“ผมไม่แต่ง..”
“ทางเลือกของลูกมีแค่ทางเดียวคือแต่งงาน ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่ควรจะเป็นของลูกจะเป็นของผู้หญิงคนนั้น และอีกอย่าง งานแต่งงานจะมีขึ้นมะรืนนี้” พูดจบคุณเพทายก็เดินออกไปจากห้องทำงานของลูกชายที่ยืนอึ้งกับน้ำเสียงเยียบเย็นของมารดา
เมื่อประตูปิดลงแพทริกก็ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างสุดแสนเซ็งจากที่ไม่อยากแต่งงานก็กลายเป็นอยากเอาชนะและอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่มารดาของเขาจะยกสมบัติมหาศาลให้เจ้าหล่อน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มีอะไรดีถึงขนาดที่คนเข้มงวดและค่อนข้างจะ เยอะ อย่างมารดาของเขาอยากได้มาเป็นสะใภ้
“อยากจะรู้นักเธอเป็นใครมาจากไหน หึ คิดจะจับฉันไม่ง่ายหรอก...” ว่าแล้วชายหนุ่มก็โทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิททันที
“คาเมล ทำงานด่วนให้หน่อยฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดในเย็นนี้”
แล้วแพทริกก็บอกรายละเอียดคร่าวๆ ให้กับ คาเมล คนสนิทวัยยี่สิบเก้าซึ่งเป็นเสมือนน้องชายและมือขวาที่เก่งฉกาจ
แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ภาวนาไม่อยากจะก้าวขาออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งที่เธอคิดมาตลอดเวลาที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้ บ้านที่ไม่มีความสุขยามที่บิดาเมากลับมาพร้อมด้วยการโวยวายอาละวาดและทุบตีเธอกับมารดาจนเธอตั้งความหวังไว้ว่าเมื่อได้งานทำที่มั่นคงเธอจะพามารดาออกไปใช้ชีวิตด้วยกัน ชีวิตที่ปราศจากผู้ชายขี้เมาและติดการพนันจนนำพาเธอกับมารดาตกอยู่ในความลำบากครั้งแล้วครั้งเล่าและทุกครั้งก็ทำให้มารดาของเธอต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ซึ่งเธอทำได้เพียงแค่มองด้วยน้ำตา..
นายเชษฐา บิดาของเธอติดเหล้าและการพนันจากที่มีฐานะร่ำรวยเคยอยู่ดีกินดีก็กลับกลายมาเป็นคนยากไร้ ชีวิตดั่งคุณหนูที่เพียบพร้อมของเธอก็หายวับไปเมื่อต้องย้ายบ้านและย้ายโรงเรียนกะทันหัน คุณย่าของเธอต้องขายบ้านหลังใหญ่มาซื้อบ้านหลังเล็กๆ อยู่ชานเมืองแต่ตกต่ำถึงขนาดนั้นบิดาของเธอก็ยังไงไม่สำนึกและยังไม่คิดจะกลับตัวและคอยทำร้ายมารดาของเธออยู่เสมอ คุณย่าของเธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคอยทาแผลคอยปลอบมารดา ภาพที่เธอเห็นอยู่บ่อยๆ ก็คือภาพของคุณย่ากับแม่กอดกันร้องไห้ ตอนเด็กๆ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องอดทนอยู่กับบิดา แต่เมื่อเห็นความดีและการดูแลเอาใจใส่เธออย่างดีของคุณย่าทำให้เธอเข้าใจ
คุณย่าของเธอมีโรคประจำตัวและอายุมากทำให้มารดาเป็นห่วงท่านหากจะอยู่เพียงลำพังกับลูกชายขี้เมาและด้วยความที่แม่ไม่มีใครเพราะญาติๆ ของตนนั้นไม่มีใครอยากรับรู้เรื่องราวปัญหาของแม่นัก ยิ่งตอนนี้แม่ของเธอไม่ได้มีฐานะร่ำรวยเหมือนช่วงที่แต่งงานกับบิดาแรกๆ ก็ยิ่งไม่มีญาติคนไหนอยากคบหาเมื่อสิ้นบุญตากับยายพี่น้องของแม่ก็แบ่งสมบัติกัน และแม่ของเธอไม่ได้อะไรติดตัวมาเลยดังนั้นเธอกับแม่จึงเสมือนเหลือแต่ตัวไร้ญาติขาดมิตร จะมีก็เพียงบิดาและคุณย่าเท่านั้น แม้จะถูกบิดาทุบตีทำร้ายและต้องทำงานหนักสายตัวแทบขาดเพื่อปากท้องของทุกคนในบ้าน ในขณะที่บิดาของเธอไม่เคยทำอะไรเลยแต่แม่ก็อดทนอยู่มาจนทุกวันนี้
แม่อาภาหน้าที่เอาขนมกับแกงไปขายที่ตลาด ส่วนคุณย่ากับเธอจะช่วยกันทำอยู่ที่บ้าน คุณย่าของเธอเคยอยู่ในบ้านของผู้ดีเก่าท่านหนึ่งและได้รับการถ่ายทอดวิชาการทำอาหารไทยสูตรชาววังและอาหารฝรั่งมาหลายอย่างจนเมื่อคุณย่าออกเรือนกับปู่ซึ่งเป็นผู้มีอันจะกินคนหนึ่ง คุณย่าของเธอก็ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้นั้นมาสู่เธอกับมารดา และเมื่อสิ้นบุญคุณย่าในขณะที่เธอเรียนมหาวิทยาลัยปีสองชีวิตของเธอกับมารดาก็เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เพราะนอกจากจะไม่เหลือร่มโพธิ์ร่มไทรให้พึ่งพิงแล้ว บ้านที่อยู่ก็แทบจะไม่มีเช่นกันเพราะบิดาของเธอเอาไปจำนองกับเพื่อนในวงพนัน และนั่นล่ะคือจุดเริ่มต้นความเลวร้ายที่เธอไม่อาจจะทน เธอขวนขวายหางานทำและแอบเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงจนจบปริญญาตรีและพยายามเข้าไปทำงานในร้านอาหารหรือโรงแรมที่ไหนสักแห่งเพื่อจะได้พามารดาออกไปจากบ้าน เพราะตอนนี้บ้านมันไม่ใช่ของพวกเธอแล้วนั่นเอง เขาจะมาไล่วันไหนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่สำคัญบิดาของเธอไปตกลงจะยกเธอให้เป็นเมียเก็บของเพื่อนในวงพนันของตนเองหลังจากที่บิดาพามารดาไปนอนกับชายคนนั้นเพื่อชดใช้หนี้การพนันมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งมันทำให้มารดาล้มป่วยเพราะตรอมใจและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะสนองความต้องการอันดิบเถื่อนของผู้ชายเห็นแก่ตัวเหล่านั้น และเธอรู้ว่าที่มารดายอมทำแบบนั้นก็เพราะพยายามปกป้องเธอจากคนใจร้ายพวกนั้นด้วยตัวของท่านเอง
“พราวต้องเรียนให้จบ อย่าสนใจว่าแม่จะเป็นอย่างไร ลูกจะต้องปลอดภัยจากคนพวกนี้ อย่าแต่งหน้าอย่าแต่งตัวสวยอย่าเงยหน้ามองพวกมันอย่าให้มันเห็นลูก..”
นั่นคือสิ่งที่มารดาบอกอยู่เสมอและเธอก็เชื่อฟังเพราะกลัว.. ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังเล็กมารดาก็ตัดผมให้เธอสั้นกุดเหมือนหนูแทะไม่ให้เธอไว้ผมยาวและแต่งตัวให้เธอเหมือนเด็กผู้ชายเสมอๆ แต่แม่ก็จะดูแลเธออย่างดีสะอาดสะอ้าน งานบ้านงานเรือนหรืองานฝีมือทุกอย่างมารดากับคุณย่าสอนเธอ และสอนให้เธอรู้จักดูและตัวเองจากอันตรายจากภัยรอบกาย
แต่สิ่งที่เธอพบเจอมันเป็นบาดแผลฝังอยู่ในใจเสมอกับพฤติกรรมแย่ๆ ของผู้เป็นพ่อ บาดแผลภายนอกมันไม่ได้บาดลึกเหมือนบาดแผลในใจ เธอยอมรับว่าเกลียดพ่อ เธอคุยกับท่านนับคำได้ทุกครั้งที่บิดาเมากลับมาแม่จะขังเธอไว้ในห้องซึ่งเธอก็ยินดีและเต็มใจ เหมือนเธอกับพ่ออยู่กันคนละโลกเขาไม่ค่อยสนใจเธอเช่นเดียวกันกับที่เธอไม่เคยสนใจเขา
ตอนที่62. อวสานภาวนามองลูกน้อยที่หลับไปแล้วอย่างเป็นสุขใจ มือบางลูบหน้าท้องที่ยังแบนราบของตนเองเบาๆ เมื่อกำลังจะมีอีกชีวิตกำเนิดขึ้นมา“แม่กลับมาอยู่กับพราวอีกนะคะ” หญิงสาวภาวนานึกถึงมารดาเมื่อเธอสังหรณ์ใจว่าท้องนี้อาจจะเป็นลูกสาว“อ้วก..” เสียงโอ้กอ้ากของสามีที่อยู่ในห้องน้ำทำให้เธอหันไปมองแล้วรีบเดินเข้าไปหาคนที่ก้มหน้าก้มตาอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย“พี่แพทยังไม่หายอีกเหรอคะ พราวว่าเรียกพี่เมนี่มาดูดีกว่ามั้ยคะว่าเป็นอะไร”“ไม่ต้อง พี่ไม่เป็นไรมาก” บอกด้วยเสียงแหบโหยร่างใหญ่นั่งแหมะอยู่กับพื้นด้วยท่าทางอ่อนแรงน่าสงสาร ภาวนาเช็ดหน้าเช็ดตาให้สามีแล้วประคองพาร่างสูงมายังเตียงกว้าง แพทริกล้มตัวลงนอนพลางเกี่ยวร่างเล็กของเธอตามลงไปด้วย“อุ้ย พี่แพท พี่ไม่สบายอยู่นะคะ ซนจริงเชียว” ดุสามีไม่จริงจังนักก๊อกๆ “พี่ยี่สุ่นเองนะคะ เอายาหอมมาให้ค่ะ” ภาวนามองสามีดุๆ แล้วเดินไปเปิดประตูให้พี่ยี่สุ่นที่ยืนอยู่กับคุณเพทาย“คุณแพทดีขึ้นรึยังหนูพราว”“ยังเลยค่ะคุณแม่ไม่รู้เป็นอะไรมากไหมจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมไป จะเรียกพี่เมนี่มาก็ไม่เอา คนอะไรยังกับเด็กๆ ดื้อกว่าน้องพีทอีกค่ะ”ภาวนาบ่นสามีแล้วเดินไปนั่งข้
ตอนที่61.หญิงสาวแย้งแล้วสูดปากด้วยความเสียวซ่านเมื่อนิ้วแกร่งสะกิดปุ่มเกสรสาวแล้วนำพานิ้วเล็กของเธอไล้วนสอดไซ้เข้าออกในกลีบกายนุ่มเบาๆ เหมือนให้เธอหยอกเย้ากับตัวเอง ทั้งมือหนาก็นำพามือเล็กอีกข้างฟอนเฟ้นอกอวบไปด้วย ภาวนามองภาพสะท้อนในกระจกอย่างซ่านรัญจวนใจภาพในกระจกที่สะท้อนภาพร่างอรชรขาวกระจ่างของเธอตัดกับผิวสีน้ำตาลเข้มคร้ามงดงามของเขาอย่างเห็นได้ชัด ภาวนาครางเบาๆ ในลำคอหญิงสาวมองสบตาคมเข้มด้วยไฟปรารถนาในกระจกอย่างเอียงอายในขณะที่มือน้อยค่อยๆ ทำตามที่แพทริกกระซิบบอก หญิงสาวเคล้นคลึงอกอวบของตนไปตามจังหวะที่เขานำพาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจกับบทรักใหม่ที่น่าลิ้มลองและเมื่อเขาละมือออกไปเธอก็บีบเฟ้นอกอวบของตนด้วยจังหวะที่กำหนดเอง ส่วนมือเล็กที่กำลังสอดไซ้ในกลีบดอกไม้ของตนก็เช่นกัน ภาวนาสอดนิ้วเข้าออกและฟอนเฟ้นร่างของตนอย่างเสียวซ่านสุดใจกับจังหวะที่ตนปรารถนา ในขณะที่แพทริกจูบไซ้ผิวกายละมุนอย่างหลงใหลมองเธอช่วยตัวเองอย่างตื่นเต้นไม่แพ้กัน“อะ พี่แพทขา...” หญิงสาวครางดังเมื่อชายหนุ่มยกเรียวขางามข้าง
ตอนที่60.“อา โอ้ววว พราวจ๋า ดีเหลือเกิน...”แพทริกครางออกมาอย่างซ่านใจแล้วดันแก่นกายเข้าไปลึกๆ เพียงครั้งเดียวจนสุดลำแกร่ง หนุ่มสาวครางออกมาพร้อมกันเสียงดัง ก่อนจะโยกโย้สะโพกเข้าหากันด้วยจังหวะเร่าร้อน เสียงเนื้อกระทบกันผสานกับเสียงครางระงมของหนุ่มสาวดังก้องไปทั่วห้องทำงานโอ่อ่า โต๊ะที่ว่าแข็งแรงยังลั่นเอี๊ยดอ๊าดๆ ยามที่เขากระแทกกายเข้าหาร่างสาวอย่างเมามันยิ่งสร้างอารมณ์เร่าร้อนให้กับคนทั้งสองมากขึ้นภาวนาครางพลิ้วหลับตาแน่นเด้งสะโพกรับแรงกระแทกของเขาอย่างเมามันเร่าร้อน ทรวงสาวกระเพื่อมไหวตามแรงโยกคลึง แพทริกยื่นมือไปบีบเคล้นมันอย่างมันมือ พร้อมทั้งสอดเสยแก่นกายเข้าหาร่างเล็กแรงเร็วขึ้นๆ“โอ้ววว พราวจ๋าชอบมั้ยครับที่รัก อา มันสุดๆ เลยเมียจ๋า ไม่ไหวแล้ว.” แพทริกครางกระหึ่มกระหน่ำแรงโรมรันอย่างแรงร้อน“พราวก็ไม่ไหวแล้วค่ะ พี่แพทขา อ๊ะ อ้ายยยย... / โอ้วววว...”เสียงครางของหนุ่มสาวกับเสียงเนื้อกระทบกันดังกึกก้องแพทริก กระแทกแก่นกายจนลึกล้ำก่อนจะพ่นลาวารักร้อนๆ เข้าส
ตอนที่59.“น้องพีทหลับแล้วเหรอครับ” แพทริกมองภรรยาที่กำลังเก็บของเล่นน้องพีทเข้ากล่องหลังจากที่เจ้าตัวเล็กเล่นซนจนห้องทำงานของเขาเกลื่อนกลาดด้วยของเล่นนานาชนิด“ค่ะ กว่าจะหลับได้พราวแทบแย่ซนเหลือเกิน”ภาวนาหันมายิ้มหวานให้ขณะมือเล็กเก็บตุ๊กตาไดโนเสาร์เข้ากล่องร่างเล็กก้มๆ เงยๆ อยู่กับกล่องของเล่นลูกชายจอมซนที่ผู้เป็นพ่อจัดแจงแต่งห้องทำงานโอ่อ่าของตนที่สำนักงานใหญ่ให้มีมุมเด็กเล่นสำหรับลูกชายซึ่งน้องพีทก็ดูจะชื่นชอบเสียด้วย“อืม.. แบบนี้พราวก็น่าจะพักผ่อนได้แล้วนะ ให้พี่นวดให้ไหมครับ”ปากถามแต่แววตาที่เฝ้ามองร่างเล็กในชุดเดรสสายเดี่ยวชีฟองสีหวานลายดอกไม้เล็กๆ สั้นเสมอเข่ามนที่เปิดเผยผิวเนื้อเนียนสวยเปล่งปลั่งน่ามอง ซึ่งหากออกไปข้างนอกเขาจะให้ภาวนาสวมเสื้อคลุมเพราะไม่อยากให้ใครมองผิวสวยๆ ของเธอ แต่เมื่ออยู่กันสามคนพ่อแม่ลูกเขาอยากจะจับเธอถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเสียด้วยซ้ำ คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็ซ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์วางเอกสารที่ถือออกมาจากห้องประชุมไว้บนโต๊ะทำงาน
ตอนที่58.“พราวไม่ได้จะหนีไปไหนคะ พี่แพทเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าคะ”หญิงสาวเอ่ยตอบด้วยสรรพนามที่ทำให้คนฟังใจชื้นขึ้นมาแต่เขาก็ยังคงคุกเข่าอยู่และกอดขาเธอไว้เพราะกลัวเธอหนีไป“แต่พราวกำลังจะไป.. กำลังจะหนีพี่ไป”“พราวเปล่าเสียหน่อย พราวกำลังจะกลับบ้านค่ะ บ้านของพ่อน้องพีท..”“บ้าน บ้านที่ไหน.. บ้านพ่อน้องพีท..”แพทริกขมวดคิ้วทวนคำพูดเธออย่างงุนงง แล้วใบหน้าหล่อเหลาที่หมองคล้ำด้วยความเศร้าโศกมากว่าสามเดือนสว่างไสวขึ้นทันตา“โอ.. พราว.. ขอบคุณ ที่รัก ขอบคุณเหลือเกิน..” แพทริกกอดเธอแน่นทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่“พี่แพทลุกขึ้นเถอะค่ะ พราวเขินนะคะ” หญิงสาวบอกเขายิ้มๆ ใบหน้านวลแดงก่ำเมื่อป้าสินกับพี่น้อยเดินมาเยี่ยมๆ มองๆ อยู่หน้าบ้าน“เอ่อ.. หนูพราวจะให้พี่น้อยไปส่งที่ไหนคะ”ในที่สุดพี่น้อยซึ่งยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าบ้านก็ร้องถามทั้งป้าสินก็อยากรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าภาวนาคือใครจึงสะกิด
ตอนที่57.ในขณะเดียวกันลิซ่าที่บอกว่าไปเอาน้ำมาให้คุณเพทายนั้นกำลังยืนมองแผ่นหลังงองุ้มด้วยความเศร้าสร้อยของคุณเพทายด้วยความชิงชัง เธอไม่ได้หวังดีขนาดจะตามหาตัวภาวนาขนาดนั้น ที่เธอเลือกที่นี่ก็เพราะมันเหมาะที่สุดสำหรับแผนการบางอย่าง...จริงๆ แล้วลิซ่ากำลังวางแผนจะกำจัดคุณเพทายออกไปให้พ้นทางต่างหาก เธอรู้ดีว่าแพทริกนั้นรักและเชื่อฟังมารดาของเขาแค่ไหน และหากคุณเพทายบอกอะไรเขาก็พร้อมจะทำตาม ซึ่งหากไม่มีคุณเพทายแล้วแพทริกก็ต้องการใครสักคนมาปลอบใจและเมื่อเขายังตามหาภาวนากับลูกไม่เจอ เธอก็จะใช้โอกาสนี้ล่ะเข้ามาในชีวิตของแพทริกและจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสนใจเธอ ไม่ใช่ว่าลิซ่าจะรักแพทริกมากขนาดทำเพื่อเขาได้ทุกอย่าง แต่เพราะเธออยากเอาชนะและอยากจะแก้แค้นเอาคืนคุณเพทายที่เคยหลอกใช้เธอต่างหากนังแก่นั่นจะต้องได้รับบทเรียนที่แสนแพง.. หญิงสาวมองคนที่นั่งบนวีลแชร์ด้วยแววตากร้าวกระด้างส่วนคุณเพทายนั้นกำลังมองหาภาวนาอย่างมีความหวัง แม้นางจะไม่ค่อยสบายแต่เพราะอยากเจอภาวนาจึงออกมากับลิซ่าด้วยความหวังแรงกล้า โดยไม่รู้ว่าบัดนี้ล้อรถวีลแช