ANMELDEN“ไข่มุกทะเลลึกทิศประจิม แหล่งสะสมพลังเทพชั้นเลิศ เรียกได้ว่าเป็นขุมพลังใหม่ไม่ต่างจากเทพผู้ถือกำเนิดในเทวโลกจากลูกแก้วแห่งชีวิต เจ้ารีบส่งไข่มุกมาให้ข้า...” สิ้นคำ ฝ่ามือหนาผายออกเรียกมุกสีขาวจากกระเป๋าขององครักษ์ ฮุ่ยเฟินเข้าใจว่าอีกฝ่ายมีความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเขามากเพียงใด ต่างเอาแต่มองหน้ากันบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมให้เขาได้ครอบครองไข่มุกชิ้นนี้ง่ายดายนัก ทว่าเขาไม่คิดประวิงเวลาเฝ้ารอให้องครักษ์ยื่นสมบัติเทพให้แต่โดยดี ชิงมันมาไว้ในฝ่ามือขวา ก้มหน้าลงมองหาสัตว์เลี้ยงตัวโปรด
“ลำพัง... พลังของข้าไม่เพียงพอจะทำให้เทพปรากฏตน ต้องขอบคุณท่านย่าจริง ๆ ข้าจึงเรียนรู้วิธีควบคุมพลังแห่งหยาง”
ไข่มุกทะเลลึกทิศประจิมทอประกายตามฝ่ามือที่ผายออก มิได้มีผู้ใดล่วงรู้แผนการของนายท่าน
ปักษาที่จิกกรงเล็บแน่นบนเสื้อสีนิลรับรู้ถึงภัยมาเยือน นางสบประสานสายตาเข้ากับนัยน์ตาสีชาดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ครู่นั้น แสงจรัสจ้าซัดใส่นางหล่นตุบลงพื้น
สตรีใบหน้างามหมดจดในอาภรณ์สีขาวสะอาดสะอ้าน เปิดเผยแววตาหวาดหวั่นพรั่นพรึง ต่อหน้าราชาจิ้งจอกผู้กำลังจ้องมองนางด้วยท่าทางพึงใจ เขี้ยวคมปรากฏตรงมุมปากหนาหยักได้รูป คล้ายจะยิ้มก็ไม่ได้ยิ้มเสียทีเดียว เขาทำให้นางยิ่งหวาดกลัว เมื่อส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน
“เป็นอย่างที่ข้าคิด... เผ่าพันธุ์ปักษาในเมืองเทพล้วนมีนัยน์ตาสีมรกต”
“ท่าน... รู้หรือ?”
“รู้...”
ฮุ่ยเฟินสังหรณ์ใจตั้งแต่คราแรกสบตานางในโคลนพิษ ยามนี้เขายังคงเฝ้ามองแก้มแดงซ่านของเทพธิดา ริมฝีปากบางกระจับอมแดงอมชมพู นางแลดูไร้เดียงสาไม่ใคร่เหมือนสตรีในเมืองปีศาจ นางมีตราเทพกลางหน้าผาก วาดด้วยพู่กันสีชาด อักขระงดงามคล้ายปีกปักษา รอบกายอรชรมีพลังแห่งไข่มุกทะเลลึกไหลวนดังนทีใสสะอาดในมหาสมุทรห่อหุ้มร่างมัจฉา
“...งดงามกว่าที่ข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานจากท่านย่า ความงามของเจ้าห่างไกลอยู่มากนัก”
ฮุ่ยเฟินยังคงเฝ้ามองปักษาด้วยแววตาหลงใหล ขณะนัยน์ตาสีมรกตงดงามส่ายมองไปยังบุรุษร่างกำยำ พุ่งเข้ามาห้อมล้อมนางอย่างพร้อมเพรียง
เหล่าพลทหารจิ้งจอกมีจำนวนมากมหาศาลเท่ากองทัพยิ่งใหญ่บนสวรรค์ ทหารระดับสูงถือกระบี่ นายพลจิ้งจอกแยกคมเขี้ยวขู่ฟ่อ กางเล็บสีนิลที่เต็มไปด้วยไอสังหาร ประหนึ่งนางเป็นนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ผู้จะต้องได้รับการจับกุมตัวไปลงทัณฑ์ กระทั่งฝ่ามือหนายกขึ้นปราม
“ห้ามมิให้ใครทำร้ายเจ้าปักษาน้อยของข้าทั้งสิ้น”
รอยยิ้มของฮุ่ยเฟินนั้นน่ากลัวอย่างถึงที่สุด ก้มหน้าลงมองศัตรูผู้บุกรุกเข้าประชิดกายเขาอย่างอุกอาจ พำนักอาศัยข้างกายจ้าวนครจิ้งจอกมานับสิบราตรี
“เจ้าชื่ออะไร?”
“พวกเขาเรียกข้า จือจือ”
แววตาหยิ่งทะนงหลุบลงมองพื้น เมื่อเจรจากับราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนจิ้งจอก นางเป็นเทพเพียงผู้เดียว รายล้อมด้วยปีศาจนับพันนับหมื่นตน หากให้เปรียบเทียบแล้วนางอาจเป็นผู้กล้าหาญในดงโจรป่าก็ว่าได้
“จือจือ ชื่อของเจ้าช่างไพเราะ ใบหน้าของเจ้าแสนงดงามอ่อนหวาน เหมาะสมคู่ควรตำแหน่งธิดาปักษา เจ้าคงเปี่ยมด้วยพลังเวทจึงสามารถอำพรางตนจากจิ้งจอกระดับสูงได้โดยไม่มีผู้ใดสงสัย นับว่าเจ้าฝีมือเก่งฉกาจ...”
“หามิได้เจ้าค่ะ ท่านราชาจิ้งจอกผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเยินยอข้ามากไป...”
“ไม่มากไป ไม่เกินงาม เว้นเสียแต่เรื่องที่เจ้านอนเคียงข้างกายข้ามาร่วมสิบราตรี เจ้ากินนอนกับข้า หากไม่ตบแต่งให้เป็นเรื่องเป็นราว คงไม่งาม”
“ข้าไม่ถือสา ไม่เป็นไร ๆ ข้าลา บุญคุณของท่านฮุ่ยเฟิน ราชาจิ้งจอกนิลผู้ยิ่งใหญ่ จือจือไม่มีวันลืม จะกลับมาตอบแทนท่านในสักวัน”
ฮุ่ยเฟินเอียงคอ เลิกคิ้วขึ้นถลึงตามองเจ้าปักษาในร่างสตรีผู้ซึ่งต้องตาต้องใจเขาไม่น้อย ถึงนางจะตั้งกลอุบายหลอกลวงให้เขาตายใจว่านางเป็นปักษาบาดเจ็บที่น่าเวทนา
ธิดาปักษาโบกมือไปมา เกือบอันตรธานตนไปด้วยขุมพลังของไข่มุกทะเลลึกทิศประจิม ฉับพลันนั้น บุรุษร่างกำยำพุ่งเข้าจับคอด้วยกรงเล็บสีนิลทั้งห้า
เฉกเช่นคราแรกพานพบสบตาราชาจิ้งจอกผู้นี้อย่างไร ลำคอขาวสะอาดในกำมือปีศาจนั้นเป็นเช่นเดียวกัน
หางทั้งเก้าพลิ้วไหวเบื้องหลังร่างสูงสง่า ฝ่ามือหนากำลำคอเพรียวระหงอย่างไร้ความปรานี เขาจับนางแน่นเสียจนโลหิตไหลซึมออกมาตามซอกเล็บสีนิล
พลังเทพจากไข่มุกแตกกระจายเป็นเศษเสี้ยว คงเหลือเพียงไอปีศาจ ใต้จันทรากลมโตสีโลหิต สตรีเทพปัดป่ายมือไปมา ร้องขอชีวิตจากเจ้าของแววตาเกรี้ยวกราด ที่เปล่งประกายจรัสจ้า
ในเมืองปีศาจจึงไม่มีผู้ใดได้วาดกระบี่ ลุกขึ้นต่อสู้จับกุมเทพผู้รุกล้ำเขตแดนปีศาจ ทันทีที่คมเขี้ยวจิ้งจอกฝังลงบนผิวขาวผ่องงามเหนือบ่าซ้าย พิษกระจายไปทั่วร่างดิ้นทุรนทุรายในพันธนาการราชาจิ้งจอก
ฮุ่ยเฟินประกาศศักดาต่อฟ้าดิน เบื้องหน้าเหล่าลูกสมุนปีศาจ ทั่วทุกสารทิศในใต้หล้าเปี่ยมด้วยไอปีศาจมากมหาศาล ละอองเวหาสีนิลสลับสีชาดแผ่ไพศาล
สายตาทุกคู่มองเห็นกลุ่มเมฆาสีนิลชาด ราวกับว่าเพลิงพิโรธได้ครอบคลุมไปทุกแห่งหน ด้วยน้ำมือของราชาจิ้งจอก เหล่าพลทหารส่งเสียงตะโกนโห่ร้องสรรเสริญ สยบต่ออำนาจของบุรุษผู้นี้
“ราชาฮุ่ยเฟิน!”
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







