ลลิตมองบรรดาคนแปลกหน้าย้ายของออกจากห้องพัก ตั้งแต่เช้าที่เขารู้สึกตัวก็ถูกครามอุ้มไว้ในอ้อมแขนแล้ว ชายหนุ่มมาคุมการย้ายสัมภาระแม่ลูกด้วยตนเองถึงแม้ว่าลออจันทร์จะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” เตวิชเดินเข้ามารายงานเจ้านายหนุ่มที่นั่งอยู่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่
“อืม”พยักหน้าตอบรับก่อนจะหันไปมองลออจันทร์ที่ยังบอกลาสองตายายไม่เสร็จ
“ขอบคุณยายแจ่มกับตาทดอีกครั้งนะครับที่คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด”ลออจันทร์ไหว้ขอบคุณทั้งสองคนอย่างซาบซึ้ง
“ตอนนี้ลออมีความสุขก็ดีแล้วล่ะ ยายเห็นหลานมีความสุขยายก็ดีใจ”ยายแจ่มมองดูลลิตในอ้อมกอดของครามอย่างเอ็นดู
“ยา ยา” ยายแจ่มจ๋า อุ้มลลิตหน่อยจ๊ะ
มือเล็กชูมือไปทางยายแจ่มตากลมโตออดอ้อนให้หญิงชราอุ้มตน ครามประคองร่างลูกชายเข้าสู่อ้อมกอดของยายแจ่ม
ฟอด ฟัดหอมแก้มจนแก้มนุ่มนิ่มกระเพื่อมทารกน้อยหัวเราะคิกคักชอบใจ ยายแจ่มเอ่ยลาคู่สามีภรรยาตรงหน้า
“ไว้คราวหน้าพาหลานมาเยี่ยมบ่อย ๆ นะ” กล่าวลาเสร็จก็ส่งลลิตคืนสู่อ้อมออกลออ
เด็กน้อยมองตาแป๋วยังคงไม่เข้าใจในการกระทำของทุกคน ตากลมโตกวาดสายตาใคร่รู้อย่างสงสัย
“แม่ะ อา อูวว” หม่าม้าเราจะไปที่ไหนกันเหรอ
“ลลิต วันนี้เราจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่กันนะครับ”
“อูวววว” บ้านใหม่เหรอ
เด็กน้อยลลิตที่ตอนนี้นั่งอยู่ในคาร์ซีทสำหรับเด็ก มือป้อมจับมือแม่ตัวเองไว้แน่น ตอนนี้ครามได้เปลี่ยนจากรถหรูเป็นรถครอบครัวมารับสองแม่ลูกโดยเฉพาะเนื่องจากได้รับคำแนะนำจากหมอกันต์ว่าเด็กเล็กควรจะนั่งคาร์ซีทที่มีความปลอดภัยมากกว่าตักของผู้ใหญ่
รถครอบครัวคันหรูแล่นมาทางเข้าหมู่บ้านขนาดใหญ่ไปหยุดที่บ้านขนาดสองชั้นมีสนามหน้าบ้านและยังมีสวนดอกไม้เล็ก ๆ อีกด้วย
“เดิมทีหมู่บ้านนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจครอบครัวอยู่แล้ว บ้านหลังนี้เป็นชื่อพี่แต่พี่ไม่เคยคิดมาอยู่จนกระทั่งพี่อยากสร้างครอบครัวของตัวเองขึ้น” ครามอธิบายให้ลออจันทร์พร้อมส่งสายตาอ่อนโยนให้โอเมก้าของตน
เอ๊ะ ชาติที่แล้วโรสรินกับอัยวาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่นี่นา
ลลิตหวนนึกเรื่องราวในนิยายฉากงานวันเกิดที่ครามกับลลิตพบกันครั้งแรก ครามเหมือนรู้ว่าทารกน้อยคิดอะไรอยู่จึงอธิบายให้ลออจันทร์เพิ่ม
“โรสรินกับอัยวาไม่เคยอาศัยที่นี่หรอกนะ เมื่อก่อนแกอยู่ที่บ้านของพ่อแม่พี่ที่อยู่ถัดไปไม่กี่หลัง เดี๋ยววันหลังพี่จะพาทั้งสองคนไปแนะนำตัวกับพวกท่านนะครับ” แม้ครามจะพยายามปกปิดแค่ไหนแต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของลออจันทร์ไปได้
ลออจันทร์นึกถึงเจ้านายเก่าก็ละอายใจ เขาก็คงไม่กล้าสู้หน้าคุณแม่ของครามเหมือนกัน ก่อนจะรู้ถึงฝ่ามือน้อยน้อยที่ลูบไล้ใบหน้าเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมผู้เป็นแม่ให้รู้สึกดีขึ้น
ถ้าคุณปู่กับคุณย่าไม่ชอบลลิตก็ไม่เห็นต้องสนใจเลย ฮึ
“เข้าไปดูในบ้านกันเถอะ” ครามโอบร่างสองแม่ลูกเข้าไปด้านใน ลออจันทร์ที่เห็นของตกแต่งภายในบ้านก็ตกตะลึงการตกแต่งในบ้านเน้นสีโทนอุ่นเป็นหลัก บริเวณมุมหนึ่งของพื้นที่มีคอกเด็กเล่นขนาดใหญ่ตั้งอยู่เป็นสง่าประกอบไปด้วยสไลเดอร์ขนาดย่อม ลูกบอลหลากสีและของเล่นอื่น ๆ อีกมากมาย
“คุณครามครับ ลลิตเพิ่งจะเจ็ดเดือนเองนะครับ” ของเล่นเยอะไปแล้ว แต่ลลิตกลับตื่นเต้นจนสะบัดหางไดโนเสาร์ไปมา
“อูววว อา อา” หม่าม้าลลิตอยากเล่นแล้ว
มือชี้มือไปมาไปยังสไลเดอร์ที่ตั้งสง่าอยู่ในคอกบ่งบอกว่าตนตื่นเต้นแค่ไหน ครามได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ เมื่อนึกถึงอายุของลูก
“เด็กน่ะโตเร็วจะตาย เดี๋ยวก็ได้ใช้เองนั่นแหละ” ครามพยายามบ่ายเบี่ยงประเด็นก่อนจะชักชวนขึ้นไปดูห้องนอนของลูกบนชั้นสอง
“ไปดูห้องของลลิตกันเถอะ”
“ครับ” ลออจันทร์รับคำก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งมีทั้งหมดสี่ห้องใหญ่แบ่งฟากละสองห้อง
“ห้องนี้เป็นห้องทำงานและห้องนอนรับแขก ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องนอนของลลิต”ครามแนะนำห้องของลูกอย่างตื่นเต้นเนื่องจากตนตั้งใจดูแลกำกับทุกอย่างในห้องแก้แล้วแก้อีกจนออกมาเป็นที่พอใจ
ลออจันทร์เปิดประตูเข้าไปก็พบกับเตียงนอนที่มีรั้วกั้นเด็กตรงกลางห้องมีโมบายขนาดยักษ์อยู่กลางห้อง บริเวณมุมหนึ่งประดับประดาด้วยตุ๊กตาหลายขนาดทั้งห้องตกแต่งโทนสีเอิร์ธโทน บริเวณพื้นถูกปูด้วยพรมหนานุ่ม
ลออจันทร์วางลูกน้อยไว้บนพรมให้เล่นกับบรรดากองทัพตุ๊กตาก่อนจะสำรวจไปทั่วห้องนอนแล้วหันมาตั้งคำถามกับชายหนุ่ม
“แล้วเตียงของผมละครับ” ครามหน้านิ่งเดินไปยังประตูที่เชื่อมต่อกับอีกห้อง
“ลออไม่ต้องห่วงนะ ห้องของเรากับลูกเชื่อมต่อกันสามารถทะลุเข้ามาหาลลิตได้ทุกเมื่อ” ลออจันทร์ที่ฟังคำพูดของครามก็หน้าแดงก่ำ
“เราต้องนอนด้วยกันเหรอครับ”
“ใช่สิ ก็เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนี่”ครามตอบหน้าตาย ตั้งแต่ที่ลออจันทร์รับปากจะสร้างครอบครัวกับเขา วันต่อมาครามก็เชิญนายทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสทันที
ลออจันทร์ที่หน้าแดงอุ้มลูกน้อยเดินสำรวจห้องนอนที่ทาสีโทนสบายตา กลางห้องมีเตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ อีกทั้งยังมีห้องแต่งตัวแยกออกมาอีกโซนหนึ่งในห้องน้ำมีอ่างขนาดใหญ่พอที่ผู้ชายสองคนแช่ด้วยกันได้
“บูววว แม่ะ บูวว” หม่าม้าห้ามนอนกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาดนะ
เสียงอ้อแอ้พยายามห้ามปรามหม่าม้าของตนแต่จนใจที่ตัวเองยังฟังไม่ออกแล้วลออจันทร์จะรู้เรื่องได้อย่างไร ลลิตโมโหที่ตัวเองไม่ทันเกมของพ่อตัวเองอาละวาดดังลั่น
“แอ้ แอ้” ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ ไอ้พ่อโง่
“ลงไปข้างล่างกันเถอะ ลูกคงหิวแล้ว” เมื่อเห็นท่าทางอาละวาดของลูกชายจึงนึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาอาหารกลางวันของลูกน้อย
“ครับ ไปกันเถอะ”
“แม่ะมา แม่ะมา” หม่าม้าไม่ฟังลลิตเลย
หนูน้อยนั่งหน้าบึ้งบนเก้าอี้ทานอาหารสำหรับเด็กเบี่ยงใบหน้าหนีช้อนที่ผู้เป็นพ่อพยายามป้อน เม้มปากแน่นสะบัดหน้าหนีไม่ยอมอยู่นิ่ง
“ลลิตหนูหิวไม่ใช่เหรอลูก อ้าาา” ครามพยายามหลอกล่อเจ้าหนูน้อยแต่ก็ไม่ได้ผล
ฮึ กล้ามาหลอกให้หม่าม้าไปนอนด้วยเหรอ อย่างนี้ต้องสั่งสอน
ปากเล็กที่เคยเม้มแน่นอ้าออกกินอาหารที่ไร้รสชาติเข้าไปเตรียมจะพ่นใส่หน้าคนเป็นพ่อแต่ก็มีเสียงขัดจังหวะซะก่อน
“เด็กคนนี้น่ะเหรอ หลานชายของฉัน”
“คุณแม่/คุณหญิง” เสียงเรียก
“แอ้?” ใครอ่ะ ลลิตเอียงคอมองคนแปลกหน้าก่อนจะนึกว่าคือคุณหญิงไพลินย่าของลลิต ในชาติที่แล้วคุณหญิงไพลินเป็นย่าที่รักหลานเป็นอย่างมากทั้งยังเคยเผื่อแผ่มาให้ลลิตเพื่อนของหลานชายเป็นบางครั้ง
“ใจคอจะไม่บอกแม่หน่อยเหรอ ว่าย้ายบ้านแล้วน่ะ” พูดพลางเดินมาเบียดร่างลูกชายให้ลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้อีกตัวยึดถ้วยลายหมีน้อยเอาไว้ก่อนจะเริ่มป้อนข้าวหลานชายคนใหม่ต่อ
“อ้าม อ้าปากหน่อยเร็ว”
“อาาาา” ลลิตน้อยอ้าปากรับอาหารที่ป้อนอย่างเต็มใจ ลืมเรื่องขุ่นข้องใจก่อนหน้าไปเสียสนิท
“เด็กดี เก่งจังเลย หลานใครน่าาาา”คุณไพลินรู้สึกรักหลานชายที่พึ่งรู้ว่ามีคนนี้ ถึงแม้อัยวาที่เกิดจากโรสรินจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แบเบาะแต่โรสรินกลับไม่ชอบให้คุณหญิงมาวุ่นวายกับลูกชายของตนเท่าไหร่ชอบโยนให้พี่เลี้ยงดูแลมากกว่า คงกลัวว่าคุณหญิงจะจับผิดเรื่องหน้าตาของอัยวาที่ไม่ค่อยเหมือนครามเท่าไหร่
คุณหญิงย่อมคิดถึงอัยวาอยู่บ้าง หากแต่นึกถึงทีไรใบหน้าโรสรินก็โผล่มาพร้อมกันตลอดทำให้ท่านรู้สึกหงุดหงิด จนกระทั่งพิศาลผู้เป็นสามีมีท่าทีแปลก ๆ จนเค้นถามถึงได้รู้ว่าลูกชายพาลออจันทร์และลูกชายย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแล้ว
บ้านหลังนี้ลูกชายของท่านหวงนักไม่ยอมให้ใครเข้ามาอยู่ กระทั่งก่อนแต่งงานคุณหญิงยังเคยเปรยให้โรสรินมาอยู่บ้านหลังนี้ เจ้าลูกชายตัวดีกลับลุกหนีจากโต๊ะอาหารกลางคันทิ้งให้โรสรินหน้าเสียท่ามกลางครอบครัวของทั้งสองฝ่าย
“อาาาาา” คุณย่าเร็วหน่อยลลิตหิวแล้ว
เห็นท่าทางน่ารักของหลานชายก็ทำให้คุณหญิงไพลินใจละลายรีบป้อนข้าวให้อย่างอารมณ์ดี
ช่างสองแม่ลูกนั่นเถอะ อย่างน้อยอัยวาก็มีครอบครัวทางโน้นคอยดูแลอยู่
“พวกเธอสองคนก็กินข้าวเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”คุณหญิงไพลินพูดลอย ๆ เมื่อเห็นผู้ใหญ่อีกสองคนไม่ยอมขยับ ครามพยักหน้าให้ลออจันทร์ก่อนจะตักอาหารให้ ท่ามกลางบรรยากาศที่อึดอัดระหว่างผู้ใหญ่มีเพียงหนูน้อยลลิตที่มีความสุขเพียงคนเดียว
อ้าม เอาอีกฮะคุณย่า ลลิตยังไม่อิ่มเลย
แทนไทเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก วันนี้นอกจากจะมีครอบครัวเพลิงโชติเมธีแล้วยังมีครอบครัวโยธินตระกูลมาร่วมรับประทานอาหารด้วยลินินตอนนี้อยู่ในอ้อมแขนของคุณวาสินีที่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่เข้ามา ร่างตุ้ยนุ้ยนั่งเก้าอี้คอยชวนคุณยายพูดคุยด้วยท่าทางไร้เดียงสา ครามกับปราบนั่งคุยล้อมวงกับคุณอารัญและคุณพิศาล เด็กชายคีตานั่งไถโทรศัพท์เงียบ ๆ นั่งข้างลลิตกับแทมมาลีน“อ้าว พี่จ๋าหายไปไหนมา”แทมมาลีนเอ่ยทัก เผลอละสายตาจากหมากรุกที่เขากับลลิตฟาดฟันมาหลายนาที จังหวะที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไม่รู้ตัวเลยว่าลลิตแอบหยิบหมากตัวเองออกไปหนึ่งตัว“ตานายแล้ว รีบเดินสิ”“เร่งทำไม เอ๊ะ ทำไมมันแปลก ๆ”“แปลกอะไร ไม่มี้” ลลิตพูดเสียงสูง ไม่มีพิรุธสักนิด แทมมาลีนที่เห็นท่าทางลลิตเป็นแบบนี้ก็กระโจนเข้าไปขยี้ผมนุ่มทันที“หน็อยแน่ ทำเป็นเนียนเลยนะ”“ปล่อยนะ นายกล้าทำกับพี่เขยแบบนี้ได้ยังไง” ลลิตเผลอตัวหลุดโพล่งออกมา
“บาดแผลสมานตัวดีมาก อย่าลืมมาพบแพทย์ตามนัดอีกสองสัปดาห์นะครับ ตอนนี้คุณหนูสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้วครับ”คุณหมอมอบรอยยิ้มให้เด็กหนุ่มตรงหน้าที่นั่งยิ้มหน้าบาน“ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ ครับ”ลลิตไหว้ขอบคุณลุงหมอเจ้าของไข้ที่คอยดูแลเขามาตลอดที่อยู่โรงพยาบาลเมื่อบอกลาคุณหมอเสร็จเจ้าตัวแสบก็ลงมายืนข้างเตียงโดยที่ไม่ต้องมีใครช่วยพยุงอีกแล้ว“...”แทนไทที่เตรียมอุ้มลลิตทำหน้าเสียดาย ช่วงหลังที่ลลิตพักฟื้นเท้าแทบไม่ติดพื้นเพราะมีครามกับแทนไทคอยอุ้มไปไหนต่อไหนตลอดถึงจะถูกลออจันทร์บ่นว่าก็ทำหูทวนลมทั้งสามีและลูกเขยวันนี้ครามติดประชุมสำคัญทำให้มารับลูกชายออกจากโรงพยาบาลไม่ได้ แทนไทจึงอาสามารับแทนสร้างความประทับใจให้แก่ลออจันทร์ยิ่งไปอีก“ไปกันครับ ผมอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว”ลลิตเดินนำหน้าลออจันทร์และแทนไทออกไปอย่างร่าเริง“ลูกคนนี้นับวันยิ่งแก่นแก้วไปทุกที” แทนไทมองลลิตที่ทำตัวร่าเริงด้วยแววตาอ่อนโยน“ดีแล้วครับ ผมชอบที่เขาเป็นแบบนี้”“หม่าม้า ล
“ตอนนี้แผลผ่าตัดของคุณหนูลลิตปกติดีครับ ไม่มีการติดเชื้อใด ๆ ผู้ป่วยสามารถลุก เดิน นั่งได้ด้วยตัวเอง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนภายใน หมอจะทำการตัดไหมในวันที่ 7 พร้อมกลับบ้านในวันเดียวกันได้เลยครับ”ครามและลออจันทร์นั่งฟังคำวินิจฉัยของแพทย์ด้วยความดีใจ“คุณหมอหมายความว่า ลลิตหายแล้วใช่ไหมครับ” ลออจันทร์ถามย้ำอย่างตื่นเต้น“ครับ ตอนนี้คุณหนูลลิตปลอดภัยแล้วครับแต่ยังต้องทานยาและมาพบแพทย์ตามนัดด้วยนะครับ”“ขอบคุณครับหมอ” ครามโค้งตัวขอบคุณคุณหมอที่ช่วยชีวิตลูกชายของเขาไว้“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว”คุณหมอนพ เจ้าของคนไข้นึกชื่นชมเจ้าของโรงพยาบาลตรงหน้าที่ไม่ถือตน เมื่อได้เวลาที่ต้องไปตรวจคนไข้ก็ขอตัวออกไปก่อน ลออจันทร์ลูบกลุ่มผมนุ่มของคนที่ยังหลับใหล“ลลิตปลอดภัยแล้วนะครับ”“รีบตื่นมาฟังข่าวดีได้แล้ว เจ้าตัวยุ่ง” เหมือนลลิตรู้ตัวว่าหม่าม้ากำลังพูดกับตน ร่างบางส่งเสียงพึมพำออกมาอย่าง
ครามที่สองมือหอบข้าวของของภรรยาและลูกชายมาเต็มสองมือไม่ยอมให้ป้าจิตช่วยถือเดินเข้าโรงพยาบาลมาพร้อมกับคุณไพลินและคุณพิศาลที่เดินหน้าเครียดสร้างความตื่นตกใจให้แก่บุคลากรของโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก“พี่คราม ผมได้ยินข่าวของลลิตแล้ว หลานของผมเป็นยังไงบ้างครับ” หมอกันต์ที่ออกไปสัมมนาข้างนอกวิ่งเข้ามาเจอครอบครัวของญาติผู้พี่พอดีถามเสียงลั่นไม่นะ หลานชายที่น่ารักของเขาทำไมต้องโชคร้ายขนาดนี้ด้วย“ตอนนี้ลลิตยังปลอดภัย แกก็อย่าตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ได้ไหม กว่าฉันจะปลอบคุณแม่ให้สงบลงต้องใช้เวลาแค่ไหน”ครามกระซิบบอกน้องชายเสียงเบา สายตาคอยมองคุณไพลินที่เดินนำหน้าด้วยความเป็นห่วง“แหะ แหะ เข้าใจแล้วครับ” หมอกันต์แย่งตุ๊กตาไดโนเสาร์สีเหลืองที่ผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน&
“ป๊ะป๋าตื่นสาย”ลลิตพูดลอย ๆ เมื่อเห็นครามอุ้มลินินเดินลงมาจากชั้นบน ตอนนี้เขากับคีตากำลังกินข้าวเช้าที่ป้าจิตเป็นคนทำให้ คีตาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เกี่ยวกับแผนการของพี่ชายนั่งตักข้าวต้มกินต่อไป “วันนี้วันหยุด ป๊ะป๋าก็อยากตื่นสายบ้าง หม่าม้าก็ชอบตื่นสายเหมือนป๊ะป๋านะ” ครามตอบโต้ลูกชายด้วยการยกหม่าม้าของเจ้าตัวขึ้นมาอ้าง ลลิตหน้าบูดเมื่อพูดอะไรไปเจ้าพ่อบ้ากามก็ไม่สะทกสะท้านจึงนั่งจ้วงข้าวต้มเข้าปากคำโต “มาค่ะ ลินินเดี๋ยวพ่อป้อนหนูนะคะ” “อื้อ ไม่เอาค่ะ หนูอยากกิงเอง ลินินโตแย้วนะ” เด็กหญิงบอกว่าตัวเองโตแล้ว ครามได้แต่นั่งลงทานข้าวแต่โดยดี “เด็ก ๆ ทานข้าวเสร็จหรือยังครับ”ลออจันทร์ที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินมาหาลูกชายลูกสาวก่อนจะไล่หอมหัวคนละหนึ่งที&nbs
"แล้วนายจะกลับอิตาลีเลยหรือเปล่า”ลลิตถามอัยวาขณะที่ทั้งสองอยู่ในลิฟต์ ครามอยากตามลงมาด้วยแต่ถูกเตวิชขวางไว้เสียก่อนจึงได้แต่มองลูกชายและอดีตลูกชายเดินออกไปตาละห้อย “คงต้องกลับเลย ฉันลาหยุดได้แค่ไม่กี่วัน” ราฟาเอลก็ทิ้งการเรียนตามเขามาด้วย อัยวาไม่อยากให้แฟนตัวเองถูกไล่ออกจึงต้องรีบกลับไป“ฉันอยากแวะไปหาคุณยายกับคุณตานะแต่ฉันไปตามที่อยู่เดิมกลับมีคนอื่นเข้ามาอาศัยอยู่แล้ว” อัยวาพูดด้วยน้ำเสียงจนใจ ลลิตได้แต่เห็นใจเรื่องของครอบครัวอัยวาเขาคงไปยุ่งมากไม่ได้โอเมก้าสองคนเดินไปยังร้านกาแฟของลออจันทร์ ทันทีที่ลลิตเปิดประตูเข้าไปก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นอัลฟ่าสองคนนั่งจ้องหน้ากันโดยมีน้องคีย์นั่งทำการบ้านด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ“พี่ลลิตมาแย้ว”ลินินที่นั่งอยู่บนตักแทนไทดิ้นลงวิ่งมาหาพี่ชาย“ลินินมาได้ไงครับ” ลลิตถามด้วยความแปลกใจ นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนนี่นา“วันนี้โยงเยียนเล