"อ้าวแฝด ลมอะไรพามาแถวนี้เนี่ย" มินินเพื่อนสนิทของเราสองคนและควบตำแหน่งอดีตดาวมหาวิทยาลัยเมื่อตอนปีหนึ่งเดินเข้ามาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นผมกับไอ้แฝดเดินเข้ามาใกล้
"หึ มาเดินเล่น" ถึงปากไอ้ฟิล์มจะตอบมินินไปอย่างนั้น แต่สายตาเหยี่ยวคอยสอดส่องมองสาวๆ ไปเรื่อย ไม่ต่างจากผมแม้ว่าจะเหมือนมองเพื่อนอยู่แต่ที่จริงแล้วหางตาหยุดอยู่ที่ใครบางคน คอยมองเธอไม่ห่าง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหวานเห็นฟันเรียงสวย ตากลมโตระยิบระยับดูเปล่งประกายเหมือนดวงดาว เสียงหัวเราะคิกคักพูดคุยกับไอ้หน้าอ่อนนั่นไม่เหมือนเวลาอยู่กับผมเลยสักนิด "พี่เลนส์คะ แหวนแหวนเอาน้ำมาให้ค่ะ" "..." มือใหญ่ยื่นไปรับมาถือไว้อย่างมีมารยาทแต่คิ้วเข้มต้องขมวดพันกันยุ่งเมื่อสาวรุ่นน้องปีสองหนึ่งในทีมงานไม่ยอมปล่อยแก้วน้ำในมือแถมยังพยายามขยับมาแตะปลายนิ้วเรียวยาวจนเขาต้องรีบดึงมือกลับ ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร เขาจึงเลือกตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงหรือทำอะไรอะไรให้ใครบางคนเข้าใจผิดจนไม่เข้ามาทำคะแนนกับผม "นายสองคนช่วยมินินหน่อยได้ไหม" มินินวิ่งหน้าตาตื่นท่าทางเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "ว่ามาสิ" ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้แฝด เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่ผมสองคนจะปฏิเสธคำขอจากเพื่อนที่โตมาด้วยกันอย่างมินิน "คือมินินขาดนายแบบหนึ่งคนหน่ะ น้องเขาพึ่งโทรมาบอกว่าท้องเสีย" "เรามีพรีเซนต์ตอนสิบโมงครึ่ง งั้นมึงไอ้เลนส์ มึงว่าง" ประโยคแรกไอ้ฟิล์มพูดเอาตัวรอดกับมินิน ก่อนจะจัดแจงโยนมาให้ผมโดยไม่ถามความสมัครใจสักคำ "ไอ้พายไง" ผมเลยต้องรีบเสนอชื่อเพื่อนรุ่นน้องมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้มินิน "มินินโทรแล้ว พายยังไม่ตื่น" "นะนะ เลนส์ช่วยมินินหน่อยนะ เดี๋ยวมินินเลี้ยงข้าว" "..." ผมได้แต่ยืนถามตัวเองคนเดียวในใจว่าเมื่อเช้าก้าวเท้าไหนออกจากห้องของเธอกันแน่ เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ผมถึงได้คล้อยตามทั้งน้องทั้งเพื่อนยอมตบปากรับคำทำอะไรง่ายๆ ยอมมายืนให้ช่างแต่งหน้าที่มินินพามาเติมหน้าให้ดูมีมิติเพื่อที่จะให้รูปออกมาสวยและไม่เสียเวลาแต่งรูปนาน "เลนส์ไปยืนตรงนั้นนะ ข้างๆ น้องเดียร์" มินินเข้ามาบอกตำแหน่งให้ผมเข้าไปยืนถ่ายคู่กับรุ่นน้องที่คอยส่งสายตามาให้อย่างเปิดเผย "แล้วอีกคน?" "น้องพรีมถ่ายกับน้องไบร์ทเดือนปีนี้หน่ะ" "สลับ" "แต่..." "ไม่งั้น..." "โอเค โอเค" ผมรู้ว่าทำให้เพื่อนลำบากใจเพราะถ่ายดาวกับเดือนไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ผมก็อยากใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนและคนมาช่วยแสดงความเอาแต่ใจเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ประธานนักศึกษาอย่างผมมาถ่ายคู่กับดาวมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร... รอไม่ถึงสิบนาทีที่มินินบรีฟกับทีมงานในแผนที่ถูกเปลี่ยนกระทันหัน ทุกคนก็กลับเข้ามาประจำตำแหน่งและหน้าที่ของตัวเอง แน่นอนว่าดาวคนสวยก็เดินหน้าเรียบเฉยเข้ามายืนอยู่ในฉากข้างกันกับผมแทนรองอันดับหนึ่ง "จีบไปทั่ว" ในจังหวะที่ทุกคนกำลังยุ่งกับการปรับแสงและหามุมอยู่นั้น เสียงทุ้มก็ดังขึ้นแผ่วเบากล่าวหาคนตัวเล็กให้พอได้ยินกันสองคน "ตัวเองก็ให้จีบไปทั่วเหมือนกันนั่นแหละ ชิ" ซึ่งเธอก็ทำปากขมุบขมิบตอบกลับมาอย่างไม่น้อยหน้าพยายามซ่อนใบหน้าเก็บอารมณ์น้อยใจไว้ภายใต้รอยยิ้มเวลาที่คนอื่นหันมามองไม่ให้ดูมีพิรุธ คำกล่าวหาของเขามันแรงเกินไป อยู่ๆ ก็มาพูดว่ากันแบบนี้ มีอย่างที่ไหนกัน ทำคนตัวโตหลุบตามองเธออย่างคาดโทษที่กล้ามายอกย้อนเขา ไวเท่าความคิด มือหนาแอบยื่นไปหยิกเอวบางเบาเบาด้วยความหมันไส้ทำคนตัวเล็กสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น แต่ขืนเธอเอะอะเสียงดังใส่เขาตอนนี้ มีหวังบรรดาแฟนคลับที่ยืนส่งตาหวานให้เขาอยู่ได้เข้ามาหยุมหัวเธอแน่ ตากลมโตค้อนวงกว้างก่อนสะบัดหน้าหนี ส่วนเขาเลิกคิ้วขึ้นมองเธออย่างยียวนพร้อมกับหัวเราะในลำคอให้กับท่าทางแสนงอนดูเอาแต่ใจของคนตัวเล็ก จบงานคงต้องเคลียร์กันหน่อย จะหักคะแนนให้ไม่เหลือจนต้องกลับมาเป็นเด็กดีของเขาเลยคอยดู "ขอบคุณนะเลนส์ ถ้าไม่ได้นาย มินินแย่แน่เลย" "ขอโทษเหมือนกันที่ทำแผนเปลี่ยน" "ไม่เป็นไร แบบนี้งานก็สวยดี" "ไว้มินินนัดเลี้ยงข้าวนะ" "อืม โทรมา" เมื่อคนตัวโตเห็นเป้าหมายกำลังจะเดินออกจากห้อง เขาก็บอกลาเพื่อนปลีกตัวออกมาอย่างเนียนๆ เดินตามหลังคนตัวเล็กเงียบๆ จนถึงมุมตึกทางไปลานจอดรถที่มีเพียงรถสปอร์ตหรูของเขาจอดอยู่เท่านั้น "จะไปจีบใครอีก" "เจอใครก็คนนั้น" ทั้งที่เขาเป็นคนหาเรื่องเธอก่อนแท้ๆ แต่พอเธอตอบกลับมาแบบนี้มันยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดที่มีคูณเป็นสองเท่า ขายาวก้าวเพียงหนึ่งก้าวก็ถึงตัวร่างบางมือหนาจับมือเล็กแน่นออกแรงบังคับให้เธอเดินตามมากับเขา ก่อนจะเปิดประตูฝั่งข้างคนขับใช้สายตาบังคับให้คนแสนงอนยอมขึ้นไปนั่ง โน้มตัวลงไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้อย่างเอาแต่ใจเป็นการสั่งทางอ้อมว่าอย่าคิดหนี และพาตัวเองอ้อมมาฝั่งคนขับพร้อมกับสตาร์ทรถเปิดแอร์เบอร์แรงฉ่ำหวังให้ความเย็นจะช่วยลดอารมณ์ของทั้งสองคน "กินอะไร" เพราะคนตัวเล็กเอาแต่นั่งกอดอกทำหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จา ทำคนพูดน้อยอย่างเขาถึงกับต้องหาเรื่องชวนเธอคุยก่อน "..." "พรีม" "พรีมจะไปกินกับเพื่อน" "เพื่อนหรือใคร" เขาได้ยินนะที่ไอ้หน้าอ่อนนั่นชวนเธอไปกินข้าวหน่ะ เพราะงั้นเป็นเขาหรือเปล่าที่ต้องเป็นคนโกรธ มาขอจีบเขา ก็ต้องเป็นเขาคนเดียวเท่านั้น ห้ามมีคนอื่น! "ใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ" "พูดดีดี" "..." "ก๋วยเตี๋ยวเรือมั้ย" เขาจำได้เมื่อสองวันก่อนเธอบอกจะชวนใยไหมไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือ ร้านที่มีกากหมูให้เติมไม่อั้น เขาจึงเอามาเป็นตัวช่วย วิธีนี้เขาเคยใช้ง้อโฟกัสน้องสาวของเขามาแล้วซึ่งผลตอบรับก็ดีเกินคาดและรวดเร็วทันใจเขามาก "ไปชวนสาวๆ ของพี่สิ" ก็ชวนอยู่นี่ไง มันเขี้ยวหว่ะ "สามสิบคะแนน หายงอน" จากตั้งใจจะลบ กลับต้องบวกให้ซะอย่างงั้น "ห้าสิบถึงหาย" หึ รออยู่แล้วละสิ แต่มากไปรึเปล่าครับน้องพรีม มุมปากยกยิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของคนตัวเล็ก ว่าแต่เขา แต่คนที่ร้ายเงียบที่สุดคือเธอนี่แหละ เขาไม่ยอมรับปากตอบตกลงเธอง่ายๆ เลือกหันกลับไปจับพวงมาลัยมัดมือชกขับรถพาคนตัวเล็กไปหามื้อกลางวันอร่อยๆ อยู่ไม่ไกลกินแทนเพราะมีเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงก่อนเข้าเรียนช่วงบ่าย แถวมอก็พอมีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือให้เธอได้กินพอลองท้องก่อน ไว้วันหลังค่อยพาไปแก้มืออีกทีก็ไม่สาย "ห้าสิบคะแนนของพรีม พรีมไม่ลืมนะ" "...อืม"หลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ