ภายในห้องพักห้องหนึ่งของโรงเตี๊ยมอี้ฉางแห่งนี้กำลังมีหญิงสาวนางหนึ่งในอาภรณ์สีฟ้าครามนั่งอยู่ตรงโต๊ะกลมมุมห้องด้วยลักษณะท่าทางคล้ายใจร้อนคล้ายใจเย็นสลับไปมา โดยมีสตรีอีกนางหนึ่งในอาภรณ์สีม่วงเข้มนั่งจิบชาอยู่ตรงตั่งนั่งข้ามกัน
“ใจเย็นเถิด อวี้ถิง จะอย่างไรเสียคืนนี้ก็เป็นคืนของเจ้า”
เถ้าแก้เนี๊ยของโรงเตี๊ยมนามว่าเหมยลี่นั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์พลางเอื้อนเอ่ยคำส่งตรงไปยังสตรีในอาภรณ์สีฟ้านามว่าอวี้ถิง
“หึ! ข้าย่อมใจเย็น” อวี้ถิงเอ่ยขึ้น “ข้าจะรอจนกว่าเครื่องหอมทั้งภายในห้องและในอ่างอาบน้ำออกฤทธิ์อย่างเข้มข้น”
“ดียิ่ง” เหมยลี่ยกยิ้มมุมปากเอ่ยตอบ “โดยเฉพาะถุงเครื่องหอมใต้หมอนนะอันนั้นยิ่งเข้มข้นยิ่งนัก หากเจ้าใจร้อนด่วนได้เข้าไปในห้องนั้นก่อนที่ท่านแม่ทัพจะล้มตัวลงนอนให้ถุงหอมใต้หมอนได้ทำงาน ดีไม่ดี ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดยังไม่ทันได้ออกฤทธิ์ ท่านแม่ทัพฟงเห็นใบหน้าเจ้าเข้าคงถีบเจ้ากระเด็นออกมาจากห้อง”
อวี้ถิงได้ยินพลันถลึงตาจิกกัดเหมยลี่
หญิงสาวในอาภรณ์สีม่วงเข้มยิ่งยกยิ้มชอบใจแล้วเอ่ยต่อ
“แต่หากเจ้ารอจนยาสำแดงฤทธิ์เดชเต็มที่แล้วเข้าไปปรากฏกายต่อหน้าท่านแม่ทัพฟง ขี้คร้านท่านแม่ทัพจะจับกระชากเจ้าเข้าไป จับกดจนจมเตียงนอนแล้วโยกโยนเจ้าจนหัวสั่นหัวคลอน หาได้ถีบเจ้าจนกระเด็นกระดอนออกมานอนนอกห้องไม่”
“เจ้า!” ครานี้อวี้ถิงยิ่งถลึงตาจ้องเหมยลี่พร้อมพวงแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อ “เจ้าเอ่ยสิ่งใดกัน?”
เหมยลี่เห็นอย่างนั้นจึงหลุดหัวเราะเสียงดัง
“ข้าจะบ้าตาย เจ้าจะทำเป็นอายไปเพื่ออันใด ในเมื่อเป็นเจ้าที่ต้องการ ข้าก็แค่สนองตามเงินงามที่ได้รับ เรื่องจับเสือให้กระต่าย จับบุรุษให้อยู่หมัดมิใช่เรื่องต้องคิดมากแต่อย่างใด”
เหมยลี่กล่าวคำหยาวเหยียดเสียดแทงตรงจุดทำเอา อวี้ถิงยิ่งหน้าแดงก่ำ ทั้งบุรุษและสตรีที่เป็นแขกของนางในค่ำคืนนี้มีแต่ได้กับได้ นางจึงไม่มีอันใดให้ต้องคิดมาก จรรยาบรรณอันใดนางหาได้มีไม่ มันกินไม่ได้!
อวี้ถิงได้ฟังคำของเหม่ยลี่เมื่อครู่จึงกระตุกยิ้มตรงมุมปาก
ถูกต้อง!
กับท่านแม่ทัพฟงชิงหยางผู้เกรียงไกร ผู้เป็นรักปักใจเมื่อแรกพบของนาง
นางแอบมองเขามานาน นางรักเขา นางจึงทำทุกอย่างเพื่อจะได้เขามาครอบครองโดยการให้เขาได้ครอบครองนาง
และแล้ววันนี้โอกาสก็มาถึง นางได้รับสิทธิติดตามเขามาจากชายแดนเพื่อเข้ารายงานตัวต่อหน้าพระพักตร์ นางว่าจ้างให้เหมยลี่แอบไปวางยาปลุกกำหนัดเอาไว้ในห้องพักประจำของเขาและนั่งรอให้เขาได้เข้าไปในห้องพักห้องนั้น
ในยามนี้นางเพียงรอเวลาตามคำของเหม่ยลี่ นางอยากเข้าไปหาเขาเต็มที แต่อาจจะจริงอย่างที่เหมยลี่ได้กล่าวไว้
นางไม่อยากถูกไล่ให้ออกมาหากเขายังคงมีสติครบถ้วน
หากนางอยากนอนอยู่ใต้ร่างของเขา หากนางอยากถูกเขาโยกกระชับปีนเกลียว นางต้องอดทน
อา...แค่คิดขนแขนก็ลุกขึ้นชูชันเสียแล้ว...
อวี้ถิงระลึกอย่างนั้นพร้อมฉายชัดทุกความคิดออกมาพาดผ่านใบหน้างามก่อนจะรีบปรับอารมณ์แล้วเอ่ย
“ว่าแต่ท่านเตรียมพยานเอาไว้แล้วหรือ?”
เหมยลี่ที่กำลังยิ้มกว้างพลันชะงักเล็กน้อย
อา...นางลืมไป หากไม่มีพยานมาช่วยกดดันหาความรับผิดชอบ แผนการคงยากสำเร็จ!
เมื่อคิดได้ดังนั้นเถ้าแก่เนี๊ยจึงรีบยิ้มกว้างอีกครั้งแล้วเอ่ยเสียงสูง “โอ้ย! พยานมีเยอะแยะ ไว้ใจข้าเถิด”
จบคำก็ลุกขึ้นแล้วรีบกระวีกระวาดเดินออกจากห้องไปอย่างเร็ว
อวี้ถิงเห็นอย่างนั้นพลันคิ้วกระตุกและเข้าใจได้ไม่ยาก
หึ! ลืมแล้วยังทำตีเนียน เป็นอย่างนี้นางจะได้เข้าห้องของท่านแม่ทัพยามใดกัน ป่านนี้คงปวดหนึบตัวเกร็งทั้งร่างแกร่งแล้วกระมัง!
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องพักด้านในสุดของโรงเตี๊ยมอี้ฉาง
เสียงครวญครางที่ร้องร่ำสอดประสานกับเสียงเตียงโยกโยนและเสียงของเนื้อกระทบเนื้อเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมาเงียบงันไปแล้วคงเหลือเพียงเสียงของลมหายใจหอบหนักหน่วงถี่ที่เริ่มจะเข้าที่เข้าทาง
ชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้อยู่เหนือเรือนร่างของสตรีบอบบางเพียงพลิกกายลงแล้วนอนเคียงข้างกันอย่างเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมสุดหฤหรรษ์ที่มิได้เตรียมตัวเตรียมใจ เขาเสร็จศึกอันแสนสาหัสแล้วเดินทางไกลมาหลายวัน ร่างกายต้องการพักผ่อนแต่กลับต้องมาใช้แรงพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่จากอารมณ์กำหนัดที่จู่ๆ ก็มีขึ้นมา
ฝ่ายหญิงสาวที่นอนเคียงข้างชายหนุ่มก็เช่นเดียวกัน นางแอบหนีออกจากจวนมาในเวลาย่ำเย็นโดยที่ข้าวปลายังมิได้กิน นางเดินทางด้วยเท้าเปล่าหลบมุมมาตามทางใช้พลังงานจากเรือนกายไปมิใช่น้อย นางต้องการพักผ่อนแต่กลับเจอกิจกรรมแปลกประหลาดจนเรี่ยวแรงไม่มีเหลือ
หนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีจึงนอนเคียงข้างกันอย่างเหม่อลอยในสภาพเปล่าเปลือยสมองขาวโพลนภายใต้ผ้าห่มผืนหนาแล้วหลับใหลไป
อวี้ถิงที่ยืนอยู่ตรงขอบเตียงภายในห้องแห่งนี้พลันสมองขาวโพลนไปไม่แตกต่างจากบุคคลทั้งสองที่นอนยาวเหยียดอยู่บนเตียงนอนนั้น
นางสะเดาะกลอนแอบเข้ามายังห้องพักแห่งนี้แล้วได้ยินเสียงเตียงไม้ดังเอี๊ยดอ๊าด เสียงครางต่ำของบุรุษและเสียงครางหวานใสของสตรี นางคิดว่าเข้าห้องผิดนางจึงรีบออกไปแล้วเดินเข้ามาใหม่ใช้เวลาอยู่เกือบสองก้านธูป
เมื่อนางแน่ใจว่าไม่ผิดห้องแน่นอนนางจึงเดินกลับเข้ามาอีก ทว่าเสียงครวญครางของบุรุษและสตรีที่สอดประสานก็ยังคงดังเฉกเช่นเดิม และเพียงครู่เสียงนั้นจึงเงียบไปแล้วถูกแทนที่ด้วยลมหายใจหอบหนักที่เริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง นางจึงตัดสินใจเดินเข้ามาเปิดผ้าม่านของเตียงนอน
และนางก็ได้เห็น
บุรุษเป็นแม่ทัพฟงชินหยางของนางจริงๆ แต่สตรีใต้ร่างของเขาเป็นใคร
สตรีนางนี้เป็นใคร!?
นางตัดสินใจมายังห้องพักห้องนี้ที่แม่ทัพฟงของนางเข้ามาพักและนางก็ให้เหมยลี่วางเครื่องหอมที่มีฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดเอาไว้ทั่วห้องกระทั่งใต้หมอนรวมถึงในน้ำสำหรับอาบ
นางแน่ใจว่าเขากำลังมีอารมณ์ต้องการปลดปล่อยขั้นสุด นางคำนวณเวลาแล้วจึงเข้ามาด้วยร่างกายที่พร้อมทอดให้เขา
แต่ภาพที่เห็นยามนี้คืออันใด!?
อวี้ถิงได้แต่ดวงตาเบิกโพลงจ้องมองหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีที่กำลังหลับใหลหมดแรงบนเตียงนอนอย่างคาดไม่ถึง
นางทำได้เพียงยืนจ้องตะลึงเงียบงันมิได้เปล่งเสียงอันใดออกมา นางยืนตัวชาดิกคล้ายกับวิญญาณล่องลอยไร้ซึ่งมีชีวิตปกติอีกต่อไป
นางยืนเงียบกริบแข็งทื่อเป็นหุ่นไม้นิ่งนานก่อนจะตัดสินใจหมุนตัววิ่งออกไปจากภาพบาดตาบาดใจอย่างคนโง่งม
ภายนอกห้องพักด้านในสุดของโรงเตี๊ยมอี้ฉางเหมยลี่กำลังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมโดยการพาพยานมายังห้องพักห้องนี้ตามที่ได้นัดหมายกับอวี้ถิงเอาไว้นางช่างโชคดีเหลือเกินที่บังเอิญเจอเข้ากับกลุ่มคนของท่านใต้เท้าหลิง พวกเขาทำท่าทางคล้ายกับตามหาคนอยู่ มิรู้ได้ว่ากำลังตามหาใคร แต่เรื่องนั้นช่างมันเถิด นางเพียงอยากได้พยานให้อวี้ถิงเท่านั้น กลุ่มคนพวกนี้มีจำนวนพอเหมาะที่จะกดดันบุรุษให้รับผิดชอบได้แล้วเหมยลี่คิดอย่างปลื้มปริ่มพลางเดินนวยนาดนำทางกลุ่มผู้คน“พวกเราต้องขอขอบคุณแม่นางที่ให้ความร่วมมือ” เสียงหนึ่งบุรุษท่าทางขึงขังเอ่ยขึ้นมาทางเหมยลี่ เขาเป็นหัวหน้าทหารยามประจำจวนของเสนาบดีกรมคลังได้รับมอบหมายจากใต้เท้าหลิงอี้ถังให้ออกมาตามหาคุณหนูหลิงเวย“มิเป็นไรเลยเจ้าค่ะ” เหมยลี่กล่าวพลางโบกไม้โบกมืออมยิ้มพริ้มเพรา“หากไม่เจอคนที่ตามหาก็อย่าว่ากันเท่านั้นก็พอเจ้าค่ะ”“มิกล้า มิกล้า” ชายผู้นั้นส่งยิ้มเล็กน้อยตอบกลับ“เชิญเจ้าค่ะ ตามข้าน้อยมาเถิด” เหมยลี่ชี้ชวนอย่างชดช้อยมาตามทางเดินของโรงเตี๊ยมอี้ฉางพาเอาเหล่าบุรุษประมาณห้าคนให้เดินตามนางมาอย่างสามัคคีเวลาเพียงครู่เหมยลี่จึงมาถึงห้องพักเป้าหมาย นาง
เสียงเกือกม้าวิ่งกระทบพื้นและเสียงล้อของรถม้าที่กำลังขับเคลื่อนเหยียบดินเหยียบหินเป็นจังหวะโยกคลอนทำเอาหลิงเวยเริ่มมีสติขึ้นมาอีกคราพร้อมอาการปวดหัวและเจ็บหน่วงรุนแรงช่วงกลางลำตัว นางเป็นลมหมดสติไปหลายรอบหลังจากที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนให้ห้องพักนั้นแล้วเห็นตนเองอยู่ในสภาพไม่คาดฝัน“อา...เจ็บ” หลิงเวยถึงกับหลุดอุทานออกมาพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลเป็นทางยาวสายใหม่ทับถมคราบน้ำตาหลายสายก่อนหน้านี้ นางร้องไห้มาหลายครั้งแล้วตั้งแต่ตื่นลืมตาขึ้นมา“ฟื้นแล้วหรือ” จู่ๆ เสียงทุ้มต่ำทรงพลังพลันดังอยู่ข้างๆ กายกันพาเอาหลิงเวยถึงกับสะดุ้งเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มได้สติเด่นชัดหลิงเวยยิ่งกะพริบตาปริบๆ เมื่อรับรู้ได้แล้วว่านางกำลังนั่งอยู่ภายในรถม้าคันหนึ่งและข้างกายกันก็เป็นบุรุษลึกลับร่างหนาที่นางเจอบนเตียงนอนนั่น“ท่าน ท่าน ไยถึง...ฮึก...” หญิงสาวเอ่ยคำได้แค่นั้นพลันรู้สึกว่ามีก้อนปริศนาลูกใหญ่ขวางตันอยู่กลางลำคอนางมองชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นั่งมาด้วยกันภายในรถม้าอย่างไม่เข้าใจอันใด เขากำลังนั่งกอดอกอยู่ข้างๆ นางและมองมาทางนางด้วยอาการโกรธกรุ่น สันกรามคร้ามแกร่งของเขาขบเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูน สายตาเรียวคมข
ภายในห้องหับอันคับแคบที่ใช้เป็นที่ซุกหัวนอนของหลิงเวยมาตลอดหลายปีหลังจากที่มารดาตายจากบัดนี้กำลังมีบ่าวรับใช้เดินเข้าเดินออกกันอย่างคึกคักผิดกับเมื่อก่อนยิ่งนักเมื่อยามก่อนนั้นเรือนของนางมีบ่าวรับใช้เข้ามาก็จริงแต่ในเมื่อนางมิใช่บุตรีคนโปรดและไม่มีมารดาเป็นที่พึ่งพิง บ่าวรับใช้พวกนี้ก็เข้ามาแค่ให้รู้ว่าเข้ามาแล้ว และทำความสะอาดอะไรก็แค่ทำแบบขอไปทีทั้งยังมิได้มาทุกวันแต่ทว่ายามนี้หลังจากที่นางตัดสินใจหนีออกไปเมื่อวานและถูกนำตัวกลับมา นางก็มีบ่าวไพร่อยู่เต็มเรือน บ้างทำความสะอาด บ้างจัดเตรียมเครื่องหอม บางคนจัดเตรียมอาภรณ์ และหลายคนกำลังดูแลหลิงเวยอย่างประคบประหงมผิดจากกาลก่อนชัดเจนแต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยอยู่ในสายตาของใครอยู่ไปแบบไร้ตัวตนกระทั่งออกนอกเรือนยังไม่มีใครรู้ว่านางหายไปแต่ทว่าในยามนี้แม้แต่ลุกขึ้นยืนยังมีคนมองแม้กระทั่งยามนอนยังคงมีบ่าวไพร่ตามติดมานอนคุมนางที่เตียง แล้วอย่างนี้นางจะหาโอกาสหนีอีกได้เยี่ยงไรกัน ชีวิตของหนึ่งในภรรยาจากหลายๆ นางจากบุรุษหนึ่งเดียวเฉกเช่นมารดา นางคงหนีไม่พ้นใช่หรือไม่ บุตรที่นางให้กำเนิดจะต้องเกิดมามีโชคชะตาเดียวกันหรืออย่างไรหลิงเวยได้แต่นั
สามวันผ่านมาช่างรวดเร็วประหนึ่งว่าเป็นเวลาแค่หนึ่งเค่อค่ำคืนอันเป็นมงคลที่ประดับประดาไปด้วยม่านมุ้งสีแดงจนเต็มพื้นที่ เจ้าสาวในชุดสีแดงมงคลกำลังนั่งรอเจ้าบ่าวอยู่ภายในห้องหอสีแดงสดอย่างเดียวดายเงียบเชียบภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีเดียวกับอาภรณ์นางกำลังนั่งอยู่ด้วยอาการตื่นกลัวอยู่ไม่น้อยกับการสมรสที่รวดเร็วรวบรัดนี้นางถูกบ่าวไพร่คุมตัวเอาไว้มิให้คลาดสายตามาตลอดสามวันกระทั่งวันส่งตัวขึ้นเกี้ยวแล้วเดินทางรอนแรมมานั่งอย่างเดียวดายอยู่ตรงนี้เจ้าบ่าวของนางก็ช่างน่ากลัวยิ่งนัก นางเป็นของเขาด้วยวิธีผิดๆ และเขายังต้องรับผิดชอบนางด้วยความจำใจมองดูสีหน้าของเขาเมื่อวันก่อนนั่นประไร เขาจะฆ่านางหรือไม่นางยังมิอาจคาดเดาหลิงเวยนั่งกำมือแน่นอยู่ตรงโต๊ะที่คลุมด้วยผ้าสีแดงกลางห้องแห่งเรือนหอ นางนั่งอยู่ด้วยเนื้อตัวสั่นเทากระทั่งโต๊ะตรงหน้ายังรับแรงสะเทือนนั้นดังกึกๆนางผิดเองที่แอบหนีออกจากจวนในวันนั้นแล้วแอบเข้าไปนอนที่ห้องพักนั่นจนกระทั่งแผนการขยับขยายตระกูลของบิดาได้สำเร็จลุล่วงส่งผลให้บุรุษผู้นี้ต้องรับเคราะห์ไปกับนางหญิงสาวนั่งครุ่นคิดด้วยใจที่เศร้าหมองในโชคชะตาที่แสนจะอับแสงของตน นางตั้งใจหลบหนีออ
ฟงชินหยางก้มหน้ามองเจ้าสาวของตนด้วยอารมณ์คุกรุ่นที่มีมาตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนจนกระทั่งเข้าพิธีช่วงเช้าและยิ่งโกรธหนักในยามนี้เมื่อมองเห็นใบหน้าของเจ้าสาวเป็นอย่างนั้นนางวางยาปลุกกำหนัดเขา ได้เสียกับเขาจนต้องแต่งงานกันด้วยแผนการอันแยบยลของนาง แต่เหตุไฉนนางถึงทำท่าทางอย่างนั้นกัน ไยไม่ยินดี ไยต้องร้องไห้ชายหนุ่มยิ่งมองยิ่งนึกสงสัยระคนเข่นเขี้ยวจนต้องถามเสียงเข้ม “ร้องไห้ทำไม?”หลิงเวยสะดุ้งอีกหนึ่งทีก่อนตอบเสียงเบา“ข้า...ข้ามิได้ร้องไห้” “ไม่ได้ร้องไห้ แล้วที่ทำอยู่คืออันใด อย่าบอกว่าเสียใจ”ฟงชินหยางยังคงดุดันในน้ำเสียงพร้อมสายตาคมกล้าสาดใส่อย่างกราดเกรี้ยวทั้งยังเย้ยหยันในทีนางควรจะดีใจที่ทำกับเขาได้สำเร็จ นางควรจะดีใจที่ทำให้พยัคฆ์อย่างเขาต้องเสียท่าพลาดพลั้งอย่างน่าอับอายหญิงสาวไม่ตอบคำ นางไม่จำเป็นต้องต่อความยาวสาวความยืดให้เขามีอารมณ์คุกรุ่นไปมากกว่านี้ นางจึงยกฝ่ามือขึ้นแล้วใช้ชายผ้าซับน้ำตาให้หมดไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นสู้สายตาของเขา นางกำลังพยายามทำใจดีสู้เสือที่สุดในชีวิตชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตัวเดียวกันถึงกับหางตากระตุกอีกหนึ่งคราเมื่อมองเจ้าสาวของตนใบหน้าของนางยามนี้ต
ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วงออกมาคำโตอีกคราก่อนเริ่มต้นเอ่ยคำตามเงื่อนไขที่เขาคิดเอาไว้ตลอดสามวันที่ผ่านมา“เจ้า” เส้นเสียงทุ่มต่ำเพียงหนึ่งคำทำเอาคนรอฟังสะดุ้งตกใจ ฟงชินหยางมิได้สนใจ เพราะยามที่เขาคุมลูกน้องทหารพวกนั้นก็สะดุ้งไม่ต่าง เขาจึงเอ่ยต่อพลางรินเหล้าลงจอกเพื่อหมายดื่มลงคอหวังดับอารมณ์คุกรุ่น“...แต่งงานกับข้าแล้ว เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นคนของข้าต่อไปนี้เจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลหลิงของเจ้าอีก”หลิงเวยได้ฟังประโยคนั้นพลันหูผึ่ง แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่นางต้องการที่สุดในชีวิตฟงชินหยางยังคงดื่มสุราตรงหน้าพลางเอ่ยต่อคำข่มขู่หมายเชือดเฉือนโดยไม่สนใจคนฟังอย่างนาง “ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ภายในหรือภายนอก จวนตระกูลของเจ้ากับจวนของข้าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกัน เจ้าต้องไม่ติดต่อการใดๆ กับตระกูลของเจ้าอีก และอย่าคิดว่าตระกูลของข้าจะอยู่ข้างตระกูลของเจ้ายามเมื่อต้องการความเห็นชอบใดๆ ในราชสำนัก จำเอาไว้ว่าข้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ข้าเป็นทหารมีหน้าที่แค่เป็นรั้วของชาติ อย่านำความนอกจวนมาใส่ในจวนของข้าเป็นอันขาด และที่สำคัญ...”ชายหนุ่มเว้นคำเอาไว้เพื่อปรับอารมณ์อีกเล็กน้อยโดยดื
ค่ำคืนอันเป็นมงคลภายในห้องสีแดงสดฟงชินหยางนอนหันหลังให้เจ้าสาวของเขาบนเตียงนอนด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่านยากเก็บอาการในขณะที่หลิงเวยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองไม่ต่างกันแต่ต้องเก็บข่มไว้อย่างนั้นจนกลายเป็นเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งสรรพางค์กายเพียงครู่ต่อมาหญิงสาวในอาภรณ์เจ้าสาวจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ เกรงคนบนเตียงจะได้ยินก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาก้มหน้าหยิบชุดสีแดงบนพื้นห้องที่ถูกเจ้าบ่าวถอดแล้วโยนทิ้งเอาไว้อย่างไม่ไยดีเมื่อครู่มาถือเอาไว้ก่อนจะพับให้อย่างเรียบร้อยแล้วนำไปวางเอาไว้ที่โต๊ะข้างตู้เสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบตามมาด้วยถอดชุดเจ้าสาวของตนออกแล้วพับเอาไว้เสียด้วยกัน นางพยายามปลดเครื่องประดับต่างๆ บนศีรษะด้วยตนเองอยู่ครู่ใหญ่แล้ววางเอาไว้ด้วยกันตรงนั้นทั้งหมดงานแต่งของนางไม่มีอันใดตรงตามธรรมเนียมสักอย่างหลิงเวยถอนหายใจออกมาอีกคราพลางพยายามมองหาโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อที่จะได้จัดการกับผมของตนเอง แต่ทว่านางมองหาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ ห้องนี้ไม่มีโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับสตรีเมียงมองอยู่เป็นนานนางจึงพอจะเข้าใจ ภายในห้องบุรุษอย่างนี้จะมีโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างไร คันฉ่องก็คงไม่มีเช่
ฟงชินหยางใช้เวลาอาบน้ำนานเหลือเกินในวันนี้ในแบบที่ไม่เคยเป็น เขาทำได้แค่หลับตาลงพร้อมเอียงใบหูอย่างต้องการฟังเสียงของคนนอกห้องอาบน้ำ เมื่อเขาได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมออย่างนั้นเขาจึงได้เวลาขึ้นจากถังอาบน้ำเขาอาบน้ำอยู่เป็นนานจนกล้ามเนื้อเย็นเยียบไปหมดหากนานกว่านี้เกรงว่าคงแข็งตายได้เลยกระมังชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกทีอย่างรู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย ทำไมเขาต้องมาตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้กัน ห้องของเขาเดิมทีมันใหญ่มากแต่กลับคับแคบถนัดตาเมื่อมีสตรีตัวเล็กๆ นางนี้เข้ามา เขารู้สึกอึดอัดยิ่งนักแต่หากเขากับนางแยกเรือนกันนอนแล้วจะอธิบายกับทุกคนในจวนว่าอย่างไร เรื่องของเขากับนางที่ผิดพลาดมหันต์และสาเหตุเชิงลึกอันน่าอับอายเยี่ยงนี้ เขาจะให้ใครล่วงรู้มิได้ไม่ได้เด็ดขาด!บุรุษรูปร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยอารมณ์ที่พยายามทำให้สงบลงแต่เหมือนว่ามันช่างยากเย็น ชายชาติทหารผู้องอาจอย่างเขาไยต้องมาแพ้ทางให้กับสตรีตัวเล็กๆ เยี่ยงนี้กัน หากเขาไม่เพลี่ยงพล้ำรังแกนาง เรื่องก็คงไม่เป็นอย่างนี้ หากเป็นบุรุษด้วยกันเขารับรองได้ว่าไม่มีทางได้กล้ำกลายเขาอย่างแน่นอน ฮึ! ยิ่งคิดก็ยิ่งเคืองฟงชินหยางพาเรื
ในวันนี้ชินอ๋องเฉินจิ้นเหอส่งคนมาเชิญฟงชินหยางให้ไปร่วมดื่มน้ำชาเสวนาพาทีพร้อมเดินหมากล้อมกันตามปกติวิสัย ฟงชินหยางจึงเดินทางไปยังจวนของชินอ๋องในยามสายของวันโดยพาทหารหญิงคนสนิทข้างกายไปด้วยกันตามติดด้วยทหารหน้าบากนายหนึ่งตามไปด้วยอย่างมึนๆบุรุษร่างหนาใบหน้ามีแผลเป็นลากยาวหนวดเครารุงรังผู้นี้ยังคงทำหน้าที่อันหลากหลายได้ดีในทุกๆ วันไม่ว่าจะเป็นองครักษ์พิทักษ์พี่สะใภ้ เป็นหน่วยข่าวกรองไม่เปิดเผยตัวตนให้พี่ใหญ่ ทั้งยังเป็นหน่วยกล้าตายในสังกัดค่ายทหารได้อย่างแนบเนียน หลิงเวยและฟงจินหมิงเดินขนาบข้างมากับฟงชินหยางจนกระทั่งเข้ามายังภายในจวนก่อนจะถูกเชื้อเชิญจากข้ารับใช้ภายในจวนให้เดินตามไปยังทิศทางที่ข้ารับใช้บอกกล่าวว่าชินอ๋องทรงนั่งประทับรออยู่แล้วเป็นนานภายในศาลากลางสระบัวเพียงไม่นานบุคคลทั้งหมดจึงเดินมาถึงศาลาหลังใหญ่ขนาดเก้าเสาหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางบึงสระบัวขนาดกว้างขวางเมื่อฟงชินหยางเดินมาจนถึงศาลานั้น เสียงเพลงพิณแว่วหวานส่งสำเนียงทำนองเสียงใสพลันดังกังวานอยู่ภายในศาลาฟงชินหยางถึงกับชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน หลิงเวยและฟงจินหมิงเองก็ไม่ต่างกัน ทั้งหมดพากันชะงักงันยืนตรึงอยู่กับท
“อันใดหรือเจ้าคะ” จินฮวาเอ่ยถามทหารหญิงคนสนิทของท่านแม่ทัพฟงในทันทีเมื่อมองเห็นผ้าปักงดงามล้ำค่ามากมายตรงหน้า “สำหรับลูกน้อยของเจ้าที่กำลังจะเกิดมา หวังว่าเจ้าคงไม่รังเกียจ” หลิงเวยบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานจริงใจ“เอ่อ...มันงดงามมากเลยเจ้าค่ะ ไม่ธรรมดาเลย บุตรของข้ามิอาจเอื้อมเจ้าค่ะ” จินฮวาเอ่ยอย่างเกรงใจ ทุกวันนี้ท่านแม่ทัพฟงก็ดูแลพวกเราสองสามีภรรยาเป็นอย่างดีมากแล้ว“ข้ามีเยอะทีเดียว เจ้าอย่าได้เกรงใจ” หลิงเวยยังคงตั้งใจจริงจังในการขอโทษสตรีตั้งครรภ์ตรงหน้าจึงไม่คิดจะยินยอมให้จินฮวาปฏิเสธ “หากเจ้าไม่รับข้าเกรงว่าท่านแม่ทัพคงไม่พอใจ”“อา...เจ้าค่ะ” จินฮวายิ้มจนตาหยีรีบรับผ้าปักทั้งหมดเอาไว้ นางยอมรับว่าชมชอบอยู่ไม่น้อย ฝีมือปักผ้านี้ นางนั่งทำสิบปียังเทียบไม่ได้ “ผ้าปักพวกนี้ใส่ได้ทั้งบุตรสาวและบุตรชาย ไม่ว่าเจ้าจะได้บุตรเป็นชายหรือหญิงย่อมใช้ได้ทั้งหมด” “ขอบคุณแม่นางมากๆ เจ้าค่ะ ขอบคุณจริงๆ”สองสาวเพียงส่งยิ้มให้กันพร้อมเสียงหัวเราะสดใสดังกังวานคุยกันถูกปากถูกคอในเรื่องบุตรที่จะมีในไม่ช้าทำเอาในเวลาต่อมาเป็นฝ่ายบุรุษบ้างที่ต้องกลับกลายเป็นฝ่ายรอให้ฝ่ายสตรีเสวนาพาทีกันจนพอใจ
หลิงเวยสังเกตเห็นอาการตื่นเต้นนั้นของฟงชินหยาง นางจึงเริ่มขมวดคิ้วพันมุ่นเริ่มขัดเคืองฉับพลัน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามคำใด สตรีตั้งครรภ์นางหนึ่งก็เดินนวยนาดเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้“ท่านแม่ทัพฟง” เสียงอ่อนหวานของสตรีตั้งครรภ์ดังขึ้นทำให้หลิงเวยยิ่งเพิ่มระดับความขุ่นเคืองมองค้อนฟงชินหยางขวับๆฟงชินหยางเห็นหลิงเวยส่งสายตาสวยหวานพิฆาตมองมาจึงได้แต่เสียวสันหลังวาบๆ อย่างไม่เข้าใจอันใด ไยรู้สึกหนาว!จินฮวาผู้ไม่เข้าใจอันใดในบรรยากาศแปลกประหลาดจึงพาท้องกลมๆ ของตนเองมานั่งยังเก้าอี้บนโต๊ะอาหารตามวิสัยที่เคยกระทำมาเนื่องด้วยว่าท่านแม่ทัพฟงอนุญาตให้นางเป็นกรณีพิเศษ หลิงเวยเห็นสตรีตั้งครรภ์นางนี้ลงนั่งที่โต๊ะอาหารกับฟงชินหยางอย่างนั้นยิ่งเพิ่มระดับความโกรธกรุ่นจึงเอ่ย“ท่านแม่ทัพฟง” น้ำเสียงหวานล้ำแต่กลับแฝงความเย็นเยียบไม่ธรรมดาของหลิงเวยทำเอาฟงชินหยางถึงกับขนลุกชูชันนั่งตัวตรงแข็งทื่อกลายร่างเป็นก้อนหินก้อนใหญ่หลิงเวยยังคงเอ่ย “ท่านบอกแก่ข้าว่าไม่มีภรรยา เห็นได้ชัดว่าท่านโกหก!” ฟงชินหยางเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบซ่อนคลื่นสั่นไหวในอารมณ์ในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร “ย่อมเป็น
หลายวันผ่านไป...ภายในค่ายทหารยังคงฝึกหนักเสียงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างดังเดิม มีการซ้อมเคลื่อนพลเคลื่อนทัพดังเดิม มีการผลิตอาวุธอันทรงพลังตามคำสั่งของท่านแม่ทัพตามเดิม มีกฎระเบียบที่แสนจะเคร่งครัดไม่มีลดหย่อนดังเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและเพิ่มเติมมาก็คือท่านแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่เหนือผู้ใดกำลังถูกสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งครอบงำ หลิงเวยยังคงดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ดูแลทำแผลที่ได้รับจากการฝึกหนักดูแลเรื่องอาหารการกินให้ฟงชินหยางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังคงตีเนียนทำตัวเป็นเพียงทหารหญิงรับใช้คนสนิทให้เขาโดยหาได้เปิดเผยฐานะจริงๆ ของตนไม่ ด้วยยังคงยึดมั่นในคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟงชินหยางก็ยังคงให้ความร่วมมือกับภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน เขาย่อมตามใจภรรยาในทุกๆ เรื่องโดยไม่ถามหาเหตุผลอันใดให้มากความ ในยามกลางวันนางอยากเป็นทหารหญิงรับใช้ให้เขาก็ให้เป็นไป เพียงแต่ในยามค่ำคืนนางต้องตามใจเขาในทุกกระบวนท่าลีลารักที่เขามอบให้ภายในห้องโถงของเรือนท่านแม่ทัพฟงบนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวมากมายหน้าตาน่าทานถูกจัดการเป็นพิเศษเพื่อท่านแม่ทัพฟงแต่เพียงผู้เดียวหลิงเวย
ฟงชินหยางเฝ้ากลืนกินภรรยาตัวน้อยตักตวงความสุขจากร่างบางนุ่มนิ่มพร้อมตอบกลับจัดให้ด้วยความสุขไม่ต่างกันหลิงเวยแหงนหน้าปรือตามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มฉ่ำน้ำสบเข้าไปในดวงตาคู่คมที่กำลังทอประกายร้อนแรงก่อนถูกเขาปล้นลมหายใจด้วยจุมพิตเร่าร้อนเคล้าคลึงด้วยอารมณ์รัญจวนให้ยิ่งกระพือหวามไหวหัวใจเต้นเร่าๆ แทบทะลุออกมานอกอก ปลายลิ้นของทั้งสองโรมรันพัลวันก่อนจะลากไล้พันกันอีกเพียงครู่แล้วปล่อยออกจากกันเพื่อให้อิสระในการส่งเสียงครางครวญยามเมื่อเส้นทางปลายฝันเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิรู้ได้ เส้นทางฝั่งฝันระยิบระยับของพวกเขาช่างมีมากเส้นนักหนา พวกเขาไต่เส้นฝันกันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเตียงตั่งขาโก่งขางอคนสองคนร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานเข้าออกรุนแรงยังคงเร่าร้อนไต่ระดับพายุอารมณ์โดยไม่มีเก็บข่มใดๆกายหนาหยาบแกร่งกระแทกกระทั้นกระตุ้นเร้าให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นลงไม่หนักไม่เบามอบความกระสันเสียวซ่านสาดเข้าใส่จนมีบางอย่างสาดกระเซ็นคล้ายระลอกคลื่นของสายธารคล้ายลาวาร้อนฉ่าท่วมทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอ่อนนุ่มจนชุ่มชื้นถึงแม้จะมิได้เอื้อนเอ่ย ถึงแ
หลิงเวยหน้าแดงก่ำไม่สร่างซาเมื่อถูกบุรุษตัวใหญ่หนากระทำตามใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทว่านางยังคงเชื่อฟังคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีถึงการปลอมตัวในครั้งนี้“ท่านไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับสตรีแปลกหน้า” หลิงเวยเอ่ยคำเพื่อตักเตือนฟงชินหยางขณะถูกเขาช้อนร่างขึ้นอุ้มแล้วพานางมาวางบนเตียงนอนเตียงเดิมหลังจากที่เขาเข้ามาหานางตามคำเรียกหาแล้วพานางอาบน้ำใส่ผ้าแต่ทว่าเขากลับถอดผ้าของนางออกแล้วอุ้มนางมาที่เตียงนอน นางยังขาสั่นอยู่เลยทำต่อไม่ไหวเสียแล้ว“ลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วหรือไร ไยความจำสั้น นี่มิใช่ว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากเข้าไว้หรอกหรือ” ฟงชินหยางยังคงให้ความร่วมมือในการปลอมตัวของภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีขณะกำลังขึ้นคร่อมนางแบบทั้งตัว“หากว่าเรารู้จักกันแล้วอย่างไร ภรรยาของท่านคงไม่ยินดี” หลิงเวยตีมึนถามเจ้าของแผงอกแข็งตึงที่กำลังเบียดเสียดกับหน้าอกนุ่มๆ ของนางอย่างต้องการลองหยั่งเชิงเขา“อา...ข้าจะบอกว่าอย่างไรดี อืม...” ฟงชินหยางทำท่าคิดหนักบางอย่าง “ข้าควรบอกว่ายังไม่มีภรรยา”“...!”และอีกคราที่หลิงเวยต้องส่งค้อนวงใหญ่ใส่ฟงชินหยางชายหนุ่มไม่สนใจดวงตาสวยใสที่กำลังมองค้อนขวับๆ ตรงหน้า เขายังคงก้มหน
“เจ้าหน้าบาก”“...!”เส้นเสียงทุ้มห้าวคำรามออกมาจากแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับหางคิ้วกระดิกมุมปากกระตุกไม่คิดจะถามชื่อแซ่กันเลยรึพี่ใหญ่!ฟงชินหยางยืนถมึงทึงเอ่ยสั่งการเสียงดังไปทางบุรุษตัวโตที่ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังพร้อมรอยแผลเป็นลากยาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง “เจ้าจงตามไปไต่สวนห้าคนนี้ร่วมกับรองแม่ทัพจิ่น เข้าใจหรือไม่เจ้าหน้าบาก”ฟงจินหมิงจึงลุกขึ้นยืนนิ่งๆ จ้องมองฟงชินหยางด้วยมาดไม่ธรรมดาพร้อมสายตาคมกล้าเอ่ยออกมา “ขอรับท่านแม่ทัพฟง”ฮึ่ม! ชื่อเจ้าหน้าบากก็ได้!“ออกไปให้หมด!” แม่ทัพหนุ่มคำรามอีกคราพาเอาเหล่าทหารกล้ารีบประสานมือเสียงดังพรึ่บพั่บก้มหัวคำนับแล้วรีบหมุนตัวจากไปอย่างไวฟงชินหยางจึงเดินตรวจตราภายในค่ายตามวิสัย ทุกทิศที่สายตาคมปลาบมองปราดไป เหล่าทหารทั้งหลายได้แต่อกสั่นขวัญแขวนรีบตรึงตัวขึงขังทำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มกำลังคนใดฝึกยิ่งฝึกหนัก คนใดแบกหามยิ่งแบกหาม คนใดกวาดลานยิ่งกวาดลาน คนใดแอบหลับยิ่งต้องตื่นเต็มตาหาไม่แล้วคงไม่แคล้วได้หลับไปตลอดกาล ความเจ้ากฎเจ้าระเบียบเที่ยงตรงไม่อาจดูแคลน ความโหดเหี้ยมแต่เปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมไม่อา
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องนอนของเรือนประจำตำแหน่งแม่ทัพหลิงเวยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวตุบๆ รู้สึกพะอืดพะอมทั้งยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากมายนักนางพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหว่างขาและยิ่งปวดหนึบยิ่งกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนางรู้สึกคล้ายเอวจะเคล็ดเสียด้วยอา...สะโพกระบมไปหมดผิวเนื้อของนางถึงขั้นบวมน้ำเลยเชียวหญิงสาวนั่งระลึกถึงเรื่องราวเมื่อยามค่ำคืนอันร้อนแรงถึงจิตถึงใจกับฟงชินหยางสามีของนางนางพอจะจำได้เลือนรางว่านางรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าของเขาเข้าไปหลังจากนั้นบนเตียงนอนนี้นางก็ถูกเขาจัดการเสียหลายท่าไม่ว่าจะเป็น นอนหงายฉีกขา นั่งผสานชันเข่า นอนคว่ำโก่งโค้ง นอนคว่ำคร่อมหลัง คลานเข่าเดินหน้า กึ่งนอนที่ขอบเตียง กระทั่งท่ายืนหันหน้าหันหลัง เขาขืนใจนางได้ทุกท่วงท่าด้วยลีลาร้ายกาจ แต่...อืม...หรือว่าเป็นนางที่ขืนใจเขาหลิงเวยสลัดศีรษะเบาๆ กะพริบตาขึ้นลงไล่ความมึนงงให้หลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าในเหล้านั้นมียาบางอย่าง หากนางไม่เป็นคนดื่มมันแน่นอนว่าคนที่ดื่มมันย่อมต้องเป็นฟงชินหยางและหากว่านางมิได้เข้ามาแทรกกลางแน่นอนว่าคนที่มานอนที่เตียงนี่ย่
ภายในตลาดอันยิ่งใหญ่ของหัวเมืองหลักแห่งแคว้นเฉินยังคงมีผู้คนพลุกพล่านมากมายยิ่งกว่าในเมืองหลวงแห่งแว่นแคว้น ฟงลี่หลินได้รับหน้าที่ให้มาอารักษ์ขาองค์ชายฉีเล่ออย่างไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากฉีเล่อนั้นเข้าไปเอ่ยปากกับชินอ๋องด้วยตนเองว่าต้องการท่องเที่ยวและต้องการให้สตรีหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฟงลี่หลินคอยดูแลปรนนิบัติหญิงสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของฉีเล่อด้วยสายตาเรียวสวยพิฆาตฟาดฟันบุรุษร่างสูงสง่าตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากว่าฉีเล่อนั้นเน้นย้ำเหลือเกินกับคำว่าปรนนิบัติ ทำเอาชินอ๋องเข้าใจผิดคิดว่าฉีเล่อนั้นติดอกติดใจนางตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติจากนาง ชินอ๋องรีบเอ่ยสั่งการให้นางที่เป็นผู้น้อยสมควรทำตามใจองค์ชายสูงศักดิ์ทุกอย่างทุกค่ำคืน หาไม่แล้วนางต้องรับโทษทัณฑ์ แค่นั้นยังไม่พอ ยามนางเดินผ่านข้ารับใช้ในวังชินอ๋องคนพวกนั้นยังกระซิบกระซาบว่าต้องการที่จะมาเรียนรู้ลีลากระบวนท่าการปรนนิบัติบุรุษจากนางทั้งๆ ที่หน้าตาของนางมีมลทิน นางยังมีความสามารถเหลือร้ายกระทั่งทำให้องค์ชายสูงศักดิ์ติดใจ หลายคนคิดอยากจะเป็นลูกศิษย์นางเลยเชียวฮึ่ม! ฟงลี่หลินครางฮึม