พอวันที่จูนและเจตสุวีย์ไปเชียงใหม่และพักที่บ้านของไอรดา เขาติดสินบนลูกชายป้ารินไม่ให้บอกไอรดาและทุกคนว่าเขามาที่นี่
“บอกแค่ว่าจูนมาคนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้น้องอายมีปัญหากับสามี เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ”
“อ้อ ครับๆ”
ลูกชายป้ารินรับคำอย่างว่าง่าย
“จูนนอนห้องนอนรับรองแขกไปเถอะ พี่แค่จะเข้าไปอาบน้ำก็พอ จะนอนที่ห้องรับแขกเอา”
“เอ้า ห้องนอนมีตั้งเยอะ”
“ทุกห้องที่นี่ ไอ้พ่อม่ายนั่นคงใช้ไปหมดแล้ว นอนไม่ลง”
“เฮ่อออ…แล้วแต่ละกัน เอาโทรศัพท์พี่มาหน่อย จะส่งข้อความบอกอาย ขี้เกียจเปิดโน้ตบุ๊ค”
เจตสุวีย์ไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอเธอ เพราะเธอสนิทกับจูนจนพาพ่อแม่มาสนิทกัน ร่วมทำกิจการด้วยกัน ในตอนนั้นที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่และมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว แค่ได้ยินผ่านๆเพราะจูนชอบเชียร์เพื่อนคนนี้ให้เขาจีบเสมอ จนวันที่ครอบครัวของเขาต้องการไปพักผ่อนที่เชียงใหม่โดยเขาได้มาด้วยและพักที่บ้านนี้
ตอนที่เขาลงจากรถและเจอเธอยืนข้างๆคุณแม่ เด็กสาวอายุเพียง 19 เธอสวยถอดแบบแม่มาแทบจะเหมือนพี่สาวและน้องสาว ตอนที่เขาก้าวเข้ามาสวัสดีครอบครัวของไอรดา ดวงตาที่กลมโต ผิวหน้าและผิวกายที่ใสกิ๊งกลาสสกินเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ รอยยิ้มที่สวยน่ารักนั้น ทำเขาหัวใจหยุดเต้นไปเลย แต่เพราะเขามีป้อปปี้เลิฟที่คบมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ทั้งสองจึงทำได้เพียงแอบมองกันและกันเท่านั้น
เจตสุวีย์แอบเห็นแก่ตัวที่ภาวนาให้เธอโสดไปนานๆ ในขณะที่เขาเองไม่สามารถบอกเลิกแฟนที่คบมาหลายปีได้เพราะเธอไม่ได้ผิดอะไร แต่พอวันที่ต้องบินไปบินมาจนไม่มีเวลาให้แฟนสาวจึงโดนบอกเลิก ซึ่งเขาก็ไม่เสียใจอะไร แต่พอจะกลับมาหาเธอ ก็ได้ยินว่ามีพ่อม่ายหนุ่มลูกครึ่งมาตื้อเอาชนะใจเธอได้ก่อนเขาจะกลับมาแค่เดือนสองเดือน
จูนที่โทรคุยกับไอรดาเสร็จแล้วก็เอาโทรศัพท์มาคืนให้เขา
“อายเหมือนสงสัยแล้วนะ ระวังหน่อยแล้วกัน จูนใช้ไอจีทักไป อายรีบโทรเข้าไลน์จูนเลย ดีนะที่มาด้วย เมื่อกี้ลูกชายป้ารินบอกว่าอายโทรมาถามว่า จูนมากับใคร ดีที่ตอบว่ามาคนเดียว”
เขาก้มหน้าหลับตาและพยักหน้าเงียบๆ จูนลูบหลังพี่ชายเบาๆเชิงปลอบใจ
“พี่โจจะกลับบ้านเราตอนไหน? ป๊ากับม๊าเริ่มถามหาแล้ว”
“พี่ทำทุกคนผิดหวัง ไม่มีหน้าจะกลับไปตอนนี้หรอก”
เขาสูดลมหายใจลึกๆแล้วบอกน้องสาวด้วยสายตาที่เธอสงสารพี่ชายมาก
“พี่จะไม่ทักแชทน้องอายไปสักระยะ ถ้าคิดถึงมากๆ อาจจะนานๆครั้งก็พอ ขอบใจจูนมากนะ”
เจตสุวีย์ไปที่ห้องพระ ได้เห็นอัลบั้มรูปของครอบครัววิเชียรวรกุล รูปของคนที่เขารักเมื่อยังเยาว์วัยนั้นทำให้เผลอยิ้มออกมา เขาถือโอกาสแอบหยิบออกมาใบหนึ่ง เธอดูน่ารักมากๆ ด้านหลังภาพมีเขียนไว้ด้วยลายมือพ่อของเธอว่าอายุ 12 ปี
คงเป็นเวรกรรมของพี่เอง..ที่หลงรักหนูไม่จบไม่สิ้น
ไม่ใช่เพราะตัดใจไม่ได้..แต่เป็นเขาเองที่จะไม่เลิกรักเธอ..
คืนนั้นเจตสุวีย์นอนในความมืดสลัวในห้องรับแขกโดยกอดกล่องเครื่องประดับเอาไว้ เขารอจนแน่ใจว่าทุกคนในบ้านหลับแล้ว จึงขึ้นไปบนห้องนอนใหญ่ที่น่าจะเป็นห้องของพ่อแม่เธอ
เขาเปิดไฟและดูพอจะรู้ว่าเธอใช้ห้องนี้เพราะเปิดตู้เสื้อผ้า มีเสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์เนมหลายใบที่เขาเคยเห็นเธอใช้มาบ้าง เขาเลือกกระเป๋าแบรนด์เนมใบหนึ่งขึ้นมาแล้วใส่กล่องเครื่องประดับลงไป
โอกาสที่จะได้ให้หนูคงไม่มีอีกแล้ว พี่จะเอาไว้ที่นี่ เผื่อวันนึงที่หนูเกลียดพี่น้อยลง เมื่อเห็นมันในวันใดวันหนึ่งอาจจะนึกถึงพี่บ้าง…
เขาทรุดตัวนั่งก้มหน้าลงบนเตียงในห้องนอนใหญ่แห่งนี้ พลันจินตนาการไปว่าแมทธิวและไอรดาทำอะไรกันบ้างในห้องนี้ นั่นทำให้เขาเกิดความริษยาและแค้นเคืองขึ้นมา…
ถ้าแมทธิวอ้อนวอนขอพระเจ้าให้ได้รักเธอ งั้นเขาจะอ้อนวอนขอซาตานให้นำเธอมาคืนให้เขาบ้าง…เขายินดีแลกกับการสูญเสียความดีที่หลงเหลืออยู่ในจิตวิญญาณ ขอแค่ได้รักกับเธออีกครั้ง…
เจตสุวีย์กลับลงไปนอนก่ายหน้าผากที่โซฟาในห้องรับแขก เขานอนไม่หลับเพราะไม่ได้แชทคุยกับเธอแบบทุกวัน ทำได้แค่เลื่อนดูบทสนทนาเก่าๆ
ส่วนไอรดาก็รู้สึกแปลกๆที่ไม่มีแชทจากจูน..หรือใครคนนั้น..
หลายๆวันเข้า เธอเริ่มเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บ่อยๆ จนแมทธิวเริ่มแปลกใจ
“ไม่ค่อยแชทกับเพื่อนสนิทแล้วเหรอ ปกติเห็นคุยกันทุกวัน ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายนี่ผมคงหึงไปแล้ว”
เธอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกร้อนตัวขึ้นมา แต่สักพักก็คิดได้ว่า เธอบริสุทธิ์ใจเพราะนั่นคือไอจีของเพื่อนเธอ ไม่ใช่เขาคนนั้นสักหน่อย
“จูนก็แบบนี้ บทจะว่างก็คุยเยอะ พอไม่ว่างก็จะหายๆบ้าง คุยกับแม่ลูกอ่อนทุกวันก็คงเบื่อบ้างละมั้ง”
ไอรดาไม่โพสต์อะไรอีกเหมือนกัน เงียบไม่ทักแชทจูนก่อน ทางเพื่อนสนิทของเธอก็รู้สึกได้ว่าไม่ควรทักไปให้ถูกสงสัยและรอเวลาให้ผ่านไปอีกสักพักค่อยทักไปคุย
ธนัชชาไม่ได้เจอเจตสุวีย์หลายวันตั้งแต่เขากลับจากเชียงใหม่ บางครั้งดักรอเพื่อเจอก็แค่แป็บเดียวเท่านั้นแล้วก็ออกไปอีก เธอคิดถึงเขามากเลยรวบรวมความกล้าโทรหาในคืนหนึ่งที่รอจนดึกเขาก็ยังไม่กลับบ้าน
“มีอะไรนัชชา?”
เสียงเพลงเบาๆและมีเสียงคนคุยกันหลายคน ธนัชชายังไม่ทันได้พูดต่อ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่เรียกชื่อเขาพอดี
“พี่โจอยู่กับผู้หญิงเหรอคะ?”
“ผมมาปาร์ตี้กับลูกค้า ไว้คุยกันทีหลังนะ”
เขาตัดสายทันที นั่นทำให้เธอหึงจนตัวสั่น ใจเต้นแรงและทำตัวไม่ถูก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงชวนเพื่อนออกไปเที่ยวบ้างเพื่อประชดเขา
เจตสุวีย์อยู่ที่คลับหรูแบบส่วนตัวของกลุ่มนักบริหารระดับสูงอย่าง The Bangkok Club หรือ Privete Business Club ซึ่งคนที่จะเข้ามาได้ต้องเป็นเมมเบอร์เท่านั้น
เขากลับบ้านในตอนเที่ยงคืนและมองไปฝั่งตรงกันข้ามที่บ้านของธนัชชาแล้วไม่เห็นรถของเธอ เขาแค่ยักไหล่แล้วเข้าบ้านไป
พอไปถึงที่ห้องนอน เขารีบอาบน้ำแล้วมานอนดูสารคดีทั่วไป แต่พอตาเหลือบไปเห็นรูปของไอรดา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไอจีของน้องสาวไปส่องก็เจอว่า มีเพลงหนึ่งในแชทที่ไอรดาส่งทิ้งไว้เมื่อสองวันก่อนเป็นเพลงของโบกี้ไลอ้อน ทำให้เขาถึงกับลุกนั่งอย่างเร็ว แล้วคลิกลิงก์ฟังทันที
ส่วนต่าง (do it without me)….
เพลงเศร้ามาก แต่ความหมายนั้นส่งตรงถึงเขาแน่นอนถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป เจตสุวีย์ร้อนใจถึงกับต้องโทรหาจูนกลางดึก
“มีอะไรพี่โจ..โคตรง่วงง่าาา”
เสียงจูนที่หาวยาวๆ ด้วยความง่วงสุดๆ
“จูนเห็นใช่มั้ยที่น้องอายส่งเพลงมาในแชท?”
“ห๊ะ?..จริงดิ? ไม่ได้ดูไอจีมาสักพักเลยไม่รู้ แป็บนะ เปิดคอมก่อน”
จูนเปิดคอมเพื่อดูแชทไอจีของตัวเอง แล้วเห็นว่ามีข้อความที่พี่ชายของเธอลบแล้วบอกส่งผิด จากบทสนทนาน่าจะหมายถึงเพลงที่พี่โจส่งไปก่อนหน้านี้โดยที่สวมรอยเป็นเธอ
“แบบนี้นี่เอง ถึงว่าอายสงสัยว่าไม่ใช่จูนแต่ก็ไม่กล้าพูดว่าเป็นพี่”
“พี่อยากไปหาน้องอายตอนนี้”
“อย่ามั่นพี่โจ! อายส่งเพลงนี้มา ความหมายก็รู้กันอยู่ว่าคืออะไร”
ทางฝั่งไอรดาที่เป็นเวลาสิบเอ็ดโมง เธอเห็นว่าแชทของจูนขึ้นว่า “เห็นแล้ว” เธอจึงลบลิงก์เพลงออกเช่นกัน โดยไม่พิมพ์อะไรไปอีก
“พี่โจๆ อายลบลิงก์เพลง น่าจะรู้แล้วว่าเราเห็นแล้ว”
“จูนช่วยทักถามให้พี่ได้ไหม?”
เสียงพี่ชายของเธอที่ร้อนรนนั้นทำให้จูนสงสัย
“พี่กับอายมีซัมติงไรกันป่ะเนี่ยะ ทำไมต้องส่งเพลงให้กันไปมา”
“ก็ไม่รู้ไง พี่แค่คิดอะไรไม่รู้ตอนเมาส่งไปก่อน แต่ก็บอกไปแล้วว่าส่งผิด แต่ที่น้องอายส่งมา…ถ้าน้องอายเกลียดพี่จริงทำไม..”
“โธ่เอ้ย จะให้ถามยังไงล่ะทีนี้?”
จูนใช้ความคิดก่อนจะลองพิมพ์ถามไป
“เพลงเพราะดีนะ ส่งมาสองวันก่อนเหรออาย โทษทีพึ่งเห็นอ่ะ นี่พึ่งถึงบ้านไปเที่ยวมา”
ไอรดารู้ทันทีว่านี่คือจูน เพราะเพื่อนเธอจะมีเอกลักษณ์เวลาพิมพ์คุยชอบใช้คำว่า “อ่ะ”
“ไม่มีอะไร แค่ส่งผิด”
สิ่งที่ไอรดาตอบมาในแชท เจตสุวีย์ที่อ่านจากมือถือของเขาถึงกับมือสั่น
เธอรู้ว่าเป็นเขาแน่นอน…แต่ยังเลือกที่จะคุยด้วย
“อ่อ โอเค แล้วสบายดีนะอาย ฉันไม่ค่อยได้ทักไปคุยช่วงนี้เพราะงานยุ่ง กลัวรบกวนเธอด้วย เดี๋ยวแมทธิวจะไม่ชอบใจเอา”
“ฉันเข้าใจ การคุยกับแม่ลูกอ่อนมันอาจจะน่าเบื่ออยู่สักหน่อย”
เจตสุวีย์อดไม่ได้ เขาพิมพ์ตอบไปทันที
“ไม่เคยเบื่อเลยสักครั้ง อย่าคิดแบบนั้นเลยนะ”
ทำเอาจูนที่ยังอยู่ในสายกับพี่ชายถึงกับโวยขึ้นมา
“พี่โจอย่าพิมพ์แทรกแบบนี้สิ โอ้ยย อายก็รู้หมด”
“ก็จูนตอบช้าไง ให้ทำยังไงล่ะ”
“พี่โจ นี่มันเข้าข่ายจะเป็นชู้ชาวบ้านนะ พอเถอะ”
“พี่ยอมรักฝ่ายเดียว ไม่ให้น้องอายต้องเสียเพราะพี่หรอก”
“เฮ่ออ…”
มีข้อความจากไอรดาเข้ามา ที่ทำให้สองพี่น้องพากันหยุดพูดชั่วครู่
“อีกสองเดือนน้องมาร์ตินจะครบขวบ พ่อแม่ของแมทธิวจะจัดปาร์ตี้ให้ แล้วฉันจะไปเชียงใหม่พาหลานไปหาคุณปู่คุณย่า อาจจะเข้าไปหาป๊ากับม๊าด้วยนะ ก่อนจะไปฮันนีมูนกับแมทธิวต่อหลายประเทศ พวกเราอยากมีลูกอีกคนน่ะ”
เจตสุวีย์ได้แต่เม้มปาก คำบอกเล่าจากเธอ คือการตอกตะปูปิดฝาโลงใส่หน้าเขาอย่างแรง
“ไว้เจอกันนะอาย มาแล้วโทรบอกด้วย งั้นฉันไปนอนก่อนนะ ดึกแล้ว ฝากจุ๊บหลานด้วยล่ะ”
จูนรีบพิมพ์ตัดบทเพราะรู้แล้วว่าพี่ชายเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจตสุวีย์ออกจากไอจีของน้องสาวแล้ว เอามือบีบขมับตัวเองแรงๆ
“พี่โจ..ไหวมั้ย? กลับบ้านเถอะพี่ ม๊าร้องไห้หาพี่หลายรอบแล้วนะ”
“พรุ่งนี้พี่จะโทรหาม๊าเอง ขอบใจจูนมากนะ”
เมื่อวางสายจากจูน เขาเดินไปมองรูปของไอรดาที่ผนัง นิ้วมือเรียวสวยนั้นสัมผัสที่ภาพอย่างทะนุถนอม
ทำไมโลกนี้มีเขาแล้วต้องมีแมทธิวด้วย…
เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงวันปาร์ตี้ครบรอบหนึ่งขวบของน้องมาร์ติน เธอลงรูปในไอจีโดยที่เจตสุวีย์มากดไลค์เหมือนเคย แต่คราวนี้แมทธิวเห็นเพราะเขาเกิดอยากรู้ว่าใครกดไลค์เธอบ้าง และพอลองไปเช็กดูทุกรูปของไอรดา มีเจตสุวีย์กดไลค์เงียบๆมาตลอด นั่นทำให้เขาเกิดนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ที่ช่วงก่อนนี้ภรรยาของเขาแชทคุยกับเพื่อนสนิทที่เป็นน้องสาวของเจตสุวีย์ทุกวันร่วมเดือน แต่เขาเลือกที่จะเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ก่อน
แมทธิวพาเธอและลูกชายบินไปเมืองไทยเพื่อเยี่ยมปู่กับย่าแล้ว เขาและภรรยาตกลงที่จะมีลูกอีกคนทันที แต่ก่อนจะไปฮันนีมูนนั้น ไอรดาขอพาลูกไปเที่ยวหาพ่อแม่ของเจตสุวีย์และจูน ซึ่งเขาไปด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยและอุ้มลูกนั่งอยู่เงียบๆมากกว่าพูดคุยกับใคร
จูนถ่ายคลิปสั้นๆไว้ในตอนที่พวกเขามาที่บ้าน แล้วส่งต่อคลิปนี้ให้พี่ชายของเธอทันที
เจตสุวีย์เปิดดูคลิปพลางยิ้มกับตัวเอง นี่คือครั้งแรกที่เขาเห็นน้องมาร์ตินเต็มๆ เด็กชายช่างน่ารักน่าชัง เขาถูกชะตาตั้งแต่เห็นในคลิปทันที ธนัชชาที่นั่งเล่นอยู่ที่โซฟาห้องทำงานของเขาถึงกับพยายามยืดคอดูด้วยความสงสัย
“สนใจเหรอ? มาดูสิ”
ธนัชชาเดินมาก้มดูคลิปที่เขายื่นให้ดูโดยไม่ลุกจากเก้าอี้ทำงาน
คนนี้คือไอรดางั้นสิ แต่สวยมากจริงๆ ขนาดถ่ายคลิปแบบไม่มีเซทติ้งอะไรเลย ยังสวยทุกมุม…
เธอยิ้มอ่อนให้เจตสุวีย์ แล้วพูดสั้นๆว่าเด็กน่ารักดี ก่อนจะไปนั่งที่เดิม
“พี่โจคะ แม่หนูอยากขอบคุณพี่ แบบ..อยากเจอ เพราะเห็นพี่จ่ายให้พวกเราทุกอย่าง”
“ก็บอกไปสิว่าผมอยู่บ้านตรงกันข้ามนี่เอง”
ธนัชชาถึงกับดีใจลุกมากอดคอเขาที่นั่งทำงานอยู่ แต่เจตสุวีย์จับแขนเธอออก
“ผมทำงานอยู่นะ”
“ขอโทษค่ะ หนูดีใจมากไปหน่อย”
“ช่วงนี้น้องทำตัวดีไม่ค่อยงี่เง่าอะไร ผมชอบแบบนี้ น้องพาแม่ไปเที่ยวทะเลเอามั้ยล่ะ ผมจะจ่ายให้ ภูเก็ต หัวหิน หรือพังงา เลือกมาแล้วกัน”
“แล้วแต่พี่โจเลยค่ะ แต่ต้องถามแม่ว่าขอลาพักร้อนได้ไหม แต่น่าจะได้เพราะแม่ไม่ได้ไปไหนเลย ว่าแต่..พี่โจไปด้วยมั้ยคะ?”
“ผมทำงานหาเงินให้น้องไปเที่ยวไงครับ ไม่ดีเหรอ?”
จริงๆแล้วเขาแค่อยากให้เธอไม่ต้องมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆสักระยะ เพราะอยากพักอยู่คนเดียวอย่างสงบ
เจตสุวีย์เดินไปบ้านแม่และไปถามถึงซินแสประจำครอบครัว“ม๊า โจอยากให้ซินแสมาที่บ้านหน่อยน่ะครับ มาวันนี้ก็ได้ โจยอมจ่ายแพงหน่อย”มาดามจันจิราทำหน้าแปลกใจที่ปกติเจตสุวีย์ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ เขามักพูดว่ามันไร้สาระ “มีอะไรเหรอโจ? มีสิ่งเร้นลับหรือยังไงลูก”“แค่สงสัยอะไรนิดหน่อยครับม๊า เจไม่ค่อยชอบโจเลยอ่ะ ชอบหงุดหงิดใส่ แล้วเป็นกับโจแค่คนเดียวด้วยนะ”“เอ่อ…หรือตอนหนูอายท้อง โจชอบเถียงกับน้องหรือเปล่า? เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย ม๊าก็เดามั่ว”อีกชั่วโมงต่อมา ซินแสได้มาที่บ้าน ทำเอาไอรดาแปลกใจ แต่ก็คิดว่าคงมาดูฮวงจุ้ยบ้านซินแสที่ได้รับข้อมูลมา ก็ขอวันเดือนปี เวลาตกฟากของลูกชายจากไอรดา จากนั้นซินแสขอรูปของแมทธิวจากโทรศัพท์ของเจตสุวีย์ไปดูอีกครั้ง โดยมองที่รูปสลับกับเด็กน้อยที่นั่งบนตักแม่ “แววตาเหมือนกันมาก” พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปแมทธิวไปที่เด็กน้อย “มีความสุขที่อยู่กับผู้หญิงคนนี้สินะ ถึงได้กลับมาอีกครั้ง”ไอรดาที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเบิกตากว้าง มองที่เจตสุวีย์ที่ยิ้มมุมปากเล็กๆ “หมายความว่ายังไงคะ?”“คุณผู้หญิงสังเกตพฤติกรรมลูก มีอะไรที่คล้ายคนในรูปบ้างมั้ย? หรือทำไมเด็กถึงไม่ค่อยเข้ากั
เจตสุวีย์ประคบประหงมภรรยายิ่งกว่าไข่ในหินและดูแลไม่ให้คลาดสายตา จวบจนวันแต่งงานที่อเมริกาก็มาถึง รอบนี้คุณปู่คุณย่าของเธอได้มีโอกาสบินไปร่วมงานนี้ด้วยบ้านกิตติโสภณได้ทุ่มเต็มที่ให้กับงานนี้ ทั้งดอกไม้เต็มพื้นที่ ของชำร่วย อาหาร คนเสิร์ฟคอยบริการทั่วทั้งงาน งานมาในธีมสากลแบบฝรั่ง มีบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจทั้งของเจตสุวีย์และพ่อก็พร้อมใจกันมาร่วมงานแต่งครั้งแรกของพวกเขาเพื่อนของเจตสุวีย์และไอรดาได้มาร่วมด้วยในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว ทุกคนบินมาร่วมงานกันอย่างชื่นมื่น โดยมีครอบครัวสมิธที่มาร่วมงานด้วยยกเว้นพ่อแม่ของแมทธิว ซึ่งพวกเขาแค่กล่าวคำอวยพรให้เท่านั้น มีเพียงอากงและอาม่าจากไต้หวันที่ยังเอ็นดูบินมาร่วมงานตามคำเชิญ“พวกเขาคงไม่พอใจที่แมทธิวจากไปได้แค่หนึ่งปี หนูก็แต่งงานใหม่” ไอรดากล่าวกับเจตสุวีย์ด้วยสีหน้าที่เศร้า“พี่จะพาหนูกับมาร์ตินไปเที่ยวหาพวกเขาบ่อยๆ คนที่พวกเขาไม่ชอบคือพี่ ไม่ใช่หนู”หลังจากปาร์ตี้สละโสด พวกเขาก็พามาร์ตินไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของแมทธิว ก่อนจะบินไปโมนาโกเพื่อขึ้นเรือสำราญสำหรับฮันนีมูนสามประเทศมี DM เข้ามาที่ไอจีของไอรดาในคืนวันแรกที่อยู่บนเรือ เธ
ธนัชชาและแฟนหนุ่มนั่งกับพื้นประจันหน้ากับเจตสุวีย์ คนหนึ่งหน้าตาวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกคนก็มองหน้าเขาด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ“อยากได้เงินหรือความช่วยเหลืออะไรมั้ย? นัชชาให้คุณเท่าไหร่? ผมให้ได้มากกว่านะ ออกคุกมาคุณก็มีเงินใช้สบายๆ ขอแค่ยอมพูดความจริง”เจตสุวีย์ชอบใช้เงินจบปัญหา นี่คือสไตล์ของเขาเวลาต้องการความรวดเร็วและสะดวก“หนูจะแจ้งความกลับ ที่กักขังหน่วงเหนี่ยว ติดสินบนให้คนอื่นใส่ร้ายหนู”“ไม่ต้องห่วง เพราะจบจากการสนทนาอันน่ารังเกียจกับคุณ ผมจะส่งคุณให้ตำรวจพอดี เชิญแจ้งได้เท่าที่พอใจ ผมสนใจอย่างเดียวเกี่ยวกับคุณ..คือเรื่องแม่ ถ้าท่านรู้ว่าคุณใช้เงินของผมมาทำร้ายผม รู้ว่าลูกสาวคนเดียวจะต้องเข้าคุก ท่านจะเสียใจแค่ไหน”พอพูดถึงแม่ของเธอ ธนัชชาออกอาการทันที ป่านนี้แม่คงจะเป็นห่วงและตามหาเธอ ทั้งที่เธออยู่แค่ตรงกันข้ามในบ้านหลังนี้เท่านั้น แฟนของธนัชชาจึงรีบพูดขอความเห็นใจ “ตอนนี้พวกคุณก็ปลอดภัยดี ให้อภัยพวกเราได้มั้ยครับ ผมกับนัชชาจะไม่ทำผิดแบบนี้อีก” พูดจบก็ยกมือไหว้เจตสุวีย์ ธนัชชาที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปถลึงตาใส่ทันที “ผมรอดมาก็จริง แต่คนที่พวกคุณเกือบทำให้ตายคือ
ไอรดาที่เสิร์ฟความรักให้สามีเต็มที่ เธอเพลียหลับไปจากการเจออะไรมาทั้งวันและคืนนี้อีกค่อนคืน เจตสุวีย์จึงปล่อยให้ภรรยาพักผ่อน เขาออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเพื่อไม่ให้รบกวนเธอ “พรุ่งนี้ออกมาตอนเช้านะ จะได้มาถึงนี่สักเที่ยง แล้วจะส่งพิกัดให้”เขาติดต่อกับกลุ่มที่จับตัวธนัชชาและแฟนหนุ่ม สั่งให้ขังไว้ในห้อง โดยไม่ต้องมัดหรือบังคับทำร้ายพวกเขา เช้าวันต่อมาตำรวจได้แจ้งว่าพบเบาะแสจากร้านขายโทรศัพท์มือถือที่หนองคายว่ามีคนนำโทรศัพท์มาขายให้โดยน่าจะขโมยมาเพราะไม่สามารถปลดล็อกหน้าจอได้จำนวนสองเครื่อง จึงไม่รับซื้อแต่ได้ภาพหน้าตาของผู้ต้องหาจากกล้องวงจรปิดในร้านแทน หนึ่งในสี่ผู้ต้องหาที่ลูกน้องของเจตสุวีย์จับได้ถูกส่งตัวให้ตำรวจ ได้ให้ปากคำว่ารับจ้างงานมาจากผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ นิรมล พอตำรวจเช็กจากเบอร์โทรศัพท์ก็ปรากฏว่าลงทะเบียนเป็นชื่อแฟนเก่าของธนัชชา เจตสุวีย์กลับถึงบ้านพร้อมไอรดา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปที่บ้านพ่อแม่ของเขา ก็เจอทุกคนอยู่พร้อมหน้า ไอรดารีบเข้าไปกอดลูกชายที่จูนอุ้มอยู่ ส่วนมาดามจันจิราที่น้ำตาซึมก็รีบเข้าไปกอดลูกชาย“ปลอดภัยนะอาย ทุกคนพากันกังวลไม่ได้หลับไม่นอนที่เธอกับพี่
“นายครับ ผมจะเข้าไปก่อนนะ นายตามผมไปเอานายหญิงมา รีบหนีไปก่อนแล้วค่อยเจอกันทีหลัง ผมจะคุ้มกันให้ ตำรวจกำลังมาทางนี้แล้ว แต่เราไม่มีเวลาพอ”“อีกสองคนอยู่ในนั้นน่าจะมีปืน ต้องอย่าให้มันจับไอรดาไปเป็นตัวประกันได้ เราจะลำบาก”“คุณโจ…คุณสิทธิศักดิ์ชุบเลี้ยงผมมา ท่านขอให้ดูแลคุณ ผมจะทำสุดความสามารถ ยังไงลูกเมียผมก็จะไม่ลำบาก”“ไม่..”เจตสุวีย์พูดได้เท่านั้น ลูกน้องเขาเดินย่องและเล็งปืนอย่างระมัดระวัง พลางยิงขู่ อีกมือก็ทำสัญญาณให้ไอรดาที่ค่อยๆคลานมาลุกวิ่ง เขากระหน่ำยิงขู่ไปสามสี่นัดเพื่อซื้อเวลาให้เจตสุวีย์เข้าไปหาเธอแล้วจับมือดึงให้ลุกขึ้นวิ่ง จนรถกระบะมีรอยพรุนของกระสุนที่หมดลง รถอาวดี้ที่ติดหล่มในนาไปแล้ว ทำให้เจตสุวีย์ที่มือถือปืนข้างหนึ่งและจูงเธอวิ่งหลบไปด้านหลังรถเพื่อใช้เป็นที่กำบังในตอนที่หนี มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด “ที่รัก วิ่งนะ อย่าหยุด”ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว พวกเขาวิ่งสลับกับเดินผ่านต้นไม้ทึบๆ จนแน่ใจว่าพ้นอันตรายแล้วจึงให้เธอนั่งพักใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเจตสุวีย์ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเธอ เสื้อเชิ้ตขาวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อและเปื้อนดินนิดหน่อย กระดุมที่หลุดลุ่ยเผยให้เห็
ขณะที่เจตสุวีย์กำลังยืนอยู่นอกรถที่ปั๊มน้ำมัน ตอนนี้ลูกน้องอยู่กับเขาสามคน เขาจึงสั่งให้หนึ่งคน ขับรถของไอรดากลับบ้านและคอยดูแลป้ารินและมาร์ติน “นายครับๆ พวกเราทุกคนพก GPS ขนาดเล็กติดตัวเสมอ เราเช็กจากเขาดูว่าอยู่ที่ไหนได้นี่ครับ ตอนนายให้พวกเราพกไว้ทุกคนนายมีข้อมูลเข้าถึง GPS ของพวกเราทุกคนได้นะ”เจตสุวีย์ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขามัวจะคลุ้มคลั่งที่ภรรยาหายจนลืมคิดไป เมื่อเขาเปิดแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ขึ้นมาก็ตาวาวทันที จึงรีบโทรบอกพ่อของเขาว่า GPS ลูกน้องคนหนึ่งของเขาเคลื่อนไปในความเร็วที่รู้ได้ทันทีว่ายังอยู่ในรถ เขาดื่มเกลือแร่ที่ซื้อจากในร้านสะดวกซื้อแล้วรีบขับรถออกตามไปทันที “โทรไปเบอร์พ่อผมให้หน่อย บอกว่าเราอยู่เส้นทางไหน”ขับรถไล่ตามกันไปอยู่สองชั่วโมงครึ่ง สัญญาณนั้นขับผ่านอุทยานเขาใหญ่ แล้วจอดที่ร้านอาหารหนึ่งไม่ไกลจากโรงไฟฟ้าลำตะคลอง ส่วนเจตสุวีย์ที่ขับรถเร็วเพราะใจเขาอยากตามไปให้ใกล้ที่สุด ซึ่งตอนนี้เขาขับผ่านโรงพยาบาลแก่งคอยแล้ว ห่างจากสัญญาณไปอีกแค่ 74 กม.“นายครับ พวกมันหยุดพักแต่อยู่บนทางหลัก ผมส่งข้อความถึงคุณสิทธิศักดิ์แล้ว”จูนที่โทรมาว่าไม่เจอ User และ Password ที่จะ