์ทรถ สายตาของเขาจ้องไปที่หยานซูอีกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อย ๆ ขับออกไปสองมือของหยานซูกุมใบหน้าที่แสนร้อนผ่าว แล้วก็แอบโมโหตัวเอง อันที่จริง เรียกเขาว่าสามีแล้วมันแปลกตรงไหน? เขาก็เป็นสามีของเธอจริง ๆ นี่นาวันหยุดพักร้อนระยะสั้นสามวันของหยานซูก็สิ้นสุดลง วันต่อมาเธอจึงไปทำงานปกติหญิงสาวบังเอิญเจอเขากับหัวหน้าที่หน้าห้องตรวจแผนกจิตเวช หัวหน้ากำลังเดินเข้าห้องประชุ
"หยานซู ถึงเธอจะทิ้งแม่ของฉันไว้ที่โรงพยาบาลอย่างไร้ซึ่งความปราณี แต่ฉันก็ต้องขอบคูณที่เธออุตส่าส์เมตตาพาแม่ฉันไปส่งโรงพยาบาล คนอย่างกู่หยูเฉิงไม่ยอมติดหนี้บุญคุณใครอยู่แล้ว เย็นนี้ว่างไหม? ฉันกับจื่อเหวินจะขอเลี้ยงข้าว" ความโมโหแปรเปลี่ยนเป็นความรำคาญ เขาเอ่ยปากเชิญทั้งที่ไม่มีความจริงใจแม้แต่น้อยหยานซูมองบนจนตาดำจะทะลุเพดาน เธอหมดคำจะพูดสุด ๆ "กู่หยูเฉิง ถ้ามีปัญญาเลี้ยงข้าวฉัน ก็คืนเงินมาก่อนเถอะ"กู่หยูเฉิงเริ่มเดือด "หยานซู ทำไมตอนนี้เธอเห็นแก่เงินขนาดนี้ ความรู้สึกที่มีต่อกันตลอดสิบปี มันเหลือแค่เรื่องเงินแล้วหรือไง? ไม่ต้องมาทวงเงินทุกครั้งที่เห็นหน้าฉันหรอก สบายใจได้ ตอนนี้ฉันเริ่มฝึกงาน อีกไม่นานก็จะผ่านโปร ถ้าฉันมีเงินเดือนเมื่อไหร่ ฉันจะคืนเงินเธอเป็นอย่างแรกเลยคอยดู"หยานซูสวนกลับ "ระหว่างเรานอกจากเรื่องเงินแล้ว ยังจะมีอะไรได้อีก?" พูดจบ หยานซูก็เดินจากไปด้วยสีหน้าทะมึนตึงแต่กู่หยูเฉิงกลับเรียกเธอเอาไว้ "หยานซู..."หยานซูหยุดฝีเท้า เธอแอบตั้งความหวังเล็ก ๆ อยู่ภายในใจแต่แล้วเธอกลับต้องรู้สึกสมเพชตัวเอง เมื่อได้ยินกู่หยูเฉิงออกคำเตือน "เธอก็รู้ว่าฉันกับจื่อเหวินมาถึ
"Dear Baby รู้ว่าคุณชอบทำงานจนลืมกินข้าวทุกที ผมไม่อยากให้คุณไปกินที่ซากผักเศษเนื้อแบบนั้นที่โรงอาหาร ผมก็เลยส่งกล่องข้าวแสนรักมาให้ อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลานะครับ ซู่ของคุณไง!"เพื่อนร่วมงานทุกคนต่างพากันอุทานเสียงหลง "ว้าววว พ่อคุณคนนี้เป็นงานเกินนน ผู้ชายที่อ่อนโยนใส่ใจเอาใจเก่งแบบนี้ บนโลกนี้จะเหลืออยู่กี่คน""ทุกคนทายซิ ว่าคุณหมอหน้านิ่งอย่างหยานซูของเราจะแพ้พ่ายให้กับความอ่อนโยนของคุณคนนี้หรือไม่?""ก็ต้องดูว่าคุณคนนี้เขาจะมีความอดทนเสมอต้นเสมอปลายแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน เพราะถึงยังไงคุณหมอหยานของเราน่ะ ก็เป็นพวกคลั่งงานไม่ได้คลั่งคนหล่ออยู่แล้ว"กู่หยูเฉิงไม่คิดเลยว่า หญิงสาวที่ถูกเขาเทราวกับผ้าขี้ริ้ว จะเป็นของล้ำค่าในสายตาผู้ชายคนอื่น ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับว่าเขาใกล้เกลือกินด่างยังไงไม่รู้เขาเหล่ตามองดูดอกกุหลาบสีสดใส กับอาหารที่แสนอุดมสมบูรณ์ ในใจก็รู้สึกเสียดาย แต่ไม่ว่าหมอนี่จะลงแรงลงเงินตามจีบหยานซูสักแค่ไหน หยานซูก็ไม่มีทางหวั่นไหวอยู่แล้วเพราะนอกจากเขาแล้ว หยานซูก็ไม่มีทางหลงรักผู้ชายคนอื่นอีก และถ้าเธอไม่ได้รัก เธอก็จะปฏิเสธท่าเดียวกระนั้นเอง การกระทำต่อมาของห
กู่หยูเฉิงเห็นแชทในกลุ่ม ก็ต่อสายหาหวังจื่อเหวินด้วยสีหน้าบึ้งตึง"จื่อเหวิน ใครใช้ให้เธอซี้ซั้วส่งข้อความลงไปในกลุ่มห้องฉัน?"หวังจื่อเหวินสุดจะน้อยใจ เธอพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น "หยูเฉิง เมื่อไหร่นายจะบอกทุกคนเรื่องความสัมพันธ์ของเรา? คนอื่นเข้าใจผิดกันหมดว่านายยังคบอยู่กับหยานซู ฉันโกรธมากนะ" น้ำเสียงของเธอออดอ้อน และรู้จังหวะผ่อนหนักผ่อนเบา"ถึงยังไงหยานซูก็ลบรูปสมัยรักยังหวานซึ้งของพวกนายไปหมดแล้ว เพื่อน ๆ คนอื่นก็เริ่มสงสัยกันหมด นายก็ใช้โอกาสนี้บอกความจริงไปซะเลยสิ"กู่หยูเฉิงพูดอย่างเหนื่อยหน่าย "ฉันรู้แล้ว"เมื่อกดวางสาย กู่หยูเฉิงก็ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งข้อความลงกลุ่ม "เพื่อนที่รักทุกคน ฉันขอเป็นเจ้าภาพพาทุกคนไปกินจิ้มจุ่มร้านประจำ ฉันมีเรื่องอยากจะประกาศให้ทุกคนทราบ"เพื่อน ๆ ทุกคนตอบรับด้วยความยินดี "เอาดิ ร้อยวันพันปีพี่กู้เด็กหน้าห้องของเราจะใจป๋าขนาดนี้ ทุกคนต้องให้เกียรตินะโว้ยยย"เมื่อหยานซูเลิกงาน กู่หยูเฉิงก็ดักรออยู่ที่หน้าห้องตรวจของเธออยู่ก่อนแล้ว"หยานซู เย็นนี้พวกเพื่อน ๆ จะไปมีตติ้งกัน เธอไปกับฉันสิ จะได้ใช้โอกาสนี้บอกทุกคนไปเลยว่าเราเลิกกันแล
คุณปู่เคยยัดเยียดคู่นัดบอดให้เขา เขาก็เลยพาเธอมาที่นี่ พอเธอเข้าไปข้างในเท่านั้นแหละ ถ้าไม่รังเกียจเพราะที่นี่ไม่มีลิฟต์ ก็รังเกียจดีไซน์สุดเชย แถมยังวีนเสียงแหลมด้วยว่า เธอจะไม่ทนอยู่ที่นี่แม้แต่วันเดียวส่วนเขาก็ไม่คิดจะทิ้งความตั้งใจเดิมของตัวเอง สุดท้ายเลยแยกทางใครทางมันหยานซูหัวเราะอย่างอ่อนโยน "ที่นี่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง การเดินทางสะดวก แถมยังอยู่ใกล้ที่ทำงานของฉันด้วย อยู่ที่นี่ก็ไม่แย่นะคะ"เธอไม่ได้พูดเพราะรู้สึกเกรงใจ ถ้าเธอยอมรับกู่หยูเฉิงที่ไม่มีทั้งบ้านไม่มีทั้งรถได้ แล้วสามีสายฟ้าแล่บของเธอคนนี้ถึงขนาดเตรียมเรือนหอไว้ให้ด้วยความตั้งใจจริง แน่นอนว่าเธอรู้สึกเกินพอแล้วโป๋ซู่พูด "เข้าไปดูข้างในเถอะครับ"เมื่อเข้ามาด้านในบ้าน หยานซูถึงได้เข้าใจว่าทำไมโป๋ซู่ถึงกังวลนัก บ้านหลังนี้นอกจากด้านนอกจะเก่าแล้ว การตกแต่งภายในก็ล้าสมัยมากเช่นกัน ผนังถูกติดด้วยวอลเปเปอร์ลายอนุรักษ์นิยม เพดานถูกทาด้วยน้ำยางสีขาว โทรศัพท์แบบติดผนังถูกติดให้เป็นเนื้อเดียวกับวอลพาเนล เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ล้วนทำขึ้นจากไม้มะฮอกกานีและได้รับการแกะสลักเป็นลวดลายดั้งเดิมแม้ว่าการตกแต่งจะดูเก่า แต่การวางเค้
โป๋ซู่จ้องไปที่แววตาของหยานซู แววตาของหยานซูสว่างไสวดั่งกับทางช้างเผือก บริสุทธิ์ไร้มลทินโป๋ซู่เลยคิดถึงคุณแม่ของเขาอีกครั้ง คุณแม่ซึ่งขยันขันแข็งและบริสุทธิ์ใจดีแต่ไม่อาจหลุดพ้นจากเคราะห์ร้ายการถูกทำร้ายรังแกคนนั้นในใจของโป๋ซู่ราวกับมีเสียงที่แน่วแน่ดังขึ้นมา : "โป๋ซู่ เจ้าเองจะต้องปกป้องนางให้ดีได้แน่""ชอบที่นี่ไหมครับ?" โป๋ซู่ถามหยานซูยิ้มอย่างอึดอัด แต่กลับกล่าวด้วยความเห็นที่กลางๆ อย่างมีความสุข : "แม้ว่าการตกแต่งจะดูเก่าไปสักหน่อย แต่กลับมีกลิ่นอายของห้องคนที่เป็นหนอนหนังสืออย่างมาก โดยเฉพาะภาพวาดอักษรวิจิตรและสวนดอกไม้แห่งนี้ ฉันรักมันมากค่ะ"โป๋ซู่ยิ้มรอยยิ้มของเขาเหมือนลมใบไม้ผลิที่พัดผ่านดอกท้อแดงหลายหมื่นลี้ให้แย้มบาน เหมือนฟ้าหลังฝนที่สดใสสาดแสงอบอุ่นดั่งแสงตะวันที่เพิ่งโผล่พ้นเขาหันกลับมาแล้วหยิบตลับกล่องสวยงามใบหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก จากนั้นก็เอาตลับกล่องนั้นที่พอจะหนักอยู่บ้างมอบให้หยานซู"ซูซู วันนี้ที่ผมเรียกคุณมาก็เพื่อจะมอบของสิ่งนี้ให้กับคุณ"หยานซูรับตลับกล่องนั้นมาแล้วเปิดออกภายในมีกุญแจดอกหนึ่งที่วางนิ่งสงบอยู่ บัตรธนาคารหนึ่งใบ เครื่องประดับมรกตชุ
"อยากได้ไหม ?"ลูกกระเดือกอันเซ็กซี่ของโป๋ซู่ก็เคลื่อนกระดกเพราะกลืนน้ำลาย ในตอนท้ายเขากลับเอาเสื้อคลุมอาบน้ำคลุมที่ตัวของนาง พริบตาร่างกายของนางก็แข็งทื่อไปดั่งกับคันธนู"ซูซู คุณไม่ได้เตรียมพร้อมที่อยากจะทำ คุณกังวลมากเกินไป" เขาพูดหยานซูก็แอบอารมณ์เสีย เพราะนิสัยดื้อรั้นรักนวลสงวนตัวแบบนี้ของนาง นางจึงสูญเสียกู่หยูเฉิงไป นางไม่อยากก้าวพลาดอีกเป็นครั้งที่สองโป๋ซู่อุ้มนางขึ้นมาและเดินขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบนพร้อมกับวางนางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล จากนั้นเขาก็หอมลงไปที่หน้าผากของนางพร้อมกับบอกกล่าว : "ซูซู ผมรู้ความตั้งใจของคุณ แต่คุณไม่จำเป็นต้องฝืนบังคับตัวเอง ผมรอคุณได้เสมอ"หยานซูหมองเขาอย่างเหม่อลอย โป๋ซู่ห่มผ้าห่มให้กับนางและกล่าวต่อ : "คืนนี้ก็ดึกมากแล้ว นอนที่นี่เถอะ ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว ผมอยู่ห้องข้างๆ มีอะไรก็เรียกผมแล้วกัน"หยานซูพยักหน้าอย่างเชื่อฟังนางนอนอยู่บนเตียงแต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ นางเลยตัดสินใจลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างเบื่อหน่ายไถดูรายงานสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันเพื่อนสนิทหญิงเว่ยส่วงจู่ๆ ก็ถล่มโทรมาติดต่อกัน หยานซูเลยถูกขัดจังหวะอ่านข่าวของนางแ