“คุณหมายถึงพี่เรย์หรอค่ะ”ฉันเงยหน้าเบิกตากว้างถามเขาโดยที่สีหน้าได้เปลี่ยนจากหนักใจเป็นแปลกใจแทน“พี่เรย์...?? งั้นเหรอ...นี่สนิทกันขนาดนั้นเชียวหรอถึงเรียกกันแบบนั้นน่ะ” ใบหน้าหล่อร้ายหรี่ตาถามฉันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเหมือนกับต้องการจับผิดส่วนฉันที่แม้จะรับรู้ได้ถึงสถานการณ์มาคุอยู่ ณ ขณะนี้ แต่ก็เลือกที่จะเลี่ยงประเด็นคำถามถึงเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเรียกบอดี้การ์ดที่เขาส่งมาดูแลฉันว่าพี่ แล้วเปลี่ยนไปโฟกัสถึงความไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงจะสนิทกับพี่เรย์ไม่ได้ทั้งที่เขาเป็นคนส่งพี่เรย์ให้มาดูแลฉันเอง“แต่พี่เรย์คือคนที่คุณให้มาดูแลฉันไม่ใช่หรอค่ะ” ฉันถามกลับไป“พี่เรย์ คำก็พี่เรย์ สองคำก็พี่เรย์ แต่เรียกผู้ชายที่คุณเพิ่ง…อม…ให้อย่างผมว่าคุณเนี่ยนะ” จู่ ๆ คนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะผีเข้าออกอาการเหวี่ยงใส่ฉันอย่างไม่มีเหตุผลขึ้น และในขณะที่ฉันยังไม่หายงุนงงในพฤติกรรมของเขา ร่างทั้งร่างของฉันก็ถูกดึงขึ้นแล้วเหวี่ยงไปนอนบนโซฟาแทน“โอ๊ย…!!”ฉันถึงกับร้องอุทานออกมาทันทีที่ตัวกระแทกเข้ากับโซฟาหรู และในจังหวะเดียวกันนั้นเองเจ้าของร่างโตก็ได้ขึ้นมาคร่อมฉันในทันที“ลองเรียกมันว่าพี่อีกคำหนึ่งสิ...!!” เขาจ
“ทำไมล้างจานนานนักล่ะ”เขาถามขึ้นมาหลังจากเห็นฉันยังไม่ออกตามเขาไปสักที และด้วยเสียงเรียกของเขาก็ทำให้ฉันไม่มีทางเลือกจำต้องรีบจัดการงานตรงหน้าด้วยความรวดเร็วแล้วเดินตามเขาออกไป“มะ...มนต์กลับได้แล้วหรือยังค่ะ” ฉันก้มหน้าเล็กน้อยถามเขาไปตรง ๆ หลังจากคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง“ทำไมล่ะ อยู่กับผมไม่สนุกเหรอ” เขาเงยหน้าจากมือถือสุดหรูในมือขึ้นมาถามฉัน“ก็คุณเล่นแกล้งมนต์ไม่หยุดเลยนี่ค่ะ” (>///ฉันตอบเสียงเบาก้มหน้างุด“แกล้งอะไร ไหนคุณลองบอกผมมาซิ” ส่วนเขาก็ทำเป็นถามกลับด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ แต่เป็นฉันเองที่ไม่รู้จะตอบกลับเขายังไงไม่ให้ดูน่าเกลียดก็ได้แต่เม้มปากแน่น“ว่าไงล่ะ ผมแกล้งอะไรคุณ” ก่อนที่เขาจะถามย้ำและด้วยการถามย้ำอีกครั้งก็ทำให้ฉันจำต้องพูดสิ่งที่รู้สึกออกไป...“กะ...ก็สิ่งที่คุณทำกับมนต์ตั้งแต่เช้า มันแกล้งกันชัด ๆ เลยนี่ค่ะ” ฉันเงยหน้ากัดฟันตอบก่อนจะหลุบตาต่ำดังเดิม“อันนั้นผมไม่ได้แกล้ง แต่ผมเอาจริงต่างหาก” คนมาดร้ายพูดออกมาหน้าตาเฉย และด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่ส่งมานั้นฉันกลับรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง“มันทรมานดีใช่ไหมล่ะ ร่างกายที่ถูกกระตุ้นแต่ไ
“ผมว่าผมบอกคุณไปแล้วนะว่าไม่ให้ใส่ชิ้นนั้นน่ะ”เสียงเย็นพูดก่อนจะเดินมาประชิดตัวด้านหลัง พร้อมกับหยิบเสื้อชั้นในจากมือฉันไป“ตะ...แต่ว่าข้างนอกมี...”และในจังหวะที่ฉันยังไม่ทันพูดจบ“หรือว่าไม่อยากใส่อะไรเลย...??” คนตัวโตยักคิ้วถามเอ่ยปากเอาแต่ใจแต่ทว่า...ด้วยประโยคนั้นยังไม่น่าตกใจเท่า อวัยวะบางส่วนของเขาที่ตอนนี้กำลังทิ่มแทงอยู่แถวบริเวณบั้นท้ายของฉัน และด้วยการรับรู้ได้ถึงอันตรายที่ฉันรู้ดีว่ามันจะส่งผลให้ฉันลำบากแค่ไหน ฉันก็ได้แต่รีบเด้งตัวหลบหนีอาวุธร้ายของเขา พร้อมกับเลือกที่จะใส่แค่เสื้อตัวนอกอย่างที่เขาต้องการการกระทำของฉันส่งผลทำให้คนตัวโตที่กำอำนาจในมือพอใจทันที เขาที่ยกยิ้มได้ใจใส่ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนฉันที่เห็นว่าถ้าขืนตัวเองยังอยู่ในห้องนอนกับเขาแบบนี้ต่อไปแล้วละก็ความปลอดภัยต่อพื้นสงวนคงไม่เหลืออย่างแน่นอน พอคิดได้ดังนั้นฉันจึงรีบเดินผละออกไปจากห้องนี้ทันทีแล้วรีบลงไปยังด้านล่างโดยที่หลังยังเสียววาบไม่หายหลังจากที่ฉันได้ลงมายังด้านล่างป้าแม่บ้านที่ฉันเจอก่อนหน้านี้ก็ไม่อยู่แล้ว จะมีเพียงก็แต่อาหารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ที่โต๊ะเรียบร้อยแล้วเท่านั้น และแม้ว่าฉันจะร
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก“ท่าน...อ่ะ...คุณวาคิมค่ะ” ฉันเคาะประตูเอ่ยปากเรียก“...............”ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก“คุณวาคิมค่ะ” ฉันเรียกคนที่อยู่ในห้องอีกครั้งแกร๊ก ~~“ใครวะ...เสียงดังแต่เช้า”เสียงสบถพร้อมกับภาพตรงหน้าที่ปรากฏภาพของชายหนุ่มยืนเปลือยกายท่อนบนโชว์หราตรงหน้า เรือนร่างอันกำยำที่มีมัดกล้ามสวยงามประดับอยู่นั้นเมื่อบวกเข้ากับเขาที่ยืนเอามือเท้าประตูพร้อมกับยีหัวด้วยความหงุดหงิด ช่างทำให้ภาพทั้งหมดทั้งมวลตรงหน้ากลับดูเซ็กซี่จนคนที่ได้เห็นถึงกับลอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว“...อึก...” (O///O)ลำคอระหงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเฮือกหลังได้ลอบมองเรือนร่างดั่งเทพเซียนปั้นตรงหน้า ก่อนที่ตัวเองจะรีบเก็บสายตาหื่นกระหายอย่างไม่ทันตั้งตัวเอาไว้ด้วยความรวดเร็วแล้วเปลี่ยนเป็นสายตานิ่งสงบดังเดิมแทน“ขะ...ขอโทษค่ะ ท่านประ...เอ่อ...คุณวาคิม ถ้าอย่างนั้นมนต์ขอตัวลงไปรอข้างล่างแล้วกันนะคะ” ฉันก้มหน้าเอ่ยเสียบเรียบทั้งที่ใจยังเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไม่เป็นจังหวะ“อ้าว...อ๋อคุณเองหรอ...ไม่ต้องหรอกเข้ามาสิ” คนตัวโตที่ยังคงงัวเงียตื่นไม่เต็มตา พูดก่อนจะเดินนำเข้าไปภายในห้อง“ท่าน...เอ่อ...คุณวาคิมต้องการให้มน
ฉันที่นั่งทบทวนกับตัวเองอยู่สักพัก จากนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างคนที่ปลงตก“เฮ้อ...แค่นี้ใช่ไหมคะที่ท่านประธานต้องการ” ฉันถอนหายใจก่อนจะบอกออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย“วาคิม...!!”“ค่ะ...??” (O.O) ?“เวลาอยู่กับผมต่อไปนี้ให้เรียกผมว่า...วาคิม ท่านประธานมันดูห่างเหินไปนิดนะถ้ามองในฐานะ...” เขาปรายตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อย หลังจากบอกถึงสิ่งที่เขาต้องการ“ได้ค่ะ”“มีอะไรสงสัยอีกไหม” เขาจิบบรั่นดีในมือต่อ ก่อนจะถามโดยไม่หันมามองฉัน“ในฐานะใหม่ที่ท่านประธาน เอ๊ย คุณวาคิมมอบให้ มนต์ต้องทำอะไรบ้างคะ” ฉันถามเพราะไม่รู้จริง ๆ เพราะฉันไม่เคยเป็นนางบำเรอให้ใครมาก่อน“ก็ทำเหมือนที่เคยทำ เพียงแต่...” เขาหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ“เมื่อผมต้องการคุณต้องพร้อมเสมอ”คำพูดที่ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะด้วยสายตาที่เขาส่งมาให้บ่งบอกได้ดีว่าเขาต้องการแบบนั้นจริง ๆ“ได้ค่ะ” ฉันรับคำอีกครั้ง ด้วยใบหน้านิ่งเรียบแบบเดิม แม้ว่าข้างในหัวใจมันจะปวดหนึบกับคำพูดและการกระทำของเขา“มีอะไรอีกไหมคะ มนต์จะได้ขอตัวไปพักผ่อนก่อน” ฉันพูดออกไปแบบนั้นเพราะรู้สึกอยากพักผ่อนจริง เนื่องจากวันนี้ทุกสิ่งอย่างที่ฉันเจอมามันหน
“ถ้าคุณก้าวขาออกไปจากที่นี่ก่อนที่จะได้รับอนุญาตจากผมแม้แต่ก้าวเดียวแล้วล่ะก็ รับรองเลยได้ว่าคลิปการช่วยตัวเองพร้อมกับเสียงหวาน ๆ ที่ครางเรียกชื่อผมจะถูกโชว์หราทุกหน้าแพลตฟอร์มโซเชียลอย่างแน่นอน” คนเจ้าเล่ห์พูดประโยคแสนร้ายกาจออกมาอย่างไม่รู้สึกผิดอะไร อีกทั้งประโยคเหล่านั้นก็ถึงกับทำให้ฉันตัวชาวาบไปทั้งร่างทันที“มะ...หมายความว่ายังไงคะ...!!” ก้อนเนื้อที่อกด้านซ้ายพลันกระตุกวูบทันทีที่ได้ยินคำขู่ ก่อนจะพยายามข่มใจให้สงบลง ด้วยพอคิดได้ว่าเขาอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ เพราะนับตั้งแต่ที่ฉันทำงานอยู่ห้องเดียวกับเขามา ฉันยังไม่เคยเห็นกล้องวงจรปิดสักตัว“ก็หมายความตามที่พูด” คนเจ้าเล่ห์ยักคิ้วขึ้นจนดูท่าทียียวน พร้อมกับยกแก้วบรั่นดีบนโต๊ะขึ้นมาอีกครั้งแล้วจิบน้ำสีอำพันด้วยท่าทางสบาย ๆ อีกครั้ง“คุณโกหก...!!” ฉันกัดฟันกรอดอย่างไม่เชื่อ แม้ในใจจะภาวนาขอให้สิ่งที่ฉันได้ยินไม่เป็นความจริง แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ฉันต้องพลันหวั่นใจขึ้นมาอีกครั้งก็คือ...นับตั้งแต่ที่ฉันทำงานกับเขามา...เขายังไม่เคยโกหกเลย...!!“ผมว่าคุณรู้จักผมดีนะคุณมนต์” คนตรงหน้าที่เหมือนจะรู้ดีว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ตอบกลับมาอย่างรู้เท่าทันใ