"ไม่มีเรียนหรอคะ"
"มีบ่าย" ฉันถามคนตัวโตที่กำลังนั่งเหยียดขายาวพิงหัวเตียงเขียนไอแพดอยู่บนที่นอนของฉันราวกับเป็นห้องตัวเองอย่างไงอย่างงั้น หลายวันมานี้เขามักจะมานั่งเล่นนอนเล่นที่คอนโดของฉัน อย่างเมื่อคืนก็สะพายกระเป๋าเสื้อผ้ามานอนค้างที่นี่หน้าตาเฉย บอกว่า "แวะมาให้จีบ" ทำฉันอ้าปากค้างไปไม่เป็นทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนมองตาปริบๆ อย่างว่าละโอกาสที่เราจะได้เจอกันน้อยมาก จนตอนนี้คะแนนของฉันก็ยังเท่าเดิม 5.5 คะแนน "วันนี้พรีมมีถ่ายงานให้มหาวิทยาลัยนะ" ที่จริงวันนี้ฉันไม่มีเรียนหรอก แต่ทางสโมสรนักศึกษาติดต่อให้ฉันไปช่วยถ่ายคลิปสั้นแนะนำมหาวิทยาลัยและคณะที่เรียนทำหน้าที่ให้สมกับตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยคู่กับเดือนที่มาจากคณะนิเทศศาสตร์ซึ่งฉันมีโอกาสได้เจอและร่วมงานมาบ้างครั้งสองครั้ง และแน่นอนว่าฉันปฏิเสธงานนี้ไม่ได้ "อืม" เขาคงรู้อยู่แล้วสินะ อย่างว่าละไม่มีอะไรรอดสายตาประธานรุ่นอย่างเขาคนนี้ไปได้หรอก แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากบอกให้เขารู้ อยากแชร์เรื่องราวให้เขาฟังอยู่ดี และแอบหวังเล็กๆ ว่าวันนึงเขาจะแชร์โมเมนต์ต่างๆ ให้ฉันฟังมากกว่านี้เหมือนกัน "พรีมทำแซนวิชแฮมชีสไว้ มีอเมริกาโน่ด้วยนะ พี่เลนส์จะกินเลยมั้ยคะ" "กินในรถ" เขาบอกแค่นั้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินเข้าห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนสีดำที่เขาเตรียมมาพร้อม ส่วนฉันปลีกตัวออกมาเตรียมกล่องใส่แซนวิชที่ทำไว้และแก้วเก็บความเย็นที่มีกาแฟของเราสองคนใส่กระเป๋าผ้าไว้ไปกินพร้อมกันในรถตามที่เขาว่า แล้วกลับมาแต่งหน้าตัวเองต่อจะได้ไม่ต้องไปรบกวนให้พี่ทีมงานช่วยแต่งให้ แกร๊ก! "พี่เลนส์!" "ทำไมไม่ใส่เสื้อออกมาดีดีคะ" เสียงหวานดังโวยวายด้วยความตกใจ "ลืม" ทั้งๆ ที่เสื้อผ้าของเขาแขวนไว้ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าเนี่ยนะ ลืมยังไงก่อน? คนตัวโตยืนเช็ดผมอย่างสบายใจอวดแผงอกเปลือยเปล่าโชว์ลอนกล้ามแน่นๆ ทั้งตัวของเขามีเพียงผ้าขนหนูที่ถูกผูกไว้อย่างหมิ่นเหม่เท่านั้นดูไม่เขอะเขินเลยสักนิด เป็นคนน้องที่เป็นฝ่ายหันหน้าหนียืนหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศแทน จริงอยู่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นแถมยังนอนซบมาแล้ว แต่ใจก็ยังไม่ชินอยู่ดีคอยรู้สึกเขินอยู่ทุกครั้ง นี่เขาไม่ได้จงใจอ่อยกันใช่มั้ยนะ... "พะ พรีมไปรอข้างนอกนะ" ไม่ได้การละ ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไป เลือดกำเดาคงพุ่งเป็นแน่ คนตัวเล็กรีบคว้ากระเป๋าสะพายพาตัวเองหนีจากสถานการณ์นี้ออกไปนั่งรอเขาตรงโซฟาห้องนั่งเล่นพยายามหายใจเข้าหายใจออกลึกๆ ให้ใจที่เต้นแรงกลับมาคงที่ มือเล็กพัดใบหน้าแดงหวังช่วยลดอุณหภูมิที่มันเห่อร้อน รอไม่นานคนตัวโตก็ออกมาพร้อมกับใบหน้าเรียบเฉยเอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าของคนน้องและถุงผ้าที่มีมื้อเช้าของเขาและเธอไปถือไว้ ส่วนมืออีกข้างมีเพียงไอแพดสำหรับเข้าเรียนช่วงบ่ายเท่านั้น เสื้อผ้าและกระเป๋าที่เขาขนมาเมื่อคืนหน่ะเหรอ...ฝากไว้ที่นี่แหละ จะขนไปขนมาให้ยุ่งยากทำไมกัน "ถ่ายเสร็จกี่โมง" "น่าจะไม่เกินเที่ยงนะคะ" "อืม" ริมฝีปากได้รูปงับแซนวิชที่คนตัวเล็กคอยป้อน ส่วนมือของเขาคอยจับพวงมาลัยทำหน้าที่เป็นสารถีตอบแทนที่เธอตื่นมาทำอาหารเช้าและชงกาแฟให้ รวมถึงแบ่งที่นอนและให้เขาได้นอนกอดหมอนข้างนุ่มนิ่มด้วย อันที่จริงตั้งแต่เขาออกมาอยู่คอนโดมื้อเช้ากับเขาแทบจะไม่ได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ เพิ่งจะมาเริ่มทำความรู้จักกันอีกครั้งตั้งแต่มีเธอเข้ามานี่แหละ "ขอบคุณนะคะ" ผมเลือกขับรถอ้อมมาจอดด้านหลังอาคารสโมสรนักศึกษาเพื่อส่งคนตัวเล็ก เธอจะได้ไม่ต้องเดินไกลให้ร้อนเพราะมีทางเชื่อมเดินเข้าห้องสโมสรได้เลย "อุ้ย! พี่เลนส์คะ" ดูเหมือนเธอจะลืมอะไรบางอย่างสินะ "..." "อย่าลืมให้คะแนนพรีมนะ แซนวิชห้าคะแนน แล้วก็กาแฟสิบคะแนนค่ะ" และผมเดาไม่ผิด เธออยากได้คะแนนจากคนที่พาตัวเองมาให้เธอจีบถึงที่อย่างผม มีอย่างที่ไหนกัน "หึ กระโปรงสั้นลบสิบ" กระโปรงทรงเอถึงแม้จะไม่สั้นเท่าที่เคยเห็นจากคนอื่น แต่ขาเรียวขาวที่โผล่พ้นออกมาก็ชวนให้ผมรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย เธอเหมาะกับกระโปรงพลีทยาวคลุมเข่ามากกว่า เพราะงั้นขอหักคะแนนเป็นค่าน้ำมันซะหน่อยคงไม่เป็นไร "พี่เลนส์อะ บอกว่าไม่ให้ง่ายกว่ารึเปล่าคะ" และผลที่ได้คือท่าทางแสนงอนจากเธอที่เริ่มมีมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ตากลมโตมองขวางปากเล็กเชิดขึ้นจนผมอดยื่นมือไปบีบปากสีชมพูเบาเบานั่นไม่ได้ เชื่อเถอะ! ถ้าบอกว่าไม่ให้ก็จะกล่าวหาว่าผมใจร้ายเกินไปอีก "งอแง เดี๋ยวก็สาย" "อื้ม" หลังจากเธอก้าวขาลงจากรถไปด้วยท่าทางงอนๆ ผมก็ปรับเบาะถอยหลังเอนนอนพักสายตาสักหน่อย เพราะอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียน และคงอีกพักใหญ่กว่าไอ้ภัทรจะมาถึง ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะกระจกระรัวสร้างความหงุดหงิดให้กับคนที่กำลังเคลิ้มหลับอยู่บนเบาะหนังไม่น้อย ถ้าเดาไม่ผิดคนที่จะมาวุ่นวายแบบนี้ได้คงมีแต่ไอ้แฝดเท่านั้น เพราะไอ้ภัทรกับไอ้ตริติณไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ มือหนาที่ประสานแทนหมอนไว้ตรงท้ายทอยเลื่อนมากดปุ่มเปิดกระจกหน้าต่างให้พอเห็นหน้ากวนอารมณ์ของคนที่เขาทายไว้ในใจ พร้อมกับเลิกคิ้วมองหน้าอย่างรอคำถาม "มาจอดทำไมตรงนี้วะ" "นอน" "เมื่อคืนมึงไม่กลับห้อง?" แสดงว่าเดินไปเคาะห้องผมมาแล้ว แต่ถามกวนตีนผมไปอย่างนั้น ได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายให้กับความอยากรู้อยากเห็นของน้องตัวเอง ก่อนจะเลือกถามกลับไปแทนคำตอบ "มึงอะ มาทำไม" เป็นเด็กสโมฯ ก็ไม่ใช่ จะบอกว่ามีเรียนตึกนี้ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะฉะนั้น...จุดประสงค์หลักที่ทำให้ไอ้ฟิล์มมาเดินเตร่แถวนี้มีอย่างเดียวเท่านั้น "ส่องสาวดิวะ" "สนใจไปส่องกับกูป่ะ" "เออ กูเห็นน้องรหัสมึงแว็บๆ ด้วยหว่ะ" เห็นแว็บๆ คือเห็นว่าลงจากรถผมสินะ ถึงได้เดินมากวนประสาทอย่างนี้ "ไปป่ะ กูรู้จักคนข้างใน" โดนคะยั้นคะยอจนทนรำคาญไม่ไหว ผมเลยจำใจปรับเบาะกลับมาที่เดิม ก่อนจะหยิบไอแพดและพาตัวเองลงจากรถเดินไปทางห้องสโมสรนักศึกษาพร้อมกับน้องชายฝาแฝดท่ามกลางสายตาวิบวับของบรรดาสาวๆ ที่อยู่ระแวกนี้ แต่ไม่ได้สร้างความสนใจให้ผมเลยสักนิด เพราะสายตาคู่คมกำลังโฟกัสกับภาพตรงหน้า คนตัวเล็กที่พึ่งลงจากรถของเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เวลานี้กลับยืนให้ไอ้หน้าอ่อนใช้มือสากๆ จับผมนุ่มทัดหูท่าทางสนิทสนม ทำเขากัดฟันแน่นได้แต่ยืนข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้หลังจากที่ตัวเล็กเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ห้องที่ผมไม่สามารถเข้าไปด้วยได้ ทำได้เพียงแค่นั่งรออยู่หน้าประตูอย่างมีความหวัง พยายามเรียกสติของตัวเองกดโทรหาไอ้แฝดคนที่ผมคิดว่าเวลานี้น่าจะจัดการทุกอย่างแทนผมได้ ผมเล่าเหตุการณ์ให้แฝดฟังจนพอเข้าใจ และให้เป็นธุระไปส่งข่าวให้คุณพ่อคุณแม่ของพรีมทราบด้วยตัวเองจะได้คอยดูแลพวกท่าน รวมถึงจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไฟล์ทที่เร็วที่สุดและที่พักในเครือใกล้โรงพยาบาล พาขึ้นเครื่องบินมาพร้อมกัน แน่นอนว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับตัวเล็กสร้างความตกใจให้ท่านทั้งสองคนมาก ยิ่งคุณแม่ด้วยแล้วถึงกับเป็นลมไปหลายรอบ จนไอ้ฟิล์มต้องขอให้ท่านทั้งสองคนพักอยู่ที่โรงแรม ก่อนที่มันจะมาหาผมด้วยความเป็นห่วงและรู้สึกหน่วงในหัวใจ ที่เขาบอกว่า การมีพี่น้องฝาแฝด ความรู้สึกจะสื่อถึงกัน ถ้าอีกคนมีความสุข อีกคนจะสุขด้วย ถ้าอีกคนทุกข์ อีกคนก็ทุกข์ไม่ต่างกัน ผมว่าจริงนะ และเป็นแบบนี้ตลอดเวลาเกือบยี่สิบสี่ปี"ไอ้แฝด เป็นยังไงบ้างวะ""น้องยังไม่ฟื้น""มึงใจเย็นๆ" ไอ้ฟิล์มตบไหล่ปลอบใจเบาเบา ให้ผมพยายามตั้งสติ"กูว่า มึงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าหว่ะ" เพราะผมอยู่ในชุดนี้มาเกือบสามวัน ต
"ฝนจะตก" "พี่กูอยู่ไทย" "กวนตีน" ทุกวันอาทิตย์ครอบครัวของผมจะต้องรวมตัวกันที่บ้านใหญ่ เพื่ออัพเดตเรื่องราวในช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกัน จิบชายามบ่ายเป็นเพื่อนมามี๊และน้องโฟ ตีกอล์ฟเป็นเพื่อนป๊า ปิดท้ายวันด้วยการกินมื้อเย็นด้วยกันพร้อมหน้าแน่นอนว่าพี่คนโตของบ้านอย่างผมต้องกลับมาทุกครั้งที่อยู่ไทยเป็นประจำอยู่แล้ว เพียงแต่ไอ้แฝดชอบกวนประสาทให้ผมด่าเล่นเท่านั้นแหละ "น้องโฟคิดถึงพี่เลนส์มากเลย" น้องสาวคนสวยวิ่งลงมาจากบันได โผลเข้ากอดคอผมอย่างออดอ้อน ทำผมเอ็นดูจนหันไปกดจมูกลงผมหนาเบาเบา "หึ พี่ก็คิดถึงน้องโฟ""แล้วพี่ละหมูอ้วน" "น้องโฟเจอพี่ฟิล์มบ่อยแล้วนี่นา" "หึ" "น่าน้อยใจมั้ย" เราสามคนพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องทั่วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นระหว่างรอป๊าพามามี๊ลงมาจากห้องนอน ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนฟังไอ้แฝดถามน้องโฟมากกว่า น้องสาวของเราสองคนเป็นเด็กน่ารักมากแลพก็พูดเก่งมากเช่นกัน เธอเป็นเหมือนความสดใสของบ้านเราเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าคนที่จะมาดูแลน้องไปทั้งชีวิตจะต้องผ่านการคัดเลือกจากผมและไอ้ฟิล์มมาแล้ว คัดเลือกและดูความประพฤติมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ แต่ต้องขึ้นอยู่ว่าน้องจะยอมให้ดูแลด้วยรึป่
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่พี่เลนส์ทำงานอยู่ไทยเพราะสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาบินมาทำงานที่นี่และอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบหกเดือนเจ้าของสายการบินอย่างเขาก็บินไปบินกลับระหว่างไทยกับอเมริกาเป็นว่าเล่น อยู่ไทยสองสัปดาห์ อีกสองสัปดาห์บินมาอเมริกาสลับไปอย่างนี้และช่วงเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกเหงาหรือว่าห่างกันเลยสักนิดถึงเวลาเราจะไม่ตรงกันเลยแต่เขาก็จะรอฉันตื่นแล้ววิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บางวันถ้าฉันเข้านอนแล้วเขาก็ให้เปิดกล้องทิ้งไว้ส่วนเขาก็นั่งทำงานคอยมองฉันเงียบๆ ไม่ส่งเสียง"ไม่ใส่สร้อย?""พรีมกลัวตกหาย""กลัวคนรู้ว่ามีแฟน?""พบคนงอนหนึ่งอัตราแล้วน๊าา"อย่างตอนนี้ฉันกำลังแต่งตัวไปเรียนส่วนเขาก็กำลังเข้านอน แต่สั่งให้เปิดกล้องอยากจะดูว่าฉันใส่ชุดอะไรไปเรียนเรียบร้อยถูกใจเขาหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีสไตลิสต์ส่วนตัวคอยช่วยเลือกเสื้อผ้าให้เลย ที่สำคัญสิ่งที่ขาดไม่ได้และเขาจะงอแงทุกครั้งถ้าฉันไม่ใส่ก็คือสร้อยคอที่มีตัวย่อ 'PL' ชื่อของเราสองคนที่เขาให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ฉันสอบทุนได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบหรือไม่อยากใส่หรอกนะ แต่เขาหน่ะชอบคิดไปไกล
"ตัวเล็ก" "คะ" แก้มนุ่มแดงราวกับลูกสตอเบอร์รี่พยายามหลบสายตาคู่คมที่มองไม่ห่าง"พี่ไม่อยากเป็นแฟนตัวเล็กแล้ว" ตากลมโตฉายความสงสัยปนความน้อยใจมาเห็นให้อย่างปิดไม่มิด ทั้งๆ ที่เขาพึ่งจูบสูบวิญญาณฉันไปแท้ๆ หน่ะหรอ"อยากเป็นผัวเลย" "ได้มั้ย" แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ความน้อยใจอยู่กับฉันนาน เสียงที่แหบพร่าบอกความต้องการของตัวเองพร้อมกับแววตาออดอ้อนแฝงความเอาแต่ใจจนทำให้ฉันรู้สึกหวามไหวมวนท้องไปหมดอยากจะมุดหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ใจดันคิดสวนทางกันนี่แหละ"เดี๋ยวก็ลบหนึ่งร้อยเลยนี่" ฉันเลยสู้โดยการเลียนแบบเขาที่จ้องแต่หาเรื่องมาหักคะแนนกัน ติดลบไปเลย ดูซิ! จะยังกล้าเล่นกับใจฉันอยู่มั้ย"ยอม"ปากร้อนฉกจูบลงมาที่ปากของฉันอีกครั้งโดยไม่รอให้ฉันอนุญาติเหมือนครั้งก่อน จูบของเขาครั้งนี้มันทั้งดูดดื่มทั้งเอาแต่ใจทั้งเจ้าเล่ห์คอยหลอกล่อให้ฉันเผลอไผลจนเขาสามารถรุกล้ำเข้ามาได้อย่างง่ายดายเขาพาฝูงผีเสื้อมาบินเล่นในร่างกายของฉัน"อะ อื้อ" ฉันไม่รู้ว่าเผลอตัวปล่อยใจไปกับรสจูบของเขานานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีเดรสตัวยาวที่ฉันใส่ก็ร่นขึ้นมากองอยู่บนหน้าท้องแบนราบ มือหนาลูบแผ่วเบาวนไปมาตามผิวเนียนลื่นบริเวณต้
"ทำไมมึงรีบบินจังวะ" "นัดลูกค้า" "นัดลูกค้า อาทิตย์หน้าไม่ใช่?""กูไม่ต้องเตรียมตัว?" "ปกติมึงไม่ไปล่วงหน้านานขนาดนี้" ไอ้แฝดพูดถูก ปกติถ้ามีงานผมจะบินไปล่วงหน้าอย่างมากคือสองวันเพราะมีเรียน แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว และมีใครบางคนรออยู่ที่นั่นผมจึงรีบเดินทางไปตามที่รับปากเธอเอาไว้ วันนี้เลยให้แฝดทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาผมมาส่งที่สนามบิน แต่ก็ลืมคิดไปว่า...ไอ้ฟิล์มมันพูดมาก เลยเลือกเปิดเพลงที่เราชอบเหมือนกันคลอเบาเบาเป็นการบอกทางอ้อมให้น้องรักหยุดพูด ซึ่งก็ได้ผลเพราะตอนนี้ไอ้แฝดกำลังร้องเพลงสบายอารมณ์ไปพร้อมกับเพลงที่เปิดให้ได้ยิน"ถึงแล้วแชทบอก" "ครับคุณน้องชาย" "ค่อยว่านอนสอนง่ายสมกับเป็นแฝดกูหน่อย" ไม่รู้ไอ้ฟิล์มมันกวนตีนเหมือนใคร? ผมใช้เวลากว่ายี่สิบชั่วโมงบนเครื่องบินที่มีที่นั่งส่วนตัวของผมโดยเฉพาะสามารถปิดที่กั้นเป็นห้องมีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและปรับที่นั่งเป็นที่นอนได้สบายเลยทำให้ผมได้พักสายตาเต็มอิ่ม มีแรงพอพาเธอไปเดินเที่ยวได้ทันทีที่ไปถึงส่วนที่พัก ผมก็แอบเช่าห้องฝั่งตรงข้ามห้องของเธอเอาไว้แบบไม่มีกำหนดโดยที่เธอไม่รู้ เพราะเธอยื่นคำขาดไม่ให้ผมนอนห้องเดียวกั
ป๊อก!"โอ๊ย! พรีมเจ็บนะ" นิ้วเรียวยาวดีดลงบนหน้าผากมนไม่เต็มแรงนัก แต่ก็พอให้คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บและเป็นรอยแดง จนตาคู่คมไหววูบอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆ เป่าเบาเบาตรงรอยแดงเป็นการไถ่โทษ"คิดเองเออเอง" เสียงทุ้มแอบบ่นคนบนตักแกร่งเบาเบาอย่างลืมตัว"..." "หึ" ทำตากลมโตมองตาขวางพองขนขู่จนทำให้ผมเริ่มรู้สึกกลัว รีบอธิบายเคลียร์ตัวเองแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าที่เธอเข้าใจทั้งหมด...ผมถูกเธอกล่าวหา ผมกับมินินเป็นเพียงเพื่อนสนิทกันเท่านั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้ ที่ผ่านมาใช่ว่าผมกับเพื่อนจะไม่เคยได้ยินข่าวลือที่คนอื่นต่างจับคู่ให้เราสองคน และเป็นไอ้ตริติณที่ถือโอกาสนี้ใช้ผมเป็นไม้กันหมาไม่ให้ใครเข้ามาจีบน้องตัวเองได้ ซึ่งผมก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่ตอนนี้ ต่างจากตอนนั้น..."พี่ยังไม่มีแฟน""แต่กำลังจะมี" "จิ๊ ปล่อยพรีมเดี๋ยวนี้เลย" แต่ดูเหมือนจะทำให้ลูกเสือโกรธมากกว่าเดิมสินะ สองแขนแกร่งจึงต้องออกแรงกระชับแขนกอดเธอให้แน่นขึ้น จนแทบอยากให้เธอละลายเข้าไปอยู่ในตัวจะได้ไม่หนีหายไปไหน"ไม่อยากรู้หรอว่าใคร" "เรื่องของพี่ค่ะ เพราะพรีมไม่ได้จีบพี่แล้ว" คนแสนงอนทำหน้าบึ้งตึงยืนกรานว่าเธอ