“ฮึก…พี่หายไปไหนมา รู้มั้ยว่าผมแทบจะบ้า…”
เสียงสะอื้นแผ่วเบากระซิบชิดริมใบหู พร้อมอ้อมแขนแข็งแรงที่รัดร่างเธอแน่นราวกับจะไม่ปล่อยให้หลุดไปไหนอีก หญิงสาวไม่สามารถผลักไสเขาได้เลย ทำได้เพียงโอบกอดเขาตอบด้วยความเวทนาและเจ็บลึกในใจ “ฮึก…พี่เป็นอะไรมากมั้ย เจ็บตรงไหนรึเปล่า? พวกมันทำอะไรพี่หรือเปล่า?” ทันทีที่เขาผละออกจากอ้อมกอด มือก็ร้อนรนรีบจับไหล่เธอพลิกไปมาอย่างรวดเร็ว ราวกับต้องการเช็กทุกส่วนของร่างกายเธออย่างละเอียด ดวงหน้าที่เคยสดใสตอนนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตา ทำให้หญิงสาวไม่อาจเอ่ยถ้อยคำใดนอกจากยืนนิ่งและปล่อยให้เขาตรวจดู “ฉันไม่ได้เป็นอะไร…หยุดหมุนตัวฉันได้แล้ว เวียนหัวหมด” เธอพูดเสียงเรียบ มือยันเบาๆ กับหน้าอกของเขาให้หยุดพลิกตัวเธอไปมา “ขะ…ขอโทษครับ” อเล็กซ์ก้มหน้าตอบเสียงแผ่ว “อือ ช่างเถอะ” “เอ่อ…แม่ว่าเราเข้าไปนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่นก่อนดีกว่าไหมจ๊ะ” เสียงของแม่เธอดังแทรกขึ้น ทำลายบรรยากาศตึงเครียด ก่อนทุกคนจะพยักหน้าตกลง ⸻ “ว่าไงนะ! ปอร์เช่งั้นเหรอ!” เสียงพ่อของเธอพูดดังด้วยความตกใจ “แม่เองก็ไม่คิดเลยว่าปอร์เช่จะกล้าทำแบบนี้กับลูก” ผู้เป็นแม่พูดด้วยน้ำเสียงทั้งโกรธและผิดหวัง หลังจากที่เธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ครอบครัวและอเล็กซ์ฟัง ทุกคนต่างแสดงความตกใจ มีเพียงอเล็กซ์เท่านั้นที่ยังคงนั่งเงียบเก็บอารมณ์อยู่คนเดียว เขานิ่งจนดูน่ากลัว ราวกับคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ หญิงสาวเหลือบมองคู่หมั้นของตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปจับมือเขาเบาๆ เพื่อชวนออกมาด้านนอก ปล่อยให้พ่อแม่อยู่ข้างใน ⸻ ครืดดดดดดด…. ในห้องนอนของเจสสิก้า หลังจากจัดการเรื่องราวในบ้านเสร็จสิ้น เธอรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ อเล็กซ์ก็ยังคงโทษตัวเองไม่หยุดและอารมณ์ขุ่นมัวไม่จางหาย เมื่อทุกอย่างจบลง ร่างเล็กทิ้งตัวลงนอนบนเตียง สูดหายใจลึกๆ เพื่อให้หัวใจผ่อนคลาย ทว่าไม่นานนัก ความสงบก็ถูกแทรกแซงด้วยเสียงเรียกเข้าที่มาพร้อมกับความเครียด หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นพร้อมชื่อที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณย่า… “ค่ะ คุณย่า” “ย่าโทรมารบกวนหลานรึเปล่าลูก?” “ไม่หรอกค่ะคุณย่า” แม้ในความเป็นจริง เธออยากจะหลับพักเสียเต็มที “ย่ามีเรื่องจะพูดด้วย ขอเวลาสักครู่นะลูก” “ค่ะ” เธอยกมืออีกข้างขึ้นวางทาบลงบนหน้าผาก หลับตาอย่างอ่อนแรง เตรียมรับฟังในสิ่งที่คงจะไม่ใช่เรื่องดีนัก “ย่าไปดูฤกษ์มาแล้ว ย่าตัดสินใจให้หลานแต่งงานกันเดือนหน้านะจ๊ะ” “เดือนหน้า?!” ดวงตาที่ปิดลงเบิกกว้างทันที เสียงหลุดออกมาด้วยความตกใจแบบไม่ตั้งตัว เธอยอมรับการหมั้นหมายก็เพียงเพื่อถ่วงเวลา หาทางเคลียร์ทุกอย่างก่อนที่จะถอนตัวอย่างไม่มีใครเจ็บ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะผิดแผนไปหมด “ใช่จ้ะ ไม่ต้องห่วง ย่าจัดเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ย่าจะบินไปไทยอาทิตย์หน้า” “แต่คุณย่า—” “เท่านี้แหละจ้ะ หลานพักผ่อนเถอะ” ยังไม่ทันได้อธิบายอะไร ย่าของเธอก็ตัดสายไปเสียก่อน ราวกับไม่ได้ต้องการฟังความคิดเห็นเธอเลยแม้แต่น้อย เธอถอนหายใจหนักหน่วง ราวกับแบกภูเขาไว้ทั้งลูก ความเพลียและความเครียดปะทุพร้อมกัน ตอนนี้ในหัวเต็มไปด้วยปัญหาที่รอการจัดการ เธอนอนนิ่ง มองเพดานเบื้องบนอย่างหมดแรง แม้แต่จะขยับตัวยังไม่มีเรี่ยวแรง ⸻ แกร๊ก… เสียงประตูใหญ่ค่อยๆ เปิดออก ร่างของชายชุดดำ บอดี้การ์ดฝีมือดี เดินเข้ามาในห้องมืดที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่าง มาสู่เบื้องหน้าของชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา แก้วไวน์ในมือถูกแกว่งช้าๆ สายตาของเขาจับจ้องไปยังภาพหญิงสาวที่ติดอยู่บนผนัง แม้จะเป็นเพียงภาพถ่าย…แต่สำหรับเขา มันคือศิลปะมีชีวิต ดวงตาคู่นั้น ริมฝีปากนั้น ยังตรึงอยู่ในใจเขาเสมอ “ท่านครับ มีรายงานว่าเธอกลับไปที่บ้านแล้วครับ” “อืม” “จะให้เราไปพาตัวเธอกลับมาหรือไม่ครับ?” “ไม่ต้อง ปล่อยให้เธอคิดว่าอิสระอยู่ได้อีกสักพัก” “อีกเรื่องหนึ่งครับ…ย่าของเธอวางแผนจะจัดงานแต่งในเดือนหน้า” ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกไวน์ขึ้นจิบช้าๆ แววตานั้นกลับยิ่งเย็นเยียบลงกว่าก่อนหน้านี้ “หึ…งานแต่งงั้นเหรอ…” เขายิ้มเย็น ไร้ซึ่งความยินดี มีเพียงความคิดร้ายแรงที่เริ่มก่อตัวในใจ “ของของฉัน…ยังไงก็ต้องเป็นของฉัน” “ออกไปได้แล้ว” “ครับ” บอดี้การ์ดโค้งศีรษะ ก่อนเดินออกจากห้องอย่างเงียบงัน ทิ้งให้ชายคนนั้นนั่งเงียบอยู่ท่ามกลางความมืดและแสงจันทร์อันอ่อนโยน “พี่จะให้เวลาเล่นของหนูอีกนิด…แล้วพี่จะกลับไปทวงคืนทั้งหมด…ที่รัก” ⸻ “อีกไม่นาน…พี่ก็จะเป็นของผมแล้วนะครับ” เสียงกระซิบแผ่วเบาที่มาพร้อมรอยยิ้มชวนหลอน อเล็กซ์นั่งอยู่ปลายเตียงในห้องนอน ลูบไล้กรอบรูปเล็กๆ ที่บรรจุภาพของเจส มือที่สัมผัสภาพนั้นแผ่วเบา แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ “ทีนี้…จะไม่มีใครมาขวางเราได้อีก” เขากระซิบซ้ำ ริมฝีปากยกยิ้มอ่อนโยนแต่ดวงตากลับเปล่งประกายประหลาด ครืดดดดดด… เสียงเรียกเข้าดังขึ้น เขาหันไปมองมือถือบนโต๊ะแล้วทำเพียงเมินเฉย ปล่อยให้เสียงมันดังอยู่อย่างนั้นจนในที่สุดปลายสายก็ยอมแพ้ ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนข้อความดังแทนที่ เขาหยิบมือถือขึ้นมาอ่านข้อความ :อเล็กซ์ นายจะแต่งงานไม่ได้นะ!! :แล้วฉันล่ะ? ฉันรอนายมาตลอด มันไม่มีความหมายเลยเหรอ :อเล็กซ์! นายตอบฉันเดี๋ยวนี้! ฉันรู้ว่านายอยู่นั่น!! เขาอ่านจบเพียงแวบเดียวก่อนจะเหยียดยิ้มเยาะออกมา “หึ…น่ารำคาญ” น้ำเสียงเย็นชา ไร้เยื่อใย ใบหน้าที่เคยเงียบขรึมกลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจราวกับได้กำจัดตัวรบกวนไปหนึ่ง“คุณเจสครับ…” เสียงของชายหนุ่มร่างสูงในชุดบอดี้การ์ดดังขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังกอดร่างไร้วิญญาณที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนใหญ่แน่นจนตัวสั่นสะท้าน น้ำตาไหลพรากไม่หยุดราวกับจะขาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาทั้งน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น “ใจเย็นก่อนเถอะครับ…คุณเจส” “ฮึก…จะให้ใจเย็นได้ยังไง!” เธอตะโกนเสียงสั่น “คนที่เป็นเหมือนทั้งชีวิตของฉันจากไปแล้ว…พวกนายยังมีหน้ามายืนอยู่เฉยๆ อีกเหรอ!” บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจแผ่ว ดวงตาเศร้าหมองไม่แพ้กัน “พวกเราก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าคุณหรอกครับ แต่ก่อนที่นายจะจากไป เขาฝากคำขอไว้ข้อหนึ่ง…คำขอสุดท้ายที่สำคัญมาก” หญิงสาวเงียบกริบ ก่อนถามทั้งน้ำตา “เขาขออะไรไว้…รีบไปทำสิ!” “ไม่มีใครทำได้หรอกครับ…นอกจากคุณเจสคนเดียว” “ทำอะไรล่ะ ก็รีบพูดมาสิ!” ชายลูกน้องสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ “นาย…อยากให้คุณเจสให้อภัยเขาครับ” เธอสะอื้นหนักกว่าเดิม หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก “ฮึก…ฉันให้อภัยเขาไปตั้งนานแล้ว เรากำลังจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อยู่แล้วแท้ๆ…ฮึก…ทำไมเขาต้องมาทิ้งฉันไปแบบนี้ด้วย…” เธอหันกลับไปมองร่างที่นิ่งสงบ ดวงตาแดงช้ำเต็มไปด้วยควา
หญิงสาวกลับมาถึงคอนโดหรูของตัวเอง ร่างเล็กไม่อาจอยู่นิ่งได้ เดินวนไปมารอบห้องอย่างกระวนกระวาย ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ตีรวนอยู่ข้างใน มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่นถูกยกขึ้นมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจะโทรออกไปยังหมายเลขที่ห่างหายจากการติดต่อมานาน ทว่าปลายนิ้วที่เตรียมจะกดโทรกลับต้องชะงัก เมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเบาๆ ตริ้ง! เธอแตะเข้าไปดูข้อความนั้น และถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาคล้ายคนที่ยังถูกความรู้สึกเก่าทำร้ายไม่เลิก “พี่ครับ ออกมาเจอผมที่ร้าน XXX หน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากเล่าความจริงทั้งหมดให้พี่ฟัง ผมขอร้องนะครับ” เอาเถอะ ในเมื่อปัญหาอย่างหนึ่งเพิ่งจะถูกคลี่คลาย เหลือเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ก็คงถึงเวลาต้องจัดการให้มันจบสิ้นเสียที ส่วนเรื่องที่เธอกำลังจะทำเมื่อครู่ ก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน ⸻ “พี่ครับ ทางนี้” เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูตามนัด เธอก็พบกับเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของข้อความนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านใน เขาโบกมือเรียกเธอด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ หญิงสาวเดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไร้อารมณ์ “เข้าประเด็นเลยดีกว่า” เพิ่งจะนั่งลง เธอก็พ
“อีเจส มึงรู้ป่ะ กูโคตรเกลียดมึงเลย” “แต่ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ” “มึงโลกสวยไปป่ะ มึงมันอีตัวขัดขวาง… อีตัวทำลายชีวิตกู ถ้าไม่มีมึงเข้ามาในชีวิตกูตั้งแต่แรก กูคงจะมีแต่ความสุข!” “กูผิดขนาดนั้นเลยเหรอ…” “มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ? ไร้ยางอายสิ้นดี! จำใส่หัวมึงไว้ด้วยว่ากูเกลียดมึงเข้าไส้เลย มึงมันอีเพื่อนทรยศ!!!” “ไม่จริง…” อีเพื่อนทรยศ “ไม่จริง!!!!” เฮือก!… แฮก… แฮก… หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ความฝันอันเจ็บปวดนั้นเหมือนจริงยิ่งกว่าความจริง เธอกวาดตามองไปรอบห้อง ก่อนพบว่าตนเองกำลังสวมชุดผู้ป่วย และอยู่ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล “เจส!! เป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงทุ้มด้วยความตระหนกทำให้เธอหันไปมองต้นเสียงทันที แล้วก็พบกับสีหน้าอันเต็มไปด้วยความกังวลของชายหนุ่มที่แม้เธอจะหลบซ่อนจากเขายังไง ก็ไม่มีวันรอดพ้นสายตาเขาได้… และครั้งนี้ก็เช่นกัน “เปล่า… แค่ฝันร้าย” “ดูสิ เหงื่อเต็มเลย” ปอร์เช่รีบยื่นมือมาแตะใบหน้าจิ้มลิ้มเพื่อเช็ดเหงื่อให้เธอ เจสไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด เพียงแต่นิ่งเฉย ปล่อยให้เขาทำไป “กอบัวล่ะ… กอบัวเป็นยังไงบ้าง?”
“เฮ้ย! จัดการดิ รออะไรอยู่ล่ะ? เหยื่อสวยๆ ขาวๆ อึ๋มๆ แบบที่พวกแกชอบเลยไม่ใช่เหรอ เอาให้เต็มที่เท่าที่พวกแกต้องการเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงหัวเราะสะใจดังลั่นจากริมฝีปากของ วิว เธอยืนกอดอกด้วยท่าทีพึงพอใจ มองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับเป็นฉากละครที่เธอรอคอยมานานแสนนาน “หึ ได้เลย แบบนี้แหละ…ของชอบ~” หนึ่งในชายร่างใหญ่กล่าวขึ้น พลางยักคิ้วให้พรรคพวกอย่างพออกพอใจ ก่อนที่ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนจะก้าวเท้าเข้าหาเหยื่อสาวสองคนอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวก่อน!!” เสียงหวานแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของ กอบัว ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เรียกความสนใจของพวกมันได้ทันที “อะไรวะ?” “ถ้าจะทำอะไร ก็แก้มัดฉันก่อนสิ! มัดไว้กับเก้าอี้แบบนี้ จะทำอะไรก็ลำบากมั้ยล่ะวะ!” “เออว่ะ จริงของมึง” หนึ่งในชายห้าคนเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวร่างเล็กด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือกับดัก เจส ที่อยู่ข้างกอบัวค่อยๆ ชักมีดพับขนาดเล็กซึ่งเธอซ่อนไว้บริเวณเอวอย่างแนบเนียน เธอเตรียมไว้ตั้งแต่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานที่นี่ “เฮ้ย! มันมีมีด!!” ชายที่กำลังจะเข้ามาแก้มัดรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมีดแหลมคมวาววับสะท้อนแสงในมือหญิงสาว
“เฮือก!” หญิงสาวสะดุ้งลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมหอบหายใจแรงเหมือนคนเพิ่งเผชิญกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัวสุดขีด เธออยู่ในสภาพเหมือนช็อก ความรู้สึกเหมือนจิตหลุดออกจากร่าง “นี่ฉันฝันไปเหรอเนี่ย…ฝันบ้าอะไรวะ” เธอยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ ราวกับจะเรียกสติกลับคืนมา หัวใจยังเต้นระรัวขณะที่เธอครุ่นคิดถึงภาพในฝันเมื่อครู่ มันทั้งน่าอาย น่าเวทนา และเหมือนจริงเสียจนเธอแทบแยกไม่ออก “พึมพำอะไรแต่เช้าครับ…ที่รัก” “เฮือก!!” เสียงทุ้มข้างๆเรียกคนตัวเล็กให้รีบหันควับไปมอง แล้วต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้เธอหยุดหายใจ ชายหนุ่มรูปร่างเซ็กซี่ หุ่นกำยำ นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆ ร่างกายเขาถูกคลุมไว้เพียงท่อนล่างด้วยผ้าห่ม บนใบหน้าประกบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มือขาวข้างหนึ่งยังโอบเธอไว้แน่นราวกับเธอเป็นของเขา “อร๊าย!!” เจสสิก้ากรี๊ดเสียงดังลั่นห้อง พร้อมดีดตัวลุกขึ้นทั้งที่ยังเอาผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ชายหนุ่มนอนยิ้มพอใจอยู่บนเตียงกับปฏิกิริยานั้นของเธอ “หึ…เด็กน้อย…” แกร๊ก! ไม่นานนัก ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ร่างเล็กเดินออ
“มันเรื่องบ้าอะไรอีกวะ ทำไมเรื่องบ้าพวกนี้ถึงต้องเกิดกับฉันด้วย ทำไมมันไม่จบไม่สิ้นสักที” ในที่ที่ดังไปด้วยเสียงเพลง เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แสงสีกระจัดกระจาย หญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวนั่งกระดกเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่สนว่าคนรอบๆ จะมีใครมองหรือพูดจานินทา ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่นั่งดื่มมาตั้งแต่ช่วงเย็น หญิงสาวดื่มพลางถามคำถามตัวเองที่ตอบไม่ได้ “ชอบของขวัญสำหรับงานแต่งวันนี้มั้ยครับ ที่รัก…” ก่อนที่เธอจะกระดกเข้าปากอีกแก้วนั้น ได้มีเสียงชายรูปหล่อกระซิบเข้ามาในหูเธอเสียก่อน หญิงสาวหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว… คนที่เธอแอบรอเขาอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่โผล่มา แต่มาตอนนี้กลับมาถามว่าชอบของขวัญที่เขาให้หรือเปล่า คนตัวเล็กหรี่ตามองใบหน้าหล่อเหลานั้น ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเธอ “หึ… เมื่อกี้คงเป็นแผนของนายสินะ” “เป็นไงครับ ชอบมั้ย” “ชอบหรอ… อืม… คงจะชอบมากกว่านี้ถ้าหากนาย—” ฟึบ! “อ้าว… ทำไมไม่พูดให้จบล่ะ” เมื่อเธอพูดยังไม่ทันจบก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะ ทั้งในมือยังคงถือแก้วเหล้าเอาไว้แน่น “พี่เธอมานั่งตั้งแต่ร้านเปิดเลยครับ เหล้าหมดไปเป็นเจ็ดขวดแล้วครับ” ชาย