LOGINเรือนไม้แห่งหนึ่งเงียบสงัด แสงจากตะเกียงริบหรี่ลง ทุกคนล้วนมีสีหน้าโศกเศร้า ผู้เป็นพ่อแม่ยังไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเย็นเมื่อวานกระทันหันเกินกว่าจะตั้งตัวได้ทัน
เสียงร้องไห้ของผู้เป็นแม่กรีดหัวใจคนฟังแทนไปแล้วว่านางเจ็บปวดเพียงใด คุณหนูสามบุตรสาวแท้ๆ เพียงคนเดียวของเสนาบดีเว่ยพลัดตกน้ำจนเสียชีวิต
สร้างความตกตะลึงให้คนทั้งจวนก่อนจะกลายเป็นความเศร้าในเวลาต่อมา ใบหน้าของนางถูกผ้าสีขาวปักลายละเมียดละไมคลุมไว้
หนิงชิงชิงน้ำตานองหน้า ปาดแล้วปาดอีกก็ยังไหลอยู่ นางสะอึกสะอื้นแทบไม่เป็นอันทำงาน จัดดอกไม้ขาวประดับรอบโลงแต่ละครั้งมือก็สั่น แต่นางก็ไม่ยอมให้คนอื่นทำแทน
"คุณหนูเจ้าขา เป็นเพราะชิงชิงดูแลคุณหนูไม่ดีเอง ขอให้คุณหนูไปอยู่ที่ชอบๆ นะเจ้าคะ"
เสียงรบกวนที่ดังแว่วเข้าหูนางมาได้ระหนึ่งรบกวนการนอนเป็นอย่างมากจนอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา ทว่าตัวนางกลับไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับเลย ถ้ารู้ว่าจะหมดแรงง่ายขนาดนี้ กินข้าวฝีมืออิงอิงก่อนออกมาก็คงดี
ผ้าคลุมหน้าสีขาวถูกลมหายใจเป่ารดจนกระพือขึ้นน้อยๆ คนกำลังเอ่ยลาส่งผู้ตายชะงักมือที่กำลังวางดอกไม้รอบโลงด้านใน
"คุณหนู…"
ความเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดผวาในทันที น้ำตานางเหือดแห้ง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ตอนนี้หนิงชิงชิงตัวสั่นเทิ้มยิ่งกว่าเดิม เอ่ยเสียงวิงวอน
"คะ คุณหนู หากข้าเคยทำอะไรให้ไม่พอใจก็ให้อภัยกันเถอะนะเจ้าคะ อย่ามาหลอกมาหลอนเลย บ่าว…บ่าวไม่ตั้งใจเจ้าค่ะ"
แล้วผ้าคลุมหน้าก็ถูกมือเล็กๆ นั่นกระชากออกเพราะหายใจไม่ถนัด เป็นหนิงชิงชิงที่กรีดร้องลั่นจวน คนพึ่งยันตัวเองขึ้นจากโลงมีอันต้องวิงเวียนซ้ำ
เสียงกรี๊ดของสาวน้อยตรงหน้านี้เรียกคนอื่นมามุงเธอกันหมด เว่ยหย่งฮวาอดรู้สึกแปลก ๆ ไม่ได้
นี่มันเรื่องอะไรกัน
"ฮวาฮวา?"
"คะ?"
ทำไมคนพวกนี้รู้จักชื่อเล่นฉันล่ะ
"ฮวาฮวาฟื้นแล้วจริง ๆ ฮวาฮวา พวกเจ้ายืนนิ่งอยู่ทำไม ไปตามหมอมาเร็วสิ!" ชายผู้ดูอาวุโสที่สุดตะโกนเสียงดัง อารมณ์ดีใจตกใจปนกันมั่วไปหมด
สตรีวัยไล่เลี่ยกับเขาอีกคนเดินมาจับแขนนางก่อนจะไปจับที่อื่นเหมือนไม่แน่ใจว่านี่เป็นความจริงหรือไม่ ที่พื้นข้างประตูนั้นยังมีสาวน้อยอีกคนที่ใส่เสื้อผ้าสีสันจืดชืดร้องห่มร้องไห้ยกใหญ่
ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เว่ยหย่งฮวาถูกพาออกมาจากโลงโดยที่ยังไม่สามารถประติดประต่ออะไรได้ ทุกคนดูวุ่นวายและแตกตื่นกันมาก จากที่ฟังพวกเขาคุยกันเหมือนว่าเธอจะพลัดตกน้ำแล้วถูกกระแสน้ำพัดไป กระทั่งหญิงสาวผู้นี้เสียชีวิต
เว่ยหย่งฮวาสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่เธอมั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าร่างที่เธอใช้อยู่ในปัจจุบันมีชื่อเหมือนกับตัวเธอเอง หลังจากนั่งมึนเบลออยู่ครู่ใหญ่คนที่น่าจะเป็นหมอก็มาตรวจอาการ
เพราะเธอไม่ใช่เจ้าของร่าง และไม่มีความทรงจำใดหลงเหลือให้ใช้อ้าง เว่ยหย่งฮวาหวั่นใจมากว่าเธอจะโดนไล่ออกไป อาการหวาดผวาของเธอแสดงออกมาผ่านทางร่างกาย
"คุณหนูเว่ยอย่าได้พะวงไป ข้าต้องการเพียงตรวจอาการเท่านั้น" หมอชราเอ่ยปลอบอย่างใจเย็น แต่ก็ไม่ช่วยให้เธอหายหวาดระแวง
นักแสดงสาวไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถกลับไปโลกเดิมได้ไหม สุดท้ายเธอแน่ใจว่าตัวเองตายไปแล้ว ร่างของเธอถูกอัดกระแทกอย่างแรง ต่อให้รอดไปเธอก็อาจจะพิการ เป็นภาระให้กับคนที่ยังอยู่อีก เช่นนั้นการไม่กลับไปหรือกลับไปไม่ได้เป็นการดีกว่า
ป้าไม่ได้สนใจเธอขนาดนั้นและไม่ได้มีความปรารถนาดีหรือรักเธอมากพอจะสละเวลามาดูแลเธอได้ นอกจากอิงอิงเธอก็คิดไม่ออกเลยว่าใครจะมาดูแลเธออีก หากเป็นเช่นนั้นไม่กลับไปเป็นภาระให้น้องสาวผู้นั้นคงจะดีกับเธอมากกว่า
แต่ว่าการอยู่ที่นี่นั้นจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น สถานะของเธอที่นี่ยิ่งกว่าตัวเปล่า หากพวกเขาจับได้ว่าเธอเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ ทั้งพ่อและแม่หนูจะรักและเป็นห่วงลูกสาวคนนี้มาก เหมือนเธอจะมีพี่น้องแต่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ในเวลานี้
เช่นนั้นเว่ยหย่งฮวาก็ขอเสี่ยงดวง
"คะ คือข้า ข้าจำไม่ได้ พวกท่านเป็นใคร"
คำถามของนางทำให้ทั้งห้องเงียบลงสงัด ผู้เป็นพ่อถามท่านหมอเสียงวิตกกังวล
"ท่านหมอ อย่าบอกนะว่าลูกข้า…"
หมอชราถอนหายใจเฮือก "เกรงว่านางจะความจำเสื่อมนะท่านเสนาบดี"
"มีโอกาสจะกลับมาจำได้หรือไม่"
"เคยมีทั้งได้และไม่ได้เกิดขึ้นทั้ง สองกรณี พวกท่านก็ทำใจเผื่อเอาไว้หน่อย คนความจำเสื่อมยิ่งหวาดกลัวมากเพราะอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จักและคนที่ไม่รู้จัก แม้พวกท่านจะจำนางได้ รู้ว่านางเป็นใคร แต่นางไม่รู้อะไรเลยมีความหวาดกลัวและพะวงย่อมไม่แปลก""เข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านหมอมาก" ฮูหยินให้คนไปส่งเขาก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างบุตรสาว ซึ่งเธอก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ายังระแวงอยู่"เอาล่ะฮวาฮวา ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรพวกเรายังเป็นบ้านของเจ้าเสมอ ยังเป็นครอบครัวของเจ้า เพราะงั้นทำใจให้สบายเถอะนะ"ฮูหยินผู้มีสติกว่าสามีเอ่ยแนะนำคนใกล้ตัวของเธอให้ฟังทีละคนว่าใครเป็นใครบ้าง สาวน้อยที่ร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างประตูตอนนั้นคือหนิงชิงชิง เป็นสาวรับใช้คนสนิทของร่างเดิม นางค่อยๆ คลานมาแนบใบหน้ากับขา ร้องไห้ไม่หยุดจนฮูหยินต้องปรามให้นางใจเย็นขึ้นหน่อย"คนที่สมควรต้องปลอบตอนนี้คือคุณหนูของเจ้า ทำไมมาร้องไห้แข่งกับนางเสียได้เล่า""ขออภัยเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าดีใจมากนี่เจ้าคะ คุณหมอฟื้นแล้วแบบนี้ เหมือนฝันไปเลยเจ้าค่ะ"เว่ยหย่งฮวาพูดไม่ออก ถึงพูดออกก็บอกไม่ได้ เรื่องบางเรื่องให้เป็นความเข้าใจผิดตลอดไปอาจจะเป็นการดีกว่าให้รู้ค
เรือนไม้แห่งหนึ่งเงียบสงัด แสงจากตะเกียงริบหรี่ลง ทุกคนล้วนมีสีหน้าโศกเศร้า ผู้เป็นพ่อแม่ยังไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเย็นเมื่อวานกระทันหันเกินกว่าจะตั้งตัวได้ทันเสียงร้องไห้ของผู้เป็นแม่กรีดหัวใจคนฟังแทนไปแล้วว่านางเจ็บปวดเพียงใด คุณหนูสามบุตรสาวแท้ๆ เพียงคนเดียวของเสนาบดีเว่ยพลัดตกน้ำจนเสียชีวิตสร้างความตกตะลึงให้คนทั้งจวนก่อนจะกลายเป็นความเศร้าในเวลาต่อมา ใบหน้าของนางถูกผ้าสีขาวปักลายละเมียดละไมคลุมไว้หนิงชิงชิงน้ำตานองหน้า ปาดแล้วปาดอีกก็ยังไหลอยู่ นางสะอึกสะอื้นแทบไม่เป็นอันทำงาน จัดดอกไม้ขาวประดับรอบโลงแต่ละครั้งมือก็สั่น แต่นางก็ไม่ยอมให้คนอื่นทำแทน"คุณหนูเจ้าขา เป็นเพราะชิงชิงดูแลคุณหนูไม่ดีเอง ขอให้คุณหนูไปอยู่ที่ชอบๆ นะเจ้าคะ"เสียงรบกวนที่ดังแว่วเข้าหูนางมาได้ระหนึ่งรบกวนการนอนเป็นอย่างมากจนอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา ทว่าตัวนางกลับไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับเลย ถ้ารู้ว่าจะหมดแรงง่ายขนาดนี้ กินข้าวฝีมืออิงอิงก่อนออกมาก็คงดีผ้าคลุมหน้าสีขาวถูกลมหายใจเป่ารดจนกระพือขึ้นน้อยๆ คนกำลังเอ่ยลาส่งผู้ตายชะงักมือที่กำลังวางดอกไม้รอบโลงด้านใน"คุณหนู…"ความเศร้าแป
หากไม่ใช่โจรโง่ ๆ ที่สุ่มหาบ้านปล้นไปเรื่อย ก็ต้องเป็นคนคุ้นเคยที่รู้ว่ามันมีของมีค่าอะไรในที่แห่งนี้ ที่ดูผิวเผินเป็นแค่ร้านขายเสื้อธรรมดาบ้าง กุญแจร้านถูกหมุนบิดจนปลดล็อคได้จากด้านนอก ง่ายดายเสียจนไม่มีเสียงรบกวนออกมา แทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย กระทั่งผู้บุกรุกก้าวเข้ามาจึงสังเกตได้ว่าบนพื้นมีรอยหยดน้ำ ซึ่งก่อนจะออกไปอิงอิงจำได้ว่าทำความสะอาดหมดแล้ว หญิงสาวรู้สึกระแวงขึ้นมาทันที เธอคว้าเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือขึ้นมาเป็นอาวุธก่อนจะย่องเข้าไปในร้านเมื่อมาถึงห้องด้านหลังถัดจากห้องน้ำมาก็พบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งนอนหลับอยู่ "พี่ฮวาฮวา?" อิงอิงชะโงกหน้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าใช่จริง ๆ เมื่อรู้ว่าเป็นคนคุ้นเคยเธอก็โล่งอก ตั้งใจจะหมุนตัวกลับไปปิดประตูร้าน ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผู้บุกรุกเข้ามาที่ร้านจริง ๆ และชายผู้นั้นเหมือนจะรู้ตัวว่าเธอไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในในร้านเพียงคนเดียว กรี๊ดดดดด เสียงกรีดร้องหวีดแหลมดังจนปลุกคนที่นอนอยู่ให้ตื่นขึ้นมา เว่ยหย่งฮวาสะดุ้งตัวโยน หันมองตามทิศทางของเสียง จากแสงไฟถนนที่ลอดเข้ามาทำให้เห็
เว่ยหย่งฮวาอยากจะกลับไปพักผ่อนที่บ้านเต็มที เธอจึงตอบข้อความกลับไปว่าให้ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นปิดร้านได้เลยเมื่อถึงเวลา เพราะวันนี้เธอจะไม่เข้าไป เว่ยหย่งฮวาไปที่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งใจจะซื้ออะไรไว้กลับไปทานที่บ้านเพิ่ม อาหารงานเลี้ยงปิดกองมีมากมายแต่เธอแทบไม่ได้แตะอะไรบรรยากาศแบบนั้นคนที่จะกินได้อร่อยก็คือคนที่ไม่มีปัญหากับใคร เว่ยหย่งฮวาเชื่อว่าตัวเองไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน ส่วนใหญ่เป็นการหาเรื่องจากฝ่ายนั้นเองทั้งนั้น ทั้งที่วันนี้หน้าตาอาหารน่าทานเป็นอย่างมาก แต่บรรยากาศงานเลี้ยงกลับแย่ที่สุดที่เธอเคยเจอ งานก่อนหน้านี้ไม่ว่าภาพยนตร์หรือซีรี่ส์ ทุกคนให้เกียรติเธอแม้ว่าเป็นนักแสดงอิสระ เว่ยหย่งฮวายืนรอขึ้นรถบัสสายประจำที่ป้ายรถ แต่แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างหนักไม่ทันตั้งตัว เธอรีบเข้าไปหลบในซุ้มที่นั่งแบบมีหลังคา เว่ยหย่งฮวาอดคิดไม่ได้ว่าชีวิตวันนี้จะซวยซ้ำซวยซ้อนเกินไปแล้ว และเพื่อตอบสนองความคิดนั้นให้เด่นชัดขึ้นไป รถยนต์ที่ขับผ่านมาด้วยความเร็วระดับหนึ่งก็เหยียบน้ำขังที่พื้นก็กระเด็นมาโดนตัวเธอ นักแสดงสาวอยากจะกรี๊ดแต่ก็กรี๊ดไม่ออก สงสัยว
เสียงสังสรรค์ในงานเลี้ยงหลังปิดกล้อง ทำให้เว่ยหย่งฮวาอดรู้สึกน้อยใจตัวเองไม่ได้ เพราะท่ามกลางผู้คนที่มากมายนี้ตัวเธอกลับโดดเดี่ยว นอกจากผู้จัดการชั่วคราวที่ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นหัวนักแสดงอิสระคนนี้อีก ไม่ว่าจะเป็นงานครั้งที่เท่าไรเว่ยหย่งฮวาก็ไม่เคยชินได้เลย อาจเพราะเธอไม่ยอมปีนขึ้นเตียงผู้กำกับพวกนั้น ทำให้เธอเป็นเพียงดาราลำดับสามที่กำลังตกกระป๋องเท่านั้น แต่เธอยอมเป็นดาราตกกระป๋องดีกว่าเป็นของเล่นให้ชายวัยกลางคนที่อ้วนลงพุงแบบนั้น "ทำไมถึงยังนั่งอยู่อีกกันนะ ไม่รู้สึกถึงบรรยากาศรอบตัวบ้างเหรอ" เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ที่นั่งในห้องจัดเลี้ยงเป็นแถวยาวสามแถว เว่ยหย่งฮวานั่งอยู่แถวด้านในของโต๊ะจัดเลี้ยงแถวแรก เธอจำเสียงนั้นได้เพราะต่อบทกันมานักต่อนักแล้ว "อย่าพูดไปเชียวนะ ทำงานมาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี ยังขึ้นแท่นนางเอกอันดับต้น ๆ ไม่ได้เลย" เว่ยหย่งฮวาอดจะกรอกตาไม่ได้จริง ๆ ก็คนที่พูดอยู่เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน ความเป็นมนุษย์ช่างย้อนแย้ง แล้วที่เธอไม่ได้ขึ้นเป็นนางเอกก็เพราะไม่ได้ปีนขึ้นเตียงเหมือนเจ้าหล่อนไง







