“เป็นอะไรหรือเปล่า ผมเห็นคุณเข้ามาตั้งนานแล้ว”
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนฉันถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยไม่คิดว่าเจ้าของน้ำเสียงนั้นจะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว
“อ่ะ ท่านประธานเข้ามาได้ยังไงคะ” (O.O) ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็นคนที่ทำให้ฉันเจ็บแสบตรงกึ่งกลางกายสาวปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแบบนี้
“มนต์จำได้ว่ามนต์...” ฉันที่ยังไม่ทันพูดจบประโยค เสียงทุ้มก็เอ่ยแทรกขึ้นมา
“ล็อกประตู...!!”
และด้วยคำตอบของฉันก็ทำให้ฉันได้แต่พยักหน้างึก ๆ
“ก็นี่มันห้องส่วนตัวของผมนะ” ก่อนที่เขาจะเฉลยออกมาถึงเหตุผลที่ทำให้เขาเข้ามาในห้องนี้ได้แม้ว่าฉันจะล็อกประตูไว้ก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม
“อ่ะ...แต่ว่ามนต์กำลังทำธุระส่วนตัวอยู่นะคะ” ฉันแย้งออกไปหลังจากเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ถูกต้อง
และในจังหวะที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว...
พรึ่บ!!
“ว๊ายยยยย ~~”
ร่างทั้งร่างของฉันถูกฉุดลอยขึ้นจากชักโครก ก่อนที่จะถูกยกตัวขึ้นไปนั่งยังอ่างล้างหน้าขนาดใหญ่
“นะ...นี่...ท่านประธานจะทำอะไรคะ ปล่อยมนต์ลงเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” ฉันละล่ำละลักบอกด้วยกลัวเหลือเกินว่าเขาจะรังแกฉันเหมือนกับตอนที่อยู่บนโต๊ะทำงานอีก
“อยู่เฉย ๆ เถอะน่า” คนตัวโตพูดก่อนจะจับเรียวขาทั้งสองข้างแหวกออกอย่างถือวิสาสะ และด้วยการกระทำอันบุ่มบ่ามของเขาก็ทำให้ฉันเบิกตากว้างขึ้นอีกครั้งด้วยความตกใจ
“ท่านประธาน...!!” ฉันถึงกับอุทานลั่น
“ตอนแรกไม่เห็นแดงขนาดนี้เลยนิ” เสียงเข้มเอ่ย โดยที่สายตายังจับจ้องมายังดอกไม้ช้ำไม่วางตา
ส่วนฉันที่ถึงกับหน้าชาทำอะไรไม่ถูกหลังจากที่ถูกเขาแสดงพฤติกรรมใส่แบบนั้น
จากนั้น...
ติ๊ดๆๆๆ
เขาที่จู่ ๆ ก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครสักคน โดยที่ร่างกายยังคงแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาของฉันเหมือนกลัวว่าฉันจะเผลอหุบขาแล้วทำให้เขาไม่เห็นร่องรอยของความบอบช้ำที่เกิดขึ้น
“ช่วยซื้อยาทาแก้บวมช้ำตรงนั้นของผู้หญิงให้หน่อย แล้วก็ยาคุมฉุกเฉินด้วย ถ้าเข้ามาไม่เจอก็เอาวางไว้ที่โต๊ะทำงานแล้วออกไปซะ”
สิ้นเสียงคำสั่งแสนเย็นชาพร้อมมือที่กดตัดสายทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ฉันที่ได้ยินชัดถอดทุกคำก็ยิ่งเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก
“ท่านประธาน ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลยก็ได้นี่คะ ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่า...” ฉันพูดตะกุกตะกักเอ่ยปฏิเสธออกไปทั้งที่ใบหน้าร้อนผ่าวไปจนถึงกกหู ด้วยความรู้สึกอย่างเดียวที่เกิดขึ้นคืออายลูกน้องเขาที่ต้องไปซื้อสิ่งเหล่านั้นมาให้เหลือเกิน
แต่ทว่า...คนตัวโตกลับไม่ได้คิดแบบนั้น...
“ทำไมอยากมีลูกกับผมงั้นเหรอ” เขาเลิกคิ้วถาม
“ปะ...เปล่า มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ เพียงแต่เรื่องพวกนี้ มนต์จัดการตัวเองได้ค่ะ” ฉันก้มหน้าลงเล็กน้อยหนีสายตาคมที่ยังจ้องมองมาไม่หยุด ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วในท้ายประโยค
“แค่ไม่คิดว่าสิ่งที่คุณพูดจะคือเรื่องจริง” จู่ ๆ เขาก็พูดถึงเรื่องที่หญิงสาวบอกก่อนหน้านี้
“ค่ะ...??” แต่ทว่า...หญิงสาวกลับเต็มไปด้วยความสงสัย
“ก็ที่บอกว่านี่คือครั้งแรกของคุณไง” เขายังคงตอบเสียงเรียบเหมือนเรื่องที่กำลังพูดเป็นเรื่องธรรมดา และด้วยประโยคของเขาเหล่านั้นก็ทำให้ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ทำไมเสียใจที่ผมเป็นคนแรกของคุณงั้นเหรอ” ทันทีที่คนตัวโตได้ยินเสียงถอนหายใจพร้อมกับเห็นอากัปกิริยาของหญิงสาวที่ส่งออกมาก็เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก เพราะทั้งที่เธอเองเป็นคนเอาเขาไปจินตนาการจนสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองตั้งแต่แรกแท้ ๆ ด้วยซ้ำ แต่กลับมาทำหน้าซังกะตายใส่เขาแบบนี้เนี่ยนะ
ส่วนฉันที่ไม่รู้จะตอบเขาอย่างไรดี ไม่ใช่ว่าฉันเสียใจที่มอบครั้งแรกให้กับเขา เพียงแต่ฉันแค่รู้สึกเสียใจที่ครั้งแรกของฉันมันควรจะเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความรักมากกว่านี้ ไม่ใช่...เกิดขึ้นเพราะเรื่องอะไรบ้า ๆ แบบนี้ และด้วยความเงียบที่มีของฉันจึงทำให้เขาเลือกที่จะพูดคำบางคำออกมาโดยที่ฉันไม่คาดคิดมาก่อนว่าไอ้คำเหล่านี้มันจะออกมาจากปากคนตรงหน้าได้...
“เท่าไร...!!”
“ค่ะ...??” เขาที่จู่ ๆ โพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนทำให้ฉันจำต้องเงยหน้ามองไปยังต้นเสียงอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ก็ค่าครั้งแรกของคุณไง บอกมาว่าซิว่าอยากได้เท่าไร” คนตัวโตพูดด้วยใบหน้านิ่งเฉยเหมือนกับมองดูเหตุการณ์เดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างที่ตนเคยเจอมานับครั้งไม่ถ้วน
(หึ...คงไม่พ้นเรื่องเงินซินะ ผู้หญิงก็เหมือนกันหมด ตอนแรกก็ยั่วยวน พอสนองให้ก็คร่ำครวญทำเป็นร้องไห้ สุดท้ายแล้วก็คงไม่พ้นเรียกร้องเงินทองอยู่ดี) ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้านิ่งอย่างนึกรังเกียจในใจ พร้อมกับคิดไปถึงเหตุการณ์ที่ตนเคยประสบพบเจอมา
“คุณวาคิม...!!”
ส่วนฉันที่ทั้งตกใจ ทั้งเสียใจในคำพูดของเขา ถึงกับเผลอตะคอกเขาออกไปด้วยความไม่พอใจ อีกทั้งยังจ้องไปยังดวงตาคมเข้มดุดันดุจราชสีห์ที่จ้องจะเขมือบเหยื่อตรงหน้าอย่างลืมกลัว
“ฮึ่ม...ในเมื่อมันเป็นความผิดของมนต์เองที่ทำเรื่องน่าเกลียดไม่เหมาะสมแบบนั้นในห้องทำงานของท่านประธาน เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็ถือซะว่ามนต์ชดใช้ให้แล้วกันนะคะ ส่วนสิ่งที่มนต์ต้องการเพียงอย่างเดียวก็คือสิ่งที่อยู่ในกางเกงของท่านประธานเท่านั้นแหละค่ะ...!!” ฉันเม้มปากแน่นก่อนจะพรั่งพรูคำพูดออกไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจอย่างเต็มท่วมท้น แต่ทว่า...คำตอบที่เขาตอบกลับมากับทำให้ฉันรู้สึกไม่เข้าใจ
“แต่ตรงนั้นของคุณมันยังบวมอยู่เลยนะ คุณยังต้องการมันอีกเหรอ” ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
และด้วยท่าทางของคนตรงหน้าที่ตอบกลับมา ก็ได้ทำให้ฉันเข้าใจว่าสิ่งที่ฉันพูดออกไปนั้น มันกำลังทำให้เขาเข้าใจผิดกันไปใหญ่ จนฉันได้แต่รีบลนลานปฏิเสธออกไปทันที
“มะ...มนต์หมายถึงกางเกงชั้นในของมนต์ที่อยู่ในกระเป๋าท่านประธานต่างหากค่ะ มะ...ไม่ใช่...” (O///O) ใบหน้าสาวแดงแปร๊ดจนถึงกกหูอย่างคนเสียอาการ หลังจากจับคำพูดและอากัปกิริยาของคนตัวโตได้ว่าเขาหมายถึงอะไรและความอายก็ทำให้ฉันพลันลืมความโกรธที่มีต่อเขาเมื่อครู่จนหมดสิ้น
“ก็นึกว่าต้องการ เพราะผมเองพร้อมเสมอ...หึหึหึ” คนตัวโตถึงกับยกยิ้มขึ้นมุมปากเล็กน้อยด้วยความพอใจ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูฉันเบา ๆ
การกระทำของเขาทำให้ฉันได้แต่หน้าร้อนผ่าวตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกก่อนจะก้มหน้าหนีความอายและหนีสายตาคมกริบที่จับจ้องมองมาที่ฉันไม่หยุด จากนั้นไม่นานเสียงด้านนอกก็ดังเขามาเป็นสัญญาณว่าของที่คุณวาคิมสั่งลูกน้องไปซื้อมาก่อนหน้านี้ ลูกน้องคนสนิทของเขาได้นำมาส่งให้แล้ว
“รออยู่นี่แหละ” เขาพูดห้ามหลังจากที่เห็นว่าฉันพยายามหยัดตัวเพื่อลงจากอ่างล้างหน้า ก่อนที่เขาจะเดินออกไปเอง...
เพียงแค่อึดใจเดียว คนตัวโตที่ยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉยก็ได้เดินล้วงกระเป๋าข้างหนึ่งเข้ามาด้วยท่าทางสบาย ๆ ต่างกับฉันที่ตอนนี้นั่งกระสับกระส่ายทำตัวไม่ถูก ก่อนที่เขาจะยื่นถุงกระดาษที่ด้านหน้ามีโลโก้ร้านขายยาตรงมายังตรงหน้าของฉัน
“ทาซะ แล้วนี่สิ่งที่คุณต้องการที่อยู่ในกางเกงของผม” เขาเอ่ยปากสั่ง โดยไม่ลืมที่จะล้วงเอากางเกงชั้นในของฉันที่เขาใช้เป็นตัวประกันก่อนหน้านี้ส่งคืนมาให้
และเมื่อคำตัวโตสั่งการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินออกไปเพื่อปล่อยให้หญิงสาวได้จัดการตัวเองอีกครั้ง...
หญิงสาวที่พอได้ลองใช้ชีวิตเองได้ตัดสินใจเอง บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง เธอที่ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าชีวิตจะพังทลายเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ถึงเพียงนี้ ทั้งความเป็นจริงของการใช้ชีวิตด้วยตัวเองครั้งแรก ทั้งความรักครั้งแรกกับผู้ชายคนแรก ร่วมถึงการมีเซ็กซ์ครั้งแรก มันช่างขัดกับสิ่งที่เธอเคยคิดจินตนาการเอาไว้ไหนจะเรื่องราวในนิยายที่เธอเคยอ่านมามากมายยามที่ต่อสู้กับความอ้างว้าง ทำไมมันช่างแตกต่างกับความเป็นจริงที่ได้พบเจอราวฟ้ากับเหว ภาพจำของสุภาพบุรุษในเรื่องราวเหล่านั้นที่เคยอ่าน ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระนางที่พอตื่นขึ้นมาจากค่ำคืนสวาท แล้วพบว่าตัวพระเอกได้พรากความบริสุทธิ์ของนางเอกไปแล้ว พระเอกนั้นก็จะโอบกอดปลอบประโลมและเต็มใจที่รับผิดชอบต่อนางเอกทุกอย่าง...แต่ทว่าในความเป็นจริง...สิ่งที่หญิงสาวใสซื่อไม่เคยตระหนักเลยยามที่เธอเสพสื่อเหล่านั้นก็คือ...เรื่องราวเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ตัวอักษรที่เอาไว้ล่อหลอกหญิงสาวที่อ่อนต่อโลกใบนี้ให้ลุ่มหลง แล้วคิดว่าคำพูดที่ร้อยเรียงผ่านการปรุงแต่งออกมาตามความปรารถนาของนักเขียน มันไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง...โดยเฉพาะความคิดตื้นเขินที่
เสียงสะอื้นที่ยังคงเปล่งออกมาไม่หยุด อีกทั้งยังมาพร้อมกับภาพความทรงจำมากมายเกี่ยวกับชายหนุ่มที่เพิ่งเดินจากไปก็ยังถาโถมเข้ามาเหมือนแอลกอฮอล์ที่ราดลงบนแผลสดให้ปวดแสบภาพเรื่องราวของเขานับตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน จวบจนมาถึงยามที่ทุกอย่างได้สิ้นสุดลงเมื่อครู่ มันได้ฉายเข้ามาแม้จะเจ็บปวดเสมือนกับว่าสมองต้องการบอกให้หญิงสาวเลิกคิดถึงเขาได้แล้ว และให้มันจบเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อที่ตัวเองจะได้เริ่มต้นใหม่ ด้วยเพราะชีวิตของหญิงสาวยังไปได้อีกไกลเกินกว่าจะมาทิ้งให้กับผู้ชายชั่ว ๆ พรรค์นี้...เพียงแต่ใจเจ้ากรรมกลับดันคิดต่างกับสมองอยู่เสมอ...ความรักที่มักจะมาพร้อมกับความโง่เขลา และเมื่อบวกเข้ากับหญิงสาวที่ไร้เดียงสามากเกินไปบนโลกใบนี้ก็ได้กลบสติสัมปชัญญะที่ควรมีจนหมดสิ้น เธอที่ยังเพ้อพกถึงภาพความทรงจำวันวานให้ยิ้มหวาน ผสมปนเปกับความรู้สึกผิดที่ตัดสินใจทำอะไรโง่ ๆ ลงไปจนทำให้เขาเกลียด ใบหน้าสวยอ่อนโยนที่บัดนี้กลับยิ้มทั้งน้ำตาเหมือนคนบ้ายามที่คิดไปถึงเมื่อครั้งวันวานที่ได้พบกัน...มันเป็นภาพความทรงจำของหญิงสาวที่มีต่อชายหนุ่มในวันแรกของการเป็นนักศึกษาในรั้วมหาลัย ภาพที่ยังคงติดตราตรึงใจไม่ลืมเลือน
ผมนึกไปถึงนิสัยของตัวเองพร้อมกับส่ายหัวเบา ๆ ให้กับคำพูดและการแสดงของหญิงสาว ก่อนที่ผมจะไม่รอช้าตอกหน้าเธอกลับไปอย่างต้องการให้เธอรู้ว่าผมไม่ใช่ไอ้ไก่อ่อนที่จะมาให้เธอหลอกได้ง่าย ๆ“หึ...เธออย่ามาพูดมัว ๆ นะคนอย่างฉันเนี่ยนะ จะบอกรักเธอ ผู้หญิงที่มานอนให้ผู้ชายเอาง่าย ๆ แบบนี้เนี่ยนะคู่ควรกับให้ฉันบอกรัก เธอนี่มันเรียนคณะไหนเนี่ย เอกมโนโทจินตนาการหรือเปล่า” ประโยคร้ายกาจที่ยังคงส่งออกไปไม่หยุดได้แต่ทำให้หญิงสาวที่ได้ฟังอึ้งด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าเทพบุตรที่ตัวเองหลงรักจะกลายเป็นซาตานได้ในชั่วข้ามคืนน้ำตาพลันไหลออกจากดวงตาสวยพร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งมาเหมือนกำลังจะขาดใจตายเสียตรงนั้น แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มที่เจนจัดในสนามกามารมณ์อ่อนใจลงเลยแม้แต่น้อย เขาที่เห็นมานักต่อนักแล้วกับมารยาหลังเสร็จกิจ สุดท้ายแล้วผู้หญิงพวกนี้คงไม่พ้นต้องการเงินอย่างแน่นอน“เลิกมารยาเถอะฉันเจอมานักต่อนักแล้ว ไอ้ที่พร่ำเพ้อพรรณนาไม่หยุดอยู่เนี่ยเพราะอยากได้เงินใช่ไหม เฮ้อ...ซวยจริง ๆ เอาเลขบัญชีมาเดี๋ยวฉันโอนให้” สีหน้าที่เต็มไปด้วยความรำคาญอย่างไม่ปิดบัง หยิบโทรศัพท์ที่อยู่ด้านหลังกระเป๋ากางเกงข
รสชาติน้ำเมาที่โดยปกติมักจะขม แต่พอได้ดื่มสังสรรค์กับคนรู้ใจก็กลายเป็นถูกปากขึ้นมาทันที แก้วแล้วแก้วเล่าที่ถูกสาดให้ไหลผ่านลงคออย่างต่อเนื่องไม่หยุดก็ค่อย ๆ พรากสติสัมปชัญญะที่มีจนแทบจะกลายเป็นศูนย์กระทั่งเมื่อสิ่งสุดท้ายที่ความทรงจำถูกบันทึกเอาไว้อย่างเลือนราง นั่นก็คือภาพที่ผมถูกใครบางคนที่มีรูปร่างบอบบางอรชรกำลังโอบประคองกึ่งพยุงเพื่อให้ผมเดินไป“พะ...พี่วาคิมค่ะค่อย ๆ เดินนะคะ”เสียงหวานที่พูดด้วยอาการเหนื่อยหอบบอกในขณะที่เจ้าตัวกอดเอวของผมแน่น ส่วนผมที่ได้แต่พยายามเพ่งมองแม้สายตาจะฝ้าฟางเต็มทีแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายก็พอมองออกว่าร่างบางที่มีกลิ่นหอมเป็นของหญิงสาวหน้าตาสะสวย เธอที่ประคองร่างผมเดินไปอย่างทุลักทุเล แม้ว่าจิตใต้สำนึกที่เหลืออยู่จะยังสงสัยว่าเธอคนนี้เป็นใครแต่ทว่า...ด้วยภาพลักษณ์ของคนตรงหน้ากลับทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าที่จะรู้สึกระแวง เพราะหญิงสาวตรงหน้านี้ดูไม่น่ามีพิษมีภัยเลยสักนิดเดียว...จากนั้นเมื่อความรู้สึกกังวลใจได้หมดลงไป ร่างที่ถูกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ครอบงำก็พลันสูญสิ้นการควบคุมอย่างสิ้นเชิง ภาพการโอบประคองจากหญิงสาวร่างนุ่มตัวหอมที่ผมไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเ
ปัง...!!“กรี๊ดดดดด ~~”ฉันที่กำลังยืนเกร็งตัวนับตั้งแต่ที่เห็นว่าผู้มาใหม่นั้นเป็นใคร ถึงกับหน้าถอดสี ร้องเสียงหลง พร้อมกับขาที่ก้าวขยับออกไปอย่างลืมตัวด้วยเป็นห่วงคนตรงหน้า และด้วยอากัปกิริยาที่ฉันแสดงออกมาอย่างอัตโนมัติของจิตใต้สำนึก ก็ทำให้คนด้านข้างเจ้าของมัจจุราชสีดำวาวที่เพิ่งปล่อยลูกตะกั่วออกไปเมื่อครู่ไม่พอใจ“หึ...ออกอาการเชียวนะ” มือที่โอบกอดเอวแน่นก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นจับที่ต้นแขนเล็กแน่นแทน พร้อมกันที่ดวงตาคมกริบได้ปรายมองมาอย่างเอาเรื่องส่วนฉันที่หน้าซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด ได้แต่ยืนตัวสั่นด้วยใจทั้งหวาดหวั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า อีกทั้งยังกลัวว่าคนตรงหน้าที่หัวใจถวิลหาจะเกิดอันตรายถึงชีวิตแต่ทว่า...ลูกปืนที่ถูกส่งมาสกัดยังพื้นตรงหน้าชายหนุ่ม กลับไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวแม้แต่น้อยเพียงแต่ด้วยสายตาอาฆาตของเจ้าของมือหนาที่กำลังกอบกุมต้นแขนเธออยู่มากกว่าที่ทำให้เขากลัว สายตาที่ส่งไปมองยังหญิงสาวมันทำให้เขาไม่กล้าขยับตัวมากกว่านี้ ด้วยกลัวว่ามันจะเป็นอันตรายกับเธอ นั่นจึงทำให้เขาทำได้เพียงแค่เอ่ยปากเรียกหญิงสาวที่กำลังถูกชายอีกคนพันธนาการไว้อยู่เท่านั้น“มนต์...มา
ปึ้ง...!! ปัง...!!เสียงประตูที่เปิดเข้ามาอย่างแรงจากการกระแทกที่ไม่แน่ใจว่ามาจากมือหรือเท้ากันแน่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับเสียงปืนที่ยิงขู่ขึ้นฟ้า และด้วยการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ก็ส่งผลทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที จนแขกเหรื่อที่อยู่ในงานต่างแตกตื่นกรีดร้องกันระงมและในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะดูวุ่นวายไปกว่านี้ คุณไผ่ที่มองภาพตรงหน้าด้วยความพึงพอใจก็ได้พูดผ่านไมค์เพื่อทำลายความวุ่นวายที่มี โดยที่ฉันยังคงได้แต่ยืนอึ้งไม่กล้าแม้แต่จะเรียกชื่อคนที่หัวใจถวิลหาออกมา“อะ...อ้าว...คุณวาคิมนี่เองนึกว่าใคร อุตส่าห์ให้เกียรติมาร่วมงานแต่งของผมกับภรรยาถึงที่ขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องแสดงความยินดีเสียงดังแบบนี้ก็ได้ครับ” เสียงทุ้มต่ำแต่ทรงพลังและอำนาจอย่างไม่เกรงกลัวปืนที่อยู่ในมือของผู้มาใหม่ ที่ตอนนี้กำลังแสดงสีหน้าถมึงทึงบอกบุญไม่รับอยู่ยังหน้าประตู แถมคนพูดเย้ยหยันยังยื่นมือออกมาโอบเอวหญิงสาวที่ยืนข้างกายแล้วดึงเข้าหาแนบตัวเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ“ใครเมียมึง มนต์เป็นคนของกู วันนี้กูไม่ได้มาแสดงความยินดีห่าเหวอะไรทั้งนั้น กูมาตามคนของกูคืน” ชายหนุ่มเอ่ยปากพูดในขณะที่กำปืนในมือแน่นพร้อมมีเรื่องเต็มที่ โดยท