“พี่ไม่ได้เป็นอะไร เธอกลับไปได้ละ”
“แต่บัวเป็นห่วงพี่นะคะ” “กอบัว” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้แข็งกระด้างจนเกินไปนัก เมื่อหญิงสาวตรงหน้าไม่ยอมฟังคำไล่ของเขา เธอยังยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมขยับเขยื้อนด้วยสายตาห่วงใยที่เขาเองก็รับรู้ได้ดี เขารู้…ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน เพราะตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยห่างจากเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว “บัวกลับก็ได้ค่ะ แต่พี่สัญญากับบัวได้มั้ยคะ…” เสียงของเธออ่อนลงพร้อมกับยื่นมือไปจับมือเขาขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มไม่ได้ขัดขืน เขาเพียงแค่ยืนนิ่ง ปล่อยให้เธอกุมมือเขาไว้แบบนั้น เพราะยังไงเธอก็กำลังจะไปแล้ว…ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องใจร้ายใส่เธอในวินาทีสุดท้าย “…ว่าพี่จะไม่ทำร้ายตัวเองอีก” คำพูดของเธอแทงลึกเข้าไปในหัวใจชายหนุ่มทันที เขาขบริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ยเสียงแข็งขึ้นมา แม้ไม่อยากพูดเช่นนั้นเลยสักนิด “เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับเธอกอบัว กลับไปได้แ––” กึก! เสียงบางอย่างดังขึ้นขัดจังหวะประโยคนั้นทันที ทั้งสองหันขวับไปตามต้นเสียงโดยอัตโนมัติ ขณะที่มือของกอบัวยังจับมือเขาไว้แน่นอย่างเดิม “เจส!!” เสียงเขาเรียกด้วยความตกใจทันทีเมื่อเห็นเจสสิก้ายืนอยู่ตรงทางเดิน ในชุดนอนบางเบาท่ามกลางความเงียบสงัดของยามค่ำคืน ภาพที่เธอเห็นคือชายหญิงสองคนอยู่กันตามลำพังในห้องรับแขก และมือที่กอบัวจับชายหนุ่มไว้เช่นนั้น…มันคงมีความหมายบางอย่างโดยไม่ต้องอธิบาย ชายหนุ่มรีบดึงมือออกจากกอบัวในทันที เขาเดินตรงไปยังหญิงสาวที่ยืนนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล และรีบร้อนจะอธิบายให้เธอเข้าใจ “เจส…มันไม่ใช่แบบที่หนูเห็นนะ…” เขารีบร้อนพูดออกมาด้วยความร้อนรน กลัวเหลือเกินว่าเธอจะเข้าใจผิด เพราะนั่นคือสิ่งเดียวที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย เขาจ้องหน้าเธออย่างเว้าวอน ในขณะที่ใบหน้าของอีกคนกลับเรียบเฉยจนยากจะเดาอารมณ์ “แล้วคุณมาบอกฉันทำไม ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรคุณนี่ คุณอยากจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ ไม่ต้องมาสนใจฉัน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” “ไม่เอาแบบนี้สิ…” “ฉันแค่ลงมากินน้ำ ขอตัวนะคะ” “เจส…” ก่อนที่เธอจะเดินจากไป ไม่ลืมที่จะหันกลับไปจ้องมองกอบัวที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเย็นเยือก ราวกับใบมีดคมกริบที่กรีดผ่านความรู้สึก ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ทิ้งให้ปอร์เช่ยืนนิ่งกับคำพูดของเธอที่ทำเอาหัวใจเขาแทบแตกสลาย “พี่เช่…พี่ก็เห็นแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้รักพี่เลย…” “เธอกลับไปได้ละ” ปอร์เช่พูดโดยไม่หันมามองหญิงสาวข้างหลังแม้แต่นิด แถมนํ้าเสียงของเขาต่างไปจากที่พูดกับเจสสิก้าเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง… “ทำไมพี่ไม่ตัดใจจากเธอสั––” “กอบัว! อย่าให้พี่ต้องใจร้ายกับเธอ!!!” “ค่ะ…” กอบัวชะงักทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นอย่างชัดเจนของเขา เธอรู้ว่ามันคือสัญญาณสุดท้ายของความอดทนที่เขามีให้กับเธอ และเธอเองก็ไม่ต้องการจะผลักเขาไปไกลกว่านี้อีกแล้ว หญิงสาวหันหลังเดินจากไปเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีกสักคำ “นี่หนู…ไม่แคร์พี่แม้แต่นิดเลยเหรอ…” เขาพึมพำเบาๆ กับตัวเอง สายตาจับจ้องไปยังห้องครัวที่คนตัวเล็กเพิ่งเดินเข้าไป ไม่ได้คาดหวังคำตอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้คำตอบใดๆ ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่แบบนั้นทบทวนคำพูดของเจสสิก้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะถอนหายใจและเดินขึ้นห้องไปเงียบๆ “ฉันอยากจะรู้จริงๆ…ว่าคุณจะทนกับฉันได้ไปอีกนานแค่ไหน…ฉันจะทำให้คุณเจ็บ…ปอร์เช่” หญิงสาวที่เพิ่งเดินออกมาจากครัว เฝ้ามองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่หายขึ้นไปบนชั้นสองพร้อมรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด เธอพึมพำเบาๆ กับตัวเอง จากนั้นก็เดินตามขึ้นไป แกร๊ก–– เมื่อประตูเปิดออก สิ่งที่เธอเห็นคือชายหนุ่มนั่งกระดกไวน์อยู่ปลายเตียง เขาจ้องมองเธอด้วยสายตานิ่งงัน ไม่เหมือนเดิม ไม่มีความเศร้า…ไม่มีความโหยหา มีเพียงความเย็นชาแปลกประหลาดที่เธอเองยังไม่กล้าจะอ่านมันให้ขาด “ฉันจะไปนอนห้องอื่น” เกร๊ก! เขาวางแก้วลงทันที แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก้าวเข้ามาหาเธอ คนตัวเล็กรีบถอยหลังโดยอัตโนมัติไปทีละก้าว สายตาคมเต็มไปด้วยบางอย่างที่ทำให้เธอไม่กล้าสบตา จนกระทั่งแผ่นหลังเนียนถอยไปจนชนเข้ากับโต๊ะใหญ่กลางห้อง มือหนาทั้งสองทาบลงข้างกาย ล็อกเธอเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีได้อีก “ทำไม…รังเกียจพี่มากรึไง” น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวดปนโมโห กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยฟุ้งออกมาจากลมหายใจของเขา “ใช่! ฉันรังเกียจคุณ…แล้วก็รังเกียจมากด้วย!” เธอพูดออกมาด้วยความตั้งใจจงใจจะทำร้ายจิตใจเขาให้มากที่สุด เธอสบสายตาเขาแน่วแน่ พูดมันออกมาทั้งที่หัวใจก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน แต่เธอ…อยากชนะ อยากให้เขารู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นอย่างไร “เสียใจด้วย…เพราะหนูจะได้อยู่กับคนที่หนูรังเกียจไปตลอดชีวิต!” เขาพูดพร้อมกับยกมือใหญ่มาลูบใบหน้าเล็กของเธอเบาๆ ขณะที่สายตายังจ้องเธอไม่กะพริบ “ไม่มีทาง!” หญิงสาวตะโกนก่อนจะผลักอกแกร่งเต็มแรง แต่ร่างสูงกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย มือเล็กปัดมือลูบหน้าของเขาออกอย่างแรง “ฉันจะไปนอนห้องอื่น!” “ห้องอื่นเต็มหมดแล้ว” “คุณล้อเล่นรึเปล่า? บ้านตั้งใหญ่แต่ไม่มีห้อง? ได้! ฉันจะไปนอนกับแม่บ้านก็ได้!” เธอดิ้นหนี แต่เขากลับรัดเธอไว้แน่นกว่าเดิม “อย่าดื้อ นอนนี่แหละ…” ชายหนุ่มพูดจบก็ก้มลงอุ้มเธอขึ้น ก่อนจะพาร่างเล็กไปวางบนเตียงอย่างเด็ดขาด“เจอข้อมูลอะไรบ้างรึยังครับ” “ยังเลยจ่ะลูก ข้อมูลมันปิดแน่นมาก เราพยายามหาลึกที่สุดแล้ว” สีหน้าวิตกกังวลของผู้เป็นคนในครอบครัวที่เมื่อรู้ข่าวว่าลูกสาวสุดที่รักถูกลักพาตัวไป ไม่มีแม้แต่วี่แววของเธอให้ได้เบาะแสสักนิด รวมถึงอเล็กซ์ ชายหนุ่มที่เพิ่งได้หมั้นหมายกับหญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจ แต่ยังไม่ทันจะง้อเธอให้สำเร็จ เรื่องบ้าๆ นี่ก็เกิดขึ้นก่อนเสียแล้ว “ผม…ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มผู้แบกสีหน้าเศร้าหมองเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะยกมือไหว้ผู้สูงวัยตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด เขาไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้ หากตอนนั้นเขาไม่ปล่อยให้เธอไปคนเดียว ถ้าเขาอยู่กับเธอ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น “มันไม่ใช่ความผิดเราหรอก อเล็กซ์ ไม่ต้องรู้สึกผิด อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด” “ครับ…” ถึงแม้ผู้สูงวัยตรงหน้า ผู้ที่เขานับถือเหมือนกับมารดาคนหนึ่งจะไม่ได้โกรธหรือโทษเขาเลยสักนิด แต่น้ำใจอันอบอุ่นนั้นกลับยิ่งทำให้อเล็กซ์รู้สึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม —————————— “นี่คุณ! ฉันอยากไปช็อปปิ้ง!” “ไม่ได้” “ฉันไม่หนีหรอกน่า ให้ฉันไปเถอะ” ใครมันจะไปเชื่อกันล่ะ หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมเกินตัว สมองของเธอคงไม่เล็กเหมือนรูปร
“พี่ไม่ได้เป็นอะไร เธอกลับไปได้ละ” “แต่บัวเป็นห่วงพี่นะคะ” “กอบัว” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบ พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้แข็งกระด้างจนเกินไปนัก เมื่อหญิงสาวตรงหน้าไม่ยอมฟังคำไล่ของเขา เธอยังยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมขยับเขยื้อนด้วยสายตาห่วงใยที่เขาเองก็รับรู้ได้ดี เขารู้…ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน เพราะตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยห่างจากเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว “บัวกลับก็ได้ค่ะ แต่พี่สัญญากับบัวได้มั้ยคะ…” เสียงของเธออ่อนลงพร้อมกับยื่นมือไปจับมือเขาขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มไม่ได้ขัดขืน เขาเพียงแค่ยืนนิ่ง ปล่อยให้เธอกุมมือเขาไว้แบบนั้น เพราะยังไงเธอก็กำลังจะไปแล้ว…ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องใจร้ายใส่เธอในวินาทีสุดท้าย “…ว่าพี่จะไม่ทำร้ายตัวเองอีก” คำพูดของเธอแทงลึกเข้าไปในหัวใจชายหนุ่มทันที เขาขบริมฝีปากแน่นก่อนจะเอ่ยเสียงแข็งขึ้นมา แม้ไม่อยากพูดเช่นนั้นเลยสักนิด “เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับเธอกอบัว กลับไปได้แ––” กึก! เสียงบางอย่างดังขึ้นขัดจังหวะประโยคนั้นทันที ทั้งสองหันขวับไปตามต้นเสียงโดยอัตโนมัติ ขณะที่มือของกอบัวยังจับมือเขาไว้แน่นอย่างเดิม “เจส!!” เสียงเขาเรียกด้วยความตกใ
“บอสครับ…ผู้ชายที่คุณเจสกลับมาด้วย คือคู่หมั้นเธอครับ” “…อืม สืบว่ามันเป็นใคร” “ครับ” เสียงฝีเท้าของลูกน้องคนสนิทเงียบหายไปพร้อมกับประตูที่ปิดลง บรรยากาศในห้องทำงานหรูหรากลับเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วหนักของชายหนุ่มร่างสูงที่เอนพิงพนักเก้าอี้หนัง เขาหลับตาลงเล็กน้อย คล้ายพยายามกลั้นความเหนื่อยล้าและความอัดอั้นบางอย่างที่กำลังตีวนในอก มือหนาหยิบขวดไวน์ราคาแพงขึ้นจากโต๊ะ รินลงในแก้วคริสตัลเพียงครึ่ง ก่อนจะกระดกขึ้นดื่มราวกับต้องการให้แอลกอฮอล์ช่วยกลบความรู้สึกบางอย่างในใจให้เงียบงันลง “คู่หมั้นงั้นเหรอ…” เสียงทุ้มต่ำพึมพำแผ่วเบาอย่างเหม่อลอย ขณะสายตายังคงจับจ้องภาพตรงหน้าโดยไร้จุดโฟกัส แกร๊ก… เสียงเปิดประตูดังขึ้นอย่างไร้มารยาท พร้อมกับร่างเล็กของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจเขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด เธอโวยวายเสียงดังทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง “ปล่อยฉันออกไป!!” ชายหนุ่มหันไปมองเธอเพียงแผ่วเบา ไม่ได้ลุกขึ้นและไม่ได้ตอบโต้อะไร ยังคงนิ่งงันอยู่ตรงนั้นเหมือนไม่ได้รับรู้ต่อเสียงตะโกนใดๆ “ฉันบอกให้ปล่อยฉันออกไป!!” เสียงเธอดังขึ้นอีกครั้ง “พี่
ประเทศไทย “สุดท้ายฉันก็ต้องยอมทำตามคำขอของคุณย่าสินะ…เฮ้อ…ชีวิตต้องมาหมั้นกับรักแรก…” หญิงสาวพึมพำเบาๆกับตัวเอง พลางถอนหายใจขณะเดินลงจากเครื่องบิน ใบหน้าสะสวยดูเบื่อหน่าย มือเรียวโอบอกตัวเองแน่นเล็กน้อยเมื่อเจอกับลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศในสนามบิน ข้างกายไม่มีสัมภาระอะไรนอกจากกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กเท่านั้น ส่วนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สามใบ เธอมอบให้ใครอีกคนลากตามอยู่ด้านหลัง ไม่ใช่บอดี้การ์ด ไม่ใช่คนขับรถ และไม่ใช่ลูกน้อง…แต่เป็น “อเล็กซ์” คู่หมั้นของเธอเอง “ดีใจจังครับ…ได้เป็นรักแรกของพี่” !! เสียงกระซิบจากด้านหลังทำเอาหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เธอเบือนหน้ากลับไปเล็กน้อยเพื่อมองเขา ทว่าไม่ได้ตอบอะไรในทันที “เหอะ! ก็แค่รักแรก ไม่ได้แปลว่าจะได้เป็นรักสุดท้ายซะหน่อย” “…” อเล็กซ์เงียบลงทันที ดวงตาคมหลุบต่ำไปเล็กน้อย ราวกับคำพูดนั้นเป็นเข็มที่ปักลงกลางใจ หญิงสาวเองก็รู้สึกถึงความรู้สึกผิดบางอย่างแวบเข้ามาในใจ รู้ว่าเธอพูดแรงไป…แต่จะขอโทษตอนนี้ก็คงดูแปลก จะกลืนคำพูดคืนก็ทำไม่ได้เช่นกัน เธอจึงได้แต่ปล่อยให้มันค้างอยู่อย่างนั้น “ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” เขายื่นกระเป๋าให้การ์ดข้างหล
สหรัฐอเมริกา “ข่าวเด็ดสดๆใหม่ๆค่ะคุณผู้ชม! ประธานแห่ง K กรุ๊ป ผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปี กลับสามารถสร้างอิทธิพลในแวดวงธุรกิจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ประเด็นร้อนที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องอิทธิพลของคุณปอร์เช่นะคะ แต่เป็นเรื่องของหัวใจค่ะ! ใช่แล้วค่ะ ภาพหลุดของคุณปอร์เช่กับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังหน้าใหม่อย่างคุณกอบัว กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล! หลายคนกำลังลุ้นกันว่า หรือทั้งคู่จะแอบคบหากันอยู่จริงๆ!?” หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งฟังข่าวจากอีกซีกโลกผ่านไอแพดในมือ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาทั้งคมและเย็นชาราวกับรู้อะไรมากกว่าที่ใครคิด “หึ…คบกันงั้นเหรอ…น่าสนใจดีนี่” “คุณหนูเล็กคะ คุณท่านให้มาตามให้ไปรับประทานของว่างค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นจากหน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวเจสลงไปค่ะ” ⸻ ด้านล่างคฤหาสน์ “มาเร็วสิหลานรัก ย่าทำของโปรดไว้ให้เพียบเลยนะจ๊ะ” มาเดลิน ผู้เป็นย่าเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ขณะหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เจสสิก้ารีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยของว่างหน้าตาน่ารับ
ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียงเบรกของรถหรูดังขึ้นเบาๆ หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เอี๊ยด~ รถยนต์คันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์สุดหรู ก่อนที่ประตูหน้าจะเปิดออกพร้อมร่างสูงในชุดสูทดำของบอดี้การ์ดคนสนิท เขาก้าวเท้าไปยังประตูหลังด้วยท่วงท่าสง่างามและมั่นคง ก่อนจะเปิดมันออกอย่างสุภาพเพื่อรับหญิงสาวคนสำคัญ ขาเรียวยาวของหญิงสาวเหยียบลงจากรถทีละข้างอย่างเรียบหรูร่างของเธอปรากฏพร้อมกับเสื้อผ้าสุดหรูดูมีระดับ และทันทีที่คนตัวเล็กก้าวลงมาเต็มตัว ชายชุดดำก็ก้มศีรษะทำความเคารพด้วยความนอบน้อม “หลานรักของย่า~~~” เสียงหญิงชราเอ่ยขึ้นอย่างเปี่ยมสุข รอยยิ้มอบอุ่นของท่านปรากฏอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ผู้เป็นย่ายืนกางแขนออกพร้อมต้อนรับหลานสาวที่ตนรักสุดหัวใจ “คุณย่า!!” หญิงสาวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างอันอบอุ่นของย่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งสองสวมกอดกันแน่นราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน “คิดถึงที่สุดเลยหลานรักของย่า” “หนูก็คิดถึงคุณย่ามากกกกเลยค่ะ” เสียงใสๆ ที่แฝงด้วยความน่ารักของหญิงสาวทำเอาผู้สูงวัยยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความรักและความคิดถึง ทั้งสองเดินเคี