เจตนิพัทธ์ออกจากบริษัทฝ่ารถติดไปที่แกลลอรี่เกือบไม่ทัน เพราะพราวตะวันกำลังจะออกไปเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านพอดี
“ทำไมเจตเลิกงานไว? แล้วจะมาก็ไม่โทรบอก จริงๆไม่ต้องมารับก็ได้” “โกรธหรือเปล่า?” “คนที่เจตต้องขอโทษคือพี่คิณ พราวจะโกรธทำไมล่ะ ก็แค่เตือนเฉยๆ” เขารู้สึกได้ว่าแฟนสาวมีน้ำเสียงที่แข็ง พูดจาห้วนๆ สีหน้าตึงใส่ ส่วนพราวตะวันที่เก็บความไม่พอใจเรื่องที่เจตนิพัทธ์รับสายพี่ชายแล้วปล่อยให้ได้ยินว่าทั้งสองมีอะไรกันนั้น มันทำให้เธออึดอัดใจแต่ก็ไม่อยากพูด “เจตรู้สึกได้ว่าพราวไม่พอใจ แบบมากๆด้วย คบกันมาสองปี รู้สิ” “มารับกลับบ้านใช่มั้ย? งั้นก็ไปส่งพราว ขอไม่คุยอะไรตอนนี้นะเหนื่อยทั้งวันแล้ว” “โอเค” เขาตอบรับง่ายๆ แล้วคว้ากระเป๋าของเธอมาถือไว้เอง เดินนำไปที่รถและเปิดประตูให้ ระหว่างทางที่ขับรถเจตนิพัทธ์พยายามจับมือเธอแต่ก็โดนดึงมือกลับ “เดี๋ยวเจตโทรหาพี่คิณตอนนี้เลย พูดขอโทษต่อหน้าพราวก็ได้” “พราวไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องนี้นะ เรื่องขอโทษไม่ขอโทษมันเป็นสิ่งที่เจตคิดเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาบอก” “แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ? เรามีอะไรก็เปิดอกคุยกันตลอดนะพราว เจตไม่อยากให้เป็นแบบนี้อ่ะ” “ไม่มีอะไรหรอก” พราวตะวันตอบแค่นั้นแล้วหันไปมองนอกหน้าต่างรถแทน มันทำให้เจตนิพัทธ์เปิดพิกัดหาโรงแรมที่ราคาไม่แพงมากนักใกล้บ้านของเธอ “เจตไปไหนเนี่ย เลยทางเลี้ยวจะไปที่บ้านพราวนะ ลืมทางรึไง” “อยู่ด้วยกันสักแป๊บนึง..ได้มั้ย?” “อะไร? จะไปไหน? แม่รอพราวกินข้าวนะ“ เธอขมวดคิ้วถามแต่เขาไม่ตอบอะไร หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปที่โรงแรมสามดาวบนซอยพระยาศรีไม่ไกลจากบ้านเธอนัก ”ไม่นานหรอก นี่ก็ใกล้บ้าน เสร็จธุระแล้วก็กลับเลย” เขาลงมาเปิดประตูแล้วจับข้อมือเธอแน่น ก่อนจะไปเช็กอินที่ตึกสามชั้น ซึ่งมันดูเหมือนไม่น่าจะเป็นโรงแรมอีกต่างหาก พราวตะวันโดนดึงให้เดินตามมาโดยที่เธอกวาดตามองไปรอบๆอย่างสนใจ “นี่ค่ะกุญแจ เชิญที่ชั้นสามค่ะ มีสัมภาระไหมคะ?” “ไม่มีครับ” ทั้งคู่เดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสาม มันเหมือนบ้านที่เอามาเปิดเป็นห้องเช่า อารมณ์คล้ายกับใน Airbnb มากกว่า “พราวเหนื่อย..ทำไมต้องมาทำอะไรตอนนี้ด้วย ปวดขาไปหมดแล้ว” “ก็นี่ไง จะนวดให้..นะ” เจตนิพัทธ์อุ้มเธอให้ไปนั่งเอนหลังบนเตียง ถอดรองเท้าให้พลางนั่งบีบเท้าของเธออย่างเบามือ “เท้าเล็กเหมือนเด็กเลย น่ารักจัง” “เจต เวลาที่เรามีอะไรกัน เคยคิดอยากให้คนอื่นรู้เห็นด้วยมั้ย?” “ไม่นิ พราวอยากเหรอ? ถ้าแบบสวิงกิ้งหรือให้อีกคนมานั่งดูอะไรแบบนี้ ไม่เอานะ” เธอลุกจากเอนหลังมาจ้องเขา ตากลมโตนั้นเวลาที่โมโหดูเร้าใจเป็นพิเศษ “พราวไม่อยากและไม่ชอบที่เรื่องส่วนตัวของเราต้องแชร์ให้คนอื่นได้ยินได้ฟังด้วย” เขาหยุดนวดเท้า มองตาเธอและใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว เธอรู้ว่าพี่คิณได้ยินว่าเรามีอะไรกันที่ห้องรับแขกที่บ้านได้ยังไง.. “พราวพูดมาตรงๆเลย เจตจะได้อธิบาย” “ไปถามพี่ชายของเจตดูแล้วกัน” “พี่คิณบอกพราวว่าไง? บอกตอนไหน? ทำไมติดต่อกันได้” “ก็บอกว่าไปถามเขาดูสิ มาถามพราวทำไมล่ะ” พราวตะวันทำท่าจะลงจากเตียง เธออยากกลับบ้านและไม่อยากมีอะไรกับแฟนหนุ่มที่กำลังหน้ามืดเพราะความหึง แต่เขาจับแขนเอาไว้และดันตัวเธอกดลงไปบนที่นอน “ติดต่อกันได้ยังไง? มีเบอร์กันใช่มั้ย?” “ที่แกลลอรี่มีเบอร์พี่คิณเพราะต้องส่งใบเสร็จไปที่บริษัทไง พราวก็แค่โทรไปขอบคุณ” น้ำหนักตัวของเจตนิพัทธ์ทับลงบนร่างบอบบางของเธอจนหายใจไม่ค่อยออก เขาจูบเธอแนบแน่น ลิ้นที่ล้วงลึกไปในปากเล็กของเธอเพื่อค้นหาสัมผัสกับลิ้นที่อ่อนนุ่มของพราวตะวัน มือตะปบบีบเคล้นหน้าอกที่อวบอัด พราวตะวันได้แต่คิดว่าถ้าไม่ยอมให้ตอนนี้ แฟนหนุ่มก็จะน้อยใจอีกอยู่ดี “อย่าคุยกับเขาลับหลังเจตอีกแล้วกัน” “ไม่เชื่อใจกันงั้นเหรอ?” เขาไม่ตอบแต่ซุกหน้าลงที่อกเสื้อของเธอ สูดดมกลิ่นกายสาวที่ทำให้เขาเคลิ้มเหมือนตกในอยู่ภวังค์ “เจตเป็นคนเดียวที่จะได้เอา คนอื่นอย่าหวังเลย” เขาปลดกระดุมเสื้อออก ล้วงไปใต้แผ่นหลังเพื่อปลดบราหน้าอกขาวที่ยอดปทุมถันสีอ่อนใสเชิญชวนให้ลิ้มลองได้ไม่เคยเบื่อ ส่วนนิ้วเรียวยาวของเขาล้วงไปลูบไล้ร่องหลืบภายใต้กางเกงชั้นในตัวน้อย ที่มีเพียงดงดอกหญ้าบางๆพอให้เร้าใจ “อื้ออ..ทำไม..เจตต้องให้พี่คิณได้ยินตอนเรามีอะไรกัน..ด้วย อ๊าา..” “เจตไม่ได้ตั้งใจจะให้พี่คิณฟัง..จริงๆ” ทีนี้เจตนิพัทธ์ไปนั่งกลางหว่างขาของพราวตะวัน สองมือล้วงเข้าไปดึงกางเกงชั้นในนั้นออก จับสองขาเธอให้ชันไว้จนเห็นน้องสาวแสนสวยของเธอที่รอให้เขาเชยชม โดยไม่รีรออะไรอีก เขาก้มลงไปใช้ปากและลิ้นที่เขี่ยไล้วนไปทั่วกลีบอวบเคลือบน้ำหวานนั้น จนพราวตะวันได้แต่บิดตัวไปมา เธอกัดหลังมือตัวเองเพื่อไม่ให้ร้องเสียงดังเพราะระแวงสถานที่นี้ว่าจะมีคนได้ยิน เขาทั้งจูบและโลมเลียน้องสาวของเธอจนร่างกายเธอบอกว่าพร้อมกับการร่วมรักแล้ว ก็จัดการสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปทันที เขาทิ้งน้ำหนักตัวกระแทกลงไปจนหน้าท้องของเขาและเธอแนบสนิทกัน “ที่รักเหนื่อยก็นอนเฉยๆ เจตทำให้ทุกอย่างเอง” “ไม่ได้ตั้งใจแล้วทำไมพี่คิ….อื้ออ” เจตนิพัทธ์จูบปากเธออย่างเร่าร้อน นาทีนี้เขาไม่อยากได้ยินชื่อผู้ชายคนไหนทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่พี่ชายตัวเอง เสียงฉ่ำแฉะนั้นดังไปทั้งห้อง สองแขนที่แข็งแรงสอดไปใต้แผ่นหลังของพราวตะวันนั้นกอดรัดเธอแน่นจนร่างกายของทั้งสองแทบหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน เอวที่แข็งแกร่งกระชับเข้ากับสะโพกของหญิงสาวที่ร้องครวญครางในลำคอไม่หยุด “เจต..มีพราวแค่คนเดียวนะ อาา..สัญญาสิ..ว่าพราวจะไม่มองคนอื่น” “อื้อออ…” พราวตะวันเริ่มแอ่นตัว อ้าปากหอบหายใจ สองขาที่รัดเอวและสองแขนที่กอดคอแฟนหนุ่มแน่น ตัวเธอเกร็งไปหมด เป็นสัญญาณให้เจตนิพัทธ์ที่รอเธอมาสักพักได้สับเอวเร็วขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ ความรักและความรู้สึกทางกายที่อุ่นจนร้อนนั้นล้นปรี่เป็นทางออกจากกายเธอไหลลงบนที่นอนจนเปรอะเปื้อนไปหมดวันนี้ครอบครัวโบฟัวร์ได้ชวนเพื่อนๆศิลปินของพวกเขามาทานอาหารค่ำที่บ้าน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานศิลปะที่พวกเขาจะจัดการแสดงนิทรรศการด้วยกันจนดึก ทำให้พราวตะวันกับเจตนิพัทธ์ต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อน โดยทั้งสองอาสาพาโคลเอ้น้องสาวตัวน้อยเข้านอนแทนเดลฟีน“ขอบใจนะจ๊ะ แพรีส รบกวนมากเลย”“ยินดีค่ะ”ทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนโคลเอ้ด้วยการที่พราวตะวันเล่าเรื่องต่างๆให้เธอฟัง เจตนิพัทธ์รู้สึกเพลินมากเวลาที่ฟังแฟนสาวพูดภาษาฝรั่งเศส เธอดูมีเสน่ห์ สำเนียงและน้ำเสียงไพเราะ แม้จะฟังไม่รู้เรื่องก็ตาม จนกระทั่งเด็กหญิงค่อยๆผล็อยหลับไป…จากนั้นทั้งคู่ได้ค่อยๆย่องออกมาและปิดประตูอย่างเบามือ โดยไม่ลืมที่จะปิดไฟในห้องให้“พรุ่งนี้ไปดิสนีย์แลนด์ไหม?”“อื้ม..ได้ งั้นวันนี้นอนพักกันก่อน พรุ่งนี้ลุยกันต่อ”พราวตะวันพูดจบเจตนิพัทธ์ก็จู่โจมจูบทันที จนตัวเธอเอนไปติดผนัง “ไม่ไหวแล้ว..คืนนี้ได้ไหม?”เธอไม่ตอบและหลบตาเขาเหมือนกำลังคิดว่าจะปฏิเสธยังไง “ทำไมเหรอ? จริงๆแล้วในใจพราวสับสนใช่ไหม?”“หือ สับสนอะไร? แค่คิดว่าต้องกินยาอีกแล้วเหรอ แค่นั้นเอง”“เจตจัดการตัวเองได้”“ขออาบน้ำก่อนนะ แล้วจะไปหาเอง”เจตนิพัทธ์ปล่อยเธอ
พราวตะวันได้เห็นข้อความนั้นในตอนเช้าที่ตื่นนอน เธอยิ้มให้กับตัวเองที่เขาละเอียดอ่อนถึงกับอ่านกวีฝรั่งเศสและส่งประโยคที่น่ารักแต่ลึกซึ้งมาให้ สติ! พราวตะวัน…แม่บ้านได้มาทำงานแต่เช้าและเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนด้วย oeuf à la coque เสิร์ฟกับขนมปังปิ้งที่เรียกว่าบาแก็ตสำหรับจุ่มน้ำ Les oeufs brouillés ไข่คน หรือออมเล็ต ตามด้วยเครื่องดื่มคือ เกรปฟรุต“ขอโทษนะคะ ฉันอยากได้ครัวซองต์ มีมั้ยคะ?”“ได้ค่ะ คุณแพรีส”“Merci beaucoup” (ขอบคุณมากนะคะ)พราวตะวันกล่าวและยิ้มให้แม่บ้านอย่างน่ารัก ก่อนจะหันไปถามเจตว่าต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งเขาโอเคกับทุกอย่างบนโต๊ะอยู่แล้วจึงปฏิเสธ “พี่แพรีส วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนคะ?”โคลเอ้ถามพี่สาวตาแป๋ว พร้อมกับตักซีเรียลผลไม้กินไปด้วย“ว่าจะไปลูฟวร์ แล้วก็แวะกินอะไรอร่อยๆแถวนั้น พ่อว่าร้านไหนดีคะ?”“ใกล้ลูฟวร์อย่างนั้นเหรอ.. Le Procope เป็นไง? มีไวน์ดีๆ กับสเต็กเนื้อ tenderloin อย่างดี พ่อแนะนำให้ลูกพาแฟนไปกินให้ได้นะ เอารถพ่อไปใช้สิ นั่งแค่สองคนใช้คันเล็กน่าจะได้”“ค่ะพ่อ”คิณภัทรที่ตื่นเช้ามาเห็นว่ามีข้อความเสียงจากพราวตะวัน เขาดีใจมากที่เธอยอมเรียกว่าพี่เหมื
คิณภัทรเฝ้าถามตัวเองทุกวันว่าเขาหงุดหงิดอะไรที่ไม่ได้เห็นหน้าพราวตะวัน จนทำให้เขาต้องแอบออกไปดื่มคนเดียวในตอนดึกๆเป็นระยะเวลาสักพักใหญ่มาแล้วตั้งแต่เริ่มคบกับเกรซเธอทำของใส่ฉันหรือเปล่านะ..ทำไมฉันเลิกคิดถึงเธอไม่เคยได้เลย..13.00 สนามบินสุวรรณภูมิ วันศุกร์ครอบครัวจิรวราพงศ์ได้มาส่งเจตนิพัทธ์เพื่อขึ้นเครื่อง ในขณะที่พราวตะวันลากกระเป๋าใบโตมาคนเดียว เธอดูสดใส มัดผมหางม้าที่หนาและยาวเป็นลอนใหญ่ เสื้อแขนกุดปิดคอรัดรูปสีดำแบบบอดี้สูท กางเกงยีนรัดรูปและบู้ทส้นสูงสีดำยาวถึงหัวเข่า ตุ้มหูเงินวงใหญ่และแต่งหน้าสวยมากแบบที่เจตนิพัทธ์ที่คบมาสองปีกว่ายังอ้าปากค้าง“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่..พี่คิณ เอ้อ เจต ตื่นเต้นมั้ยน่ะดูทำหน้า”สายตาเธอที่มองน้องชายของเขา ทำให้คิณภัทรได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจเงียบๆ ทุกคนพูดคุยสนุกสนานกัน มีเพียงเขาที่เหมือนส่วนเกิน“แม่โอนเงินให้เจตแล้วนะ อย่าลืมเอาคืนให้หนูพราวล่ะ ค่าตั๋วน่ะ แล้วแม่ให้เงินหนูพราวไว้ติดตัวด้วย ให้เผื่ออยากได้อะไรก็ซื้อเลยนะ“”แม่ให้พราวต่างหากแสนห้ากับค่าตั๋วของเราสองคน เจตโอนเลยตอนนี้แหละ”เธอตกใจที่คุณเจตสุภาให้ขนาดนั้น ทั้งที่เจอกันไม่กี่คร
เกรซพยายามชวนแฟนหนุ่มไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อผ่อนคลายจากการที่เขาทำงานหนักตลอดจนแทบไม่มีเวลาให้เธอ ตั้งแต่เขากลับมาขอคบได้สองเดือน ไม่เคยมีช่วงเวลาส่วนตัวด้วยกันสักครั้ง ทั้งที่ในอดีตเขาไม่เคยปฏิเสธการที่จะได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเธอเลย“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวก็ไปเที่ยวฝรั่งเศสแล้วนี่”“จริงสินะ แล้ว…ต้องพักแยกห้องมั้ย? ไปกี่วัน?”“เดี๋ยวผมจัดการเอง ขอดูอะไรๆก่อน”“วันนี้ไปกินข้าวเย็นที่ไหนดี?”“ผมยังทำงานไม่เสร็จน่ะ อาจไม่ได้เจอกันนะ”“เกรซซื้อของกินไปให้คิณที่บริษัทเอาไหม?”“ไม่ต้องหรอก ผมใช้สมาธิ ยังไม่หิวน่ะ”เธอจึงไปรับลูกชายวัยสี่ขวบที่บ้านของสามีเก่าเพื่อไปกินข้าวเย็นแทนด้วยอารมณ์สุดเซ็งเจตนิพัทธ์พาพราวตะวันไปกินข้าวเย็นที่ห้างและไปเดินซื้อของกระจุ๊กกระจิ๊กที่สาวๆชอบกันก่อนจะกลับบ้านในตอนสามทุ่ม เขารู้สึกว่าช่วงนี้แฟนสาวกลับมาน่ารักเหมือนเดิม อาจจะเพราะพี่ชายของเขาเปิดตัวแฟนไปแล้ว ไม่มีใครมาคอยก่อกวนให้เธอต้องไขว้เขวอีก พราวตะวันยืนคุยกับแฟนหนุ่มที่หน้าบ้านอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเขย่งตัวหอมแก้มไปหนึ่งที ยืนโบกมือให้เขาจนลับตา พอปิดประตูบ้านแล้ว เธอก้าวเข้าบ้านและกำลังขึ้นบันได
“สุดท้ายก็ต้องรบกวนแม่สินะ คิณดูแลส่วนนี้เองครับแม่”“อ้อ ดีๆ คิณจัดการให้น้องทีนะ”พราวตะวันรีบบีบขาแฟนหนุ่มให้ปฏิเสธไป ซึ่งเขาเห็นด้วย“ไม่ต้องพี่คิณ เจตกับพราวเราจัดการเองได้ พ่อครับ ถ้าเจตเรียนจบอาจไปลองหาประสบการณ์ทำงานที่อื่นสักพักแล้วจะกลับมาช่วยที่บ้านนะ“พ่อทำหน้าว่าไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ก่อนจะท้วง “ทำไมล่ะ ก็เห็นผู้จัดการกองทุนบอกอยู่ว่าหัวไว ตั้งใจทำงาน นี่พ่อมองตำแหน่งไว้ให้แล้วที่ Synergy Finance”“เจตไม่อยากอยู่ใต้เงาคนอื่น อยากไปลองลำบากดูบ้าง”พ่อกับแม่มองหน้ากันทันที พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าลูกชายคนเล็กคิดแบบนี้ แม้กระทั่งคิณภัทรเองก็ไม่คิดว่าน้องชายจะกล้าพูดออกมา “ใครยุแยงให้แกคิดแบบนี้ล่ะ? เดือดร้อนแม่อีก”เจตนิพัทธ์พยายามหายใจเข้าออกยาวๆ เขาสะกดความหัวร้อนของตัวเองแบบสุดๆที่มาพาดพิงแฟนสาว“ขอตัวไปส่งพราวกลับบ้านก่อนนะครับ”“ขอบคุณสำหรับมื้อนี้นะคะ”เขาพยักหน้าให้พราวตะวันลุกขึ้นและจับมือเธอออกไปจากห้องทานอาหารทันที “คิณ! ใช้คำพูดแบบนี้กับคนอื่นมันเกินไปนะ น้องมีความคิดของตัวเอง ไปพูดว่าใครยุแยงได้ยังไง? ลูกหมายถึงหนูพราวเหรอ? ต่อไปเค้าคงไม่มาที่นี่แล้วเพราะลูกปากร้ายก
พราวตะวันไปเอาผ้าชุบน้ำเพื่อมาเช็ดหน้าให้คิณภัทรที่แดงไปจนถึงหูและลำคอ เขาเอนหลังมองผู้หญิงที่เขารักไม่วางตา เธอปลดกระดุมเสื้อเขาออกจนเห็นอกกว้าง แล้วก็รู้สึกเขินเองทั้งจากสายตาและร่างกายที่กำยำนั้น“คุณไปอยู่ที่ไหนมา..ทำไมผมถึงไม่เจอคุณก่อน..”เขาจับมือเธอที่กำลังประคบผ้าบนคอออกไป แล้วกอดกดเธอลงบนโซฟา พราวตะวันละล่ำละลักพูดกระซิบ“พี่คิณ..แม่อยู่ข้างบน”“แม่บอกให้พราวตัดสินใจไม่ใช่เหรอ? แต่งงานกับพี่แล้วเราไม่ต้องอยู่ที่นี่ก็ได้ พี่จะกลับไทยมาเคลียร์งานแค่นั้น พราวอยากทำอะไร พี่จะให้ทุกอย่าง”อกกว้างที่กดทับหน้าอกเธออยู่ หัวใจเขาเต้นแรงสะเทือนมาถึงเธอที่นอนอยู่ใต้ตัวเขา ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากคนทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มลึกซึ้ง หนีไปกับเขาเหรอ…พระเจ้า…เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจฉัน..เธอใช้มือดันอกเขา พยายามเบือนหน้าหนีไปซุกซอกคอเขาแทน ลมหายใจร้อนๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าชวนให้ร้อนรุ่ม “พี่ไม่อยู่สองเดือนกว่า กลับมาเจอพราวไล่เป็นการตอบแทนความคิดถึง”“เราไม่เคยคบกันนะคะ”คิณภัทรไม่ยอมรับสิ่งที่เธอพูด เขาซุกไซ้คอ บีบจับหน้าอกเธอด้วยตัณหาราคะที่ครอบงำเพราะน้ำเมา“ถ้ามันเลือกยากนัก ก็คบทั้งพี่ทั้