เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและว
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?”“ช่า
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
ธนัชชาเห็นข้อความที่เจตสุวีย์ส่งมา ในตอนเก้าโมงที่เธอพึ่งตื่น จึงรีบตอบกลับทันที เพราะรู้สึกโหวงๆ ในใจ“พี่โจ จะกลับมาวันไหนก็บอกหนูนะคะ หนูไปรับที่สนามบินได้ค่ะ”“ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนน้องเปล่าๆ แล้วจะบอกอีกที”เจตสุวีย์ที่เที่ยงคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับได้ตอบธนัชชาไปสั้นๆ เขาคิดถึงคนที่อยู่อีกห้องนั้นต่างหากว่าจะหลับหรือยัง'You had me at hello'"You make my ordinary world more beautiful.''I'll stand by you no matter what.''So many of my smile begin with you.'"You're my comfort zone.''I find pieces of you in every song I listen to.''Together with you is my favorite place to be.''Thinking of you makes me smile.''Only you, not anyone.'ผมรักคุณตั้งแต่แรกเจอ..คุณทำให้โลกธรรมดาของผมสวยงามขึ้น..ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…รอยยิ้มส่วนใหญ่ของผมเกิดขึ้นเพราะคุณ..คุณคือความสบายใจของผม..ทุกเพลงที่ผมฟัง ผมพบคุณอยู่ในนั้น..ที่ที่ผมชอบ ก็คือที่ที่มีคุณอยู่ด้วย…เพียงแค่คิดถึงคุณ ก็ทำให้ผมยิ้มได้…คุณเท่านั้น ไม่ใช่ใครก็ได้..ข้อความจากไอจีของของแมทธิวส่งให้ไอรดาในตอนเ
เจตสุวีย์มองธนัชชาด้วยหน้าตาที่เธอคุ้นเคยดี สายตาที่เย็นชา ภาษากายที่มีระยะห่างกับเธอตั้งแต่เริ่มต้นคบกัน เธอเคยคิดว่ารับได้ แต่ตอนนี้กลับหึงหวงเพราะหลงรักเขาแล้วเต็มหัวใจ สิ่งที่เธอพูดนั้นทำให้เขาไม่ตอบโต้อะไร ซึ่งก็จริงที่เขาเคยบอกไปแบบนั้น กรณีที่ถ้าเขาโสดไปนานๆ จนครอบครัวของเขาต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้มาแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไปตรงที่ เธอผู้เป็นเจ้าของหัวใจนั้น ไม่มีสามีอีกแล้ว..“งั้นไปคุยกันที่ห้องทำงาน ลูกน้องผมต้องเก็บของที่นี่”เจตสุวีย์สั่งให้ลูกน้องเก็บของเท่าที่เขาต้องการและให้รอในรถก่อน จนกว่าเขาจะคุยเสร็จ“ผมเคยบอกว่า ถ้าวันหนึ่งผมต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่จัดหามาให้ น้องจะเลือกอยู่หรือไปก็ได้ แต่กรณีนี้ไม่ใช่..เพราะคนที่ผมรัก เธอพึ่งสูญเสียสามีและไม่มีใครอีกแล้ว ผมเป็นคนเดียวที่รักและดูแลเธอได้ ก็ต้องให้เวลาเธอทำใจสักระยะ ผมจะแต่งงานสร้างครอบครัวและจะหยุดที่เธอตลอดไป”“พี่โจจะไม่เห็นใจหนูที่รักพี่บ้างล่ะคะ? แม่หนูก็รู้จักพี่ ชมพี่ตลอดว่าเป็นคนดี พี่โจจะทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ? หนูขอแค่อยู่โดยไม่แสดงตัวก็ได้…”“ผมไม่ใช่คนดีอะไรที่ไหน เคยทำอะไรแย่ๆมาก
เจตสุวีย์…หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีระดับประเทศในวัย 31 ปี ที่ต้องมาอาศัยในบ้านมือสองขนาด 3 ห้องนอนตามลำพัง เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากครอบครัวอันอบอุ่นเพราะความสำนึกผิดและต้องการทบทวนในสิ่งที่ทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในหลายๆ เรื่องเขาขายบ้านที่เคยคิดว่าจะซื้อไว้เพื่ออยู่กับคนที่เขารัก แต่ในเมื่อทุกอย่างพังไปหมดทั้งการงานที่พ่อของเขาไม่ไว้ใจ เหตุทั้งหมดเกิดจากความรักที่ไม่สมหวัง ทำให้ชีวิตจิตใจของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่าเจตสุวีย์ตัดสินใจยกเงินที่ขายบ้านหรูหลังใหญ่ระดับ Luxury ส่วนหนึ่งให้ผู้หญิงที่เขารักข้างเดียวไปถึง 20 ล้าน และนำเงินที่เหลือมาลงทุนเปิดบริษัทกับเพื่อนสนิทอีกสองคน เพื่อรับงานอีเว้นท์ต่างๆ เปิดบริษัทรับดูแลเป็นที่ปรึกษาจัดการหลังบ้านสำหรับธุรกิจขนาดกลางที่กำลังเฟื่องฟูในไทยจากธุรกิจออนไลน์ต่างๆ รวมถึงสถานบันเทิงอย่าง Esters Bar ที่ทองหล่อของเขายังทำเงินให้ได้พอสมควรในวันหนึ่งที่เขากลับบ้านเร็วกว่าทุกวันและกำลังขับรถเข้าไปจอดในบ้าน ถึงกับตะลึงนิดหน่อยที่เห็นหญิงสาวเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงกันข้ามที่มีหน้าตาละม้ายคล้าย
เจตสุวีย์มองเธอแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาดูสุขุม ไม่ตื่นเต้นอะไรเลย“พี่โจ…เคยมีคนโปรดแบบนี้มั้ยคะ?”“เคย..แต่ไม่ใช่เพราะว่าชอบ แต่เป็นเพราะว่าเกลียด รู้สึกจะช่วงสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ให้เลิกไปพร้อมกับเงินหนึ่งล้าน ไม่รวมที่โอนจ่ายตลอดให้อีก”“ทำไมเกลียดแล้วถึงเลี้ยงดูคะ?”“ที่ต้องเลี้ยงไว้จะได้อยู่ใกล้ตัว ควบคุมได้ง่าย ไม่ให้ไปด่าระรานผู้หญิงที่ผมรัก”ทำเอาเธอเริ่มกลัวเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มความสัมพันธ์ พูดง่ายๆ การมีสัมพันธ์กับเขาในฐานะผู้ถูกอุปถัมภ์ มีสิ่งต้องห้ามคือ อย่าแตะต้องผู้หญิงในหัวใจเขา“น้องมีรอยสักที่ไหนมั้ยครับ?”“เอ่อ มีค่ะ ที่ต้นคอด้านหลังแต่เล็กๆ เท่านิ้วโป้ง”เจตสุวีย์ทำหน้านิ่งขึ้น แล้วถอนหายใจยาวๆ“แล้วแต่น้องนะ ผมเคารพสิทธิส่วนบุคคล จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ด้วยรสนิยมส่วนตัว ผมไม่ชอบผู้หญิงที่มีรอยสัก ถ้าอยากเก็บไว้ ผมคงต้องขอยกเลิกสิ่งที่เราคุยกัน”ธนัชชารีบละล่ำละลักพ
เจตสุวีย์มองธนัชชาด้วยหน้าตาที่เธอคุ้นเคยดี สายตาที่เย็นชา ภาษากายที่มีระยะห่างกับเธอตั้งแต่เริ่มต้นคบกัน เธอเคยคิดว่ารับได้ แต่ตอนนี้กลับหึงหวงเพราะหลงรักเขาแล้วเต็มหัวใจ สิ่งที่เธอพูดนั้นทำให้เขาไม่ตอบโต้อะไร ซึ่งก็จริงที่เขาเคยบอกไปแบบนั้น กรณีที่ถ้าเขาโสดไปนานๆ จนครอบครัวของเขาต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้มาแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไปตรงที่ เธอผู้เป็นเจ้าของหัวใจนั้น ไม่มีสามีอีกแล้ว..“งั้นไปคุยกันที่ห้องทำงาน ลูกน้องผมต้องเก็บของที่นี่”เจตสุวีย์สั่งให้ลูกน้องเก็บของเท่าที่เขาต้องการและให้รอในรถก่อน จนกว่าเขาจะคุยเสร็จ“ผมเคยบอกว่า ถ้าวันหนึ่งผมต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่จัดหามาให้ น้องจะเลือกอยู่หรือไปก็ได้ แต่กรณีนี้ไม่ใช่..เพราะคนที่ผมรัก เธอพึ่งสูญเสียสามีและไม่มีใครอีกแล้ว ผมเป็นคนเดียวที่รักและดูแลเธอได้ ก็ต้องให้เวลาเธอทำใจสักระยะ ผมจะแต่งงานสร้างครอบครัวและจะหยุดที่เธอตลอดไป”“พี่โจจะไม่เห็นใจหนูที่รักพี่บ้างล่ะคะ? แม่หนูก็รู้จักพี่ ชมพี่ตลอดว่าเป็นคนดี พี่โจจะทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ? หนูขอแค่อยู่โดยไม่แสดงตัวก็ได้…”“ผมไม่ใช่คนดีอะไรที่ไหน เคยทำอะไรแย่ๆมาก
ธนัชชาเห็นข้อความที่เจตสุวีย์ส่งมา ในตอนเก้าโมงที่เธอพึ่งตื่น จึงรีบตอบกลับทันที เพราะรู้สึกโหวงๆ ในใจ“พี่โจ จะกลับมาวันไหนก็บอกหนูนะคะ หนูไปรับที่สนามบินได้ค่ะ”“ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนน้องเปล่าๆ แล้วจะบอกอีกที”เจตสุวีย์ที่เที่ยงคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับได้ตอบธนัชชาไปสั้นๆ เขาคิดถึงคนที่อยู่อีกห้องนั้นต่างหากว่าจะหลับหรือยัง'You had me at hello'"You make my ordinary world more beautiful.''I'll stand by you no matter what.''So many of my smile begin with you.'"You're my comfort zone.''I find pieces of you in every song I listen to.''Together with you is my favorite place to be.''Thinking of you makes me smile.''Only you, not anyone.'ผมรักคุณตั้งแต่แรกเจอ..คุณทำให้โลกธรรมดาของผมสวยงามขึ้น..ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…รอยยิ้มส่วนใหญ่ของผมเกิดขึ้นเพราะคุณ..คุณคือความสบายใจของผม..ทุกเพลงที่ผมฟัง ผมพบคุณอยู่ในนั้น..ที่ที่ผมชอบ ก็คือที่ที่มีคุณอยู่ด้วย…เพียงแค่คิดถึงคุณ ก็ทำให้ผมยิ้มได้…คุณเท่านั้น ไม่ใช่ใครก็ได้..ข้อความจากไอจีของของแมทธิวส่งให้ไอรดาในตอนเ
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?”“ช่า
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและว
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วย เจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้.. ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น “บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?” “รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ” ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที “หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก” ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีด นั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือ
แมทธิวเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้ตัวเขาไม่เหนื่อยมากเกินไป“ผมรู้สึกได้ว่ารอบนี้มันหนักกว่าทุกครั้ง ผมรู้ตัวเองดี แต่ไม่อยากพูดกับภรรยากลัวเธอจะใจเสีย ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอตรงๆ เพราะเธออยู่ด้วยตลอด แต่ดูจากสีหน้าของเธอ ตอนที่หมอเรียกไปคุยมันคงหนักมากจริงๆ ผมเป็นห่วงเธอที่ท้องสองเดือน คุณรู้เรื่องนี้มั้ย..โจ”เจตสุวีย์พยักหน้าว่ารับรู้“ใช่ น้องสาวบอกผมว่าเธอท้องได้เดือนกว่า เมื่อเดือนก่อน”“ที่ผมอยากให้เธอกลับบ้าน เพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ที่ผมรู้ว่าคุณแอบคุยกับภรรยาผม โดยปลอมเป็นน้องสาวของคุณ”แมทธิวหอบหายใจมากขึ้นเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาจ้องเจตสุวีย์ที่มองมาอย่างไม่สะทกสะท้านสักนิด“ไอรดาไม่ผิดอะไรเลย ผมยืนยันได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”“แปลว่าคุณยอมรับว่าเป็นคนใช้แชทของน้องสาวเพื่อคุยกับเธองั้นสิ”หน้าตาของเจตสุวีย์นิ่งมาก เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ“แต่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นผม อาจจะแค่สงสัย แล้วเราก็ไม่ได้แชทคุยกันอีกตั้งแต่เธอฮันนีมูนจนท้อง การที่ผมคุยกับเธอ ไม่มีการคุยเกินเลยอะไรทั้งนั้น ผมพอใจที่มีความสุขเพียงเท่านี้”“ไม่รู้สึกว่าหน้าด้านไปหน่อยเหรอที่ข่มขืนใจเธอ ทำให้ธุ