พอวันที่จูนและเจตสุวีย์ไปเชียงใหม่และพักที่บ้านของไอรดา เขาติดสินบนลูกชายป้ารินไม่ให้บอกไอรดาและทุกคนว่าเขามาที่นี่
“บอกแค่ว่าจูนมาคนเดียวก็พอ ผมไม่อยากให้น้องอายมีปัญหากับสามี เราไม่ค่อยถูกกันน่ะ”
“อ้อ ครับๆ”
ลูกชายป้ารินรับคำอย่างว่าง่าย
“จูนนอนห้องนอนรับรองแขกไปเถอะ พี่แค่จะเข้าไปอาบน้ำก็พอ จะนอนที่ห้องรับแขกเอา”
“เอ้า ห้องนอนมีตั้งเยอะ”
“ทุกห้องที่นี่ ไอ้พ่อม่ายนั่นคงใช้ไปหมดแล้ว นอนไม่ลง”
“เฮ่อออ…แล้วแต่ละกัน เอาโทรศัพท์พี่มาหน่อย จะส่งข้อความบอกอาย ขี้เกียจเปิดโน้ตบุ๊ค”
เจตสุวีย์ไม่ได้มาที่นี่นานมาก เขาย้อนนึกถึงวันแรกที่ได้เจอเธอ เพราะเธอสนิทกับจูนจนพาพ่อแม่มาสนิทกัน ร่วมทำกิจการด้วยกัน ในตอนนั้นที่เขาอยู่มหาวิทยาลัยปีสี่และมีแฟนแล้ว แต่ยังไม่เคยเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว แค่ได้ยินผ่านๆเพราะจูนชอบเชียร์เพื่อนคนนี้ให้เขาจีบเสมอ จนวันที่ครอบครัวของเขาต้องการไปพักผ่อนที่เชียงใหม่โดยเขาได้มาด้วยและพักที่บ้านนี้
ตอนที่เขาลงจากรถและเจอเธอยืนข้างๆคุณแม่ เด็กสาวอายุเพียง 19 เธอสวยถอดแบบแม่มาแทบจะเหมือนพี่สาวและน้องสาว ตอนที่เขาก้าวเข้ามาสวัสดีครอบครัวของไอรดา ดวงตาที่กลมโต ผิวหน้าและผิวกายที่ใสกิ๊งกลาสสกินเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ รอยยิ้มที่สวยน่ารักนั้น ทำเขาหัวใจหยุดเต้นไปเลย แต่เพราะเขามีป้อปปี้เลิฟที่คบมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ทั้งสองจึงทำได้เพียงแอบมองกันและกันเท่านั้น
เจตสุวีย์แอบเห็นแก่ตัวที่ภาวนาให้เธอโสดไปนานๆ ในขณะที่เขาเองไม่สามารถบอกเลิกแฟนที่คบมาหลายปีได้เพราะเธอไม่ได้ผิดอะไร แต่พอวันที่ต้องบินไปบินมาจนไม่มีเวลาให้แฟนสาวจึงโดนบอกเลิก ซึ่งเขาก็ไม่เสียใจอะไร แต่พอจะกลับมาหาเธอ ก็ได้ยินว่ามีพ่อม่ายหนุ่มลูกครึ่งมาตื้อเอาชนะใจเธอได้ก่อนเขาจะกลับมาแค่เดือนสองเดือน
จูนที่โทรคุยกับไอรดาเสร็จแล้วก็เอาโทรศัพท์มาคืนให้เขา
“อายเหมือนสงสัยแล้วนะ ระวังหน่อยแล้วกัน จูนใช้ไอจีทักไป อายรีบโทรเข้าไลน์จูนเลย ดีนะที่มาด้วย เมื่อกี้ลูกชายป้ารินบอกว่าอายโทรมาถามว่า จูนมากับใคร ดีที่ตอบว่ามาคนเดียว”
เขาก้มหน้าหลับตาและพยักหน้าเงียบๆ จูนลูบหลังพี่ชายเบาๆเชิงปลอบใจ
“พี่โจจะกลับบ้านเราตอนไหน? ป๊ากับม๊าเริ่มถามหาแล้ว”
“พี่ทำทุกคนผิดหวัง ไม่มีหน้าจะกลับไปตอนนี้หรอก”
เขาสูดลมหายใจลึกๆแล้วบอกน้องสาวด้วยสายตาที่เธอสงสารพี่ชายมาก
“พี่จะไม่ทักแชทน้องอายไปสักระยะ ถ้าคิดถึงมากๆ อาจจะนานๆครั้งก็พอ ขอบใจจูนมากนะ”
เจตสุวีย์ไปที่ห้องพระ ได้เห็นอัลบั้มรูปของครอบครัววิเชียรวรกุล รูปของคนที่เขารักเมื่อยังเยาว์วัยนั้นทำให้เผลอยิ้มออกมา เขาถือโอกาสแอบหยิบออกมาใบหนึ่ง เธอดูน่ารักมากๆ ด้านหลังภาพมีเขียนไว้ด้วยลายมือพ่อของเธอว่าอายุ 12 ปี
คงเป็นเวรกรรมของพี่เอง..ที่หลงรักหนูไม่จบไม่สิ้น
ไม่ใช่เพราะตัดใจไม่ได้..แต่เป็นเขาเองที่จะไม่เลิกรักเธอ..
คืนนั้นเจตสุวีย์นอนในความมืดสลัวในห้องรับแขกโดยกอดกล่องเครื่องประดับเอาไว้ เขารอจนแน่ใจว่าทุกคนในบ้านหลับแล้ว จึงขึ้นไปบนห้องนอนใหญ่ที่น่าจะเป็นห้องของพ่อแม่เธอ
เขาเปิดไฟและดูพอจะรู้ว่าเธอใช้ห้องนี้เพราะเปิดตู้เสื้อผ้า มีเสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์เนมหลายใบที่เขาเคยเห็นเธอใช้มาบ้าง เขาเลือกกระเป๋าแบรนด์เนมใบหนึ่งขึ้นมาแล้วใส่กล่องเครื่องประดับลงไป
โอกาสที่จะได้ให้หนูคงไม่มีอีกแล้ว พี่จะเอาไว้ที่นี่ เผื่อวันนึงที่หนูเกลียดพี่น้อยลง เมื่อเห็นมันในวันใดวันหนึ่งอาจจะนึกถึงพี่บ้าง…
เขาทรุดตัวนั่งก้มหน้าลงบนเตียงในห้องนอนใหญ่แห่งนี้ พลันจินตนาการไปว่าแมทธิวและไอรดาทำอะไรกันบ้างในห้องนี้ นั่นทำให้เขาเกิดความริษยาและแค้นเคืองขึ้นมา…
ถ้าแมทธิวอ้อนวอนขอพระเจ้าให้ได้รักเธอ งั้นเขาจะอ้อนวอนขอซาตานให้นำเธอมาคืนให้เขาบ้าง…เขายินดีแลกกับการสูญเสียความดีที่หลงเหลืออยู่ในจิตวิญญาณ ขอแค่ได้รักกับเธออีกครั้ง…
เจตสุวีย์กลับลงไปนอนก่ายหน้าผากที่โซฟาในห้องรับแขก เขานอนไม่หลับเพราะไม่ได้แชทคุยกับเธอแบบทุกวัน ทำได้แค่เลื่อนดูบทสนทนาเก่าๆ
ส่วนไอรดาก็รู้สึกแปลกๆที่ไม่มีแชทจากจูน..หรือใครคนนั้น..
หลายๆวันเข้า เธอเริ่มเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บ่อยๆ จนแมทธิวเริ่มแปลกใจ
“ไม่ค่อยแชทกับเพื่อนสนิทแล้วเหรอ ปกติเห็นคุยกันทุกวัน ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายนี่ผมคงหึงไปแล้ว”
เธอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกร้อนตัวขึ้นมา แต่สักพักก็คิดได้ว่า เธอบริสุทธิ์ใจเพราะนั่นคือไอจีของเพื่อนเธอ ไม่ใช่เขาคนนั้นสักหน่อย
“จูนก็แบบนี้ บทจะว่างก็คุยเยอะ พอไม่ว่างก็จะหายๆบ้าง คุยกับแม่ลูกอ่อนทุกวันก็คงเบื่อบ้างละมั้ง”
ไอรดาไม่โพสต์อะไรอีกเหมือนกัน เงียบไม่ทักแชทจูนก่อน ทางเพื่อนสนิทของเธอก็รู้สึกได้ว่าไม่ควรทักไปให้ถูกสงสัยและรอเวลาให้ผ่านไปอีกสักพักค่อยทักไปคุย
ธนัชชาไม่ได้เจอเจตสุวีย์หลายวันตั้งแต่เขากลับจากเชียงใหม่ บางครั้งดักรอเพื่อเจอก็แค่แป็บเดียวเท่านั้นแล้วก็ออกไปอีก เธอคิดถึงเขามากเลยรวบรวมความกล้าโทรหาในคืนหนึ่งที่รอจนดึกเขาก็ยังไม่กลับบ้าน
“มีอะไรนัชชา?”
เสียงเพลงเบาๆและมีเสียงคนคุยกันหลายคน ธนัชชายังไม่ทันได้พูดต่อ ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงที่เรียกชื่อเขาพอดี
“พี่โจอยู่กับผู้หญิงเหรอคะ?”
“ผมมาปาร์ตี้กับลูกค้า ไว้คุยกันทีหลังนะ”
เขาตัดสายทันที นั่นทำให้เธอหึงจนตัวสั่น ใจเต้นแรงและทำตัวไม่ถูก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงชวนเพื่อนออกไปเที่ยวบ้างเพื่อประชดเขา
เจตสุวีย์อยู่ที่คลับหรูแบบส่วนตัวของกลุ่มนักบริหารระดับสูงอย่าง The Bangkok Club หรือ Privete Business Club ซึ่งคนที่จะเข้ามาได้ต้องเป็นเมมเบอร์เท่านั้น
เขากลับบ้านในตอนเที่ยงคืนและมองไปฝั่งตรงกันข้ามที่บ้านของธนัชชาแล้วไม่เห็นรถของเธอ เขาแค่ยักไหล่แล้วเข้าบ้านไป
พอไปถึงที่ห้องนอน เขารีบอาบน้ำแล้วมานอนดูสารคดีทั่วไป แต่พอตาเหลือบไปเห็นรูปของไอรดา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าไอจีของน้องสาวไปส่องก็เจอว่า มีเพลงหนึ่งในแชทที่ไอรดาส่งทิ้งไว้เมื่อสองวันก่อนเป็นเพลงของโบกี้ไลอ้อน ทำให้เขาถึงกับลุกนั่งอย่างเร็ว แล้วคลิกลิงก์ฟังทันที
ส่วนต่าง (do it without me)….
เพลงเศร้ามาก แต่ความหมายนั้นส่งตรงถึงเขาแน่นอนถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป เจตสุวีย์ร้อนใจถึงกับต้องโทรหาจูนกลางดึก
“มีอะไรพี่โจ..โคตรง่วงง่าาา”
เสียงจูนที่หาวยาวๆ ด้วยความง่วงสุดๆ
“จูนเห็นใช่มั้ยที่น้องอายส่งเพลงมาในแชท?”
“ห๊ะ?..จริงดิ? ไม่ได้ดูไอจีมาสักพักเลยไม่รู้ แป็บนะ เปิดคอมก่อน”
จูนเปิดคอมเพื่อดูแชทไอจีของตัวเอง แล้วเห็นว่ามีข้อความที่พี่ชายของเธอลบแล้วบอกส่งผิด จากบทสนทนาน่าจะหมายถึงเพลงที่พี่โจส่งไปก่อนหน้านี้โดยที่สวมรอยเป็นเธอ
“แบบนี้นี่เอง ถึงว่าอายสงสัยว่าไม่ใช่จูนแต่ก็ไม่กล้าพูดว่าเป็นพี่”
“พี่อยากไปหาน้องอายตอนนี้”
“อย่ามั่นพี่โจ! อายส่งเพลงนี้มา ความหมายก็รู้กันอยู่ว่าคืออะไร”
ทางฝั่งไอรดาที่เป็นเวลาสิบเอ็ดโมง เธอเห็นว่าแชทของจูนขึ้นว่า “เห็นแล้ว” เธอจึงลบลิงก์เพลงออกเช่นกัน โดยไม่พิมพ์อะไรไปอีก
“พี่โจๆ อายลบลิงก์เพลง น่าจะรู้แล้วว่าเราเห็นแล้ว”
“จูนช่วยทักถามให้พี่ได้ไหม?”
เสียงพี่ชายของเธอที่ร้อนรนนั้นทำให้จูนสงสัย
“พี่กับอายมีซัมติงไรกันป่ะเนี่ยะ ทำไมต้องส่งเพลงให้กันไปมา”
“ก็ไม่รู้ไง พี่แค่คิดอะไรไม่รู้ตอนเมาส่งไปก่อน แต่ก็บอกไปแล้วว่าส่งผิด แต่ที่น้องอายส่งมา…ถ้าน้องอายเกลียดพี่จริงทำไม..”
“โธ่เอ้ย จะให้ถามยังไงล่ะทีนี้?”
จูนใช้ความคิดก่อนจะลองพิมพ์ถามไป
“เพลงเพราะดีนะ ส่งมาสองวันก่อนเหรออาย โทษทีพึ่งเห็นอ่ะ นี่พึ่งถึงบ้านไปเที่ยวมา”
ไอรดารู้ทันทีว่านี่คือจูน เพราะเพื่อนเธอจะมีเอกลักษณ์เวลาพิมพ์คุยชอบใช้คำว่า “อ่ะ”
“ไม่มีอะไร แค่ส่งผิด”
สิ่งที่ไอรดาตอบมาในแชท เจตสุวีย์ที่อ่านจากมือถือของเขาถึงกับมือสั่น
เธอรู้ว่าเป็นเขาแน่นอน…แต่ยังเลือกที่จะคุยด้วย
“อ่อ โอเค แล้วสบายดีนะอาย ฉันไม่ค่อยได้ทักไปคุยช่วงนี้เพราะงานยุ่ง กลัวรบกวนเธอด้วย เดี๋ยวแมทธิวจะไม่ชอบใจเอา”
“ฉันเข้าใจ การคุยกับแม่ลูกอ่อนมันอาจจะน่าเบื่ออยู่สักหน่อย”
เจตสุวีย์อดไม่ได้ เขาพิมพ์ตอบไปทันที
“ไม่เคยเบื่อเลยสักครั้ง อย่าคิดแบบนั้นเลยนะ”
ทำเอาจูนที่ยังอยู่ในสายกับพี่ชายถึงกับโวยขึ้นมา
“พี่โจอย่าพิมพ์แทรกแบบนี้สิ โอ้ยย อายก็รู้หมด”
“ก็จูนตอบช้าไง ให้ทำยังไงล่ะ”
“พี่โจ นี่มันเข้าข่ายจะเป็นชู้ชาวบ้านนะ พอเถอะ”
“พี่ยอมรักฝ่ายเดียว ไม่ให้น้องอายต้องเสียเพราะพี่หรอก”
“เฮ่ออ…”
มีข้อความจากไอรดาเข้ามา ที่ทำให้สองพี่น้องพากันหยุดพูดชั่วครู่
“อีกสองเดือนน้องมาร์ตินจะครบขวบ พ่อแม่ของแมทธิวจะจัดปาร์ตี้ให้ แล้วฉันจะไปเชียงใหม่พาหลานไปหาคุณปู่คุณย่า อาจจะเข้าไปหาป๊ากับม๊าด้วยนะ ก่อนจะไปฮันนีมูนกับแมทธิวต่อหลายประเทศ พวกเราอยากมีลูกอีกคนน่ะ”
เจตสุวีย์ได้แต่เม้มปาก คำบอกเล่าจากเธอ คือการตอกตะปูปิดฝาโลงใส่หน้าเขาอย่างแรง
“ไว้เจอกันนะอาย มาแล้วโทรบอกด้วย งั้นฉันไปนอนก่อนนะ ดึกแล้ว ฝากจุ๊บหลานด้วยล่ะ”
จูนรีบพิมพ์ตัดบทเพราะรู้แล้วว่าพี่ชายเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจตสุวีย์ออกจากไอจีของน้องสาวแล้ว เอามือบีบขมับตัวเองแรงๆ
“พี่โจ..ไหวมั้ย? กลับบ้านเถอะพี่ ม๊าร้องไห้หาพี่หลายรอบแล้วนะ”
“พรุ่งนี้พี่จะโทรหาม๊าเอง ขอบใจจูนมากนะ”
เมื่อวางสายจากจูน เขาเดินไปมองรูปของไอรดาที่ผนัง นิ้วมือเรียวสวยนั้นสัมผัสที่ภาพอย่างทะนุถนอม
ทำไมโลกนี้มีเขาแล้วต้องมีแมทธิวด้วย…
เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงวันปาร์ตี้ครบรอบหนึ่งขวบของน้องมาร์ติน เธอลงรูปในไอจีโดยที่เจตสุวีย์มากดไลค์เหมือนเคย แต่คราวนี้แมทธิวเห็นเพราะเขาเกิดอยากรู้ว่าใครกดไลค์เธอบ้าง และพอลองไปเช็กดูทุกรูปของไอรดา มีเจตสุวีย์กดไลค์เงียบๆมาตลอด นั่นทำให้เขาเกิดนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ที่ช่วงก่อนนี้ภรรยาของเขาแชทคุยกับเพื่อนสนิทที่เป็นน้องสาวของเจตสุวีย์ทุกวันร่วมเดือน แต่เขาเลือกที่จะเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ก่อน
แมทธิวพาเธอและลูกชายบินไปเมืองไทยเพื่อเยี่ยมปู่กับย่าแล้ว เขาและภรรยาตกลงที่จะมีลูกอีกคนทันที แต่ก่อนจะไปฮันนีมูนนั้น ไอรดาขอพาลูกไปเที่ยวหาพ่อแม่ของเจตสุวีย์และจูน ซึ่งเขาไปด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยและอุ้มลูกนั่งอยู่เงียบๆมากกว่าพูดคุยกับใคร
จูนถ่ายคลิปสั้นๆไว้ในตอนที่พวกเขามาที่บ้าน แล้วส่งต่อคลิปนี้ให้พี่ชายของเธอทันที
เจตสุวีย์เปิดดูคลิปพลางยิ้มกับตัวเอง นี่คือครั้งแรกที่เขาเห็นน้องมาร์ตินเต็มๆ เด็กชายช่างน่ารักน่าชัง เขาถูกชะตาตั้งแต่เห็นในคลิปทันที ธนัชชาที่นั่งเล่นอยู่ที่โซฟาห้องทำงานของเขาถึงกับพยายามยืดคอดูด้วยความสงสัย
“สนใจเหรอ? มาดูสิ”
ธนัชชาเดินมาก้มดูคลิปที่เขายื่นให้ดูโดยไม่ลุกจากเก้าอี้ทำงาน
คนนี้คือไอรดางั้นสิ แต่สวยมากจริงๆ ขนาดถ่ายคลิปแบบไม่มีเซทติ้งอะไรเลย ยังสวยทุกมุม…
เธอยิ้มอ่อนให้เจตสุวีย์ แล้วพูดสั้นๆว่าเด็กน่ารักดี ก่อนจะไปนั่งที่เดิม
“พี่โจคะ แม่หนูอยากขอบคุณพี่ แบบ..อยากเจอ เพราะเห็นพี่จ่ายให้พวกเราทุกอย่าง”
“ก็บอกไปสิว่าผมอยู่บ้านตรงกันข้ามนี่เอง”
ธนัชชาถึงกับดีใจลุกมากอดคอเขาที่นั่งทำงานอยู่ แต่เจตสุวีย์จับแขนเธอออก
“ผมทำงานอยู่นะ”
“ขอโทษค่ะ หนูดีใจมากไปหน่อย”
“ช่วงนี้น้องทำตัวดีไม่ค่อยงี่เง่าอะไร ผมชอบแบบนี้ น้องพาแม่ไปเที่ยวทะเลเอามั้ยล่ะ ผมจะจ่ายให้ ภูเก็ต หัวหิน หรือพังงา เลือกมาแล้วกัน”
“แล้วแต่พี่โจเลยค่ะ แต่ต้องถามแม่ว่าขอลาพักร้อนได้ไหม แต่น่าจะได้เพราะแม่ไม่ได้ไปไหนเลย ว่าแต่..พี่โจไปด้วยมั้ยคะ?”
“ผมทำงานหาเงินให้น้องไปเที่ยวไงครับ ไม่ดีเหรอ?”
จริงๆแล้วเขาแค่อยากให้เธอไม่ต้องมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆสักระยะ เพราะอยากพักอยู่คนเดียวอย่างสงบ
เจตสุวีย์จมอยู่กับความคิดที่ว่า ไอรดาอาจเริ่มใจอ่อนให้เขาบ้างแล้ว เขาฟังเพลงที่เธอเคยส่งให้อยู่ตลอด ทั้งเวลาอยู่บ้าน ในรถ ที่ออฟฟิศ บางครั้งไปดื่มที่บาร์ก็ให้เปิดเพลงนี้ตอนนี้เขาเริ่มกลับไปติดต่อกับครอบครัวเป็นระยะๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ที่เขาโทรไปหาบ่อยที่สุด ธนัชชากับแม่เที่ยวอยู่ที่ภูเก็ต เจตสุวีย์ได้จ่ายสำหรับห้องพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต และให้เช่ารถขับเองโดยไม่ต้องพึ่งแท็กซี่ สองแม่ลูกช้อปปิ้งกินหรูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “แม่คะ กลับไปเราไปเจอพี่เขากันนะ หนูบอกพี่เขาแล้ว”“จริงเหรอ? แล้วแม่ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลย”เธอลงไอจีมาตลอดถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้คบหากับเขา เพื่อนๆมากมายพากันมากดไลค์ให้กับธนัชชาคนใหม่ที่ค่อยๆสวยขึ้น จากการใช้เงินเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม “นัชชา แกรู้ป่ะว่าแฟนแกอ่ะ ลูกนักธุรกิจคนดังระดับประเทศนะ เนี่ย..พึ่งเห็นข่าวจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของปีนี้ มีรูปพี่เขาขึ้นในนั้น ฉันจำหน้าได้”ธนัชชาแกล้งทำเป็นชิลๆเหมือนรู้ดี แต่จริงๆแล้วเธอไม่กล้าถามนามสกุลหรือเรื่องครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เปิดปากเล่าก่อน ซึ่งแน่นอน
ไอรดาที่เข้าห้องน้ำ เธอตื่นเต้นจนหายใจแรงและตัดสินใจลบแชททั้งหมดทันทีก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โดยที่แมทธิวยืนรอเธออยู่ พอเปิดประตูมาเจอทำเอาเธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยน“ผมทำคุณตกใจเหรอ? Sweetie”“ก็ปกติไม่มายืนหน้าประตูแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจ”“ปกติคุณก็ไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย”“เคยสิ เวลาอึ”แมทธิวไม่พูดอะไรแต่มองตาเธอนิ่ง เหมือนต้องการเช็กอะไรอยู่“อะไร? ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วย”ไอรดาถอนหายใจและเบี่ยงตัวเดินหลบเขาไป แมทธิวไม่อยากหาเรื่องหึงกับเธอเพราะกำลังท้องอ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงลูกเจตสุวีย์รอให้ไอรดาตอบอะไรมาสักอย่างแต่กลับเงียบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง จนธนัชชาเอ่ยถามขึ้น“พี่โจนอนพักผ่อนดีกว่ามั้ยคะ? ดึกแล้วนะ”“น้องกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียววันนี้”เขาพูดโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งที่ขอบเตียงจ้องแต่โทรศัพท์ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ“ทำไมหนูเงียบคะ ตอบอะไรก็ได้มาหน่อย พี่รอหนูอยู่นะ อะไรก็ได้..ได้โปรด”ธนัชชาถึงกับอึ้ง คำพูดของเขาที่ใช้กับผู้หญิงคนนั้นช่างฟังแตกต่างจากที่เรียกหรือพูดกับเธอชัดเจน“ไอรดาอาจจะคุยกับสามีของเธออยู่ก็ได้มั้งคะพี่” เจตสุวีย์อารม
เจตสุวีย์ให้เลขาจองตั๋วคืนนี้ทันทีแพงเท่าไหร่ไม่สำคัญ เพื่อมุ่งสู่ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโกพี่ไม่สนใจว่าใครจะเกลียด..แต่พี่จะต้องไปหาหนู…เขาไปที่บ้านของพ่อแม่ก่อนเวลาที่แจ้งไว้ เลยถือโอกาสโทรคุยกับน้องสาว เพื่อขอโลเคชั่นบ้านของไอรดาและชื่อโรงพยาบาลที่แมทธิวไปรักษาตัวอยู่ แล้วสั่งห้ามไม่ให้จูนบอกเพื่อนของเธอว่าเขาจะไปหาเจตสุวีย์บันทึกแผนการเดินทาง เตรียมเอกสารทุกอย่างและบัตรเครดิตวงเงินสูงที่สุดที่เอาไปได้เลขาแจ้งการจองตั๋วเรียบร้อย เครื่องจะออก 19.15 ถึงที่อเมริกา 21.15 ของวันถัดไป รวม 17 ชั่วโมง เจตสุวีย์คิดว่าเมื่อถึงซานฟรานซิสโก กว่าจะไปที่บ้านของเธอที่ต้องขับรถถึงสองชั่วโมง คงจะดึกมากและรบกวนเวลาที่ทุกคนพักผ่อน เขาจึงเลือกจองโรงแรมที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยไปหาเช่ารถเอาทีหลังเจตสุวีย์จองโรงแรม Pleasanton Marriott ใกล้แค่นั่ง Taxi ไปสิบนาทีก็ถึงโรงพยาบาล Stanfordจากนั้นนั่งรอที่บ้านจนกระทั่งพ่อและแม่ของเขาได้กลับมา หลังจากออกไปข้างนอกด้วยกันมาทั้งวัน พอเจอหน้าพ่อจากที่ไม่ได้เจอนานถึงสองปี เขาถึงกับเกร็งแต่ก็ยกมือไหว้ พ่อเข้ามากอดและไม่พูดอะไร เขากอดตอบและกล่าวได้
เจตสุวีย์โทรหาน้องสาวเพื่อบอกว่าได้เจอไอรดาและสามีแล้ว“เขาดูแย่กว่าที่คิดไว้มาก ดูซีดเซียว เหนื่อยหอบ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ มีแค่น้องอายอยู่เฝ้ากับพยาบาลอีกคนเท่านั้น ฝากบอกป๊ากับม๊าด้วยนะ”“จูนจะโทรหาอาย ลองถามว่าตกลงป่วยเป็นอะไร แต่ต้องรอตอนดึกถึงจะเป็นช่วงเช้าที่นั่น พี่โจ..โอเคนะพี่?”“พี่ไม่เข้าใจตัวเอง..พี่เคยคิดว่าทำไมต้องมีผู้ชายคนนี้มาขวางทาง แต่พอเห็นเขาวันนี้ กลับรู้สึกเห็นใจ กลัวน้องอายจะเสียใจ”จูนยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินแบบนั้น“รักแท้คือการเสียสละไงพี่โจ เมื่อเราเห็นคนที่รักมีความสุข ถึงจะไม่ได้ครอบครองก็เถอะ”“สละอะไรล่ะ แอบปลอมเป็นจูนไปคุยทุกวันนี่จะเรียกว่าชู้แล้ว พี่ยังเคยคิดเลยว่า คงสวมรอยคุยแบบนี้จนแก่ไปพร้อมกับพวกเขาแน่ๆ”“ตลกน่า ไม่คิดจะมองสาวอื่นเลยรึ?”“แค่คนเดียวพอ”วันต่อมาเจตสุวีย์ไปที่ Enterprise Rent-A-Car ในช่วงเช้าเพื่อเช่ารถยนต์หนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะตรงไปที่ Supermarket ชื่อ Safeway เพื่อเลือกซื้อผลไม้ไปฝากไอรดาและแมทธิว จนกระทั่งจูนได้โทรเข้ามาพอดี“พี่โจ ข่าวไม่ค่อยดี อายบอกว่าสามีปอดอักเสบเฉียบพลันและติดเชื้อจากไวรัส เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ท่าทางจะหน
แมทธิวเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้ตัวเขาไม่เหนื่อยมากเกินไป“ผมรู้สึกได้ว่ารอบนี้มันหนักกว่าทุกครั้ง ผมรู้ตัวเองดี แต่ไม่อยากพูดกับภรรยากลัวเธอจะใจเสีย ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอตรงๆ เพราะเธออยู่ด้วยตลอด แต่ดูจากสีหน้าของเธอ ตอนที่หมอเรียกไปคุยมันคงหนักมากจริงๆ ผมเป็นห่วงเธอที่ท้องสองเดือน คุณรู้เรื่องนี้มั้ย..โจ”เจตสุวีย์พยักหน้าว่ารับรู้“ใช่ น้องสาวบอกผมว่าเธอท้องได้เดือนกว่า เมื่อเดือนก่อน”“ที่ผมอยากให้เธอกลับบ้าน เพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ที่ผมรู้ว่าคุณแอบคุยกับภรรยาผม โดยปลอมเป็นน้องสาวของคุณ”แมทธิวหอบหายใจมากขึ้นเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาจ้องเจตสุวีย์ที่มองมาอย่างไม่สะทกสะท้านสักนิด“ไอรดาไม่ผิดอะไรเลย ผมยืนยันได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”“แปลว่าคุณยอมรับว่าเป็นคนใช้แชทของน้องสาวเพื่อคุยกับเธองั้นสิ”หน้าตาของเจตสุวีย์นิ่งมาก เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ“แต่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นผม อาจจะแค่สงสัย แล้วเราก็ไม่ได้แชทคุยกันอีกตั้งแต่เธอฮันนีมูนจนท้อง การที่ผมคุยกับเธอ ไม่มีการคุยเกินเลยอะไรทั้งนั้น ผมพอใจที่มีความสุขเพียงเท่านี้”“ไม่รู้สึกว่าหน้าด้านไปหน่อยเหรอที่ข่มขืนใจเธอ ทำให้ธุ
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วย เจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้.. ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น “บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?” “รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ” ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที “หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก” ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีด นั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือ
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
เช้ามาไอรดาต้องตกใจที่เจอเจตสุวีย์นอนอยู่ข้างมาร์ติน แต่เธอไม่ต้องการปลุกเขาเพราะจะรบกวนทั้งคู่ จึงรีบเข้าไปทำธุระส่วนตัวออกมาชงนมไว้ให้ลูกและลงไปทำอาหารเช้าให้ลูกชาย พอไปถึงห้องครัวก็มีคุณแม่บ้านที่ทำอาหารของมาร์ตินไว้รออยู่แล้ว“คุณไอรดาไม่ต้องทำนะคะ เพราะป้าทำไว้ให้น้องมาร์ตินแล้ว ไม่ทราบว่าตอนนี้น้องตื่นหรือยังคะ?”“อ๋อ..ยังไม่ตื่นเลยค่ะ หนูก็เลยรีบลงมาเผื่อจะได้หยิบจับอะไรได้ วันหลังถ้ามีอะไรให้หนูช่วยก็บอกได้ค่ะ ไม่อยากรบกวนให้คุณป้าต้องตื่นเช้าขนาดนี้”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พอรู้ว่าที่บ้านนี้จะมีเด็กเล็กมาอยู่ด้วย ทุกคนตื่นเต้นดีใจกันไปหมด โดยเฉพาะคุณจันจิรา”เธอจึงเดินกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง เพื่อไปปลุกเจตสุวีย์ ด้วยการจับตัวเขาแล้วเขย่าเบาๆ เขาจับมือเธอไว้ทันทีก่อนจะลืมตา ยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ไอรดายอมรับว่าเขามีหน้าตาที่หล่อจนผู้หญิงคนไหนที่เห็นก็ต้องใจอ่อน เหมือนที่ครั้งหนึ่งเมื่อแปดปีก่อน..เธอเคยหลงรักเขาไอรดาพยายามดึงมือออก แต่เขาจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนเธอจะกระซิบคุยเพราะมาร์ตินยังไม่ตื่น“พี่โจไม่ต้องไปไหนหรือไง? รีบออกไปเลยก่อนใครจะมาเห็นอยู่ที่นี่”เขาดึงเธอจนลงไปนั่งบน
เจตสุวีย์มองธนัชชาด้วยหน้าตาที่เธอคุ้นเคยดี สายตาที่เย็นชา ภาษากายที่มีระยะห่างกับเธอตั้งแต่เริ่มต้นคบกัน เธอเคยคิดว่ารับได้ แต่ตอนนี้กลับหึงหวงเพราะหลงรักเขาแล้วเต็มหัวใจ สิ่งที่เธอพูดนั้นทำให้เขาไม่ตอบโต้อะไร ซึ่งก็จริงที่เขาเคยบอกไปแบบนั้น กรณีที่ถ้าเขาโสดไปนานๆ จนครอบครัวของเขาต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้มาแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไปตรงที่ เธอผู้เป็นเจ้าของหัวใจนั้น ไม่มีสามีอีกแล้ว..“งั้นไปคุยกันที่ห้องทำงาน ลูกน้องผมต้องเก็บของที่นี่”เจตสุวีย์สั่งให้ลูกน้องเก็บของเท่าที่เขาต้องการและให้รอในรถก่อน จนกว่าเขาจะคุยเสร็จ“ผมเคยบอกว่า ถ้าวันหนึ่งผมต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่จัดหามาให้ น้องจะเลือกอยู่หรือไปก็ได้ แต่กรณีนี้ไม่ใช่..เพราะคนที่ผมรัก เธอพึ่งสูญเสียสามีและไม่มีใครอีกแล้ว ผมเป็นคนเดียวที่รักและดูแลเธอได้ ก็ต้องให้เวลาเธอทำใจสักระยะ ผมจะแต่งงานสร้างครอบครัวและจะหยุดที่เธอตลอดไป”“พี่โจจะไม่เห็นใจหนูที่รักพี่บ้างล่ะคะ? แม่หนูก็รู้จักพี่ ชมพี่ตลอดว่าเป็นคนดี พี่โจจะทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ? หนูขอแค่อยู่โดยไม่แสดงตัวก็ได้…”“ผมไม่ใช่คนดีอะไรที่ไหน เคยทำอะไรแย่ๆมาก
ธนัชชาเห็นข้อความที่เจตสุวีย์ส่งมา ในตอนเก้าโมงที่เธอพึ่งตื่น จึงรีบตอบกลับทันที เพราะรู้สึกโหวงๆ ในใจ“พี่โจ จะกลับมาวันไหนก็บอกหนูนะคะ หนูไปรับที่สนามบินได้ค่ะ”“ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนน้องเปล่าๆ แล้วจะบอกอีกที”เจตสุวีย์ที่เที่ยงคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับได้ตอบธนัชชาไปสั้นๆ เขาคิดถึงคนที่อยู่อีกห้องนั้นต่างหากว่าจะหลับหรือยัง'You had me at hello'"You make my ordinary world more beautiful.''I'll stand by you no matter what.''So many of my smile begin with you.'"You're my comfort zone.''I find pieces of you in every song I listen to.''Together with you is my favorite place to be.''Thinking of you makes me smile.''Only you, not anyone.'ผมรักคุณตั้งแต่แรกเจอ..คุณทำให้โลกธรรมดาของผมสวยงามขึ้น..ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…รอยยิ้มส่วนใหญ่ของผมเกิดขึ้นเพราะคุณ..คุณคือความสบายใจของผม..ทุกเพลงที่ผมฟัง ผมพบคุณอยู่ในนั้น..ที่ที่ผมชอบ ก็คือที่ที่มีคุณอยู่ด้วย…เพียงแค่คิดถึงคุณ ก็ทำให้ผมยิ้มได้…คุณเท่านั้น ไม่ใช่ใครก็ได้..ข้อความจากไอจีของของแมทธิวส่งให้ไอรดาในตอนเ
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?”“ช่า
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและว
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วย เจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้.. ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น “บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?” “รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ” ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที “หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก” ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีด นั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือ